- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๑๔
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาสาวสวรรค์ |
ในอกหมกไหม้ดังไฟกัลป์ | อยู่ยังห้องสุวรรณไสยา |
บรรทมรำพึงคะนึงไป | ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มใจหนักหนา |
ตัวกูแม้นม้วยมรณา | ก็ดีกว่าที่เป็นดังนี้ |
ไม่สรงไม่เสวยกระยาหาร | เยาวมาลย์มัวหมองรัศมี |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี | ดังเลือดตามารศรีจะหยัดลง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีศรีสวัสดิ์นวลหง |
จึงปลอบพระบุตรีโฉมยง | เจ้าจงระงับดับโศกา |
ตามเสด็จภูวไนยใช้บน | นฤมลจงฟังแม่ว่า |
แม้นสองกษัตริย์ทราบกิจจา | โทษาแม่นี้จะหนักนัก |
ถึงพี่ยาได้มาต้องตัว | ใช่ชายชั่วมาระคนปนศักดิ์ |
ฟังคำแม่เถิดนะลูกรัก | เอาน้ำมาลูบพักตร์พระบุตรี |
แล้วเอาสุคนธามาทรง | บรรจงกวดเกล้าเกศี |
พระพี่เลี้ยงช่วยแต่งให้เทวี | จนรุ่งราตรีสว่างฟ้า ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานถ้วนหน้า |
บ้างแต่งที่สถานศาลเทวา | ประดับประดาราชวัติฉัตรธง |
แขวนโคมผูกม่านเพดานดาษ | พรมเจียมปูลาดกวาดผง |
ตั้งเครื่องพลีกรรม์บรรจง | สำหรับจะได้ทรงบูชา |
ชาวประโคมพิณพาทย์มโหรี | ก็ขนเครื่องดนตรีไปเตรียมท่า |
ทั้งสัตว์สิงสิ่งละพันนานา | พนักงานก็เอามาปล่อยไว้ |
บ้างรีบทำที่ประทับรับเสด็จ | แล้วเสร็จพอจวนประจุสมัย |
ตั้งกองป้องกันระวังระไว | คอยท่าภูวไนยจรลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ทั้งสุหรานากงทรงฤทธี | กับกะหรัดตะปาตีพี่ยา |
สังคามาระตาสุริย์วงศ์ | ต่างองค์เกษมสันต์หรรษา |
ทั้งระตูล่าสำจรกา | เสด็จสรงคงคาทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน | สุคนธารปนทองผ่องใส |
หอมหวนอวลอบตลบไป | สอดใส่สนับเพลาเชิงงอน |
ภูษาทรงลายอย่างต่างสีกัน | น้ำเงินตองท้องพันม่วงอ่อน |
ต่างใส่ฉลององค์อลงกรณ์ | อินทรธนูงามงอนสะบัดปลาย |
ชายไหวสุวรรณกุดั่นดวง | ทับทรวงสังวาลประสานสาย |
ทองกรเนาวรัตน์จำรัสราย | ธำมรงค์เพชรพรายเพราตา |
ต่างทรงมงกุฎชฎาแก้ว | กรรเจียกจอนเพริศแพร้วซ้ายขวา |
ห้อยอุบะเหน็บกริชฤทธา | มาคอยท่ารับเสด็จพระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านดาหาเขตขัณฑ์ |
ครั้นรุ่งรางสร่างสีรวีวรรณ | ก็จรจรัลมาสรงวารี |
ทรงเครื่องประดับสำหรับกษัตริย์ | ล้วนวิเชียรจำรัสรัศมี |
แล้วชวนโอรสราชบุตรี | มเหสีโสภายาใจ |
พร้อมพระสนมนางทั้งปวง | ดังดาวล้อมดวงแขไข |
เสนาแห่แหนแน่นไป | ภูวไนยเสด็จมายังคิรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงซึ่งสถานเทพารักษ์ | อันทรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์เรืองศรี |
เสด็จนั่งเหนืออาสน์รูจี | ภูมีเคารพอภิวันท์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ จึงจุดธูปเทียนทองบวงสรวง | บำบวงเทวราชรังสรรค์ |
ถวายเครื่องสังเวยพลีกรรม์ | ภูเขาเงินสุวรรณอันอำไพ |
ทั้งแพะแกะโคกระทิงมหิงสา | สิ่งละพันนานาน้อยใหญ่ |
แก้คำซึ่งบำบวงไว้ | แล้วสั่งให้ประโคมขึ้นนี่นัน |
ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ
ร่าย
๏ เสร็จแล้วเคารพอภิวาท | ภูวนาถย่างเยื้องผายผัน |
พร้อมฝูงอนงค์นางกำนัล | มาหยุดยังสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมียศถา |
กับระเด่นซึ่งตามเสด็จมา | ก็ขึ้นทรงอาชาฉับพลัน |
พวกอาสาเกราะทองสันทัด | ทหารหัดม้าแซงแข็งขัน |
ต่างคนถวายบังคมคัล | แล้วชักม้าดากันเข้าไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บ้างร่ายรำเพลงหอกกลอกกลับ | ขี่ขับสะบัดย่างวางใหญ่ |
บ้างรำทวนดังกระบวนชิงชัย | ล้อมไล่ลุยแทงมฤคา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ โห่พลางต่างขับอัศวราช | เข้าพิฆาตโคกระทิงมหิงสา |
พุ่งซัดต้องสัตว์นานา | ความโตรกตัวกล้าก็กลับชน |
บ้างตื่นเต้นเผ่นผาดลำพองโผน | โดดโดนเสี่ยวสู้สับสน |
บ้างบ้าเลือดเดือดดุไม่คิดตน | ตามชนจนม้วยชีวิต ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ทหารหอกเกณฑ์หัดสกัดหน้า | ควบม้าหมายมุ่งพุ่งไม่ผิด |
ต่างคนเข้มแข็งสำแดงฤทธิ์ | ตามติดไล่ซ้ำระยำลง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มฤคาโคกระทิงสิ่งละพัน | ก็ม้วยชีวันไม่เหลือหลง |
สำรวลสรวลสุขไปทุกองค์ | ให้ขนส่งวิเสทเนื่องมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | นางวิเสทนอกในซ้ายขวา |
บ้างแล่เถือเนื้อนั้นมิทันช้า | แต่งมัจฉมังสาวุ่นไป |
บ้างยี่ยำทำพล่าฉู่ฉี่ | ปิ้งจี่ต้มแกงพะแนงไก่ |
สมันคั่วอั่วอ่อมพร้อมไว้ | แล้วยกไปเลี้ยงเหล่าโยธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพนักงานถ้วนหน้า |
ครั้นจวนบังควรเวลา | ก็เชิญเครื่องเนื่องมาตามกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ตั้งพระสุพรรณภาชน์บรรจง | ถวายองค์พระผู้ผ่านไอศวรรย์ |
เครื่องเสวยกษัตริย์ทั้งนั้น | ตั้งรายเรียงกันเป็นหลั่นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
ชวนโอรสราชนัดดา | ให้เสวยโภชนาสาลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเกษมศรี |
เห็นโฉมระเด่นบุตรี | สมประดีด่าวดิ้นแดยัน |
เสวยพลางทางตะลึงลืมเคี้ยว | แลเหลียวดูนางพลางรับขวัญ |
เสนหาอาวรณ์ผูกพัน | หมายมั่นกระหยิ่มกริ่มใจ |
พระเชษฐาสั่นกายเป็นหลายที | จะรู้สึกสมประดีก็หาไม่ |
ลืมอายสาวสรรค์กำนัลใน | ลืมกลัวท้าวไทธิบดี |
สังคามาระตาทรงสวัสดิ์ | กับระเด่นสิงหัดส่าหรี |
อีกองค์กะหรัดตะปาตี | ก็แลดูมารศรีไม่วางตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีคิดริษยา |
เห็นระตูดูนางบุษบา | พระกริ้วโกรธโกรธาดังเพลิงกัลป์ |
เขม้นดูจรกาแล้วคว้ากริช | จะใคร่ผลาญชีวิตให้อาสัญ |
ขุกคิดเกรงองค์พระทรงธรรม์ | สู้สะกดอดกลั้นโกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
เสร็จเสวยเอมโอชโภชนา | จึงมีบัญชาตรัสไป |
จงชวนกันขับรำให้สำราญ | ทำสักการเทวาในป่าใหญ่ |
แก้คำซึ่งบำบวงไว้ | แก่เทพไทเทพารักษ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ |
ขวยเขินสะเทิ้นเป็นพ้นนัก | ก้มพักตรายิ้มพริ้มพราย |
จำเป็นรับสั่งแล้วยั้งอยู่ | ให้อดสูกำนัลทั้งหลาย |
อนุชาทูลเตือนให้เคลื่อนคลาย | พระชายชำเลืองเนตรดูเทวี |
จะนิ่งเสียก็กลัวภูวไนย | ครั้นจะไปก็อายนางโฉมศรี |
เสหยอกสียะตราให้ช้าที | ครั้นภูมีซ้ำว่าก็คลาไคล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ แล้วว่าอนุชาเจ้าขับก่อน | พี่จึงจะกล่าวกลอนแก้ไข |
บัดนี้ยังขุ่นข้องไม่คล่องใจ | คิดอะไรขัดสนพ้นปัญญา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงกนิษฐา |
เข้าใจในทีพระพี่ยา | วันทาแล้วลุกขึ้นทันใด |
ทอดกรอ่อนระทวยนวยนาด | ยุรยาตรเยื้องกรายส่ายไหล่ |
ตามจังหวะประเท้าว่องไว | แล้วขับครวญหวนไปเป็นโอดพัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ฝรั่งรำเท้า
๏ ยอกรประนมขึ้นเหนือเกศ | ไหว้ไทเทเวศร์รังสรรค์ |
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกรใครจะทัน | ซึ่งรับพลีกรรม์บำบวง |
องค์อสัญแดหวาวราฤทธิ์ | สิงสถิตอยู่ในไศลหลวง |
เชิญดูขับรำทั้งปวง | ที่ได้บวงสรวงไว้เอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลองแขก
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
ขวยเขินสะเทิ้นอายอรไท | จำใจจึงลุกขึ้นทันที |
ทอดกรกรีดกรายทั้งซ้ายขวา | ชำเลืองดูบุษบามารศรี |
คิดแค้นจรกาแสนทวี | ภูมีขับเปรียบไปมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ฝรั่งเดิน
๏ ยอกรกึ่งเกล้าบังคม | องค์บรมอสัญแดหวา |
ผู้ใดองอาจอหังการ์ | จงจิตริษยาสาธารณ์ |
อันดวงดอกฟ้าสุมาลัย | ของเราปลูกไว้ในสถาน |
มันไม่เกรงพักตร์จะหักราน | จงสังหารอย่าไว้มันเอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฝรั่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จรกาเคืองขุ่นหุนหัน |
รู้เท่าอิเหนากุเรปัน | บังคมคัลแล้วลุกออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า |
ทำเป็นกริ้วโกรธโกรธา | ติว่าตีกลองไม่ต้องเพลง |
จะลงจังหวะก็เคลื่อนคลาด | จะนวยนาดรำไปไม่เหมาะเหมง |
พระจึงจรลีไปตีเอง | ให้ครื้นเครงกลบเสียงจรกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูเคืองขัดสหัสสา |
ก้มเกล้ากราบงามสามลา | มิช้าก็ขับรำไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
พม่าแห่
๏ ยอกรขึ้นเพียงศิโรเพฐน์ | ไหว้ไทเทเวศร์น้อยใหญ่ |
อันมีทิพเนตรส่องไป | อย่าได้เข้าด้วยคนร้าย |
จงสังหาญผลาญหมู่ริษยา | ให้ประจักษ์แก่ตาคนทั้งหลาย |
ข้ามิได้คิดคดหยาบคาย | ขอให้เสร็จสมหมายมา เอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพดาหา |
เห็นองค์อิเหนานัดดา | ขัดเคืองจรกาธิบดี |
จะให้ขับรำเรียงตัวไป | ก็จะไม่เป็นสุขเกษมศรี |
มิรู้ที่จะบัญชาพาที | ภูมีเสด็จกลับพลับพลาพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
จึงชวนกษัตราทั้งห้านั้น | เที่ยวไปในอรัญรัถยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ พระพลางพิศพรรณรุกขชาติ | งอกงามเดียรดาษบนเนินผา |
ดอกผลพวงห้อยย้อยระย้า | สกุณาจิกกินแล้วบินพลาง |
ลางต้นเอนชายปลายสะบัด | ดังไม้ดัดปลูกไว้ในกระถาง |
กอรวกร่มเรียงเคียงทาง | พะยอมยางสูงเยี่ยมเทียมคิรี |
งามชะง่อนเงื้อมผาศิลาลาย | เหลืองแดงดังระบายหลายสี |
โตรกตรอกซอกธารชลธี | วารีซับซึมอยู่อัตรา |
ที่ทางข้างเชิงกุหนิงนั้น | ร่มรื่นพื้นพรรณพฤกษา |
ภายใต้เตียนสะอาดลาดศิลา | เสด็จโดยมรคาคลาไคล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
ร่าย
๏ พระพายชายพัดมาอ่อนอ่อน | เข้าหยุดประทับร้อนอาศัย |
นั่งเล่นที่หน้าศาลาลัย | แทบใกล้อาศรมพระมุนี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๘
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
ครั้นเวลาเฝ้าพระภูมี | เทวีแต่งองค์อลงการ์ |
ชวนมะเดหวีมีศักดิ์ | บุษบาลูกรักเสนหา |
กุมกรระเด่นสียะตรา | ฝูงกำนัลกัลยาก็ตามไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงที่ประทับพลับพลาทอง | พระผู้ครองพิภพเป็นใหญ่ |
สี่กษัตริย์เสด็จคลาไคล | เข้าไปอภิวาทวันทา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
สามเส้า
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนคเรศดาหา |
ครั้นเห็นระเด่นบุษบา | พักตราเศร้าหมองมัวไป |
จึ่งถามว่าเป็นไรนะลูกรัก | ผิวพักตร์พิกลหม่นไหม้ |
เจ้าเจ็บป่วยเป็นประการใด | หรือใครทำไมให้ขัดแค้น ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีอกสั่นขวัญแขวน |
ก้มกราบบาทมูลแล้วทูลแทน | ไม่ได้ยินว่าแค้นเคืองใคร |
กิริยาอาการก็เห็นดี | จะมีโรคาก็หาไม่ |
น่าจะเคราะห์ร้ายไม่สบายใจ | จึ่งมัวหมองไปกว่าทุกวัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ |
จึ่งตรัสสั่งมะเดหวีด้วยพลัน | จะพาไปอภิวันท์พระอาจารย์ |
ให้ดาบสช่วยรดน้ำมนต์ให้ | ระงับภัยเป็นสุขเกษมศานต์ |
เห็นจะหายเคราะห์ร้ายรำคาญ | เร่งพาเยาวมาลย์ไปบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
รับสั่งทรงธรรม์อัญชลี | แล้วพาพระบุตรีออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งสั่งพี่เลี้ยงด้วยพลัน | ให้จัดสรรสิ่งของแลภูษา |
ครบเครื่องสักการบูชา | ธูปเทียบมาลาหลายพรรณ |
ให้พระธิดาเยาวมาลย์ | แบกพานใส่ผ้าผายผัน |
มะเดหวีก็พาจรจรัล | ฝูงกำนัลแวดล้อมลีลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้น | บุษบาทรงโฉมเสนหา |
แบกพานผ้าเดินดำเนินมา | กับฝูงกัลยานารี |
ครั้นถึงศาลาริมถนน | เห็นฝูงคนมากมายอึงมี่ |
เหลือบเห็นระเด่นมนตรี | กับกษัตริย์ธิบดีจรกา |
นางมิอาจดำเนินเดินไป | ละอายใจตระหนกตกประหม่า |
องค์ระทวยขวยเขินเมินพักตรา | ดังพานผ้าจะพลัดตกลง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสูงส่ง |
จึ่งขับพลที่มาด้วยพระองค์ | ให้หลบลงพ้นทางนางจะมา |
ยังแต่หกองค์พงศ์กษัตริย์ | คือกะหรัดตะปาตีเชษฐา |
กับระเด่นสังคามาระตา | ทั้งสุหรานากงทรงฤทธี |
อีกทั้งท้าวจรกาล่าสำ | ต่างคำนับไหว้มะเดหวี |
ครั้นเห็นระเด่นบุตรี | แบกพานมณีเอียงมา |
ระเด่นมนตรีกุเรปัน | ผายผันเข้าประคองพานผ้า |
ว่าพานหนักไม่ช่วยกัลยา | หากว่าเรารับไว้ทัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จรกาครั้นเห็นก็หุนหัน |
เดือดดาลทะยานใจดังไฟกัลป์ | น้อยหรือนั่นบังอาจดูเบา |
ครั้นจะว่าก็มิได้ใช่ที่ | เพราะเหตุว่าเป็นพี่น้องเขา |
สารพัดทำได้ก็ทำเอา | ต่อหน้าเราเจ้าผัวไม่กลัวเกรง |
จึงเสว่าแก่ระเด่นทั้งสาม | เจ้าทำหยาบหยามข้ามข่มเหง |
อะไรกลุ้มรุมดูเมียกันเอง | เป็นเพื่อนชายไม่เกรงใจกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาก็สรวลสันต์ |
จึ่งว่าเป็นน่าอัศจรรย์ | ตรัสไยอย่างนั้นภูวไนย |
ถึงดูก็ต่อเสด็จคล้อย | จะว่าไรสักน้อยก็หาไม่ |
เป็นมเหสีท่านก็แจ้งใจ | จะได้เป็นศรีจรกา |
อันพระบุตรีดังปิ่นเกล้า | เช่นเรานี้ควรแต่เป็นข้า |
ไม่ใฝ่สูงให้เกินพักตรา | อย่าพักคิดริษยาให้ป่วยการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | กะหรัดตะปาตีจึ่งว่าขาน |
ข้าและแลดูเยาวมาลย์ | จะใคร่ได้จึ่งซานซมมา |
ด้วยตัวเรารูปชั่วแลต่ำศักดิ์ | เขย่งรักอรไทได้เกื้อหน้า |
แม้นมิได้ก็ไม่คืนพารา | จะเอากรุงดาหาเป็นเรือนตาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๙
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเฉิดฉาย |
ยิ้มพลางทางกล่าวอภิปราย | อย่าว่ามากมายให้ป่วยการ |
อันกะกังกะหรัดตะปาตี | แก้ไขด้วยมีโวหาร |
สังคามาระตากุมาร | อ่อนหวานฉลาดเจรจา |
จะตามนางไปบ้างก็ไม่ได้ | ทะยานใจแล้วพูดแก้หน้า |
ฝ่ายข้างระตูจรกา | เจ้าว่าทั้งนี้ผิดที่ไป |
ถึงจะเป็นคู่ครองของเจ้า | แต่พี่น้องของเรายกให้ |
อย่าดูนางนางจะอดสูใจ | ต่อได้แล้วจึ่งพิศให้อิ่มตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๐
๏ เมื่อนั้น | จรกาแค้นขัดสหัสสา |
มิรู้ที่จะตอบวาจา | ก็สรวลเสเฮฮาไปด้วยกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
ประคองพานเดินเคียงเมียงมัน | พระแสนกระสันพันทวี |
เหน็บแนมแกมกลปนไป | มิให้ปรากฏแก่สาวศรี |
ครั้นใกล้อาศรมพระมุนี | ภูมีมิใคร่จะไคลคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดเสนหา |
ดำเนินเดินเคียงเมียงมา | นัยนาหลบเนตรภูวไนย |
นางสะบิ้งสะบัดด้วยขัดเคือง | ชายชำเลืองหางตาแล้วค้อนให้ |
ขวยเขินสะเทินหฤทัย | จำเป็นจำใจจรจรัล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง เจรจาบทที่ ๕๑
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน |
มาถึงอาศรมพระนักธรรม์ | ก็เข้าไปอภิวันท์ทันใด |
แล้วถวายธูปเทียนแลภูษา | โสมนัสศรัทธาเลื่อมใส |
ขอพระอาจารย์ชาญชัย | จงได้โปรดเกล้าบุษบา |
ช่วยรดน้ำทิพมนต์ให้ | อรไทเศร้าหมองหนักหนา |
ปาปะอะหยีให้พามา | กราบแล้ววันทาพระอาจารย์ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๒
๏ เมื่อนั้น | องค์สังปะลิเหงะฤาษีสาร |
เล็งดูรู้ด้วยอภิญญาณ | เหตุการณ์ทั้งปวงก็แจ้งใจ |
จึ่งถามว่าจะให้รดน้ำมนต์ | ทั้งสองทีเดียวหรือไฉน |
พระองค์จงตรัสบอกไป | อย่าให้ต้องทำเป็นสองที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๓
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
ฟังสังปะลิเหงะมุนี | เทวียิ้มแล้วก็แลมา |
อิเหนายิ้มแล้วก็เมินพักตร์ | ส่วนลูกรักผูกคิ้วนิ่วหน้า |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงกัลยา | ยิ้มพรายชายตาดูกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์สังปะลิเหงะก็ผายผัน |
เข้าเสกน้ำทำในอาศรมนั้น | สรรเอาแต่ยอดวิทยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญ | ระงับโรคภัยพาลเป็นสุขา |
ครั้นเสร็จก็ยกน้ำมนต์มา | ยังหน้าอรัญกุฎี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งรดศิโรตม์โสรจสรง | ให้องค์บุษบามารศรี |
รดทั้งระเด่นมนตรี | พร้อมกับเทวีด้วยพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ แล้วจึ่งอวยพรศรีสวัสดิ์ | สองกษัตริย์จงสุขเกษมสันต์ |
เสวยรมย์สมสองครองกัน | อย่ามีโรคันอันตราย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๔
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีโฉมฉาย |
กับพี่เลี้ยงซ่อนยิ้มพริ้มพราย | บุษบาคิดอายก็ก้มพักตร์ |
ต่างถวายประณตบทบงสุ์ | ลาองค์พระมุนีมีศักดิ์ |
ออกจากอาศรมสำนัก | แล้วชวนลูกรักคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
ตามเสด็จพระชนนีไป | ภูวไนยชายเนตรดูเทวี |
ครั้นถึงศาลาจงกรม | จึ่งบังคมลาองค์มะเดหวี |
ไปกับพี่เลี้ยงเสนี | สู่ที่ประทับพลับพลาชัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพสบสมัย |
แต่เสด็จมาแรมอยู่ในไพร | ก็ได้เจ็ดทิวาราตรี |
พระทรงธรรม์ถวิลจินดา | จะกลับคืนดาหากรุงศรี |
เกลือกพระเชษฐาธิบดี | พระน้องสองบุรีจะยกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดแล้วจึ่งบัญชาสั่ง | อำมาตย์ดะหมังยาสา |
จงเร่งตรวจเตรียมโยธา | เพลาเย็นจะกลับเข้ากรุงไกร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสองเสนาอัชฌาสัย |
รับสั่งบังคมแล้วคลาไคล | ออกไปจัดพลโยธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา
ยานี
๏ เร่งรัดจัตุรงค์ทวยหาญ | ตามตำแหน่งพนักงานซ้ายขวา |
ขุนช้างผูกช้างชนะงา | ขุนม้าผูกม้าล้วนตัวดี |
ขุนรถก็เตรียมรถทรง | รถประเทียบอนงค์สาวศรี |
ขุนพลตรวจพลโยธี | ล้วนมีฝีมือเชี่ยวชาญ |
ตั้งกองเดียรดาษกลาดเกลื่อน | พร้อมทั้งพลเรือนแลทหาร |
เสร็จในสายัณห์มิทันนาน | คอยเสด็จภูบาลจะยาตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า |
จึ่งว่าแก่ระตูจรกา | เมื่อเสด็จออกมาจากธานี |
ข้าเป็นทัพหน้าเจ้ามาหลัง | ครั้งนี้จะกลับบุรีศรี |
เจ้าจงเป็นทัพหน้าพระภูมี | เรานี้จะรั้งหลังไป |
ว่าแล้วก็เสด็จกลับมา | ยังสุวรรณพลับพลาที่อาศัย |
พระเร่งเศร้าสร้อยละห้อยใจ | ด้วยจะไกลระเด่นบุษบา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราดาหา |
ครั้นใกล้สุริยนสนธยา | เสด็จมาสรงสนานสำราญองค์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ พนักงานถวายพานภูษาผลัด | ไขสหัสธาราโสรจสรง |
วารีโปรยปรายกระจายลง | แล้วทรงเครื่องต้นพระสำอาง |
ปรุงปนนพคุณหนุนผิวพักตร์ | สอดสนับเพลาปักหักทองขวาง |
ภูษายกอย่างนอกดอกกลาง | ไว้หางหงส์ห้อยชายแครง |
ฉลององค์ตาดปักปีกแมงทับ | สร้อยสังวาลบานพับระยับแสง |
ทับทรวงพวงเพชรเม็ดแตง | ทองกรแก้วแดงกุดั่นดวง |
ธำมรงค์ทรงถ้วนนิ้วพระหัตถ์ | มงกุฎเก็จเพชรจำรัสรุ้งร่วง |
กรรเจียกจอนห้อยอุบะบุปผาพวง | ถือเช็ดหน้าสีม่วงโมรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ทรงกริชแล้วเสด็จลีลา | งามสง่าดังไกรสรสีห์ |
ขึ้นทรงรถแก้วมณี | ให้เคลื่อนโยธีไคลคลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ กลองโยน
โทน
๏ รถเอยรถแก้ว | ดุมวงเวียนแววเวหา |
สีแก้วจับแสงจันทรา | ส่องสว่างกลางป่าพนาลัย |
เครื่องสูงชุมสายรายริ้ว | ทวนทองธงทิวปลิวไสว |
ทหารแห่ถือคบเป็นคู่ไป | แสงไฟส่องสว่างดังกลางวัน |
กึกก้องเสียงประโคมโครมครื้น | สัตว์สิงวิ่งตื่นเข้าไพรสัณฑ์ |
พวกพลม้ารถคชกรรม์ | มีโคมสำคัญทุกตัวคน |
อันสองข้างทางป่าที่คลาไคล | จุกช่องกองไฟทุกแห่งหน |
เยียดยัดจัตุรงค์รี้พล | เดินตามสถลมารคมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดเสนหา |
สถิตในรถมณีลีลา | มาโดยมรคาพนาวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมดง
๏ ครั้นค่ำสนธยาราตรีกาล | จึ่งเผยม่านออกชมแสงบุหลัน |
ทรงกลดหมดเมฆพรายพรรณ | แสงจันทร์จับแสงรถทรง |
แสงโคมประทีปทองส่องสว่าง | กระจ่างจับพุ่มไม้ไพรระหง |
ดอกพะยอมหอมหวนลำดวนดง | สาวหยุดประยงค์โยทะกา |
หอมกลิ่นกล้วยไม้ที่ใกล้ทาง | บอกบาหยันพลางแล้วแลหา |
ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลย์มา | ระคนกลิ่นบุหงารำไป |
เรไรจักจั่นสนั่นเสียง | เพราะเพียงดนตรีปี่ไฉน |
บุหรงร้องพร้องเพรียกพงไพร | ฟังเพลินจำเริญใจไปมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า |
เป็นทัพหลังรั้งพลไคลคลา | เพลาค่ำคำนึงถึงเทวี |
จึงปลอมแปลงแต่งองค์เป็นอำมาตย์ | ชวนพี่เลี้ยงราชทั้งสี่ |
ทรงสินธพชาติพาชี | ผ่าพลมนตรีขึ้นมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ พญาเดิน
๏ ล่วงรถสาวสรรค์กำนัลนาง | พระพลางชายเนตรชำเลืองหา |
ครั้นใกล้รถระเด่นบุษบา | จึงห้ามม้าพี่เลี้ยงให้รอไว้ |
แล้วแกล้งชักอาชาม้าที่นั่ง | ทำพยศเหนี่ยวรั้งหาอยู่ไม่ |
ผ่าเข้าในกระบวนป่วนไป | ภูวไนยพลางทอดทัศนา |
เห็นระเด่นบุษบาลาวัณย์ | เผยม่านพิศพรรณพฤกษา |
งามพักตร์ผิวผ่องดังทองทา | จับแสงจันทราในนภางค์ |
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ | ทรวดทรงสารพัดไม่ขัดขวาง |
พระแสนประดิพัทธ์กำหนัดนาง | ปิ้มปางจะสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบามารศรี |
ชมไม้มาในพนาลี | เทวีเหลือบแลแปรไป |
เห็นคนขี่ม้ามาประหลาด | ท่วงทีองอาจก็สงสัย |
นางคิดฉงนสนเท่ห์ใจ | จึงปิดม่านสองไขเสียฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงโฉมนวลนางบาหยัน |
ร้องว่าม้าอะไรใครนั่น | บุกบั่นเข้ามาในกระบวน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีก็แย้มสรวล |
จึงแก้ไขไปด้วยสำนวน | ว่าม้าป่วนเป็นม้าบ้าใจ |
ขืนจะเข้ามาในกระบวนหลัง | จะเหนี่ยวรั้งเท่าไรก็ไม่ไหว |
แต่ฉุดฉุดก็สุดแรงไป | พึ่งรอลงได้บัดเดี๋ยวนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางบาหยันสาวศรี |
จึงว่าม้ารั้งมิหยุดนี้ | เพราะพาชีคะนึงถึงโรงใน |
เร่งควบคืนหลังยังสถาน | หญ้าน้ำสำราญเคยอาศัย |
จึงจะสิ้นพยศสะกดใจ | ที่ปั่นป่วนก็จะได้สมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
จึงตอบบาหยันไปทันที | ถ้าพาชีรักโรงดังว่ามา |
ก็จะเร่งรีบควบคืนกลับ | จะอยู่ไยให้ขับได้อายหน้า |
ทั้งนี้เพราะพี่ไม่เมตตา | วาสนาน้อยแล้วไม่เห็นใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันกล่าวแกล้งแถลงไข |
ข้าน้อยนี้รักภูวไนย | สิ่งใดจะหาเปรียบก็ยากเย็น |
รักเหมือนหนึ่งเส้นเกศา | เมื่อพระไม่เมตตาจึงไม่เห็น |
ถึงรักก็เป็นแต่รักเร้น | ยากที่จะชี้เช่นให้เห็นจริง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแก้ไปทุกสิ่ง |
ใช่จะแกล้งกล่าวเกลาะให้เพราะพริ้ง | รักพี่นี้จริงดังวาจา |
รักเหมือนหนึ่งกริชที่น้องเหน็บ | ยากที่จะเก็บเอามาว่า |
ถ้าแหวะอกยกใจได้ออกมา | จึงจะแจ้งวิญญาณ์ว่ารักนาง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันแก้ไขไม่ขัดขวาง |
พระเป็นปิ่นกษัตริย์เลิศปาง | ทรงอาวุธต่างต่างมากมี |
เห็นจะรักไปสิ้นทั้งนั้น | จะผูกพันแต่กริชก็ใช่ที่ |
อันเกศาของข้าน้อยนี้ | ไม่มีสิ่งจะเปรียบเทียบทัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีตอบบาหยัน |
ถึงจะรักอาวุธทั้งนั้น | ไม่เท่ากริชเทวัญเล่มนี้ |
รักนักเหน็บอยู่ไม่รู้ขาด | จึงอาจเอาเปรียบกับรักพี่ |
ครั้งถึงประตูพระบุรี | ที่นี้จะแลลับตา |
จะตามไปส่งด้วยมิตรจิต | พี่คิดถึงบ้างอย่าลืมข้า |
สิ่งใดที่ได้จำนรรจา | อย่าลืมสัญญาที่ว่าไว้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันประนมบังคมไหว้ |
จึงว่าข้ากลัวภูวไนย | ไกลแล้วจะลืมกรุณา |
อันข้าน้อยนี้ไม่ลืมหลง | รักนั้นมั่นคงเป็นหนักหนา |
พอรถเข้าในทวารา | ก็อำลาภูธรจรลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี |
ครั้นถึงเกยแก้วรูจี | เสด็จจากรถมณีด้วยพลัน |
พร้อมพระมเหสีเสนหา | โอรสธิดาสาวสรรค์ |
กับฝูงสุรางค์นางกำนัล | จรจรัลขึ้นปราสาทรัตนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศา |
กับกะหรัดตะปาตีพี่ยา | ต่างถวิลจินดาในใจ |
แต่มาอยู่ดาหาก็ช้านาน | จะมีภารธุระก็หาไม่ |
จะบังคมทูลลาคลาไคล | เพลาเฝ้าเข้าไปพระโรงคัลฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ สองกษัตริย์ประณตบทมาลย์ | กราบทูลพระผู้ผ่านไอศวรรย์ |
ข้าขอลาองค์พระทรงธรรม์ | กลับคืนเขตขัณฑ์พารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
จึงเรียกสองราชนัดดา | มาลูบหลังลูบหน้าแล้วพาที |
เจ้าจงไปทูลพระบิตุเรศ | ตามเหตุให้ทราบบทศรี |
ทั้งสองเจ้าไปจงสวัสดี | อย่ามีทุกข์โศกโรคภัย |
อันหมู่ทมิฬอรินราช | ให้วินาศอย่ารอต่อได้ |
ลือเลื่องเรืองเดโชชัย | จำเริญสุขไปทุกเวลา |
จะใคร่ชวนให้อยู่ดูการน้อง | เกรงสองบิตุเรศจะคอยหา |
แต่เจ้ามาจากพารา | ก็นานช้าแล้วควรจะรีบจร |
ขอบังคมพระบรมเชษฐา | จงครอบครองไพร่ฟ้าสโมสร |
อันพระอนุชาฤทธิรอน | บอกว่าลุงอวยพรสวัสดี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี |
ทั้งระเด่นกะหรัดตะปาตี | รับพรภูมีด้วยปรีดา |
แล้วบังคมลาคลาไคล | มาจัดพลไกรพร้อมหน้า |
ต่างยกพหลพลโยธา | กลับไปพาราด้วยพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน |
แต่มาจากใช้บนวันนั้น | มิได้อยู่ประเสบันอากง |
ไปอยู่ติกาหรังลูกหลวง | ยิ่งเป็นห่วงให้คิดพิศวง |
ด้วยไกลสียะตราสุริย์วงศ์ | เคยชมแทนองค์บุษบา |
ต่อเวลาเฝ้าจึงพบบ้าง | ค่อยสว่างสร่างที่ถวิลหา |
แต่ตริตรึกนึกในไปมา | พระราชาสะท้อนถอนใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ นอนนั่งดังอยู่ในเพลิงกาล | ให้รำคาญขุ่นหมองไม่ผ่องใส |
กอดเข่าเหงาง่วงตะลึงไป | ชลนัยน์ไหลอาบพักตรา |
ยามเสวยเลยตะลึงลืมเคี้ยว | หลงเหลียวชะแง้แลหา |
ทำไฉนจะได้เห็นกัลยา | สักหน่อยหนึ่งราให้ยาใจ |
ยามสรงไปสรงสาคร | น้ำต้องกายร้อนดังเพลิงไหม้ |
ร้อนทั้งภายนอกภายใน | มิได้มีสุขสักเวลา |
ยามเข้าไสยายิ่งอาวรณ์ | เร่าร้อนฤทัยถวิลหา |
คลุ้มคลั่งดังพิกลกิริยา | พระราชาซูบผอมตรอมใจ |
อกเอ๋ยจะคิดฉันใดดี | จึงจะได้แก้วพี่มาพิสมัย |
มะเดหวีสัญญาว่าไว้ | จะให้ได้สมถวิลจินดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ อย่าเลยจะให้ไปฟัง | ได้ทูลแล้วหรือยังกระมังหนา |
คิดพลางทางเรียกประสันตา | เข้ามาแล้วสั่งความใน |
พี่จงไปถามนางบาหยัน | ที่ว่ากันนั้นจะเป็นไฉน |
ความร้อนเหลือร้อนอย่านอนใจ | จวนจะใกล้แต่งงานการวิวาห์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตารับสั่งใส่เกศา |
ก้มเกล้าถวายบังคมลา | แล้วลงมาที่ทิมริมวัง |
จึงอาบน้ำทาแป้งแต่งกาย | เรียกทนายถือล่วมตามหลัง |
พอเวลาตะวันชายบ่ายบัง | ก็ออกจากติกาหรังรีบไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงที่ทิมริมประตู | ก็เข้านั่งหยุดอยู่อาศัย |
เหลือบเห็นบาหยันมาแต่ไกล | ดีใจก็พยักกวักมือ |
นี่แน่นางชาววังข้านั่งคอย | ช้านานนั้นน้อยไปแล้วหรือ |
เชิญเจ้าเข้ามาจะหารือ | ข้าเป็นคนซื่ออย่าถือความ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | บาหยันค้อนให้แล้วไถ่ถาม |
ธุระมีก็ว่าให้งดงาม | อย่าพูดจาลวนลามไม่ชอบใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงแจ้งแถลงไข |
ธุระมีจะเล่าให้เข้าใจ | พระตรัสใช้ให้ข้ามาฟัง |
อันความในที่ได้สัญญา | เจ้าก็แจ้งกิจจามาแต่หลัง |
พระสั่งมาจำเพาะเจาะจัง | ได้ทูลแล้วหรือยังจะใคร่รู้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันว่าเจ้าจงคอยอยู่ |
ข้าจะไปทูลความถามดู | แล้วกลับเข้าประตูดำเนินมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงทูลมะเดหวี | บัดนี้ประสันตามาเตือนข้า |
ได้ทูลแล้วหรือยังดังสัญญา | พระนัดดาโศกเศร้าเร่าร้อน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีสมร |
ว่าอย่าให้นัดดาอาวรณ์ | จะผันผ่อนพิดทูลภูวไนย |
เราคอยช่องอยู่ทุกเวลา | ใช่จะลืมวาจาก็หาไม่ |
บาหยันจงเร่งกลับไป | บอกให้แจ้งใจประสันตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันรับสั่งใส่เกศา |
นบนิ้วประนมบังคมลา | ออกมายังที่ทวารวัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงแถลงแจ้งคดี | ตามพระเสาวนีย์ตรัสสั่ง |
อย่าให้ร้อนพระทัยรึงรัง | คอยฟังดูก่อนไม่นอนใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงประสันตาอัชฌาสัย |
ฟังบาหยันบอกความใน | แจ้งใจแล้วรีบกลับมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงตำหนักติกาหรัง | เห็นพระทรงนั่งคอยท่า |
จึงเข้าไปทูลความตามกิจจา | มะเดหวีสั่งมาถึงภูมี |
ว่าอย่าให้อาวรณ์ร้อนรน | ทุกข์ทนหฤทัยหมองศรี |
คอยอยู่ยังไม่ได้ท่วงที | ไม่ลืมความตามที่ได้สัญญา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์พงศ์อสัญแดหวา |
ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลมา | พระราชากินแหนงแคลงใจ |
ครั้นนึกสมจินดาก็พาชื่น | ครั้นคืนคิดความหลังก็หม่นไหม้ |
เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน | จนหลับไปกับที่ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf