- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๓
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาสูงส่ง |
ครั้นเสร็จถวายพระเพลิงปลง | จึงชวนองค์ระเด่นมนตรี |
จะไปสรงสนานสำราญใจ | ที่สระใหญ่อยู่นอกกรุงศรี |
ตามอย่างทางราชประเพณี | กษัตราธิบดีสืบมา |
ว่าแล้วลีลาคลาไคล | เสนาในแห่แหนแน่นหนา |
องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา | กับธิดาเสด็จตามกันไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | ยังโบกขรณีสระใหญ่ |
ร่มรอบขอบคันล้วนพรรณไม้ | โศกไทรสาขาริมวารี |
บุษบงส่งกลิ่นอายอบ | หอมตลบไปทั้งสระศรี |
ต่างองค์เกษมเปรมปรีดิ์ | จรลีลงสรงคงคา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
สระบุหร่ง
๏ ชำระสระสนานสำราญกาย | เย็นสบายซ่านซาบมังสา |
เสด็จนั่งยังแท่นแผ่นศิลา | ชุ่มแช่กายาในวารี |
นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน | ประคององค์เอางานแล้วขัดสี |
บ้างชำเลืองแลดูพระภูมี | ทำท่วงทีแยบยลกลใน |
ลางนางบ้างเก็บบัวเผื่อน | ชวนเพื่อนหักห้อยเป็นสร้อยใส่ |
บ้างแหวกว่ายคงคาชลาลัย | เลี้ยวไล่สัพยอกหยอกกัน |
ลางนางบ้างเก็บใบบัว | มาบังตัวถือเล่นเป็นร่มกั้น |
บ้างเก็บโกมุทบุษบัน | ฝูงกำนัลเล่นน้ำสำราญ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ ลงสรง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ |
สรงพลางทางดูเยาวมาลย์ | ฤดีดาลเดือดดิ้นในวิญญาณ์ |
พระแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล | ว่ายไปให้พ้นท้าวหมันหยา |
เข้าแฝงกอโกสุมปทุมา | ลอบดูพระธิดาในวารี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี |
สรงสนานอยู่ในชลธี | กับกำนัลนารีพี่เลี้ยง |
ต่างชิงกันเก็บโกสุม | บ้างบานตูมหุ้มกลีบกลิ่นเกลี้ยง |
โฉมฉายว่ายแซงแข่งเคียง | กับบาหยันพี่เลี้ยงร่วมใจ |
เด็ดฝักหักดอกปทุมมาลย์ | ขาวแดงแบ่งบานอยู่ไสว |
เพลิดเพลินจำเริญหฤทัย | จนใกล้อิเหนาเข้ามา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา |
แฝงใบบุษบงในคงคา | เห็นกัลยามาใกล้ก็ได้ที |
จึงยื่นกรช้อนสอดไปสัมผัส | นางสะบิ้งสะบัดเบี่ยงหนี |
พระแกล้งแสร้งสาดวารี | ให้ชลธีถูกองค์นงคราญ |
ครั้นบาหยันผันหน้ามาตรง | ก็ทำเป็นสีองค์สรงสนาน |
แล้วเก็บโกสุมปทุมมาลย์ | มาประทานบาหยันกัลยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีเสนหา |
แย้มพรายชายชำเลืองนัยนา | สบเนตรเชษฐาก็อายใจ |
จึงเสแสร้งแกล้งว่าพี่บาหยัน | อะไรนั่นช่างพาเข้ามาใกล้ |
อัปยศอดสูเป็นพ้นไป | ทำผลักไสหยิกตีพี่เลี้ยง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันยิ้มพลางทางทูลเถียง |
พี่มิได้แกล้งพามาใกล้เคียง | พระมาเมียงอยู่เมื่อไรก็ไม่รู้ |
ชะรอยเป็นวาสนาของบาหยัน | เห็นติดพันชั้นเชิงชอบกลอยู่ |
ปากข้าว่าแม่นเหมือนหมอดู | โฉมตรูอย่ากริ้วโกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา |
ค้อนให้แล้วตอบวาจา | เอาอะไรมาว่าเป็นน่าชัง |
ช่างไม่เจียมตัวแต่สักนิด | เกลียดจริตกิริยาเหมือนบ้าหลัง |
ว่าแล้วลัดแลงแฝงบัวบัง | มายังที่อยู่พระชนนี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี |
เสร็จสรงคงคาวารี | ภูมีสำอางอ่าองค์ |
แล้วชวนมเหสีโสภา | กับธิดาแน่งน้อยนวลหง |
พร้อมฝูงสุรางค์นางอนงค์ | เสด็จตรงเข้ายังวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปยังที่ประเสบัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | ภูธรย่างเยื้องผายผัน |
เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | ทรงธรรม์ถอนฤทัยไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ทอดองค์ลงกับที่ไสยาสน์ | ยอกรก่ายวิลาศถวิลหา |
ทีนี้เสร็จการจะนานช้า | จึงจะได้เห็นหน้านางเทวี |
จะผ่อนผันฉันใดนะอกกู | จะได้อยู่หมันหยากรุงศรี |
พระบิดาให้กลับไปธานี | มิรู้ที่จะทำประการใด |
ยังมิได้สนิทเสนหา | จะนิราศคลาดคลากระไรได้ |
แม้นมิสมดังจิตที่คิดไว้ | ก็ไม่ไปพารากุเรปัน |
แต่ครวญคร่ำกำสรดสลดจิต | ต้องติดหฤทัยใฝ่ฝัน |
แสนสวาทมาดหมายผูกพัน | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ |
ฯ ๘ คำฯ ตระ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศวรรย์หมันหยา |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา | ก็แต่งองค์โอ่อ่าเอาใจ |
จึงตรัสชวนอัคเรศมเหสี | กับราชบุตรีศรีใส |
พรั่งพร้อมฝูงสุรางค์นางใน | เสด็จไปสู่สีหบัญชร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์อาสน์ | อำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่สลอน |
ว่าขานกิจการพระนคร | ภูธรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ครั้นรุ่งรางสว่างธาตรี | ภูมีตื่นจากที่ไสยา |
เข้าที่สรงสนานสำราญองค์ | บรรจงทรงเครื่องโอ่อ่า |
ชวนระเด่นดาหยนยาตรา | ทรงม้าที่นั่งเข้าวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงที่ราชฐาน | พระผู้ผ่านผู้สวรรยาเป็นใหญ่ |
จึงลงจากอาชาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯเสมอ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | จึงปราศรัยไปพลันทันที |
ได้ยินเขาระบือลือเล่า | ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่ |
ท่าทางทำนองคล่องดี | วันนี้จงรำให้น้าดู |
แล้วให้เสนากิดาหยัน | จัดกันขึ้นตีทีละคู่ |
โล่ดั้งดาบเชลยมลายู | จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา |
คำนับรับราชบัญชา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี |
แต่รอรั้งยั้งหยุดอยู่เป็นครู่ | ให้คิดอดสูนางโฉมศรี |
ยิ้มละไมในพักตร์เป็นท่วงที | ต่อภูมีซ้ำเตือนจึงเคลื่อนคลาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาหยิบกระบี่มาถวาย |
ค่อยกระซิบทูลว่าพระอย่าอาย | ครั้งนี้ตีหมายเอารางวัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
ยิ้มพลางทางว่าอย่าเยาะกัน | ดีแต่พูดเช่นนั้นอัตรา |
แล้วพยักเรียกระเด่นดาหยนไป | ต่างองค์บังคมไหว้ท้าวหมันหยา |
ลุกขึ้นร่ายรำทำกิริยา | ทรงกระบี่เบื้องขวากรีดกราย |
ประเท้าก้าวกระหยับย่างเยื้อง | ชำเลืองนัยนาสอดส่าย |
แลสบเนตรนางพลางยิ้มพราย | แล้วประปรายปลายกระบี่ตีกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองแขก
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสรรค์ |
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่นางกำนัล | แอบดูอยู่ที่ชั้นชาลา |
บ้างนิยมชมระเด่นมนตรี | รำกระบี่น่ารักนักหนา |
บุญตัวได้เห็นเป็นขวัญตา | งามดั่งเทวาสุราลัย |
ลางนางนั่งชิดสะกิดเพื่อน | แย้มเยื้อนพูดจาอัชฌาสัย |
ดูทีทำนองภูวไนย | จะมีที่ต้องใจสักสิ่งอัน |
บ้างว่าข้าเห็นเป็นแยบคาย | นัยนาสอดส่ายคมสัน |
บ้างซุบซิบกระหยิบตากัน | นางกำนัลลอบดูพระภูธร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราดวงสมร |
เมียงมองอยู่ที่ช่องบัญชร | บังอรแลลอดสอดตา |
ครั้นสบเนตรเชษฐาทีไร | อรไทสะเทินเมินหน้า |
เสหยอกบาหยันด้วยมารยา | ชายตาแย้มยิ้มพริ้มไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย |
ผันผัดปัดป้องว่องไว | ถ้อยทีหนีไล่ไปมา |
ครั้นระเด่นดาหยนเสียที | ภูมีตีต้องหัตถา |
บรรดาพี่เลี้ยงแลเสนา | ก็สรวลเสเฮฮาขึ้นพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน |
คลานเข้าไปรับกระบี่พลัน | อภิวันท์แล้วกระซิบทูลพลาง |
ข้าเห็นพระองค์ทรงกระบี่ | ท่าทีเคล่าคล่องทั้งสองอย่าง |
ไหนจะกรายร่ายรำทำท่าทาง | ไหนจะดูอยู่ข้างบัญชรชัย |
แต่ส่ายสอดทอดพระเนตรอยู่อย่างนี้ | ยังทรงตีมีชัยชนะได้ |
ชอบเอาของที่ต้องพระหฤทัย | มารางวัลภูวไนยจะสมควร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแย้มสรวล |
จึงตรัสว่าอย่าเย้าเฝ้ากวน | ดีแต่ชวนพูดเล่นเช่นนั้น ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ |
ตรัสชมอิเหนากุเรปัน | การกระบี่ดีครันขยันนัก |
ไม่มีใครเป็นคู่สู้ได้ | ทั้งในแดนชวาอาณาจักร |
สมเป็นวงศาสุรารักษ์ | ยศศักดิ์ประเสริฐเลิศชาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย |
ให้เสนีพี่เลี้ยงตัวนาย | รำถวายทีละคู่สู้กัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน |
รับสั่งแล้วบังคมคัล | ก็จัดคู่สู้กันทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องผ่องใส |
ทอดพระเนตรอยู่บนบัญชรชัย | แสนสำราญหฤทัยพระทรงธรรม์ |
จึ่งสั่งให้เอาของมาประทาน | ทวยหาญเสนากิดาหยัน |
ทั้งเงินทองเสื้อผ้าแพรพรรณ | รางวัลให้ทั่วทุกตัวคน |
อันองค์ระเด่นมนตรี | ให้จัดของดีดีเครื่องต้น |
ธำมรงค์มงกุฎกุณฑล | สร้อยสนสังวาลแววไว |
อันระเด่นดาหยนวงศา | เอาชฎาเดินหนมาให้ |
ทั้งทองกรพาหุรัดตรัสไตร | เร่งไปเอามาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
อภิวันท์แล้ววิ่งเป็นสิงคลี | ออกมาสั่งดังมีบัญชาการ |
คลังวิเศษภูษามาลา | ก็ขนของเข้ามายังหน้าฉาน |
กราบถวายบังคมก้มกราน | แล้วเอาของมาประทานทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ |
เสร็จสรรพก็หับบัญชรชัย | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
เสด็จทรงอัสดรจรจรัล | กลับไปประเสบันอากง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ให้คลุ้มคลั่งหฤทัยใหลหลง |
ไม่ทันจะเปลื้องเครื่องทรง | เสด็จตรงเข้าไปที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา |
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | มิได้ตรัสจำนรรจาพาที |
ลืมเลยเสวยสรงทรงสุคนธ์ | แต่พลิกกลับสับสนอยู่บนที่ |
ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ |
พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด | เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้ |
แสนกระสันรันทดหฤทัย | พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน |
ดูพระจริตติดพิกล | บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา |
จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง | ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา |
แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า | พระจงอุตส่าห์สะกดใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป | เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย |
อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้ | จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย |
แม้นมิได้สู่สมชมเชย | ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา |
จึงทูลปลอบให้ชอบอัชฌา | พระอย่ารันทดกำสรดทรง |
จงระงับดับโศกเสียก่อน | ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง |
อันพระธิดาโฉมยง | ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา |
จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด | พระมิได้วายเทวษถวิลหา |
พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา | ซุบซิบปรึกษาพาที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี |
เวลาเฝ้าก็เข้ามาอัญชลี | เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ |
จึ่งถามยะรุเดะลูกชาย | พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน |
ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร | เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ |
หันหน้ามาบังบานประตู | ยิ้มพลางทางดูตากัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน |
ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน | ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย |
พระโรคเรื้อรังประทังอยู่ | ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข |
หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้ | จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก |
ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ | จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษ์ |
แม้นได้โอสถรสรัก | เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย |
เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา | ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย |
ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย | นั้นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจตะลึงหลง |
จึ่งทูลเล้าโลมพระโฉมยง | พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา |
การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป | ป่านนี้ภูวไนยจะคอยหา |
อันพระน้องนุชบุษบา | พระบิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้ |
ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน | เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่ |
อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย | รู้ไปถึงดาหาธานี |
เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์ | จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี |
ทั้งจะได้เคืองแค้นแสนทวี | พระภูมีจงถวิลจินดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา |
ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา | ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์ |
พระผินผันหันพักตร์เมินหนี | แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม |
พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม | แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย |
มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด | ก็ออกไปจากที่แท่นทอง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง |
ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา |
อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน | ตามวงศ์อสัญแดหวา |
แต่มิได้มีใจเจตนา | เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล |
ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้ | เผอิญให้จงรักสมัครสมาน |
จะว่าไปก็ในวงศ์วาน | เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา |
มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง | มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา |
ก็จะพาดวงใจไคลคลา | ไปมะงุมมะงาหราสำราญ |
แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร | จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน |
เสด็จจากแท่นรัตน์ชัชวาล | มาสระสรงชลธารทันใด ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจงทรงเครื่องประทานใหม่ |
แล้วทรงอาชาคลาไคล | เสนาในตามเสด็จจรลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | บทจรเข้าในปราสาทศรี |
บังคมสองประหมันทันที | พลางดูเทวีไม่วางตา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันยา |
ทอดพระเนตรดูอิเหนานัดดา | เห็นพักตราสร้อยเศร้าก็เข้าใจ |
จึ่งบัญชาถามด้วยความรัก | เป็นไรผิวพักตร์จึ่งหม่นไหม้ |
หรือโรคายายีประการใด | ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย |
ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย | วันตีกระบี่ถวายภูวไนย |
ให้ตึงตัวไปทั่วสารพางค์ | จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้ |
หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป | จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี |
ทูลพลางทางชำเลืองแลมา | ดูระเด่นจินตะหรามารศรี |
ความรักสลักทรวงแสนทวี | ภูมีถอนใจไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา |
พิศดูรู้รหัสพระนัดดา | จึ่งกล่าวรสพจนาพาที |
เพียงพระเข้าสู่สวรรคต | ก็ตั้งแต่กำสรดหมองศรี |
พร่ำกินน้ำตาทุกนาที | น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ |
ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก | พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้ |
เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล | สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อิเหนากุเรปันก็หรรษา |
ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา | รับรสพจนาวาที |
พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา | ค่อยบรรเทาทุกข์ที่หมองศรี |
แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี | ภูมีประดิพัทธ์ผูกพัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ |
ครั้นเวลาสายสีรวีวรรณ | ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปประเสบันมิทันช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ขึ้นยังตำหนักที่ข้างหน้า |
เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา | เข้าห้องไสยาฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง | ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน |
ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ | แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน |
โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด | จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน |
พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ | ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี |
พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย | กรกอดเขนยอยู่ในที่ |
ความรักหนักทรวงแสนทวี | ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย |
เห็นพระองค์ร่ำรักนั้นหนักไป | จะผ่อนผันฉันใดก็สุดคิด |
ได้ทูลขัดทัดทานเป็นหลายครั้ง | พระมิได้เชื่อฟังแต่สักหนิด |
กลัวความทั้งนี้จะมิมิด | จนจิตกอดเข่าเข้าเป็นทุกข์ |
เสียแรงพระชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้มั่งมีอยู่เย็นเป็นสุข |
จะมานิ่งนอนใจให้เกิดยุค | เห็นความจะลามลุกวุ่นวาย |
แม้นทราบถึงองค์ศรีปัตหรา | โทษาจะมีเป็นมากหลาย |
ฉวยพระไม่ไต่ถามสิงามตาย | จะลงร้ายเอาว่ารู้ด้วยภูธร |
จำจะลอบบอกความตามจริงไป | กราบทูลภูวไนยให้แจ้งก่อน |
จึงเรียกนายรองเข้าห้องนอน | ให้เขียนอักษรสารา |
ครั้นเสร็จแล้วส่งให้เสนี | นำคดีไปแจ้งแก่ยาสา |
กราบทูลบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ตามในกิจจาให้แจ้งการ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจได้ไปบ้าน |
อำลาปาเตะมิทันนาน | มาขึ้นพาชีชาญฉับไว |
ออกจากหมันหยาธานี | รีบตีอาชาเข้าป่าใหญ่ |
นอนทางค้างแรมมาในไพร | ตรงไปกุเรปันพารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงศาลาหน้าทิมดาบ | ตรงเข้าไปกราบท่านยาสา |
แถลงเล่าเหตุผลแต่ต้นมา | แล้วส่งสาราให้ทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยาสาแจ้งใจในสารศรี |
ก็รีบพาเสนาจรลี | มายังที่พระโรงรจนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงบังคมทูลทันใด | ว่าปาเตะที่ไปหมันหยา |
แต่งคนให้ถือหนังสือมา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี |
รับสารามาจากเสนี | พระองค์ทรงคลี่ออกอ่านพลัน |
ว่าปาเตะถวายอภิวาท | เบื้องบาทพระผู้ผ่านไอศวรรย์ |
ด้วยพระโอรสาลาวัณย์ | กำสรดทรงโศกศัลย์ทุกวันไป |
ตั้งแต่คลั่งไคล้ใหลหลง | ในองค์พระบุตรีศรีใส |
ทั้งสองประหมันก็เป็นใจ | แยบเยื้อนเหมือนจะให้เยาวมาลย์ |
ข้าได้ทูลเตือนเป็นหลายครั้ง | พระไม่ฟังพจนาว่าขาน |
มิรู้ที่จะขืนขัดทัดทาน | จงทราบบทมาลย์พระภูมี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรเคืองข้องหมองศรี |
จึงส่งสารามาทันที | ให้ประไหมสุหรีทัศนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา |
อ่านสารสิ้นเรื่องเคืองอุรา | จึงทูลพระภัสดาทันใด |
เหตุนี้ผู้ใหญ่แกล้งหน่วงเหนี่ยว | จะโทษเด็กข้างเดียวก็ไม่ได้ |
ประสาหนุ่มจึงลุ่มหลงไป | จะทำให้ผิดกันด้วยฉันทา |
ครั้นจะนิ่งดูทีบัดนี้เล่า | ไหนอิเหนาจะจากหมันหยา |
แม้นมิให้ไปหาตัวมา | ก็เห็นว่าจะไม่เงือดงด |
จงเอาอาการข้านี้บอกไป | ว่าตั้งใจครวญคร่ำกำสรด |
ด้วยครรภ์ถ้วนจวนคลอดโอรส | กำหนดให้ลูกรักเร่งมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา |
เห็นต้องระบอบชอบอัชฌา | จึงตรัสเรียกยาสาทันที |
ทรงสั่งให้ร่างราชสาร | แจ้งการตามคำประไหมสุหรี |
ให้ลูกยากลับมาธานี | แต่ในเจ็ดราตรีอย่านอนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งบังคมไหว้ |
ออกมาศาลาลูกขุนใน | เร่งให้เขียนราชสารา |
ครั้นเสร็จจึงสั่งเสนี | จงถือสารศรีไปหมันหยา |
ทูลเชิญเสด็จพระลูกยา | ให้กลับมาอย่านานเป็นการร้อน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับอักษร |
อำลามาขึ้นอัสดร | ออกจากพระนครรีบไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงหมันหยาไม่หยุดยั้ง | ตรงไปติกาหรังที่อาศัย |
เข้าหาพี่เลี้ยงภูวไนย | เอาสาราส่งให้ทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ซักไซ้ได้ความตามคดี | แล้วเข้าไปในที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงบังคมทูลแถลงแจ้งเหตุ | ว่าพระบิตุเรศนาถา |
ให้เสนีถือหนังสือมา | แล้วถวายสาราภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
ฟังข่าวผ่าวร้อนหฤทัย | จำใจคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในสารานั้นว่าพระมารดร | ให้อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์ |
แต่คอยคอยลูกยาเห็นช้าวัน | ด้วยครรภ์นั้นถ้วนทศมาสตรา |
เห็นอาการเจ็บจวนอยู่เนืองนิตย์ | ให้หนักจิตที่จะคลอดโอรสา |
เกลือกจะเกิดอันตรายวายชีวา | ไหนเลยลูกยาจะเห็นใจ |
จงเร่งกลับมายังธานี | แต่ในเจ็ดราตรีให้จงได้ |
แม้นช้ากว่าที่กำหนดไว้ | ถึงจะมาก็ไม่ต้องการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | เร่าร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ |
ให้อาลัยที่จะไกลเยาวมาลย์ | จะเบือนบิดคิดอ่านเห็นสุดที |
จำจะไปทูลลาสองประหมัน | กลับไปกุเรปันกรุงศรี |
คิดแล้วมาทรงพาชี | จรลีเข้ายังวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งลงจากม้าต้น | ขึ้นบนปราสาททองผ่องใส |
บังคมสองประหมันทันใด | แล้วทูลไปให้แจ้งกิจจา |
บัดนี้สมเด็จพระบิดร | มีศุภอักษรให้หา |
พระชนนีเจ็บครรภ์หลายวันมา | หลานรักจักลาไปธานี |
ถ้าไปไม่ทันพระบรรหาร | เนิ่นนานก็จะเคืองบทศรี |
แม้องค์พระชนกชนนี | มีความสวัสดีจะกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา |
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังพระหลานลาก็อาลัย |
คิดจะใคร่ทานทัดตรัสห้าม | ก็เกรงความนินทาไม่ว่าได้ |
สององค์จึ่งอำนวยอวยชัย | เจ้าจงไปเป็นสุขทุกเวลา |
น้านี้อยู่หลังทั้งสอง | จะทุกข์ทนหม่นหมองละห้อยหา |
เช้าเย็นเคยเห็นพระนัดดา | ทีนี้น้าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ จึ่งมีพจนาบัญชาสั่ง | ดะหมังเสนาอัชฌาสัย |
จงจัดของขวัญทั้งนั้นไซร้ | ตามในสุริย์วงศ์เทวัญ |
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสมศักดิ์ | อุดมด้วยนรลักษณ์เลือกสรร |
ชายหญิงสิ่งละร้อยครบครัน | ฝากไปทำขวัญพระนัดดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา |
มาจัดของขวัญดังบัญชา | แล้วมอบให้เสนากุเรปัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน |
พิศพักตร์พระนัดดาลาวัณย์ | เห็นโศกศัลย์สร้อยเศร้าก็เข้าใจ |
จึ่งตรัสเรียกราชบุตรี | เข้ามานั่งถึงนี่ให้ใกล้ |
อิเหนาเขาจะลาคลาไคล | เจ้าจงบังคมไหว้พี่ยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา |
ได้ฟังชนนีตรัสมา | ให้ขวยเขินวิญญาณ์อารมณ์ |
ต่อบิตุเรศเตือนจึ่งเคลื่อนคลาย | ระวังชายทรงสะพักชักห่ม |
ครั้นถึงหน้าที่นั่งก็บังคม | กราบก้มพักตราไม่พาที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
คำนับรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา |
ความรักหนักอุราด้วยอาลัย | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา |
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | เหมือนจะบอกกัลยาให้รู้ที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวศรี |
ต่างดูระเด่นมนตรี | แล้วพาทีซุบซิบสะกิดกัน |
พระจริตเห็นผิดกิริยา | พักตราเศร้าสร้อยโศกศัลย์ |
น่าจะทุกข์ทรมานรำคาญครัน | สงสารทรงธรรม์เป็นพ้นไป |
เมื่อกี้ดูเหมือนจะเยื้อนสั่ง | ใครใครเห็นมั่งหรือหาไม่ |
ชลเนตรคลอเนตรแล้วถอนใจ | เห็นอาลัยในองค์พระธิดา |
บ้างว่าน่ารักพระโฉมตรู | จะใคร่ให้เสด็จอยู่หมันหยา |
ถ้าได้กับพระบุตรีศรีโสภา | ดังจินดาประดับรับเรือนทอง |
ลางนางบ้างว่าข้าชอบใจ | ทั้งในธรณีไม่มีสอง |
ต่างคิดพิสมัยใจปอง | หม่นหมองไปทุกหน้านางกำนัล ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน |
อาลัยมิใคร่จะจรจรัล | จึ่งทูลสองประหมันทันที |
แต่ตัวนี้หากจะจากไป | จำใจไกลเบื้องบทศรี |
แม้นมิกังวลด้วยชนนี | หลานนี้ก็ยังไม่จากจร |
ทูลพลางทางถวายบังคมลา | แล้วแลดูพระธิดาดวงสมร |
ทำทีเหมือนจะสั่งบังอร | ภูธรถอนใจอาลัยลา |
มาทรงพาชีฉับพลัน | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา |
จึ่งขับมโนมัยไคลคลา | ตรงมาที่อยู่ภูวไนย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ขึ้นยังตำหนักที่อาศัย |
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | จงไปจัดพหลมนตรี |
แต่ในย่ำรุ่งให้เสร็จสรรพ | พรุ่งนี้จะกลับไปกรุงศรี |
สั่งพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ พระบรรทมรำพึงถึงความรัก | ไม่ประจักษ์แจ้งจิตขนิษฐา |
จะจำใจกลับไปพารา | อนิจจาจะทำประการใด |
อันความทุกข์สุดทุกข์แสนทวี | เจ้าจะเห็นอกพี่บ้างหรือไม่ |
คิดจะใคร่แจ้งความแก่ทรามวัย | จึ่งสั่งให้หาดอกลำเจียกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิเยนกิดาหยันหรรษา |
รับสั่งแล้วบังคมลา | ออกมายังสวนมาลี |
เก็บได้ดอกปะหนันมิทันนาน | ใส่พานเข้าไปในที่ |
ประนมก้มเกล้าดุษฎี | แล้วถวายมาลีภูวไนย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย |
จึ่งหยิบมาลามาทันใด | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรอง |
เอานขาจารึกกลีบปะหนัน | ผูกพันเพลงยาวเคล่าคล่อง |
แจ้งความตามซึ่งคะนึงน้อง | เป็นทำนองครวญคร่ำรำพัน |
แล้วเอาซ่าโบะห่อดอกไม้ | ส่งให้วิเยนกิดาหยัน |
ธำมรงค์สองวงนอกนั้น | ให้พี่เลี้ยงสาวสรรค์กัลยา |
จงรับแหวนไว้พลางพลาง | เป็นค่าจ้างวานถวายบุหงา |
อันซ่าโบะของเราเอามา | ขอเปลี่ยนผ้าสไบพระบุตรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิเยนรับสั่งใส่เกศี |
ถวายบังคมคัลอัญชลี | ออกจากที่ไสยาแล้วคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงทิมริมโรงขอเฝ้า | ก็แวะเข้านั่งหยุดอาศัย |
พอเห็นนางค่อมมาแต่ไกล | เดินเคียงเข้าใกล้แล้วพาที |
จะเข้าไปในวังข้าสั่งด้วย | เอ็นดูช่วยบอกพี่เลี้ยงสองศรี |
บาหยันซ่าเหง็ดชนนี | ว่าลูกนี้จะลาไปเวียงชัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางค่อมงวยงงไม่สงสัย |
รับคำแล้วรีบคลาไคล | เข้าในท้องฉนวนด่วนมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย
๏ จึ่งบอกสองพี่เลี้ยงนารี | บัดนี้เจ้าบ่าวน้อยมาคอยหา |
ให้บอกสองท่านผู้มารดา | มีธุระจะลาไปธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงว่าแก่ทาสี |
หลากใจใครหนอช่างพาที | ล้อเล่นเช่นนี้น่าน้อยใจ |
ร้ายดีจะไปดูให้รู้จัก | ลูกรักของข้ามาแต่ไหน |
จึ่งพาดุหวาค่อมคลาไคล | ออกไปยังนอกทวารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ บัดนั้น | วิเยนเห็นสองนางก็มาหา |
นั่งไหว้แล้วแถลงแจ้งกิจจา | โดยดังบัญชาพระทรงธรรม์ |
แหวนนี้ประทานมารดร | จงช่วยธุระร้อนผ่อนผัน |
ถึงใจให้พลางเป็นรางวัล | วานถวายดอกปะหนันนงเยาว์ |
อันซ่าโบะรอยทรงจงพระทัย | จะขอเปลี่ยนสไบโฉมเฉลา |
แจ้งความตามสั่งสิ้นสำเนา | แล้วเอาธำมรงค์ส่งให้นาง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งสองไม่หมองหมาง |
ยิ้มอยู่ในหน้าแล้วว่าพลาง | ชิช่างฉลาดหลอกให้ออกมา |
จึ่งรับเอาแหวนทั้งสองวง | กับผ้าทรงที่ห่อบุหงา |
จะถวายให้ตามพระบัญชา | ว่าแล้วก็พากันกลับไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปในห้อง | ทั้งสองพิศวงสงสัย |
จึ่งคลี่ห่อปะหนันออกทันใด | เห็นอักษรเขียนใส่กลีบมาลา |
ถ้อยคำร่ำว่าโอดครวญ | น้ำนวลน่ารักเป็นหนักหนา |
แต่เฝ้าอ่านสารซ้ำไปมา | สรวลสันต์หรรษาพาที ฯ |
ฯ ๔ คำ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี |
ได้ยินเสียงสรวลระริกซิกซี้ | จึ่งจรลีมาดูด้วยพลัน |
เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา | พิศดูบุหงาแล้วสรวลสันต์ |
เมื่อกี้พี่ว่าอะไรกัน | บุหงาปะหนันนั้นของใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสองกัลยาอัชฌาสัย |
ดูตากันยิ้มพริ้มไป | แล้วทูลอรไทพระธิดา |
ข้าไปสะตาหมันวันนี้ | เคราะห์ดีได้บุหงาในห่อผ้า |
นึกเดาเจ้าของลองปัญญา | ไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราพาซื่อไม่สงสัย |
หยิบบุหงามาดูทันใด | อรไทเห็นสารก็อ่านพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณ์อักษรเสน่หา | ของพี่ยาจารึกกลีบปะหนัน |
มาแจ้งความทรามวัยวิไลวรรณ | ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย |
แต่ทุกข์ตรอมจนผอมผิดร่าง | เจ้าไม่เห็นบ้างหรือโฉมฉาย |
ถึงจะม้วยชีวันอันตราย | ก็ไม่หมายว่าจะคืนพารา |
นี่เนื้อชะรอยกรรมได้ทำไว้ | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา |
มิรู้ที่จะแข็งขัดพระบัญชา | จะขอลาโฉมยงอยู่จงดี |
ซ่าโบะจะขอเปลี่ยนสไบนาง | ไปชมพลางต่างพักตร์ยาหยี |
กับทั้งชานสลาจงปรานี | เหมือนช่วยชูชีวีของพี่ไว้ |
ถึงกลับไปก็ไม่อยู่ช้า | จะคืนมาชมชิดพิสมัย |
จงเป็นมิตรไมตรีแต่นี้ไป | ดังได้ตุนาหงันกันมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นอักษร | ชอบพระทัยในกลอนที่วอนว่า |
แต่เล่ห์กลสตรีมีมารยา | ทำโกรธาทิ้งประหนันเสียทันใด |
จึ่งว่าชอบขอบใจพี่เจ้า | ช่างเอาบุหงาใครมาให้ |
แยบเยื้อนเหมือนหนึ่งไม่เข้าใจ | ยิ้มละไมในหน้าพาที |
จะมาเสใส่ข้าว่าไรเล่า | พิสมัยก็เอาเป็นผัวพี่ |
ผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้ | ไม่มีความคิดสักนิดเดียว |
ช่างเชื่อลิ้นหลงเล่ห์ลมชาย | หวานนักมักกลายเป็นเปรี้ยว |
อย่าพักพูดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว | ล่อลวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพัน |
ไม่เจียมตนจะไปปนที่สูงศักดิ์ | เห็นเกินหน้าน้องนักพี่บาหยัน |
ดังกระต่ายหมายชมดวงจันทร์ | อะไรนั่นพาทีไม่มีอาย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงเล้าโลมโฉมฉาย |
ใช่จะแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | คิดหมายว่ามิใช่หาไหนมา |
ก็นับในสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | จะกระไรกว่ากันนักหนา |
สมศักดิ์สมสกุลทั้งสองรา | นี่พี่หากว่าประสากัน |
ถึงมาตรไม่จงจิตคิดปอง | แต่อย่าข้องเคืองเคียดเดียดฉันท์ |
สงสารพระองค์วงศ์เทวัญ | โศกศัลย์วอนว่าน่าปรานี |
ในสาราว่าจะขอเปลี่ยนสไบ | จะบิดเบือนมิให้ก็ใช่ที่ |
โฉมยงทรงคิดดูจงดี | พระภูมีจะละห้อยน้อยใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีศรีใส |
ฟังพี่เลี้ยงสนองต้องฤทัย | ให้อาลัยในองค์พระทรงธรรม์ |
แต่ปากนางหากทำเป็นว่า | สมเพชเวทนาพี่บาหยัน |
ช่างลุ่มหลงงงงวยไปด้วยกัน | สารพันล้วนเห็นว่าเป็นดี |
อย่ามาเฝ้าเซ้าซี้ให้ขัดใจ | จะอย่างไรก็ตามความคิดพี่ |
ว่าพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงเสน่หา |
แจ้งใจในทีพระธิดา | ก็ตามมายังที่บรรทม |
ครั้นถึงจึงประณตบทมาลย์ | นบนอบหมอบคลานกรานก้ม |
บาหยันทำสนิทชิดชม | บังคมแล้วทูลไปทันใด |
โฉมยงจงทรงพระเมตตา | วันนี้ข้าหนาวเย็นเหมือนเป็นไข้ |
จะขอผ้ารอยทรงองค์อรไท | แม้นโปรดได้ให้ห่มจะค่อยคลาย |
ว่าพลางทางทำเฉยหน้า | หยิบยกพานผ้ามาถวาย |
แต่เฝ้าเตือนเยื้อนยิ้มพริ้มพราย | จงเปลี่ยนเปลื้องจากกายกัลยา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา |
เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | รำคาญวานอย่าให้ขัดใจ |
น้องหรือจะรู้เท่าทัน | เชิงชั้นแยบยลคนผู้ใหญ่ |
นางค้อนเคืองเปลื้องเปลี่ยนผ้าสไบ | ทำทิ้งประชดให้ด้วยมารยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา |
หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พับพาดอังสาแล้วพาที |
ครั้งนี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ |
ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน |
จึงทูลองค์อรไทวิไลวรรณ | ทำเจ็บปวดฟันป่วยเป็นพ้นไป |
รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก | จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้ |
จึงหยิบหมากมาถวายทันใด | ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราจึงว่าขาน |
อะไรนี่มีแต่บอกอาการ | บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ |
เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้ | เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่ |
จึงรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ | แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา |
สะกิดเตือนบาหยันกัลยา | บังคมลามาจากเยาวมาลย์ |
เดินด่วนชวนกันเข้าในห้อง | ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน |
เจียนตองแต่พอห่อชาน | ใส่ผอบเอาพานทองรอง |
แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท | ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง |
มิให้ใครสงสัยในทำนอง | ทั้งสองกัลยาคลาไคล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่ | ตรงประตูหูช้างข้างใต้ |
แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ | พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน |
เข้ามานั่งลงที่ตรงนั้น | ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา |
ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา | เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร |
จึงหยิบชานสลากับผ้าทรง | สองนางนั่งลงแล้วส่งให้ |
สั่งว่าข้าถวายบังคมไป | ด้วยตั้งใจจงรักภักดี |
เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า | เร่งกลับมาหมันหยากรุงศรี |
จงจำถ้อยคำของข้านี้ | ไปทูลพระภูมีดังวาจา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิเยนยินดีเป็นหนักหนา |
คำนับรับคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่พระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯเชิด
๏ ครั้นถึงจึงถวายผ้าสไบ | กับผอบซึ่งใส่ชานพระศรี |
แล้วแถลงแจ้งความตามคดี | โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา |
ชื่นชมด้วยสมดังจินดา | พระราชาเสวยชานสำราญใจ |
ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า | ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้ |
จึงหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย | ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์ |
กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ | หอมตลบจับใจใหลหลง |
คล้ายคล้ายหมายเหมือนรูปทรง | โฉมยงนงเยาว์เข้ามา |
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก | พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา |
หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา | เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย |
แต่ตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ | เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย |
พระผินหลังบรรทมสะเทินอาย | กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | เสนาปาเตะผู้ใหญ่ |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย | ออกไปเร่งรัดจัดพล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน | มายืนเยียดยัดอัดถนน |
บ้างขนของเครื่องอานอลวน | ประทุกบนสัปคับคชา |
ขุนม้าผูกม้าพาชี | เคยขี่ควบขับสำหรับขา |
ขุนรถเร่งเทียมอาชา | ประทับเกยคอยท่าภูธร |
ขุนพลตรวจพลนายไพร่ | เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน |
สับสนอลหม่านไม่หลับนอน | หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | เสนานายมุลขุนหมื่น |
บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น | ดีใจจะได้คืนไปพารา |
ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว | ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า |
เรียกเพื่อนสูบฝิ่นกินน้ำชา | พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง |
บ้างหาสิ่งของสำรองไป | จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง |
ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง | ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย |
ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง | ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย |
แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย | หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน |
พวกนักเลงกลองแขกก็เสาะหา | หนังแพะหนาหนาทำหน้าด่าน |
ต่างคนหาของที่ต้องการ | จะไปบ้านมิให้เสียคราว |
พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด | แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว |
บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว | ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง |
ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา | อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง |
ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง | ทำทางเล่นทางจริงลองใจ |
บรรดาโยธีทุกหมวดกอง | คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่ |
เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป | นายไพร่ตรวจตราหากัน ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
ครั้นจะใกล้ไขศรีรวีวรรณ | ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์ |
เสียงไก่กระชั้นขันขาน | แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง |
เสด็จจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาชำระสระสรงสินธู ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ น้ำใสไขฝักปทุมทอง | ผินผันหันขนองเข้ารองสู้ |
ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณกำภู | หอมระรื่นชื่นชูกลิ่นชะมด |
สอดใส่สนับเพลาเนาหน่วง | โขมพัตถ์พื้นม่วงก้านขด |
ฉลององค์อินทรธนูสะบัดคด | ดุมประดับมรกตรจนา |
เจียระบาดตาดสุวรรณแวววับ | กรองศอซ้อนสลับทับอังสา |
ตาบทิศทับทรวงดวงจินดา | พาหาพาหุรัดทองกร |
ธำมรงค์ลงยาประดับเพชร | แต่ละเม็ดยอดใหญ่เท่าบัวอ่อน |
ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจอน | กรายกรกุมกริชจรลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
ร่าย
๏ มาทรงรถแก้วแววไว | พออุทัยเรืองรองส่องศรี |
พรั่งพร้อมพหลมนตรี | คลายคลี่รี้พลยาตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
โอ้ร่าย
๏ ครั้นออกมานอกทวารวัง | เหลียวหลังดูปราสาทจินตะหรา |
ตั้งแต่แลตะลึงจนลับตา | ยังเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์เยือกเย็น |
โอ้ดวงยิหวายาใจพี่ | แต่นี้นานช้าจะมาเห็น |
จะทุกข์ถึงคะนึงนางไม่ว่างเว้น | ด้วยจำเป็นจำใจไคลคลา |
พระเสด็จมาในพิชัยรถ | เร่งระทดฤทัยถวิลหา |
รีบรัดจัตุรงค์ตรงมา | เดินโดยมรคาพนาดร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงที่ประทับยับยั้ง | พระสุริย์ฉายบ่ายบังสิงขร |
จึงหยุดโยธาพลากร | ภูธรเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนีมียศถา |
ออกมาสั่งกำชับโยธา | ให้ตรวจตราตระเวนเกณฑ์กัน |
บ้างนั่งยามตีเกราะเคาะฆ้อง | ทุกกองทุกหมวดกวดขัน |
ตั้งตาริ้วรายหลายชั้น | รอบสุวรรณพลับพลาพนาลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ครั้นล่วงปฐมยามราตรี | ก็เข้าสู่แท่นที่ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พระกรก่ายพักตราจาบัลย์ | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา |
ปานฉะนี้โฉมตรูอยู่พารา | จะนิทราหลับแล้วหรือฉันใด |
เจ้าจะมีมิตรจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงพี่บ้างหรือหาไม่ |
เห็นทีขนิษฐายาใจ | จะโหยหาอาลัยถึงพี่ชาย |
แต่ครุ่นครวญรวนเรคะเนนึก | จนยามดึกเดือนส่องแสงฉาย |
พระเผยม่านสุวรรณพรรณราย | ลมชายตามช่องมาต้ององค์ |
น้ำค้างพร่างพรมสุมามาลย์ | เบ่งบานแย้มกลีบกลิ่นส่ง |
หอมละม้ายคล้ายกลิ่นโฉมยง | พระเคลิ้มองค์หลงขับขึ้นฉับพลัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
พัดชา
๏ ดวงเอยดวงยิหวา | งามอย่างนางฟ้ากระยาหงัน |
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ | ดั่งบุหลันทรงกลดหมดมลทิน |
งามเนตรดั่งเนตรมฤคมาศ | งามขนงวงวาดดั่งวงศิลป์ |
อรชรอ้อนแอ้นดั่งกินริน | งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม |
แต่เห็นน้องก็ต้องหฤทัย | พิสมัยไม่วายหวังถนอม |
แสนทุกข์ระทมตรมตรอม | จะผ่ายผอมผิดรูปซูบทรง |
โอ้ว่ายาหยีของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้ดังประสงค์ |
พระชมสไบบางต่างโฉมยง | เอนองค์ลงบรรทมหลับไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ ตระประธมไพร
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf