- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๓๐
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพี่เลี้ยงระเด่นดะราหวัน |
ซึ่งรู้ว่าพระธิดาดวงจันทร์ | ไปหาย่าหรันยังตรุใน |
แต่คอยคอยจนรุ่งสุริย์ฉาน | จะเห็นกลับคืนสถานก็หาไม่ |
ต่างคนตระหนกตกใจ | แล้วใส่ไคล้ด้วยกลมารยา |
ว่าวันนี้เป็นไฉนโฉมฉาย | จึงบรรทมสายหนักหนา |
จะไปดูให้รู้กิจจา | ว่าแล้วก็พากันจรลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงซึ่งห้องไสยาสน์ | ไม่เห็นนวลนาฏโฉมศรี |
ทำตกใจเป็นพ้นพันทวี | ก็เที่ยวค้นทั่วที่ตำหนักใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ไม่พบแล้วจึงปรึกษากัน | โศกศัลย์ทุกข์ทนหม่นไหม้ |
เมื่อฉะนี้จะคิดประการใด | จะพากันบรรลัยด้วยอาญา |
จำจะทูลองค์พระทรงเดช | ให้ทราบเหตุทั้งนี้เสียดีกว่า |
ว่าแล้วก็พากันไคลคลา | ไปเฝ้าผ่านฟ้าทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ น้อมเกล้ากราบทูลเบื้องบาท | นเรนทร์สูรธิราชเรืองศรี |
บัดนี้สมเด็จพระบุตรี | บรรทมอยู่ในที่หายไป |
ข้าเที่ยวค้นทั่วราชฐาน | จะพบองค์นงคราญก็หาไม่ |
โทษถึงชีวันบรรลัย | ตามแต่ภูวไนยจะเมตตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาได้ฟังว่า |
ตกใจมิได้จำนรรจา | ผ่านฟ้าตะลึงไปทั้งกาย |
แสนอาลัยพระธิดาดังชีวิต | นิ่งหวนครวญคิดแล้วใจหาย |
แสนทุกข์แทบว่าชีวาวาย | พระฟูมฟายชลนาจาบัลย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกผู้คุมคนขยัน |
ครั้นรุ่งแสงสีรวีวรรณ | ไม่เห็นย่าหรันก็ตกใจ |
พระธิดาออกมาคืนนี้ | จะพากันหนีหรือไฉน |
ต่างคนค้นหาวุ่นไป | อุตลุดทั้งในพารา |
ตึกกว้านบ้านเรือนซอนซอก | เข้าตรอกออกถนนค้นหา |
ทั้งโรงม้าโรงรถคชา | พากันเสาะสืบหาทุกตำบล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ นอกในพาราก็หาจบ | เที่ยวตลบหลายกลับสับสน |
ไม่พบปรับทุกข์กันทุกคน | จะวายชนม์เสียสิ้นครั้งนี้ |
จำจะไปเรียนท่านเสนา | เอากิจจานี้แจ้งให้ถ้วนถี่ |
ว่าแล้วก็พากันจรลี | ไปยังที่ศาลาลูกขุนใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่มหาเสนาผู้ใหญ่ |
คืนนี้ย่าหรันหายไป | เที่ยวหาแห่งใดไม่พบพาน |
อันโทษของข้าครานี้ | ถึงสิ้นชีวีสังขาร |
ชีวิตอยู่ใต้บทมาลย์ | ขอท่านจงได้เมตตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปาเตะผู้มียศถา |
ฟังผู้คุมแจ้งกิจจา | ว่าย่าหรันนั้นหนีไป |
ตกใจนิ่งขึงตะลึงคิด | ด้วยกลัวความผิดข้อใหญ่ |
ก็ลุกจากศาลาคลาไคล | ไปเฝ้าภูวไนยเจ้าธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล | นเรนทร์สูรปิ่นภพเรืองศรี |
โดยผู้คุมว่าพาที | ตามที่เหตุผลแต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาใจกล้า |
ได้ฟังคั่งแค้นแน่นอุรา | จึงมีวาจาประภาษไป |
ชะรอยไอ้โจรป่าย่าหรัน | คิดกันทะนงศักดิ์มักใหญ่ |
ลอบลักบุตรีกูหนีไป | ทำให้ได้ความอัประมาณ |
ว่าแล้วจึงสั่งตำมะหงง | เร่งเตรียมจัตุรงค์ทวยหาญ |
ให้พร้อมในรุ่งราตรีกาล | กูจะไปตามผลาญไอ้โจรไพร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ |
รับสั่งแล้วรีบคลาไคล | ตรงไปศาลาลูกขุนพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ยานี
๏ เกณฑ์หมู่ทวยหาญชาญณรงค์ | เลือกสรรบรรจงที่แข็งขัน |
พีดำล่ำใหญ่คงกะพัน | กรกุมเกาทัณฑ์ใส่ยาพิษ |
บ้างถือหอกโล่โตมร | ข้าศึกบ่ห่อนต่อติด |
ฝึกสอนเชี่ยวชาญชำนาญฤทธิ์ | กระบี่กริชเหน็บมั่นพันพัว |
ผ้าประเจียดลงยันต์กับอาวุธ | คาดตะกรุดมงคลขึ้นใส่หัว |
เคี้ยวขมิ้นกินว่านซ่านทั้งตัว | ไม่เกรงกลัวการณรงค์สงคราม |
จัดถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | ช้างม้าคับคั่งท้องสนาม |
ขุนรถผูกรถแต่สามยาม | มาเตรียมตามตำแหน่งพนักงาน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาใจหาญ |
ครั้นแสงทองส่องฟ้าทิวากาล | ภูบาลมาสรงชลธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ไขสุหร่ายปรายปรอยเป็นฝอยฝน | ทรงสุคนธ์ปนทองรองฉวี |
สอดใส่สนับเพลารูจี | ทรงภูษาเจ็ดสีพื้นแดง |
ฉลององค์ตาดม่วงดวงดอก | ชายไหวลายนอกระยับแสง |
คาดปั้นเหน่งเพชรเท่าเม็ดแตง | ชายแครงแกว่งระยับจับตา |
สอดใส่สังวาลวิเชียรช่วง | ตาบทิศทับทรวงมีค่า |
ทองกรอ่อนวงทรงนาคา | ธำมรงค์ลงยาระย้าเพชร |
ทรงมหามงกุฎบุษย์น้ำเหลือง | กรรเจียกแก้วแววประเทืองตรัสเตร็จ |
ห้อยบุหงาเหน็บกั้นหยั่นกัลเม็ด | ทรงเสร็จเสด็จจรลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี
ร่าย
๏ ขึ้นเกยสุวรรณบรรจง | พร้อมหมู่จัตุรงค์ทั้งสี่ |
เสด็จทรงรถแก้วมณี | ให้เคลื่อนโยธีคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก
โทน
๏ รถเอยรถศึก | ดุมกงก้องกึกแผ่นดินไหว |
บัลลังก์ลอยงอนช้อยปักธงชัย | สารถีแกว่งไกวอาวุธ |
เทียมสินธพสี่สีแดง | ชักรถเข้มแข็งไม่หย่อนหยุด |
เครื่องสูงธงชัยกระบี่ครุฑ | สำหรับยุทธนาราวี |
เสียงแตรแซ่สนั่นฆ้องกลอง | เสียงช้างม้าร้องอึงมี่ |
สารวัดรัดเร่งโยธี | กระแตตีเตือนให้คลาไคล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ แรมร้อนมาหลายเวนวาร | ถึงปลายด่านกาหลังกรุงใหญ่ |
ให้หยุดพหลพลไกร | สั่งให้ตั้งค่ายแลพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา |
ออกมาสั่งกันมิทันช้า | เสร็จดังบัญชาพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาเรืองศรี |
เสด็จขึ้นพลับพลารูจี | ภูมีตรัสสั่งบังคับไป |
ตำมะหงงจงไปแจ้งเหตุการณ์ | ท้าวกาหลังผู้ผ่านบุรีใหญ่ |
ว่าเรามาปรารถนาบัดนี้ไซร้ | ให้ส่งไอ้ย่าหรันปันหยีมา |
ถ้าไม่ได้แล้วให้ออกมารบ | อย่าสมคบเหล่าร้ายอ้ายโจรป่า |
ถ้ามิฟังดังเราบัญชา | จะหักเอาพาราบัดเดี๋ยวนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี |
ออกมาหาบ่าวไพร่ได้ตามมี | ก็ไปยังที่ด่านพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงแจ้งเหตุการณ์ | แก่ขุนด่านนคเรศเขตขัณฑ์ |
ท่านจงพาเราเข้าไปพลัน | เฝ้าองค์ทรงธรรม์เจ้าพารา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนด่านได้ฟังไม่กังขา |
รีบรัดจัดแจงผูกม้า | เผ่นขึ้นอาชานำหน้าไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระทวารชานวัง | ก็ไปยังเสนาผู้ใหญ่ |
เรียนคดีชี้แจงให้แจ้งใจ | โดยในอนุสนธิ์แต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
ไต่ถามตำมะหงงมะงาดา | แล้วพามาสู่ที่พระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | ทูลพระวงศ์เทวากระยาหงัน |
มะงาดามาประชิดติดเขตคัน | ให้ตำมะหงงนั้นเข้ามา |
ว่าให้ส่งย่าหรันกับปันหยี | แต่โดยดีอย่าให้เกิดกังขา |
แม้นมิได้จะให้ตีเอาพารา | พระผ่านฟ้าจงทราบฝ่าธุลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้แจ้งแห่งคำไพรี | ภูมีกริ้วโกรธโกรธา |
จึงมีสีหนาทบรรหาร | เหวยอ้ายพวกพาลริษยา |
องอาจยกพลล่วงมา | เจรจาโอหังเป็นพ้นไป |
จะให้ส่งย่าหรันปันหยี | ค่ำนี้เจ้ามึงจะตักษัย |
เร่งกลับไปบอกจงฉับไว | พรุ่งนี้จะได้เห็นกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนามะงาดาคนขยัน |
ได้ฟังบัญชาพระทรงธรรม์ | ถวายอภิวันท์แล้วกลับไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เข้าค่ายพลางถวายอภิวาท | แทบบาททูลแจ้งแถลงไข |
ว่าท้าวกาหลังฤทธิไกร | ท่วงทีหยาบใหญ่เป็นพ้นคิด |
ว่าไม่ส่งย่าหรันกับปันหยี | พระพาทีก้าวเฉียงเบี่ยงบิด |
พรุ่งนี้ทีจะยกมาประชิด | พระทรงฤทธิ์จงทราบบทมาลย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาใจหาญ |
ได้ฟังกริ้วโกรธคือเพลิงกาล | จึงมีพจมานทันที |
ดูดู๋เจ้าเมืองกาหลัง | โอหังอวดฤทธิ์ศักดิ์ศรี |
คบอ้ายโจรไพรไว้ว่าดี | เป็นไรมีจะได้เห็นกัน |
จะยกเข้าหักโหมโจมตี | เอาบุรีกาหลังเป็นเขตขัณฑ์ |
ฆ่าเสียให้สิ้นพงศ์พันธุ์ | จะห้ำหั่นมิให้แค้นคอกา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกาหลังนาถา |
จึงมีพระราชบัญชา | สั่งสี่มหาเสนาใน |
ให้เตรียมจัตุรงค์ทวยหาญ | อันชำนิชำนาญการศึกใหญ่ |
กูจะยกพหลสกลไกร | ไปชิงชัยสังหารผลาญไพรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์ย่าหรันปันหยี |
ได้ฟังบัญชาพระภูมี | อัญชลีทูลไปมิได้ช้า |
ซึ่งไพรีโอหังบังอาจ | ข้าบาททั้งสองจะอาสา |
ยกไปสังหารให้มรณา | มิให้เคืองบาทาฝ่าธุลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังชื่นชมยินดี | จึงมีบัญชาตอบไป |
อันย่าหรันนั้นยังเยาว์อยู่ | ปันหยีช่วยดูเอาใจใส่ |
เกลือกจะประมาทการชิงชัย | อย่าให้อายชาวมะงาดา |
แล้วตรัสอำนวยอวยพร | ให้เรืองฤทธิรอนแกล้วกล้า |
ผลาญหมู่ศัตรูมรณา | ด้วยเดชศักดาราวี |
ตำมะหงงจงจัดพลขันธ์ | บรรจบทัพย่าหรันปันหยี |
ให้พร้อมโดยกระบวนโยธี | แต่ในบัดนี้ฉับไว ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันปันหยีบังคมไหว้ |
รับพรแล้วลาภูวไนย | ขึ้นม้าคลาไคลไปทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงดาหาติกาหรัง | ต่างสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
จัดทัพให้พร้อมบัดนี้ | เราจะกรีธาพลไปรณรงค์ |
สั่งแล้วต่างเสด็จลีลาศ | ยุรยาตรนาดกรงามระหง |
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง | ต่างแจ้งแก่องค์นางทรามวัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งแปดพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
ต่างรับสั่งสองภูวไนย | ก็รีบออกไปฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงปันหยีก็จัดพล | แต่ละคนเรี่ยวแรงแข็งขัน |
ใส่เสื้อสีม่วงเป็นเหล่ากัน | หมายพิฆาตฟาดฟันปัจจามิตร |
กิดาหยันเสื้อสีแดงชาด | เอวคาดปั้นเหน่งเหน็บกริช |
พวกระเด่นเชลยพระทรงฤทธิ์ | วิจิตรเสื้อสีทับทิมพราย |
ฝ่ายสี่พี่เลี้ยงย่าหรัน | ก็จัดพลขันธ์ทั้งหลาย |
เป็นทัพหน้าแม่กองเกียกกาย | ปีกซ้ายปีกขวาครบครัน |
ล้วนขี่พาชีทั้งสองกอง | เรืองรองลองเชิงผกผัน |
ตำมะหงงจัดพลพร้อมกัน | มาบรรจบเตรียมยาตรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
ทั้งองค์ย่าหรันอันศักดา | เสด็จมาสรงสหัสวาริน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน | สุคนธารเฟื่องฟุ้งจรุงกลิ่น |
สนับเพลาเป็นรูปนาคินทร์ | ภูษาทรงธงข้าวบิณฑ์ต่างกัน |
ต่างทรงสะอิ้งรัดบรรจง | ฉลององค์พื้นทองเฉิดฉัน |
สังวาลเพชรเม็ดใหญ่พรายพรรณ | พาหุรัดกุดั่นทองกร |
ต่างสอดธำมรงค์ค่าเมือง | แสงประเทืองจำรัสประภัสสร |
ห้อยอุบะบุหงากรรเจียกจอน | จับกริชฤทธิรอนอันศักดา |
ถือเช็ดหน้าชมพูชูใจ | งามวิไลดังเทพเลขา |
แต่ปันหยีนั้นคอยเวลา | ฝ่ายย่าหรันขึ้นม้าพาชี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ จึงให้เคลื่อนพลทวยหาญ | ผ่านไปหน้าบ้านปันหยี |
เห็นยังไม่ยกโยธี | ก็ไปคอยอยู่ที่ประตูเมือง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีมีฤทธิ์ลือเลื่อง |
เสร็จทรงอาภรณ์อร่ามเรือง | ก็ย่างเยื้องเข้าห้องไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเสด็จนั่งลง | ข้างองค์ระเด่นอรสา |
แล้วมีมธุรสวาจา | เมื่อครั้งจะมาหรามาชิงชัย |
หากได้อุณากรรณช่วยพันตู | ศัตรูจึงม้วยตักษัย |
ครั้งนี้ไม่มีเพื่อนก็เปลี่ยวใจ | ให้หวั่นไหวในการจะต่อตี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
ได้ฟังวาจาพระภูมี | เทวีสะเทินเขินวิญญาณ์ |
พลางชำเลืองเคืองค้อนแล้วตอบไป | เป็นไฉนยังขืนเอามาว่า |
นี่หรือพระองค์ทรงเมตตา | จะแกล้งให้ไพร่ฟ้ารู้ไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส |
ซึ่งว่านี้พี่หยอกดอกทรามวัย | จะขุ่นเคืองพี่ไยกัลยา |
ว่าพลางพระทางส้วมกอด | รับขวัญเยาวยอดเสนหา |
จำเป็นจะนิราศคลาดคลา | แก้วตาค่อยอยู่จงดี |
ถึงไปก็ไม่ช้านัก | น้องรักอย่าข้องหมองศรี |
สั่งแล้วมาขึ้นพาชี | ให้เคลื่อนโยธีไคลคลา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงว่าแก่ย่าหรัน | เจ้าจงนำพลขันธ์เป็นทัพหน้า |
ว่าพลางกะระตะอาชา | ออกจากทวาราเวียงชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
โทน
๏ ม้าเอยสองม้าต้น | ต่างตนมีกำลังสูงใหญ่ |
เยื้องอกย่อท้ายร่ายไป | ว่องไวหักโหมโถมทะยาน |
ชันหูชูหางไว้หน้า | ท่วงทีมีสง่ากล้าหาญ |
พู่พรายสายถือเบาะอาน | ชัชวาลผ่านหน้าพื้นสุวรรณ |
อันพวกม้าสกรรจ์สันทัด | ถัดมานั้นม้ากิดาหยัน |
ม้าพี่เลี้ยงแลระเด่นทั้งนั้น | เดินเรียงตามหลั่นกระบวนยุทธ์ |
เสียงม้าเสียงโกลนกระทบกัน | เสียงสนั่นดังคลื่นในสมุทร |
เสียงโห่เพียงปัถพีทรุด | แสงสาตราอาวุธพรายตา |
ทัพหน้าเร่งม้านำพล | ทัพหลวงเร่งพหลซ้ายขวา |
ผลคลีบดบังพระสุริยา | รีบมายังด่านธานี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระตูมะงาดาเรืองศรี |
ยืนรถอยู่กลางโยธี | เห็นปันจุเหร็จกรีพลมา |
กริ้วโกรธพิโรธคือเพลิงกาล | ดังจะเผ่นทะยานเข้าเข่นฆ่า |
จึงลงจากรถแก้วแววฟ้า | ทรงม้าฝ่าพลขึ้นไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นใกล้จึงร้องว่ามา | เหวยอ้ายโจรป่าหยาบใหญ่ |
กูให้จับไปจำใส่ตรุไว้ | มิได้สังหารผลาญชีวี |
มึงหลบหนีมาแล้วมิหนำ | ยังซ้ำลักธิดามารศรี |
ทำให้เกินศักดิ์ดังนี้ | ไม่เกรงฤทธีชัยชาญ |
กูเป็นกษัตริย์ทรงเดชา | ทั่วทั้งแดนชวาไม่ต่อต้าน |
มึงดังหิ่งห้อยสามานย์ | หรือจะทานซึ่งแสงพระอาทิตย์ |
สำหรับจะยับเป็นภัสม์ธุลี | ไม่มีเกียรติยศแต่สักหนิด |
กูเสียดายอาวุธสุดคิด | ด้วยโลหิตของมึงจะติดไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันฟังแจ้งแถลงไข |
ยิ้มแล้วจึงตอบไปทันใด | เหวยระตูผู้ใจพาลา |
ตัวเราเป็นชาวพงไพร | แต่ใจใฝ่สูงเกินหน้า |
รักศักดิ์สุริย์วงศ์กษัตรา | จึงลอบลักพาพระบุตรี |
ถึงชั่วดีก็ได้เป็นเขยท่าน | จะประจานไยเล่าไม่พอที่ |
เครื่องจะอายแก่หมู่โยธี | ประเวณีชายทั้งแดนไตร |
เดิมเราไม่มีสิ่งผิด | ท่านทำทุจริตหยาบใหญ่ |
ให้มาลอบลักเอาเราไป | จะเข่นฆ่าเสียให้มรณา |
ลูกท่านขอไว้จึงไม่ม้วย | ก็แทนคุณนางด้วยเสนหา |
อย่าดูหมิ่นกล่าวคำอหังการ์ | ไม่ช้าจะได้เห็นกัน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาแข็งขัน |
ได้ฟังคั่งแค้นใครจะทัน | จึงตอบไปพลันทันใด |
ลูกกูนั้นมันก็ทรลักษณ์ | มึงก็ทะนงศักดิ์มักใหญ่ |
กูจะฟาดฟันให้บรรลัย | ตายตามกันไปในไม่ช้า |
อันชาวกาหลังทั้งหลาย | จะฉิบหายเพราะคบไอ้โจรป่า |
ว่าแล้วร้องเร่งโยธา | จงเข้าเข่นฆ่าให้วายปราณ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายหมู่นิกรทวยหาญ |
กวัดแกว่งอาวุธโถมทะยาน | เข้าไล่รอนราญอลวน |
ปืนยาหน้าไม้ก็ยิงยุ่ง | หอกดาบผัดพุ่งเป็นห่าฝน |
ไล่บุกรุกโรมโจมผจญ | เสียงพลเสียงปืนนี่นัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกโยธาย่าหรัน |
หลบหลีกรับรองป้องกัน | ต่อแย้งแทงฟันประจัญบาน |
พลปืนต่อปืนยืนยิง | พลหอกกลอกกลิ้งเข้าหักหาญ |
พลดาบต่อดาบรอนราญ | ดั้งต่อดั้งต้านประดังตี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ต่างต้องอาวุธทั้งสองฝ่าย | ล้มตายเกลื่อนกลาดพนาศรี |
พลระตูย่อท้อเสียที | พลย่าหรันไล่คะยีคะยิกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาใจกล้า |
เห็นพลล้มตายพ่ายมา | พระโกรธาฝ่าพลขึ้นไปพลัน |
ชักพระแสงทวนทองพู่ขาว | กวัดแกว่งแรงราวกับจักรผัน |
แล่นไล่โรมรุกบุกบัน | แทงพลย่าหรันเป็นสิงคลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันฤทธิรงค์เรืองศรี |
รำทวนกระทืบพาชี | โถมเข้าราวีปะทะไว้ |
ต่างองค์ต่างแทงแกว่งกวัด | ต่างผันต่างผัดต่างไล่ |
ต่างกล้าต่างหาญว่องไว | ต่างชำนาญชิงชัยไม่ละกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูฤทธิแรงแข็งขัน |
ขับม้าไล่เลี้ยวพัลวัน | โดยกระบวนเชิงชั้นรณยุทธ์ |
ต่างองค์ทรงพุ่งหอกซัด | ต่างป้องต่างปัดอุตลุด |
ระตูชักกระบี่ไวยวุฒ | โถมเข้าสัประยุทธ์เป็นโกลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันฤทธิไกรใจกล้า |
เห็นระตูชักกระบี่แทงมา | ก็ทำถอยอาชาเวียนระวัน |
แล้วแกว่งพระแสงกระบี่ทรง | อาจองรับรองผัดผัน |
ต่างล่อต่างแทงต่างฟัน | ต่างรุกบุกบันประจัญบาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาใจหาญ |
กระบี่พลัดจากหัตถ์เดือดดาล | ชักกริชชัยชาญออกทันใด |
กวัดแกว่งแสงอร่ามวามวับ | เข่นขับอาชาให้รุกไล่ |
ม้าโจนโผนพลาดแพลงไป | ล้มลงทับไว้ก็เสียที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพวกย่าหรันปันหยี |
ต่างกลุ้มรุมไล่ไพรี | พวกระตูแตกหนีย่อยยับ |
ถูกพิฆาตฟาดฟันก็มากมาย | ที่กลัวตายอ่อนน้อมยอมให้จับ |
ได้ทั้งตัวระตูผู้นายทัพ | มัดจูงเป็นตับกลับมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิไกรใจกล้า |
แต่คอยทีจะช่วยอนุชา | ก็เห็นว่าไม่เพลี่ยงไพรี |
ครั้นย่าหรันมีชัยในสงคราม | ก็เปรมปรีดิ์มีความเกษมศรี |
จึงชวนพระอนุชาจรลี | จะไปสรงวารีให้สำราญ |
ต่างองค์ทรงขับมโนมัย | ลัดทางตามในไพรสาณฑ์ |
ไปยังสระใหญ่ในดงดาน | พวกพลทวยหาญก็ตามไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
สระบุหร่ง
๏ ครั้นถึงจึงลงสระสนาน | ในสระชลธารเย็นใส |
ชมบุษบาบานตระการใจ | บ้างตูมตั้งบังใบอรชร |
หอมหวนอวลอบตลบกลิ่น | ภุมรินบินเคล้าเกสร |
บ้างโรยร่วงลงในสาคร | ฟุ้งขจรเสาวคนธ์มาลา |
พวกระเด่นก็เล่นเป็นเหล่ากัน | ทั้งพี่เลี้ยงกิดาหยันก็หรรษา |
ด้วยชนะศัตรูหมู่พารา | ต่างบันเทิงเริงร่าในวารี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ บัดนั้น | ประสันตากุเรปันกรุงศรี |
ทำเป็นเฉยหน้าพาที | สงครามครั้งนี้ใหญ่นัก |
แต่ตัวข้าเอาเหื่อต่างน้ำ | ปล้ำตัวรบราญหาญหัก |
สู้สงครามด้วยความสามิภักดิ์ | ชีวิตปิ้มจักบรรลัย |
แต่ระเด่นกุดารัศมี | จะต่อตีเต็มมือก็หาไม่ |
อ้าปากดูเพื่อนกันชิงชัย | ตะลึงไปปิ้มจะตกอาชา |
ฝ่ายพระอนุชาย่าหรัน | หนักไหนบุกบันเข้ารับหน้า |
ก็ควรอยู่ด้วยเป็นธรรมดา | ชนะมาก็มีที่ชื่นใจ |
พวกพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ก็สรวลขึ้นสนั่นทั้งสระใหญ่ |
ระเด่นกุดารัศมีนั้นขัดใจ | แต่ปันหยียิ้มละไมอยู่ไปมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ยิ้มพลางทางตอบประสันตา | พี่ช่างมาว่าได้ไม่คิดดู |
ราชการของตัวติดพัน | หนักเบาก็ต้องหันหน้าสู้ |
ถึงจะมีผู้ช่วยค้ำชู | จะนิ่งอยู่ดูเล่นเห็นผิดที |
อันน้องนี้ดังหนึ่งภุมรา | เจตนาแต่ละอองส่าหรี |
ถึงจะอยู่กลางสระวารี | ก็มีเพียรไปกลั้วสุมณฑา |
พี่ดังนกกระต้อยติวิด | ทั้งปากเบาความคิดก็หนักหนา |
กลัวฟ้าจะทับลงมา | จึงนอนเอาบาทาขึ้นกันไว้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส |
จึงว่าเอาให้สาสมใจ | ใครใช้ให้ปากสามานย์ |
ว่าแล้วชวนองค์อนุชา | ลีลามาจากสระสนาน |
ขึ้นทรงมโนมัยชัยชาญ | กรีธาทวยหาญเข้าบุรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากม้าทรง | ชวนองค์อนุชาเรืองศรี |
กับระเด่นพี่เลี้ยงเสนี | เข้าไปยังที่พระโรงชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงประณตบทบงสุ์ | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ |
ทูลความตามที่มีชัย | จับระตูมาไว้หน้าพระลาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังฟังทูลเกษมศานต์ |
ดังเทวาเอาทิพย์สุธาธาร | มาโสรจสรงสนานกายา |
จึงมีสุนทรวาที | พ่อนี้วิตกอยู่หนักหนา |
ด้วยย่าหรันนั้นยังเยาว์ยุพา | ไม่ชำนาญเข่นฆ่าราวี |
บัดนี้มีชัยปัจจามิตร | ด้วยฤทธิ์ลูกรักทั้งสองศรี |
เจ้าทำคุณขอบใจในครั้งนี้ | จงเจริญสวัสดีให้เป็นนิจ |
แล้วตรัสสั่งมหาเสนา | อ้ายระตูมะงาดามันคนผิด |
จองหองพองคนเป็นพ้นคิด | ทะนงจิตอวดกล้ามาราวี |
ตระเวนให้ครบเจ็ดวัน | แล้วจึงให้บั่นเกศี |
อย่าให้โลหิตติดธานี | ไพรีจะได้ดูเยี่ยงไว้ |
ตรัสแล้วให้เรียกเอาเครื่องทรง | ธำมรงค์สังวาลประทานให้ |
แก่ปันหยีย่าหรันทันใด | ทั้งสิ่งของเครื่องใช้ครบครัน |
พวกระเด่นพี่เลี้ยงแลทวยหาญ | ก็ประทานสิ่งสมบัติจัดสรร |
เงินทองเสื้อผ้าแพรพรรณ | ตามความชอบเป็นหลั่นกันลงมา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
ทั้งองค์ย่าหรันอนุชา | ระเด่นแลบรรดาเสนาใน |
ได้ประทานสิ่งของนานา | มีความปรีดาแจ่มใส |
ต่างบังคมลาคลาไคล | กลับไปสู่วังทั้งสององค์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาตำมะหงง |
ออกมาสั่งผู้คุมทำมะรง | ดังทรงประภาษประกาศมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนายเพชฌฆาตซ้ายขวา |
จึงพาระตูมะงาดา | ตระเวนรอบพาราให้ร้องไป |
ทำมะรงเคาะฆ้องนำหน้า | ชวนกันโกรธาไม่ปราศรัย |
ตีเตือนให้ร้องครุ่นไป | แค้นใจด้วยทำอหังการ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
โอ้ปี่
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ต้องโทษา |
จำต้องร้องประกาศชาวพารา | ใครใครจงอย่าดูเยี่ยงเรา |
ด้วยทำความผิดคิดคด | ทรยศประทุษร้ายเจ้า |
จึงต้องราชทัณฑ์ไม่บรรเทา | สมกับที่เราบังอาจใจ |
ครั้นค่ำจำใส่ตรุตรึง | ขันขึงมิได้ปราศรัย |
ผู้คนนั่งยามตามไฟ | ตรวจไตรทุกยามอัตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
นึกถึงดะราหวันกัลยา | น่าที่จะกำสรดระทดใจ |
เหตุนางภักดีหนีมาด้วย | บิดาจะมาม้วยตักษัย |
คิดพลางทางเสด็จคลาไคล | ลงไปยังตำหนักนงเยาว์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ นั่งแนบแอบนางพลางเล่าเรื่อง | เกิดขุ่นเคืองเพราะว่าบิดาเจ้า |
โกรธแค้นจู่ลู่ดูเบา | ยกเข้ามาประชิดติดบุรี |
มิหนำซ้ำสั่งโดยทะนง | ให้พระองค์ส่งพี่กับปันหยี |
จึงเกิดรบรุกคลุกคลี | บิดาเจ้าเสียทีเขาจับไว้ |
พระองค์ผู้ดำรงเขตขัณฑ์ | จะให้ลงราชทัณฑ์ถึงตักษัย |
ถึงรักก็จำหักหฤทัย | เพราะกรรมทำไว้จึงมรณา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
ฟังเล่าเศร้าจิตถึงบิดา | กัลยากำสรดโศกี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าบิตุเรศของลูกอา | พระคุณพ้นคณนาเหนือเกศี |
ทรงถนอมกล่อมเลี้ยงลูกนี้ | อารีสารพัดไม่ขัดใจ |
เพราะลูกนี้ชั่วเอาตัวหนี | จึงได้มาหาที่ตักษัย |
เหมือนลูกฆ่าฟันให้บรรลัย | จะอยู่ไปก็เครื่องอัประมาณ |
จะมีแต่ติฉินยินร้าย | อับอายไปจนอวสาน |
ขอทูลลาเบื้องบาทบทมาลย์ | วายปราณไปตามพระบิดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันได้ฟังนางว่า |
สงสารนางพลางกล่าววาจา | เจ้าอย่าโศกาจาบัลย์ |
พี่จะช่วยทูลขอโทษไว้ | มิให้บิดาเจ้าอาสัญ |
เจ้าได้ช่วยพี่เมื่อครั้งนั้น | พี่คิดอยู่ทุกวันถึงคุณน้อง |
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า | โฉมเฉลาจงคลายเศร้าหมอง |
พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง | แล้วเสด็จจากห้องจรลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
จึงตกแต่งโภชนาสาลี | ตามมีทุกสิ่งสารพัน |
ทั้งยี่ภู่ภูษาผ้าทรง | สำหรับองค์ระตูสู้จัดสรร |
ส่งให้สาวใช้ไปพลัน | ไปถวายให้ทันเวลานี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้รับสั่งใส่เกศี |
รับของมาจากเทวี | ตรงไปยังที่ตรุพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงแจ้งแก่ทำมะรง | ท่านจงเอ็นดูด้วยช่วยฉัน |
ด้วยลูกสาวท้าวมะงาดานั้น | จัดสรรของมาส่งองค์บิดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทำมะรงผู้พิทักษ์รักษา |
ชอบใจในรสพจนา | ก็ปล่อยให้ทาสานั้นเข้าไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทาสียินดีจะมีไหน |
จึงให้คนขนของอรไท | เข้าในตรุพลันทันที |
ทูลระตูผู้ต้องพันธนา | ว่าองค์พระธิดามารศรี |
ได้ทราบทรงโศกศัลย์พันทวี | จัดของทั้งนี้ให้นำมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ต้องโทษา |
รับเอาเอมโอชโภชนา | ทั้งยี่ภู่ภูษาด้วยยินดี |
แล้วถามถึงราชธิดา | เขาเลี้ยงดูกัลยาไฉนนี่ |
ตัวเราเขาจะล้างชีวี | เรานี้ยังห่วงด้วยลูกรัก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทาสีทูลไปให้ประจักษ์ |
ว่าพระธิดานงลักษณ์ | สามิภักดิ์วอนว่าแก่สามี |
องค์ย่าหรันนั้นรับจะทูลขอ | ยังรอเวลาเฝ้าเจ้ากรุงศรี |
พรุ่งนี้จึงจะแจ้งคดี | ทาสีทูลแล้วก็ลามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงทูลนางเทวี | ตามคำภูมีพิไรว่า |
บรรยายให้แจ้งกิจจา | เห็นทีพระบิดายังอาลัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
ครั้นเวลาเฝ้าก็เข้าไป | เห็นองค์ภูวไนยทรงสำราญ |
จึงทูลว่าระตูมะงาดา | โทษถึงชีวาม้วยสังขาร |
แต่บุตรีมีคุณอุปการ | แก่ข้าบทมาลย์ให้รอดมา |
บัดนี้นางโศกาอาดูร | จึงรับคำว่าจะทูลขอโทษา |
มิให้ต้องสังหารผลาญชีวา | พระผ่านฟ้าจงโปรดปรานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวาในราศี |
จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี | เราให้ชีวีระตูนั้น |
บุตรีมีคุณแก่ลูกเรา | อย่าให้บิดาเขาต้องอาสัญ |
จงถอดส่งให้ในเร็วพลัน | แล้วให้คืนเขตขัณฑเสมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศา |
ไปสั่งกรมเมืองดังบัญชา | ให้ถอดท้าวมะงาดาส่งไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ทำมะรงรับคำท่านผู้ใหญ่ |
ถอดระตูผู้ต้องโทษภัย | พาไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันทรงสวัสดิ์รัศมี |
ครั้นออกจากเฝ้าพระภูมี | ตรงยังไปที่ตำหนักพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงแจ้งเหตุการณ์ | แก่นงคราญระเด่นดะราหวัน |
ว่าบัดนี้พระองค์ทรงธรรม์ | ประทานโทษระตูนั้นให้พี่มา |
เดี๋ยวนี้ยังนั่งอยู่ข้างนอก | พระน้องจงออกไปหา |
ตรัสพลางทางเสด็จลีลา | ไปห้องขนิษฐายาใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันศรีใส |
แสนโสมนัสสารีบคลาไคล | ออกไปยังระตูผู้บิดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ ตรงเข้ากอดบาทบิตุเรศ | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา |
นางวิงวอนงอนง้อขอสมา | เพราะลูกยาทำเหตุเภทภัย |
ให้พระบิตุรงค์ทรงยศ | ต้องรันทดทุกข์ทนหม่นไหม้ |
โทษข้าควรถึงบรรลัย | ขอพระองค์จงได้ปรานี |
ถ้าหากพระบิดาต้องอาสัญ | ลูกไม่ครองชีวันให้บัดสี |
ร่ำพลางทางทรงโศกี | พ่างเพียงเทวีจะขาดใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระตูเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
กอดราชธิดาโศกาลัย | ว่าพ่อเองผิดไปนะลูกรัก |
ทุจริตคิดร้ายต่อเขาก่อน | จึงเดือดร้อนกรรมเวรเห็นประจักษ์ |
หากเจ้าช่วยไว้ด้วยใจภักดิ์ | คุณของลูกรักเป็นพ้นไป |
ถึงว่าย่าหรันสามีเจ้า | คุณของเขาก็มีเป็นข้อใหญ่ |
พ่อสิ้นคิดเคียดรังเกียจใจ | แต่นี้ไปจะสมัครภักดี |
เจ้าจงไปบอกเขาเล่าแถลง | ให้จะแจ้งคำบิดาว่าแต่กี้ |
อันเมืองมะงาดาธานี | แต่นี้ยอมออกแก่เขานั้น ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางระเด่นดะราหวัน |
รับคำพระบิดาสารพัน | มาทูลย่าหรันในทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้มีอัชฌาสัย |
จึงเสด็จยุรยาตรออกไป | ปราศรัยระตูมะงาดา |
ท่านจงกลับไปพระนคร | ครอบครองประชากรให้หรรษา |
อย่าพะวงด้วยองค์พระธิดา | เราจะเลี้ยงรักษาดังดวงใจ |
แล้วจึงสั่งพี่เลี้ยงแลเสนา | แต่บรรดาข้าศึกที่จับได้ |
เร่งคืนให้เขาอย่าเอาไว้ | จะได้คลาไคลไปธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
จึงทูลสนองวาจาพาที | พระคุณนี้ยิ่งล้นคณนา |
จะตั้งใจจงรักภักดี | ขอฝากบุตรีของข้า |
แม้ผิดพลั้งจงได้กรุณา | ว่าแล้วอำลาคลาไคล |
มารวบรวมรี้พลมนตรี | เรียกตัวตามมีตามได้ |
ระตูขึ้นทรงอาชาไนย | กลับไปมะงาดาธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากอาชา | ขึ้นปราสาทรจนาเรืองศรี |
ให้หาตำมะหงงเสนี | จะให้ไปบุรีกาหลังนั้น |
แล้วจัดเครื่องประดับสำหรับองค์ | พระบุตรีเคยทรงทุกสิ่งสรร |
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสุรางค์นางกำนัล | เครื่องบรรณาการก็มากมี |
มอบให้ตำมะหงงเสนา | จงคุมเครื่องวัตถาแลสาวศรี |
ไปให้ย่าหรันอันฤทธี | กับราชบุตรีของเรานั้น ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน |
ออกมาหาบ่าวไพร่ได้พร้อมกัน | จัดสรรขนของมากองไว้ |
ให้เสมียนจดหมายรายบาญชี | ที่ของดีนั้นทำหีบใส่ |
แล้วตีตราผนิดปิดทุกใบ | ขนไปใส่รถแลคชา |
พระพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลนาง | บ้างขึ้นช้างบ้างจัดขึ้นรถา |
ตำมะหงงนั้นขี่อาชา | ขับพลรีบมาในอารัญ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพารากาหลัง | ก็พากันไปยังวังย่าหรัน |
ตำมะหงงไปหาเสนาพลัน | บอกคดีทั้งนั้นให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พี่เลี้ยงผู้เป็นใหญ่ |
จึงพาตำมะหงงตรงไป | ยังในที่เฝ้าเจ้าของตน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ทูลความตามที่ท้าวมะงาดา | ส่งบรรณาการมาเกลื่อนกล่น |
ทั้งสมบัติวัตถาข้าคน | ของบุตรีนิรมลก็ส่งมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ย่าหรันหรรษา |
จึงมีมธุรสพจนา | โอภาปราศรัยด้วยไมตรี |
เราขอบคุณระตูผู้เป็นใหญ่ | อุตส่าห์ให้ท่านมาจนถึงนี่ |
ทั้งให้ปันหลายหลากมากมี | ตัวเรากับบุตรียินดีนัก |
ท่านจงพาผู้คนทั้งนั้น | ไปหานางดะราหวันที่ตำหนัก |
จะได้อภิปรายทายทัก | โดยฉันที่รู้จักกันมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนีมียศถา |
ดีใจกราบก้มบังคมลา | พี่เลี้ยงพาไปเฝ้าพระบุตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
เห็นตำมะหงงมาก็ยินดี | เทวีไต่ถามถึงบิดร |
เสด็จไปอยู่ดีมีความสุข | หรือเป็นทุกข์ไม่ทรงสโมสร |
ท่านอุตส่าห์มาถึงพระนคร | นี่ภูธรใช้มาหรือว่าไร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงผู้มีอัชฌาสัย |
ก้มกราบบาทมูลแล้วทูลไป | พระบิดาตรัสใช้ให้มา |
นำของเครื่องประดับสำหรับองค์ | ทั้งพี่เลี้ยงนางอนงค์ซ้ายขวา |
ซึ่งพระองค์ใช้แต่ก่อนมา | เมื่ออยู่มะงาดาธานีนั้น |
ให้มาส่งยังองค์พระแม่เจ้า | กับของข้าวสารพัดทรงจัดสรร |
แล้วเรียกเหล่าพี่เลี้ยงกำนัล | พากันเข้าเฝ้าพระบุตรี |
พี่เลี้ยงนางนมกรมใน | ครั้นได้ไปเห็นองค์นางโฉมศรี |
ต่างคนสุขเกษมเปรมปรีดิ์ | ด้วยเทวีจากมาช้านาน |
ตำมะหงงทูลลาแล้วคลาไคล | ขึ้นม้ารีบไปในไพรสาณฑ์ |
ดั้นดัดลัดพงดงดาน | คืนสถานมะงาดาฉับพลัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf