- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๗
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูมะงาดาเรืองศรี |
ท้าวมีพระราชบุตรี | ทรงโฉมเป็นที่จำเริญตา |
ชื่อว่าระเด่นดะราหวัน | ทรงธรรม์แสนสุดเสนหา |
ท้าวกะระบูหมีราชา | ตุนาหงันกัลยาให้โอรส |
ชื่อระเด่นยาหยามาหงัน | รูปโฉมโนมพรรณปรากฏ |
จะแต่งงานให้งามตามยศ | ระตูยังงดวิวาห์ไว้ |
ด้วยองค์พระราชอนุชา | ชื่อสุหราปาตีศรีใส |
ยังมิได้ครอบครองกรุงไกร | ตุนาหงันนางใดยังไม่มี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระจะใคร่ให้น้องครองพารา | จึงตรัสถามเสนาทั้งสี่ |
บุตรีกรุงไกรใดดี | จะขอให้พระศรีอนุชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมเหนือเกศา |
จึงทูลว่าข้าได้ยินลือมา | แต่ราชธิดากาหลังนั้น |
ทรงโฉมประโลมจิตพิสมัย | ดังนางในฟากฟ้าสรวงสวรรค์ |
สององค์ทรงลักษณ์ละกลกัน | แต่คู่ตุนาหงันนั้นมี |
อันจะขอโดยดีนั้นที่ไหน | พระบิดาจะให้นางโฉมศรี |
องค์ท้าวกะปาหลันธิบดี | ก็เหมือนฉะนี้พระราชา |
ครั้นขอโดยดีก็มิได้ | ไปชิงชัยก็ม้วยด้วยโจรป่า |
ชื่อว่าปันหยีมีฤทธา | องค์ศรีปัตหราเลี้ยงไว้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาเป็นใหญ่ |
ได้ฟังตริตรึกนึกใน | แล้วจึงตรัสไปแก่เสนา |
เราจะแต่งทหารตัวดี | จับตัวปันหยีที่แกล้วกล้า |
เอามาผลาญเสียให้มรณา | ทั้งปวงจะว่าประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่เสนีผู้ใหญ่ |
จึงก้มเกล้าบังคมทูลไป | ถ้าทำเช่นนั้นได้เห็นชอบกล |
แม้นว่าปันหยีนั้นบรรลัย | ถึงรบพุ่งชิงชัยไม่ขัดสน |
อันเสนากาหลังแลไพร่พล | จะผจญรณรงค์ไม่เกรงกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ |
ได้ฟังจึงสั่งเสนาพลัน | ให้จัดสรรนักโทษในตรุมา |
เลือกดูที่รู้สะกดสะดม | ขลังทั้งอาคมคาถา |
แม้นจับโจรไพรได้มา | เงินตราผ้าเสื้อจะรางวัล |
กูจะดูรูปทรงมันจงได้ | เป็นไฉนจึงยิ่งยวดกวดขัน |
จงสั่งผู้ที่จะไปนั้น | อย่าทำให้มันมรณา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา |
มาสั่งพัสดีดังบัญชา | ให้เลือกหานักโทษคนสำคัญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จัดได้คนดีสี่คน | มนตร์ดลอาคมขลังขยัน |
ดะหมังจึงถามทั้งสี่นั้น | ตัวจะขันอาสาหรือว่าไร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่ก็ก้มกราบไหว้ |
แล้วว่าข้าจะขออาสาไป | จับมาให้ได้ดังบัญชา |
อย่าว่าแต่มิสาระปันหยี | ถึงว่าองค์ศรีปัตหรา |
แม้นโปรดให้ไปจับเอาตัวมา | ก็จะสมปรารถนาภูวไนย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังยินดีจะมีไหน |
จึงเล่าชี้แจงให้แจ้งใจ | จงเร่งรีบไปอย่าได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นักโทษทั้งสี่แกล้วกล้า |
ต่านคนกราบไหว้แล้วไคลคลา | ออกจากมะงาดาธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงกาหลังเวียงชัย | ก็พากันเที่ยวไปในกรุงศรี |
จึงถามหญิงชายชาวบุรี | ว่าบ้านปันหยีอยู่แห่งใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชาวเมืองบอกแจ้งแถลงไข |
บ้านไหนฆ้องกลองก้องเวียงชัย | ปันหยีอยู่ในที่นั้น ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่ได้ฟังเกษมสันต์ |
ครั้นพระสุริยาสายัณห์ | ก็เที่ยวฟังสำคัญในพารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
เคยเล่นเต้นรำอยู่อัตรา | เมื่อวันชันษาจะปลอดภัย |
พระมีจิตคิดถึงนางกันจะหนา | ครั้นเวลาสิ้นแสงสุริย์ใส |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | เสด็จไปยังห้องกัลยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฝรั่ง
๏ ครั้นถึงจึงนั่งเหนือแท่นทอง | พลางประคองเชยชิดขนิษฐา |
บรรทมพูดเล่นเจรจา | สองสนิทนิทราหลับไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โลม ตระ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
วันเมื่อจะมีเหตุเภทภัย | บังเอิญให้ร้อนอุรารำคาญ |
จึงชวนเกนหลงมานั่งเล่น | บนแท่นที่นั่งเย็นเกษมศานต์ |
ให้เล่นเต้นรำสำราญ | เสียงฆ้องกลองสะท้านไปทั้งวัง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา เพลงมโหรี
๏ บัดนั้น | นักโทษเที่ยวมาในกาหลัง |
ครั้นได้ยินเสียงฆ้องกลองดัง | ที่ในวังดาหาปาตี |
จึงหยุดยับยั้งอยู่ที่นั่น | สำคัญว่าบ้านปันหยี |
เห็นผู้คนสับสนจรลี | จึงถอยเข้าหาที่กำบังตา |
ต่างคนต่างร่ายอาคม | โดยนิยมอุปเทห์คาถา |
ข้าวเปลือกข้าวสารย้อมว่านยา | มนตราเสกซ้ำแล้วปรายไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ บัดนั้น | เสนากิดาหยันน้อยใหญ่ |
ทั้งนางสาวสรรค์กำนัลใน | เผอิญให้ง่วงเหงาหาวนอน |
บ้างนั่งโยกโงกหงับหลับตา | ม้วนผ้าหนุนวางลงต่างหมอน |
บ้างเอนอิงพิงเพื่อนซบซอน | เหมือนไม้ขอนกลิ้งกลางปัถพี |
เหล่าเล่นเต้นรำร้องรับ | ต้องอาคมล้มหลับอยู่กับที่ |
บ้างฝันเห็นเคล้นเคลิ้มสมประดี | พูดจาอู้อี้ดังผีอำ |
ที่แก่เฒ่าเฝ้าประตูคุดคู้หลับ | เหยียดขยับหยุกหยิกพลิกคว่ำ |
บ้างหลงใหลละเมอเพ้อพำ | บรรดาดูฟ้อนรำไม่นำพา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ครั้นต้องอาคมมนตรา | ให้หาวนิทราเป็นพ้นไป |
จึงชวนหลงหนึ่งหรัดขนิษฐา | เข้าที่ไสยาพิสมัย |
สองสมชมชิดสนิทใน | บรรทมหลับไปในราตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม
๏ บัดนั้น | ตัวนายนักโทษทั้งสี่ |
ครั้นสงบสำเนียงเสียงพาที | ก็เดินดูทางที่จะขึ้นไป |
เห็นบานบัญชรปิดสนิทสนม | สะเดาะด้วยอาคมไม่พักไข |
เอาไม้ลำทำพาดเป็นบันได | ก็ปีนขึ้นไปได้ดังใจจง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | แลเห็นย่าหรันกับเกนหลง |
บรรทมที่แท่นทองทั้งสององค์ | รูปทรงโสภายาใจ |
กล้องแกล้งแน่งน้อยน่าเอ็นดู | สมควรเป็นคู่พิสมัย |
จึงร่ายเวทวิเศษซ้ำเป่าไป | หวังมิให้ฟั่นฟื้นตื่นนิทรา |
แล้วอุ้มองค์ย่าหรันทันใด | ออกไปจากวังดาหา |
รีบรัดดัดดั้นอรัญวา | ตรงไปมะงาดาธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน | จึงกราบไหว้เสนาทั้งสี่ |
แล้วเรียนเรื่องความตามคดี | บัดนี้ข้าไปได้ตัวมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนาดีใจเป็นหนักหนา |
จึงพาพวกนักโทษเข้ามา | ยังที่ชั้นชาลาหน้าพระลาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาห้าวหาญ |
ครั้นอุทัยไตรตรัสชัชวาล | ภูบาลแต่งองค์ทรงอาภรณ์ |
จึงชวนมเหสีเสนหา | ทั้งราชธิดาดวงสมร |
ยุรยาตรย่างเยื้องบทจร | เสด็จออกบัญชรชั้นชาลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ พร้อมหมู่อำมาตย์มนตรี | อัญชลีหมอบเฝ้าอยู่ข้างหน้า |
เห็นนักโทษได้โจรไพรมา | พระราชาเกษมเปรมใจ |
พลางพินิจพิศดูถ้วนถี่ | รูปทรงส่งศรีมิใช่ไพร่ |
จึงมีพจนารถสั่งไป | จงแก้มนตร์กูจะไถ่ถามมัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่นักโทษคนขยัน |
จึงแก้คาถาสะกดพลัน | ให้ย่าหรันนั้นฟื้นกายา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทรา | คว้าหาไม่พบพระน้องรัก |
เห็นผิดวังดาหาปาตี | มิใช่ที่บรรทมในตำหนัก |
แค้นขัดกลัดกลุ้มฤทัยนัก | คือใครไปลักเอาเรามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนียาสา |
บอกว่าพระองค์ทรงนัครา | ให้หามาบังคมภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันตอบคำแถลงไข |
เราจะบังคมคัลด้วยอันใด | ถึงไหว้มิไหว้ก็เหมือนกัน |
แม้นให้ไปหามาโดยดี | ก็จะอัญชลีไม่เดียดฉันท์ |
นี่ทำให้ผิดอย่างทางธรรม์ | ประสงค์สิ่งไรนั่นเอาเรามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีคุกคามถามว่า |
เอ็งนี้มีฝีมือเขาลือชา | เป็นนายโจรป่าพนาลี |
เที่ยวเบียดเบียนไพร่ฟ้าประชากร | ได้ความเดือดร้อนทุกกรุงศรี |
จงแจ้งความตามจริงบัดนี้ | ตัวชื่อปันหยีหรือไร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันไม่พรั่นหวั่นไหว |
ยิ้มพลางทางตอบไปทันใด | จะทำไมกับปันหยีนั้น |
เรานี้แลเป็นอนุชา | นามกรชื่อว่าย่าหรัน |
อันวิสัยโจรป่าพนาวัน | เช่นนั้นนับถือกันว่าดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาในไถ่ถามถ้วนถี่ |
เขียนคำให้การลงทันที | ตามคดีโดยจริงทุกสิ่งอัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นดะราหวัน |
สถิตที่แกลแก้วแพรวพรรณ | เห็นย่าหรันรูปทรงโสภา |
ให้คิดพิศวงสงสาร | เยาวมาลย์มีจิตเสนหา |
ดูทำนองท่วงทีกิริยา | จะมิใช่โจรป่าน่าปรานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาเรืองศรี |
จึงตรัสสั่งดะหมังเสนี | อ้ายนี่มิใช่ตัวการ |
ให้เร่งกลับไปจับอ้ายคนผิด | กูนี้ตั้งจิตจะปองผลาญ |
แต่น้องยังหยาบช้าสามานย์ | พี่มันจะหาญสักเพียงไร |
ครั้นจะฆ่าย่าหรันเสียบัดนี้ | จะสิ้นพวกไพรีก็หาไม่ |
จงเอาไปจำใส่ตรุไว้ | ต่อได้ปันหยีมาจึงฆ่ามัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งแล้วผายผัน |
ออกมาซักนักโทษทั้งสี่นั้น | ไม่สืบให้แม่นมั่นด้วยอันใด |
เร่งกลับไปจับปันหยี | มาถวายภูมีให้จงได้ |
แล้วสั่งให้พาย่าหรันไป | จำไว้ในตรุตรึงตรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ทำมะรงยามในซ้ายขวา |
จึงคุมตัวย่าหรันนั้นมา | ลงทัณฑ์พันธนาไม่ปรานี |
แล้วใส่ตรุตรึงตราตรากมั่น | ให้ผลัดกันคุมตัวกลัวจะหนี |
นั่งยามตามไฟในราตรี | พัสดีเข้มงวดตรวจตรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
แต่ได้เห็นย่าหรันวันนั้นมา | กัลยาจำนงจงรัก |
นิ่งนึกตรึกตะลึงคะนึงใน | จะได้ใคร่ไปแถลงแจ้งประจักษ์ |
จะให้ความแพร่งพรายก็อายนัก | นงลักษณ์รัญจวนป่วนใจ |
จึงเรียกพี่เลี้ยงทั้งสอง | เข้าไปในห้องพิสมัย |
กระซิบบอกออกตามความใน | พี่เจ้าจงได้เมตตา |
ข้าเห็นนักโทษน้องปันหยี | ให้เวทนาปรานีเป็นนักหนา |
เปล่าเปล่าไปลักเอาเขามา | โทษาไม่มีแต่สักน้อย |
พี่จงไปช่วยว่าขาน | สอดสนบนบานติดสอย |
ถึงจะเสียทรัพย์นับร้อย | แต่ให้ค่อยคลายพ้นพันธนา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งสองเสนหา |
ยิ้มพลางทางสนองพระวาจา | จะอาสาให้สมอารมณ์ปอง |
ทูลแล้วก็ชวนกันจัดสรร | เสื้อผ้าแพรพรรณสิ่งของ |
ทั้งที่นอนหมอนมุ้งเงินทอง | ยกมาจากห้องพระบุตรี |
จึงมอบเครื่องอานพานสลา | ยื่นส่งลงมาให้ทาสี |
เสร็จแล้วก็พากันจรลี | ออกไปจากที่วังใน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงหน้าตรุก็นั่งลง | พยักเรียกทำมะรงเข้ามาใกล้ |
หยิบข้าวของทองเงินออกทันใด | ยื่นให้แล้วกระซิบว่าพลัน |
เอ็นดูเถิดนักโทษที่จับมา | เห็นพันธนาตรากตรำจำมั่น |
จงทำคุณเอาบุญด้วยกัน | ช่วยผ่อนผันแต่พอให้เคลื่อนคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทำมะรงดีใจเป็นหนักหนา |
ต่างรับสิ่งของทองเงินตรา | ว่าจะแก้ไขเป็นไรมี |
จึงรีบถอดโซ่ตรวนฉับพลัน | กำชับกันมิให้อึงมี่ |
ลอบพาย่าหรันมาทันที | ให้อยู่ที่เรือนริมตรุนั้น ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพี่เลี้ยงสาวสรรค์ |
จึงยกข้าวของมาฉับพลัน | เอาไปให้ย่าหรันทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเร่งคิดสงสัย |
จึงถามว่าสองพี่อยู่แห่งไร | มาทำคุณน้องไว้ครั้งนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางจึงแจ้งถ้วนถี่ |
ข้าเป็นพี่เลี้ยงพระบุตรี | ของนี้เยาวมาลย์ประทานมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันสนองสองนางว่า |
ข้าขอบใจในองค์พระธิดา | พระคุณล้ำฟากฟ้าแดนไตร |
ซึ่งโฉมตรูเอ็นดูประทานของ | เงินทองสอดเสียสินบนให้ |
มาตรแม้นชีวันไม่บรรลัย | จะได้สนองคุณพระบุตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพี่เลี้ยงสาวศรี |
ยิ้มพรายชายเนตรให้รู้ที | แล้วลาจรลีมาฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงทูลนางโฉมยง | ข้าไปว่าทำมะรงก็ผ่อนผัน |
แล้วแถลงแจ้งความทุกสิ่งอัน | ตามคำย่าหรันว่ามา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันหรรษา |
จึงกระซิบสั่งสองกัลยา | จงไปว่าแก่นายทวารวัง |
วิงวอนซ่อนความให้จงดี | ว่าสองพี่จะออกไปดูหนัง |
เวลาค่ำรับส่งจงทุกครั้ง | เอาเงินไปสักชั่งให้ถึงใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงรับสั่งบังคมไหว้ |
นับเงินแล้วพลันทันใด | ก็รีบไปยังที่ทวารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงเรียกนายประตู | ทำไมอยู่หรือเจ้าเรามาหา |
แล้วนั่งลงกระซิบพูดจา | เอาเงินตราชั่งหนึ่งให้ทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นายประตูยินดีจะมีไหน |
รับเงินแล้วว่าอย่าร้อนใจ | จะแก้ไขรับส่งจงทุกคืน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางได้ฟังก็ชมชื่น |
เห็นวาจาว่ากล่าวนั้นยั่งยืน | ก็รีบคืนมาตำหนักพระธิดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | ทูลองค์เทวีด้วยหรรษา |
นายประตูดีใจได้เงินตรา | จะคอยท่ารับส่งจงทุกวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นดะราหวัน |
กับพี่เลี้ยงสองราปรึกษากัน | พอสายัณห์เย็นย่ำค่ำควร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ จึงสระสรงคงคาสุธารส | น้ำดอกไม้ใสสดหอมหวน |
จันทน์เจือนพคุณหนุนนวล | สุคนธาอบอวลละอองอาย |
ทรงปรัดผัดพักตร์ผิวผ่อง | จับแสงเทียนทองส่องพระฉาย |
ทรงภูษาปลอมแปลงแต่งกาย | นุ่งลายพื้นตองท้องพัน |
ห่มสไบใส่กลิ่นอายอบ | หอมตรลบเฟื่องฟุ้งดอกประหนัน |
ใส่ธำมรงค์เพชรพรายพรรณ | แล้วแย้มบัญชรช่องมองมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เห็นห่างว่างคนเวลาหลับ | ดวงเดือนเลื่อนลับพฤกษา |
จึงลอบหลีกเหล่ากำนัลนิทรา | ชวนสองกัลยาคลาไคล |
เดินมาทางท้ายสนมนั้น | นายประตูรู้กันก็เปิดให้ |
แอบบังเงากำแพงแฝงไฟ | ตรงไปหน้าตรุทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงจึงหยุดอยู่นอกฝา | ให้สะเทินวิญญาณ์มารศรี |
เสผลักพี่เลี้ยงนารี | เข้าไปสิพี่เป็นเพื่อนน้อง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงพาไปถึงในห้อง |
เห็นย่าหรันแลดูรู้ทำนอง | ถวายซองสลาแล้วก็ออกไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันแจ้งจิตไม่สงสัย |
จึงเสแสร้งแกล้งทำถามไป | ใครมาแต่ไหนดังนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
อายเอียงเมียงพักตร์พาที | ข้าตามพี่ทั้งสองออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันยินดีเป็นหนักหนา |
จึงเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ออกมานั่งชิดชมนาง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ น้องเอยน้องรัก | พิศพักตร์สารพัดไม่ขัดขวาง |
งามรับสรรพสิ้นสารพางค์ | ทั้งรูปร่างจริตกิริยา |
บุญพี่จึงได้พบเจ้า | โฉมเฉลาเยาวยอดเสนหา |
ขอเชิญพุ่มพวงดวงสุดา | สนทนาพาทีด้วยพี่ชาย |
พี่เป็นนักโทษเจ้าโปรดปราน | สารพัดจัดประทานมามากหลาย |
ได้ผ่อนผันพันธนาเคลื่อนคลาย | เหมือนโฉมฉายช่วยชูชีวิตไว้ |
ว่าพลางทางถดเข้าหา | อนิจจาถอยหนีพี่ไปไหน |
สัพยอกหยอกยุดชายสไบ | ถูกต้องลองใจกัลยา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
เมียงชม้ายชายเนตรจำนรรจา | เวทนามายุดไว้ว่าไร |
จะฟังความจึงตามออกมาดู | จะใคร่รู้โทษาว่าเป็นไฉน |
ร้ายดีไม่เล่าให้เข้าใจ | ก่นแต่คว้าไขว่ไม่เมตตา |
อย่ามือไวใจด่วนลวนลาม | ใช่จะตามมาด้วยเสนหา |
นางผลักไสใส่กลโกรธา | อนิจจาทำได้ไม่ควรคิด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โลม
๏ ดวงเอยดวงสมร | อย่าสลัดตัดรอนไมตรีจิต |
พี่รักนางพ่างเพียงชีวิต | หวังคิดจะประกอบตอบไมตรี |
ตัวเป็นโจรไพรแต่ใจตรง | ไม่จำนงจงร้ายหน่ายหนี |
เจ้าทำคุณพี่ยาไว้ครานี้ | จะทดแทนโฉมศรีคุ้งวันตาย |
ถ้าแม้นมีแก้วแหวนเงินทอง | จะสนองคุณนางให้มากหลาย |
นี่ตกยากพรากพลัดมาเดียวดาย | มีแต่กายจะแทนคุณน้อง |
ว่าพลางพระทางโลมเล้า | หยอกเย้าสัมผัสพระหัตถ์ต้อง |
อิงแอบแนบเนื้อนวลละออง | กรตระกองฉวยฉุดยุดยื้อ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ น้อยเอยน้อยใจ | นี่อะไรมาเลียมลองต้องถือ |
นางสะบิ้งสะบัดปัดมือ | กระนี้หรือว่าสนองคุณกัน |
ยังไม่เห็นจริงประจักษ์แต่สักนิด | คิดคิดก็เป็นน่าสรวลสันต์ |
จะเอาความชั่วมาพัวพัน | เมื่อไรนั่นอดสูจะรู้วาย |
จะทำเล่นเช่นชู้ให้ช้ำจิต | อย่าพึงคิดว่าจะอวยลงด้วยง่าย |
ไม่พอที่มีกรรมมาจำอาย | นางชายนัยเนตรค้อมคม ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โลม
๏ แสนเอยแสนเฉลียว | เลี่ยงเลี้ยวตอบความงามสม |
พี่ไม่กล่าวแกล้งแต่งลิ้นลม | เจ้าอย่าปรารมภ์หฤทัย |
อันวิสัยโจรป่าพนาลี | เช่นนี้แลเรียกว่ารักใคร่ |
จะแทนคุณโฉมงามตามตกไร้ | สิ่งไรมิให้อนาทร |
ว่าพลางกุมกรกัลยา | เข้ามายังที่บรรจถรณ์ |
ถนอมแนบแอบองค์บังอร | ตระกองกรช้อนชมด้วยยินดี |
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชิด | จุมพิตปรางเปรมเกษมศรี |
เชยทรวงดวงปทุมมาลี | ภุมรีเอาซาบอาบละออง |
พระพายพัดตามฤดูกาล | ฝนสวรรค์บันดาลตกต้อง |
ขยายแย้มผกามณฑาทอง | ทั้งสองชื่นชมภิรมยา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
ได้ร่วมรมย์สมศรีปรีดา | กัลยาจำนงปลงใจ |
แรกรู้รสรักประจักษ์จิต | แสนสนิทพิศวงหลงใหล |
หมอบเมียงเคียงข้างภูวไนย | ทรามวัยประดิพัทธ์ผูกพัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นจวนรุ่งรังสีรวีวร | บังอรอำลาย่าหรัน |
ชวนพระพี่เลี้ยงทั้งสองนั้น | จรจรัลไปตำหนักกัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงเกนหลงหนึ่งหรัดขนิษฐา |
ครั้นตื่นฟื้นองค์ขึ้นมา | แลหาไม่เห็นภูวไนย |
ให้อัศจรรย์จิตพิศวง | พระโฉมยงหนีน้องไปไหน |
แม้นมีที่เสด็จแห่งใด | อันจะทิ้งกริชไว้ก็ใช่ที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางเร่าร้อนฤทัยนัก | นงลักษณ์ลุกจากแท่นที่ |
พระหัตถ์ถือเทียนทองส่องอัคคี | จรลีลดเลี้ยวเที่ยวดู ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว
๏ ไม่ประสบพบองค์พระภูธร | เห็นแต่บัญชรนั้นเปิดอยู่ |
เอ๊ะไฉนฉะนี้นะอกกู | โฉมตรูก็กันแสงโศกี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ แล้วปลุกพี่เลี้ยงทั้งสี่คน | แถลงเล่าเหตุผลถ้วนถี่ |
บัดนี้พระเชษฐาธิบดี | บรรทมอยู่ในที่หายไป |
จะว่าเสด็จไหนก็เห็นผิด | หรือจะลืมกริชเสียได้ |
เห็นทีจะมีเหตุเภทภัย | จึงไปแต่องค์เอกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงตกใจเป็นหนักหนา |
จึงพาเหล่าสาวสรรค์กัลยา | แยกย้ายรายหาทุกตำบล |
ไม่เห็นที่ข้างในไปข้างหน้า | ค้นคว้าหลายกลับสับสน |
สงสัยที่ไหนก็เข้าค้น | อลวนวุ่นวิ่งทั้งหญิงชาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ สวนซ้ายสวนขวาเที่ยวหาจบ | ไม่พบภูวไนยแล้วใจหาย |
พระพี่เลี้ยงเพียงจะสิ้นชีวาวาย | ต่างคนฟูมฟายด้วยน้ำตา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงทรงโศกเป็นหนักหนา |
ชักสไบเข้าปิดพักตรา | ยอกรข้อนอุรารันทด |
ทอดองค์ลงกับที่บรรทมใน | ถอนฤทัยครวญคร่ำกำสรด |
โอ้ว่าพระโฉมยงทรงยศ | ไม่ปรากฏว่าเสด็จไปแห่งใด |
อกเอ๋ยอนิจจาครานี้ | อันจะคงชีวีอยู่ที่ไหน |
ร่ำพลางโศกาอาลัย | ทรามวัยสลบซบลง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงตกใจตะลึงหลง |
ต่างเข้าแก้ไขนางโฉมยง | ก็คืนคงได้สมประดีมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลงหนึ่งหรัดเศร้าสร้อยละห้อยหา |
ฉวยคว้าได้กริชของพี่ยา | จะแบหลาชีวันให้บรรลัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงอกสั่นหวั่นไหว |
เข้าแย่งยุดฉุดชิงกริชไว้ | แล้วปลอบองค์อรไทเทวี |
แม่อย่าโศกาอาดูร | พี่จะให้ไปทูลปันหยี |
ว่าแล้วบาหยันอัญชลี | ออกไปจากที่ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ จึงสั่งยะรุเดะทันใด | เร่งไปทูลเหตุพระเชษฐา |
เชิญองค์ภูวไนยให้รีบมา | พระน้องจะแบหลาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะได้ฟังถ้วนถี่ |
ตกใจเพียงจะสิ้นสมประดี | รับคำสาวศรีแล้ววิ่งไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงปันจะรากัน | ตัวสั่นร้องทูลแถลงไข |
บัดนี้พระอนุชาชาญชัย | หายไปกับที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
ตกใจผวาตื่นขึ้นมา | แจ้งเหตุขนิษฐาทั้งสององค์ |
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟกัลป์ | ไม่ทันบ้วนพระโอษฐ์โสรจสรง |
ฉวยคว้าได้กริชฤทธิรงค์ | มาทรงพาชีลีลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ไปยังห้องทองขนิษฐา |
เห็นสี่พี่เลี้ยงกับกัลยา | ยื้อคร่าช่วงชิงกริชกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดเฉิดฉัน |
กราบกับบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ | กำสรดโศกศัลย์แสนทวี |
สะอื้นพลางทางทูลพี่ยา | จงเมตตาโปรดเกล้าเกศี |
น้องจะแบหลาครานี้ | ตายตามพระพี่ที่หายไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
ส้วมสอดกอดองค์พระน้องไว้ | แล้วโลมเล้าเอาใจไปมา |
จงฟังวาจาพี่ยาก่อน | ดวงสมรอย่าเพ่อแบหลา |
พี่จะให้ไปเที่ยวค้นคว้า | ทั่วทุกพาราแลพงไพร |
แม้นย่าหรันนั้นม้วยชีวี | จงแบหลาเถิดพี่หาขัดไม่ |
ว่าพลางหยิบกริชนั้นมาไว้ | แล้วเสด็จคลาไคลออกไปพลัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงภูมี | กับสี่พี่เลี้ยงของย่าหรัน |
พี่คุมโยธาสักห้าพัน | ออกไปอรัญวาลัย |
เที่ยวสืบแสวงหวังฟังข่าว | เรื่องราวร้ายดีเป็นไฉน |
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | เข้าในห้องสุวรรณกัลยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ พระจึงตรัสสั่งประเสหรัน | กับบาหยันพี่เลี้ยงขนิษฐา |
จงไปรับเหล่าระเด่นบุตรีมา | ยังวังดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันประเสหรันสาวศรี |
รับรสพจนารถภูมี | ถวายอัญชลีแล้วรีบไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ถึงปันจะรากันติกาหรัง | ก็ไปยังพระบุตรีศรีใส |
ทูลความตามเรื่องรับสั่งใช้ | เชิญเสด็จรีบไปอย่าช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระเด่นบุตรีถ้วนหน้า |
ได้แจ้งวาทีก็ลีลา | ขึ้นรถรีบมาทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงวังดาหาพร้อมกัน | ลงจากรถสุวรรณเรืองศรี |
ต่างองค์ย่างเยื้องจรลี | ไปเฝ้าปันหยีชาญชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาสัย |
สั่งระเด่นบุตรีทั้งปวงไป | จงอยู่เพื่อนอรไทอย่าไคลคลา |
แล้วชวนกันตระโบมโลมเล้า | ให้พระน้องบรรเทาทุกขา |
สั่งเสร็จเสด็จลีลา | มาทรงม้าคลาไคลเข้าในวัง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปอัญชลี | องค์ศรีปัตหรากาหลัง |
ทูลแถลงแจ้งความให้ทรงฟัง | โดยดังเหตุผลแต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์นาถา |
ให้คิดพิศวงสงกา | อันเหตุนี้น่าอัศจรรย์ |
จึงสั่งให้เกณฑ์โยธา | ไปเที่ยวติดตามหาย่าหรัน |
ปันหยีจงกลับไปฉับพลัน | น้องนั้นจะได้สร่างโศกี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
บังคมลามาขึ้นพาชี | ไปดาหาปาตีทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
เร่งรัดจัดทหารชาญชัย | พร้อมแล้วรีบไปจากพารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เลี้ยวลัดดัดดั้นดงดาน | ถ้ำธารทุกแห่งแสวงหา |
แยกย้ายรายพลเที่ยวค้นคว้า | ทั่วสถานบ้านป่าพนาลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf