เล่มที่ ๓๐

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงพี่เลี้ยงระเด่นดะราหวัน
ซึ่งรู้ว่าพระธิดาดวงจันทร์ ไปหาย่าหรันยังตรุใน
แต่คอยคอยจนรุ่งสุริย์ฉาน จะเห็นกลับคืนสถานก็หาไม่
ต่างคนตระหนกตกใจ แล้วใส่ไคล้ด้วยกลมารยา
ว่าวันนี้เป็นไฉนโฉมฉาย จึงบรรทมสายหนักหนา
จะไปดูให้รู้กิจจา ว่าแล้วก็พากันจรลี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงซึ่งห้องไสยาสน์ ไม่เห็นนวลนาฏโฉมศรี
ทำตกใจเป็นพ้นพันทวี ก็เที่ยวค้นทั่วที่ตำหนักใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ไม่พบแล้วจึงปรึกษากัน โศกศัลย์ทุกข์ทนหม่นไหม้
เมื่อฉะนี้จะคิดประการใด จะพากันบรรลัยด้วยอาญา
จำจะทูลองค์พระทรงเดช ให้ทราบเหตุทั้งนี้เสียดีกว่า
ว่าแล้วก็พากันไคลคลา ไปเฝ้าผ่านฟ้าทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ น้อมเกล้ากราบทูลเบื้องบาท นเรนทร์สูรธิราชเรืองศรี
บัดนี้สมเด็จพระบุตรี บรรทมอยู่ในที่หายไป
ข้าเที่ยวค้นทั่วราชฐาน จะพบองค์นงคราญก็หาไม่
โทษถึงชีวันบรรลัย ตามแต่ภูวไนยจะเมตตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาได้ฟังว่า
ตกใจมิได้จำนรรจา ผ่านฟ้าตะลึงไปทั้งกาย
แสนอาลัยพระธิดาดังชีวิต นิ่งหวนครวญคิดแล้วใจหาย
แสนทุกข์แทบว่าชีวาวาย พระฟูมฟายชลนาจาบัลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกผู้คุมคนขยัน
ครั้นรุ่งแสงสีรวีวรรณ ไม่เห็นย่าหรันก็ตกใจ
พระธิดาออกมาคืนนี้ จะพากันหนีหรือไฉน
ต่างคนค้นหาวุ่นไป อุตลุดทั้งในพารา
ตึกกว้านบ้านเรือนซอนซอก เข้าตรอกออกถนนค้นหา
ทั้งโรงม้าโรงรถคชา พากันเสาะสืบหาทุกตำบล ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ นอกในพาราก็หาจบ เที่ยวตลบหลายกลับสับสน
ไม่พบปรับทุกข์กันทุกคน จะวายชนม์เสียสิ้นครั้งนี้
จำจะไปเรียนท่านเสนา เอากิจจานี้แจ้งให้ถ้วนถี่
ว่าแล้วก็พากันจรลี ไปยังที่ศาลาลูกขุนใน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา แก่มหาเสนาผู้ใหญ่
คืนนี้ย่าหรันหายไป เที่ยวหาแห่งใดไม่พบพาน
อันโทษของข้าครานี้ ถึงสิ้นชีวีสังขาร
ชีวิตอยู่ใต้บทมาลย์ ขอท่านจงได้เมตตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ปาเตะผู้มียศถา
ฟังผู้คุมแจ้งกิจจา ว่าย่าหรันนั้นหนีไป
ตกใจนิ่งขึงตะลึงคิด ด้วยกลัวความผิดข้อใหญ่
ก็ลุกจากศาลาคลาไคล ไปเฝ้าภูวไนยเจ้าธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึงน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล นเรนทร์สูรปิ่นภพเรืองศรี
โดยผู้คุมว่าพาที ตามที่เหตุผลแต่ต้นมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาใจกล้า
ได้ฟังคั่งแค้นแน่นอุรา จึงมีวาจาประภาษไป
ชะรอยไอ้โจรป่าย่าหรัน คิดกันทะนงศักดิ์มักใหญ่
ลอบลักบุตรีกูหนีไป ทำให้ได้ความอัประมาณ
ว่าแล้วจึงสั่งตำมะหงง เร่งเตรียมจัตุรงค์ทวยหาญ
ให้พร้อมในรุ่งราตรีกาล กูจะไปตามผลาญไอ้โจรไพร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งแล้วรีบคลาไคล ตรงไปศาลาลูกขุนพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ เกณฑ์หมู่ทวยหาญชาญณรงค์ เลือกสรรบรรจงที่แข็งขัน
พีดำล่ำใหญ่คงกะพัน กรกุมเกาทัณฑ์ใส่ยาพิษ
บ้างถือหอกโล่โตมร ข้าศึกบ่ห่อนต่อติด
ฝึกสอนเชี่ยวชาญชำนาญฤทธิ์ กระบี่กริชเหน็บมั่นพันพัว
ผ้าประเจียดลงยันต์กับอาวุธ คาดตะกรุดมงคลขึ้นใส่หัว
เคี้ยวขมิ้นกินว่านซ่านทั้งตัว ไม่เกรงกลัวการณรงค์สงคราม
จัดถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง ช้างม้าคับคั่งท้องสนาม
ขุนรถผูกรถแต่สามยาม มาเตรียมตามตำแหน่งพนักงาน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาใจหาญ
ครั้นแสงทองส่องฟ้าทิวากาล ภูบาลมาสรงชลธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ไขสุหร่ายปรายปรอยเป็นฝอยฝน ทรงสุคนธ์ปนทองรองฉวี
สอดใส่สนับเพลารูจี ทรงภูษาเจ็ดสีพื้นแดง
ฉลององค์ตาดม่วงดวงดอก ชายไหวลายนอกระยับแสง
คาดปั้นเหน่งเพชรเท่าเม็ดแตง ชายแครงแกว่งระยับจับตา
สอดใส่สังวาลวิเชียรช่วง ตาบทิศทับทรวงมีค่า
ทองกรอ่อนวงทรงนาคา ธำมรงค์ลงยาระย้าเพชร
ทรงมหามงกุฎบุษย์น้ำเหลือง กรรเจียกแก้วแววประเทืองตรัสเตร็จ
ห้อยบุหงาเหน็บกั้นหยั่นกัลเม็ด ทรงเสร็จเสด็จจรลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี

ร่าย

๏ ขึ้นเกยสุวรรณบรรจง พร้อมหมู่จัตุรงค์ทั้งสี่
เสด็จทรงรถแก้วมณี ให้เคลื่อนโยธีคลาไคล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก

โทน

๏ รถเอยรถศึก ดุมกงก้องกึกแผ่นดินไหว
บัลลังก์ลอยงอนช้อยปักธงชัย สารถีแกว่งไกวอาวุธ
เทียมสินธพสี่สีแดง ชักรถเข้มแข็งไม่หย่อนหยุด
เครื่องสูงธงชัยกระบี่ครุฑ สำหรับยุทธนาราวี
เสียงแตรแซ่สนั่นฆ้องกลอง เสียงช้างม้าร้องอึงมี่
สารวัดรัดเร่งโยธี กระแตตีเตือนให้คลาไคล ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ แรมร้อนมาหลายเวนวาร ถึงปลายด่านกาหลังกรุงใหญ่
ให้หยุดพหลพลไกร สั่งให้ตั้งค่ายแลพลับพลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกศา
ออกมาสั่งกันมิทันช้า เสร็จดังบัญชาพระภูมี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาเรืองศรี
เสด็จขึ้นพลับพลารูจี ภูมีตรัสสั่งบังคับไป
ตำมะหงงจงไปแจ้งเหตุการณ์ ท้าวกาหลังผู้ผ่านบุรีใหญ่
ว่าเรามาปรารถนาบัดนี้ไซร้ ให้ส่งไอ้ย่าหรันปันหยีมา
ถ้าไม่ได้แล้วให้ออกมารบ อย่าสมคบเหล่าร้ายอ้ายโจรป่า
ถ้ามิฟังดังเราบัญชา จะหักเอาพาราบัดเดี๋ยวนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี
ออกมาหาบ่าวไพร่ได้ตามมี ก็ไปยังที่ด่านพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงแจ้งเหตุการณ์ แก่ขุนด่านนคเรศเขตขัณฑ์
ท่านจงพาเราเข้าไปพลัน เฝ้าองค์ทรงธรรม์เจ้าพารา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ขุนด่านได้ฟังไม่กังขา
รีบรัดจัดแจงผูกม้า เผ่นขึ้นอาชานำหน้าไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงพระทวารชานวัง ก็ไปยังเสนาผู้ใหญ่
เรียนคดีชี้แจงให้แจ้งใจ โดยในอนุสนธิ์แต่ต้นมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนีผู้มียศถา
ไต่ถามตำมะหงงมะงาดา แล้วพามาสู่ที่พระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ ทูลพระวงศ์เทวากระยาหงัน
มะงาดามาประชิดติดเขตคัน ให้ตำมะหงงนั้นเข้ามา
ว่าให้ส่งย่าหรันกับปันหยี แต่โดยดีอย่าให้เกิดกังขา
แม้นมิได้จะให้ตีเอาพารา พระผ่านฟ้าจงทราบฝ่าธุลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์เรืองศรี
ได้แจ้งแห่งคำไพรี ภูมีกริ้วโกรธโกรธา
จึงมีสีหนาทบรรหาร เหวยอ้ายพวกพาลริษยา
องอาจยกพลล่วงมา เจรจาโอหังเป็นพ้นไป
จะให้ส่งย่าหรันปันหยี ค่ำนี้เจ้ามึงจะตักษัย
เร่งกลับไปบอกจงฉับไว พรุ่งนี้จะได้เห็นกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนามะงาดาคนขยัน
ได้ฟังบัญชาพระทรงธรรม์ ถวายอภิวันท์แล้วกลับไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เข้าค่ายพลางถวายอภิวาท แทบบาททูลแจ้งแถลงไข
ว่าท้าวกาหลังฤทธิไกร ท่วงทีหยาบใหญ่เป็นพ้นคิด
ว่าไม่ส่งย่าหรันกับปันหยี พระพาทีก้าวเฉียงเบี่ยงบิด
พรุ่งนี้ทีจะยกมาประชิด พระทรงฤทธิ์จงทราบบทมาลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาใจหาญ
ได้ฟังกริ้วโกรธคือเพลิงกาล จึงมีพจมานทันที
ดูดู๋เจ้าเมืองกาหลัง โอหังอวดฤทธิ์ศักดิ์ศรี
คบอ้ายโจรไพรไว้ว่าดี เป็นไรมีจะได้เห็นกัน
จะยกเข้าหักโหมโจมตี เอาบุรีกาหลังเป็นเขตขัณฑ์
ฆ่าเสียให้สิ้นพงศ์พันธุ์ จะห้ำหั่นมิให้แค้นคอกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวกาหลังนาถา
จึงมีพระราชบัญชา สั่งสี่มหาเสนาใน
ให้เตรียมจัตุรงค์ทวยหาญ อันชำนิชำนาญการศึกใหญ่
กูจะยกพหลสกลไกร ไปชิงชัยสังหารผลาญไพรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึงองค์ย่าหรันปันหยี
ได้ฟังบัญชาพระภูมี อัญชลีทูลไปมิได้ช้า
ซึ่งไพรีโอหังบังอาจ ข้าบาททั้งสองจะอาสา
ยกไปสังหารให้มรณา มิให้เคืองบาทาฝ่าธุลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์เรืองศรี
ได้ฟังชื่นชมยินดี จึงมีบัญชาตอบไป
อันย่าหรันนั้นยังเยาว์อยู่ ปันหยีช่วยดูเอาใจใส่
เกลือกจะประมาทการชิงชัย อย่าให้อายชาวมะงาดา
แล้วตรัสอำนวยอวยพร ให้เรืองฤทธิรอนแกล้วกล้า
ผลาญหมู่ศัตรูมรณา ด้วยเดชศักดาราวี
ตำมะหงงจงจัดพลขันธ์ บรรจบทัพย่าหรันปันหยี
ให้พร้อมโดยกระบวนโยธี แต่ในบัดนี้ฉับไว ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันปันหยีบังคมไหว้
รับพรแล้วลาภูวไนย ขึ้นม้าคลาไคลไปทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงดาหาติกาหรัง ต่างสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่
จัดทัพให้พร้อมบัดนี้ เราจะกรีธาพลไปรณรงค์
สั่งแล้วต่างเสด็จลีลาศ ยุรยาตรนาดกรงามระหง
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง ต่างแจ้งแก่องค์นางทรามวัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งแปดพี่เลี้ยงผู้ใหญ่
ต่างรับสั่งสองภูวไนย ก็รีบออกไปฉับพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ยานี

๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงปันหยีก็จัดพล แต่ละคนเรี่ยวแรงแข็งขัน
ใส่เสื้อสีม่วงเป็นเหล่ากัน หมายพิฆาตฟาดฟันปัจจามิตร
กิดาหยันเสื้อสีแดงชาด เอวคาดปั้นเหน่งเหน็บกริช
พวกระเด่นเชลยพระทรงฤทธิ์ วิจิตรเสื้อสีทับทิมพราย
ฝ่ายสี่พี่เลี้ยงย่าหรัน ก็จัดพลขันธ์ทั้งหลาย
เป็นทัพหน้าแม่กองเกียกกาย ปีกซ้ายปีกขวาครบครัน
ล้วนขี่พาชีทั้งสองกอง เรืองรองลองเชิงผกผัน
ตำมะหงงจัดพลพร้อมกัน มาบรรจบเตรียมยาตรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น มิสาระปันหยีสุกาหรา
ทั้งองค์ย่าหรันอันศักดา เสด็จมาสรงสหัสวาริน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน สุคนธารเฟื่องฟุ้งจรุงกลิ่น
สนับเพลาเป็นรูปนาคินทร์ ภูษาทรงธงข้าวบิณฑ์ต่างกัน
ต่างทรงสะอิ้งรัดบรรจง ฉลององค์พื้นทองเฉิดฉัน
สังวาลเพชรเม็ดใหญ่พรายพรรณ พาหุรัดกุดั่นทองกร
ต่างสอดธำมรงค์ค่าเมือง แสงประเทืองจำรัสประภัสสร
ห้อยอุบะบุหงากรรเจียกจอน จับกริชฤทธิรอนอันศักดา
ถือเช็ดหน้าชมพูชูใจ งามวิไลดังเทพเลขา
แต่ปันหยีนั้นคอยเวลา ฝ่ายย่าหรันขึ้นม้าพาชี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

ร่าย

๏ จึงให้เคลื่อนพลทวยหาญ ผ่านไปหน้าบ้านปันหยี
เห็นยังไม่ยกโยธี ก็ไปคอยอยู่ที่ประตูเมือง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ปันหยีมีฤทธิ์ลือเลื่อง
เสร็จทรงอาภรณ์อร่ามเรือง ก็ย่างเยื้องเข้าห้องไสยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงเสด็จนั่งลง ข้างองค์ระเด่นอรสา
แล้วมีมธุรสวาจา เมื่อครั้งจะมาหรามาชิงชัย
หากได้อุณากรรณช่วยพันตู ศัตรูจึงม้วยตักษัย
ครั้งนี้ไม่มีเพื่อนก็เปลี่ยวใจ ให้หวั่นไหวในการจะต่อตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ติหลาอรสามารศรี
ได้ฟังวาจาพระภูมี เทวีสะเทินเขินวิญญาณ์
พลางชำเลืองเคืองค้อนแล้วตอบไป เป็นไฉนยังขืนเอามาว่า
นี่หรือพระองค์ทรงเมตตา จะแกล้งให้ไพร่ฟ้ารู้ไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส
ซึ่งว่านี้พี่หยอกดอกทรามวัย จะขุ่นเคืองพี่ไยกัลยา
ว่าพลางพระทางส้วมกอด รับขวัญเยาวยอดเสนหา
จำเป็นจะนิราศคลาดคลา แก้วตาค่อยอยู่จงดี
ถึงไปก็ไม่ช้านัก น้องรักอย่าข้องหมองศรี
สั่งแล้วมาขึ้นพาชี ให้เคลื่อนโยธีไคลคลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงว่าแก่ย่าหรัน เจ้าจงนำพลขันธ์เป็นทัพหน้า
ว่าพลางกะระตะอาชา ออกจากทวาราเวียงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

โทน

๏ ม้าเอยสองม้าต้น ต่างตนมีกำลังสูงใหญ่
เยื้องอกย่อท้ายร่ายไป ว่องไวหักโหมโถมทะยาน
ชันหูชูหางไว้หน้า ท่วงทีมีสง่ากล้าหาญ
พู่พรายสายถือเบาะอาน ชัชวาลผ่านหน้าพื้นสุวรรณ
อันพวกม้าสกรรจ์สันทัด ถัดมานั้นม้ากิดาหยัน
ม้าพี่เลี้ยงแลระเด่นทั้งนั้น เดินเรียงตามหลั่นกระบวนยุทธ์
เสียงม้าเสียงโกลนกระทบกัน เสียงสนั่นดังคลื่นในสมุทร
เสียงโห่เพียงปัถพีทรุด แสงสาตราอาวุธพรายตา
ทัพหน้าเร่งม้านำพล ทัพหลวงเร่งพหลซ้ายขวา
ผลคลีบดบังพระสุริยา รีบมายังด่านธานี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายระตูมะงาดาเรืองศรี
ยืนรถอยู่กลางโยธี เห็นปันจุเหร็จกรีพลมา
กริ้วโกรธพิโรธคือเพลิงกาล ดังจะเผ่นทะยานเข้าเข่นฆ่า
จึงลงจากรถแก้วแววฟ้า ทรงม้าฝ่าพลขึ้นไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นใกล้จึงร้องว่ามา เหวยอ้ายโจรป่าหยาบใหญ่
กูให้จับไปจำใส่ตรุไว้ มิได้สังหารผลาญชีวี
มึงหลบหนีมาแล้วมิหนำ ยังซ้ำลักธิดามารศรี
ทำให้เกินศักดิ์ดังนี้ ไม่เกรงฤทธีชัยชาญ
กูเป็นกษัตริย์ทรงเดชา ทั่วทั้งแดนชวาไม่ต่อต้าน
มึงดังหิ่งห้อยสามานย์ หรือจะทานซึ่งแสงพระอาทิตย์
สำหรับจะยับเป็นภัสม์ธุลี ไม่มีเกียรติยศแต่สักหนิด
กูเสียดายอาวุธสุดคิด ด้วยโลหิตของมึงจะติดไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันฟังแจ้งแถลงไข
ยิ้มแล้วจึงตอบไปทันใด เหวยระตูผู้ใจพาลา
ตัวเราเป็นชาวพงไพร แต่ใจใฝ่สูงเกินหน้า
รักศักดิ์สุริย์วงศ์กษัตรา จึงลอบลักพาพระบุตรี
ถึงชั่วดีก็ได้เป็นเขยท่าน จะประจานไยเล่าไม่พอที่
เครื่องจะอายแก่หมู่โยธี ประเวณีชายทั้งแดนไตร
เดิมเราไม่มีสิ่งผิด ท่านทำทุจริตหยาบใหญ่
ให้มาลอบลักเอาเราไป จะเข่นฆ่าเสียให้มรณา
ลูกท่านขอไว้จึงไม่ม้วย ก็แทนคุณนางด้วยเสนหา
อย่าดูหมิ่นกล่าวคำอหังการ์ ไม่ช้าจะได้เห็นกัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาแข็งขัน
ได้ฟังคั่งแค้นใครจะทัน จึงตอบไปพลันทันใด
ลูกกูนั้นมันก็ทรลักษณ์ มึงก็ทะนงศักดิ์มักใหญ่
กูจะฟาดฟันให้บรรลัย ตายตามกันไปในไม่ช้า
อันชาวกาหลังทั้งหลาย จะฉิบหายเพราะคบไอ้โจรป่า
ว่าแล้วร้องเร่งโยธา จงเข้าเข่นฆ่าให้วายปราณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่นิกรทวยหาญ
กวัดแกว่งอาวุธโถมทะยาน เข้าไล่รอนราญอลวน
ปืนยาหน้าไม้ก็ยิงยุ่ง หอกดาบผัดพุ่งเป็นห่าฝน
ไล่บุกรุกโรมโจมผจญ เสียงพลเสียงปืนนี่นัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกโยธาย่าหรัน
หลบหลีกรับรองป้องกัน ต่อแย้งแทงฟันประจัญบาน
พลปืนต่อปืนยืนยิง พลหอกกลอกกลิ้งเข้าหักหาญ
พลดาบต่อดาบรอนราญ ดั้งต่อดั้งต้านประดังตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ต่างต้องอาวุธทั้งสองฝ่าย ล้มตายเกลื่อนกลาดพนาศรี
พลระตูย่อท้อเสียที พลย่าหรันไล่คะยีคะยิกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาใจกล้า
เห็นพลล้มตายพ่ายมา พระโกรธาฝ่าพลขึ้นไปพลัน
ชักพระแสงทวนทองพู่ขาว กวัดแกว่งแรงราวกับจักรผัน
แล่นไล่โรมรุกบุกบัน แทงพลย่าหรันเป็นสิงคลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันฤทธิรงค์เรืองศรี
รำทวนกระทืบพาชี โถมเข้าราวีปะทะไว้
ต่างองค์ต่างแทงแกว่งกวัด ต่างผันต่างผัดต่างไล่
ต่างกล้าต่างหาญว่องไว ต่างชำนาญชิงชัยไม่ละกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูฤทธิแรงแข็งขัน
ขับม้าไล่เลี้ยวพัลวัน โดยกระบวนเชิงชั้นรณยุทธ์
ต่างองค์ทรงพุ่งหอกซัด ต่างป้องต่างปัดอุตลุด
ระตูชักกระบี่ไวยวุฒ โถมเข้าสัประยุทธ์เป็นโกลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กลอง

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันฤทธิไกรใจกล้า
เห็นระตูชักกระบี่แทงมา ก็ทำถอยอาชาเวียนระวัน
แล้วแกว่งพระแสงกระบี่ทรง อาจองรับรองผัดผัน
ต่างล่อต่างแทงต่างฟัน ต่างรุกบุกบันประจัญบาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูมะงาดาใจหาญ
กระบี่พลัดจากหัตถ์เดือดดาล ชักกริชชัยชาญออกทันใด
กวัดแกว่งแสงอร่ามวามวับ เข่นขับอาชาให้รุกไล่
ม้าโจนโผนพลาดแพลงไป ล้มลงทับไว้ก็เสียที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึงพวกย่าหรันปันหยี
ต่างกลุ้มรุมไล่ไพรี พวกระตูแตกหนีย่อยยับ
ถูกพิฆาตฟาดฟันก็มากมาย ที่กลัวตายอ่อนน้อมยอมให้จับ
ได้ทั้งตัวระตูผู้นายทัพ มัดจูงเป็นตับกลับมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ปันหยีฤทธิไกรใจกล้า
แต่คอยทีจะช่วยอนุชา ก็เห็นว่าไม่เพลี่ยงไพรี
ครั้นย่าหรันมีชัยในสงคราม ก็เปรมปรีดิ์มีความเกษมศรี
จึงชวนพระอนุชาจรลี จะไปสรงวารีให้สำราญ
ต่างองค์ทรงขับมโนมัย ลัดทางตามในไพรสาณฑ์
ไปยังสระใหญ่ในดงดาน พวกพลทวยหาญก็ตามไป

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

สระบุหร่ง

๏ ครั้นถึงจึงลงสระสนาน ในสระชลธารเย็นใส
ชมบุษบาบานตระการใจ บ้างตูมตั้งบังใบอรชร
หอมหวนอวลอบตลบกลิ่น ภุมรินบินเคล้าเกสร
บ้างโรยร่วงลงในสาคร ฟุ้งขจรเสาวคนธ์มาลา
พวกระเด่นก็เล่นเป็นเหล่ากัน ทั้งพี่เลี้ยงกิดาหยันก็หรรษา
ด้วยชนะศัตรูหมู่พารา ต่างบันเทิงเริงร่าในวารี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

ร่าย

๏ บัดนั้น ประสันตากุเรปันกรุงศรี
ทำเป็นเฉยหน้าพาที สงครามครั้งนี้ใหญ่นัก
แต่ตัวข้าเอาเหื่อต่างน้ำ ปล้ำตัวรบราญหาญหัก
สู้สงครามด้วยความสามิภักดิ์ ชีวิตปิ้มจักบรรลัย
แต่ระเด่นกุดารัศมี จะต่อตีเต็มมือก็หาไม่
อ้าปากดูเพื่อนกันชิงชัย ตะลึงไปปิ้มจะตกอาชา
ฝ่ายพระอนุชาย่าหรัน หนักไหนบุกบันเข้ารับหน้า
ก็ควรอยู่ด้วยเป็นธรรมดา ชนะมาก็มีที่ชื่นใจ
พวกพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน ก็สรวลขึ้นสนั่นทั้งสระใหญ่
ระเด่นกุดารัศมีนั้นขัดใจ แต่ปันหยียิ้มละไมอยู่ไปมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันวิลิศมาหรา
ยิ้มพลางทางตอบประสันตา พี่ช่างมาว่าได้ไม่คิดดู
ราชการของตัวติดพัน หนักเบาก็ต้องหันหน้าสู้
ถึงจะมีผู้ช่วยค้ำชู จะนิ่งอยู่ดูเล่นเห็นผิดที
อันน้องนี้ดังหนึ่งภุมรา เจตนาแต่ละอองส่าหรี
ถึงจะอยู่กลางสระวารี ก็มีเพียรไปกลั้วสุมณฑา
พี่ดังนกกระต้อยติวิด ทั้งปากเบาความคิดก็หนักหนา
กลัวฟ้าจะทับลงมา จึงนอนเอาบาทาขึ้นกันไว้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ปันหยียิ้มแย้มแจ่มใส
จึงว่าเอาให้สาสมใจ ใครใช้ให้ปากสามานย์
ว่าแล้วชวนองค์อนุชา ลีลามาจากสระสนาน
ขึ้นทรงมโนมัยชัยชาญ กรีธาทวยหาญเข้าบุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงลงจากม้าทรง ชวนองค์อนุชาเรืองศรี
กับระเด่นพี่เลี้ยงเสนี เข้าไปยังที่พระโรงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงประณตบทบงสุ์ องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่
ทูลความตามที่มีชัย จับระตูมาไว้หน้าพระลาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวกาหลังฟังทูลเกษมศานต์
ดังเทวาเอาทิพย์สุธาธาร มาโสรจสรงสนานกายา
จึงมีสุนทรวาที พ่อนี้วิตกอยู่หนักหนา
ด้วยย่าหรันนั้นยังเยาว์ยุพา ไม่ชำนาญเข่นฆ่าราวี
บัดนี้มีชัยปัจจามิตร ด้วยฤทธิ์ลูกรักทั้งสองศรี
เจ้าทำคุณขอบใจในครั้งนี้ จงเจริญสวัสดีให้เป็นนิจ
แล้วตรัสสั่งมหาเสนา อ้ายระตูมะงาดามันคนผิด
จองหองพองคนเป็นพ้นคิด ทะนงจิตอวดกล้ามาราวี
ตระเวนให้ครบเจ็ดวัน แล้วจึงให้บั่นเกศี
อย่าให้โลหิตติดธานี ไพรีจะได้ดูเยี่ยงไว้
ตรัสแล้วให้เรียกเอาเครื่องทรง ธำมรงค์สังวาลประทานให้
แก่ปันหยีย่าหรันทันใด ทั้งสิ่งของเครื่องใช้ครบครัน
พวกระเด่นพี่เลี้ยงแลทวยหาญ ก็ประทานสิ่งสมบัติจัดสรร
เงินทองเสื้อผ้าแพรพรรณ ตามความชอบเป็นหลั่นกันลงมา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มิสาระปันหยีสุกาหรา
ทั้งองค์ย่าหรันอนุชา ระเด่นแลบรรดาเสนาใน
ได้ประทานสิ่งของนานา มีความปรีดาแจ่มใส
ต่างบังคมลาคลาไคล กลับไปสู่วังทั้งสององค์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง
ออกมาสั่งผู้คุมทำมะรง ดังทรงประภาษประกาศมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนายเพชฌฆาตซ้ายขวา
จึงพาระตูมะงาดา ตระเวนรอบพาราให้ร้องไป
ทำมะรงเคาะฆ้องนำหน้า ชวนกันโกรธาไม่ปราศรัย
ตีเตือนให้ร้องครุ่นไป แค้นใจด้วยทำอหังการ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

โอ้ปี่

๏ เมื่อนั้น ระตูผู้ต้องโทษา
จำต้องร้องประกาศชาวพารา ใครใครจงอย่าดูเยี่ยงเรา
ด้วยทำความผิดคิดคด ทรยศประทุษร้ายเจ้า
จึงต้องราชทัณฑ์ไม่บรรเทา สมกับที่เราบังอาจใจ
ครั้นค่ำจำใส่ตรุตรึง ขันขึงมิได้ปราศรัย
ผู้คนนั่งยามตามไฟ ตรวจไตรทุกยามอัตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันวิลิศมาหรา
นึกถึงดะราหวันกัลยา น่าที่จะกำสรดระทดใจ
เหตุนางภักดีหนีมาด้วย บิดาจะมาม้วยตักษัย
คิดพลางทางเสด็จคลาไคล ลงไปยังตำหนักนงเยาว์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ นั่งแนบแอบนางพลางเล่าเรื่อง เกิดขุ่นเคืองเพราะว่าบิดาเจ้า
โกรธแค้นจู่ลู่ดูเบา ยกเข้ามาประชิดติดบุรี
มิหนำซ้ำสั่งโดยทะนง ให้พระองค์ส่งพี่กับปันหยี
จึงเกิดรบรุกคลุกคลี บิดาเจ้าเสียทีเขาจับไว้
พระองค์ผู้ดำรงเขตขัณฑ์ จะให้ลงราชทัณฑ์ถึงตักษัย
ถึงรักก็จำหักหฤทัย เพราะกรรมทำไว้จึงมรณา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นดะราหวันเสนหา
ฟังเล่าเศร้าจิตถึงบิดา กัลยากำสรดโศกี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่

๏ โอ้ว่าบิตุเรศของลูกอา พระคุณพ้นคณนาเหนือเกศี
ทรงถนอมกล่อมเลี้ยงลูกนี้ อารีสารพัดไม่ขัดใจ
เพราะลูกนี้ชั่วเอาตัวหนี จึงได้มาหาที่ตักษัย
เหมือนลูกฆ่าฟันให้บรรลัย จะอยู่ไปก็เครื่องอัประมาณ
จะมีแต่ติฉินยินร้าย อับอายไปจนอวสาน
ขอทูลลาเบื้องบาทบทมาลย์ วายปราณไปตามพระบิดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันได้ฟังนางว่า
สงสารนางพลางกล่าววาจา เจ้าอย่าโศกาจาบัลย์
พี่จะช่วยทูลขอโทษไว้ มิให้บิดาเจ้าอาสัญ
เจ้าได้ช่วยพี่เมื่อครั้งนั้น พี่คิดอยู่ทุกวันถึงคุณน้อง
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า โฉมเฉลาจงคลายเศร้าหมอง
พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง แล้วเสด็จจากห้องจรลี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นดะราหวันโฉมศรี
จึงตกแต่งโภชนาสาลี ตามมีทุกสิ่งสารพัน
ทั้งยี่ภู่ภูษาผ้าทรง สำหรับองค์ระตูสู้จัดสรร
ส่งให้สาวใช้ไปพลัน ไปถวายให้ทันเวลานี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สาวใช้รับสั่งใส่เกศี
รับของมาจากเทวี ตรงไปยังที่ตรุพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงจึงแจ้งแก่ทำมะรง ท่านจงเอ็นดูด้วยช่วยฉัน
ด้วยลูกสาวท้าวมะงาดานั้น จัดสรรของมาส่งองค์บิดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทำมะรงผู้พิทักษ์รักษา
ชอบใจในรสพจนา ก็ปล่อยให้ทาสานั้นเข้าไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทาสียินดีจะมีไหน
จึงให้คนขนของอรไท เข้าในตรุพลันทันที
ทูลระตูผู้ต้องพันธนา ว่าองค์พระธิดามารศรี
ได้ทราบทรงโศกศัลย์พันทวี จัดของทั้งนี้ให้นำมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูผู้ต้องโทษา
รับเอาเอมโอชโภชนา ทั้งยี่ภู่ภูษาด้วยยินดี
แล้วถามถึงราชธิดา เขาเลี้ยงดูกัลยาไฉนนี่
ตัวเราเขาจะล้างชีวี เรานี้ยังห่วงด้วยลูกรัก ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทาสีทูลไปให้ประจักษ์
ว่าพระธิดานงลักษณ์ สามิภักดิ์วอนว่าแก่สามี
องค์ย่าหรันนั้นรับจะทูลขอ ยังรอเวลาเฝ้าเจ้ากรุงศรี
พรุ่งนี้จึงจะแจ้งคดี ทาสีทูลแล้วก็ลามา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงทูลนางเทวี ตามคำภูมีพิไรว่า
บรรยายให้แจ้งกิจจา เห็นทีพระบิดายังอาลัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันรัศมีศรีใส
ครั้นเวลาเฝ้าก็เข้าไป เห็นองค์ภูวไนยทรงสำราญ
จึงทูลว่าระตูมะงาดา โทษถึงชีวาม้วยสังขาร
แต่บุตรีมีคุณอุปการ แก่ข้าบทมาลย์ให้รอดมา
บัดนี้นางโศกาอาดูร จึงรับคำว่าจะทูลขอโทษา
มิให้ต้องสังหารผลาญชีวา พระผ่านฟ้าจงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระผู้พงศ์เทวาในราศี
จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี เราให้ชีวีระตูนั้น
บุตรีมีคุณแก่ลูกเรา อย่าให้บิดาเขาต้องอาสัญ
จงถอดส่งให้ในเร็วพลัน แล้วให้คืนเขตขัณฑเสมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศา
ไปสั่งกรมเมืองดังบัญชา ให้ถอดท้าวมะงาดาส่งไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ทำมะรงรับคำท่านผู้ใหญ่
ถอดระตูผู้ต้องโทษภัย พาไปดาหาปาตี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันทรงสวัสดิ์รัศมี
ครั้นออกจากเฝ้าพระภูมี ตรงยังไปที่ตำหนักพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงแจ้งเหตุการณ์ แก่นงคราญระเด่นดะราหวัน
ว่าบัดนี้พระองค์ทรงธรรม์ ประทานโทษระตูนั้นให้พี่มา
เดี๋ยวนี้ยังนั่งอยู่ข้างนอก พระน้องจงออกไปหา
ตรัสพลางทางเสด็จลีลา ไปห้องขนิษฐายาใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นดะราหวันศรีใส
แสนโสมนัสสารีบคลาไคล ออกไปยังระตูผู้บิดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้ปี่

๏ ตรงเข้ากอดบาทบิตุเรศ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
นางวิงวอนงอนง้อขอสมา เพราะลูกยาทำเหตุเภทภัย
ให้พระบิตุรงค์ทรงยศ ต้องรันทดทุกข์ทนหม่นไหม้
โทษข้าควรถึงบรรลัย ขอพระองค์จงได้ปรานี
ถ้าหากพระบิดาต้องอาสัญ ลูกไม่ครองชีวันให้บัดสี
ร่ำพลางทางทรงโศกี พ่างเพียงเทวีจะขาดใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ระตูเศร้าสร้อยละห้อยไห้
กอดราชธิดาโศกาลัย ว่าพ่อเองผิดไปนะลูกรัก
ทุจริตคิดร้ายต่อเขาก่อน จึงเดือดร้อนกรรมเวรเห็นประจักษ์
หากเจ้าช่วยไว้ด้วยใจภักดิ์ คุณของลูกรักเป็นพ้นไป
ถึงว่าย่าหรันสามีเจ้า คุณของเขาก็มีเป็นข้อใหญ่
พ่อสิ้นคิดเคียดรังเกียจใจ แต่นี้ไปจะสมัครภักดี
เจ้าจงไปบอกเขาเล่าแถลง ให้จะแจ้งคำบิดาว่าแต่กี้
อันเมืองมะงาดาธานี แต่นี้ยอมออกแก่เขานั้น ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางระเด่นดะราหวัน
รับคำพระบิดาสารพัน มาทูลย่าหรันในทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ย่าหรันผู้มีอัชฌาสัย
จึงเสด็จยุรยาตรออกไป ปราศรัยระตูมะงาดา
ท่านจงกลับไปพระนคร ครอบครองประชากรให้หรรษา
อย่าพะวงด้วยองค์พระธิดา เราจะเลี้ยงรักษาดังดวงใจ
แล้วจึงสั่งพี่เลี้ยงแลเสนา แต่บรรดาข้าศึกที่จับได้
เร่งคืนให้เขาอย่าเอาไว้ จะได้คลาไคลไปธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระตูปรีดิ์เปรมเกษมศรี
จึงทูลสนองวาจาพาที พระคุณนี้ยิ่งล้นคณนา
จะตั้งใจจงรักภักดี ขอฝากบุตรีของข้า
แม้ผิดพลั้งจงได้กรุณา ว่าแล้วอำลาคลาไคล
มารวบรวมรี้พลมนตรี เรียกตัวตามมีตามได้
ระตูขึ้นทรงอาชาไนย กลับไปมะงาดาธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงลงจากอาชา ขึ้นปราสาทรจนาเรืองศรี
ให้หาตำมะหงงเสนี จะให้ไปบุรีกาหลังนั้น
แล้วจัดเครื่องประดับสำหรับองค์ พระบุตรีเคยทรงทุกสิ่งสรร
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสุรางค์นางกำนัล เครื่องบรรณาการก็มากมี
มอบให้ตำมะหงงเสนา จงคุมเครื่องวัตถาแลสาวศรี
ไปให้ย่าหรันอันฤทธี กับราชบุตรีของเรานั้น ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน
ออกมาหาบ่าวไพร่ได้พร้อมกัน จัดสรรขนของมากองไว้
ให้เสมียนจดหมายรายบาญชี ที่ของดีนั้นทำหีบใส่
แล้วตีตราผนิดปิดทุกใบ ขนไปใส่รถแลคชา
พระพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลนาง บ้างขึ้นช้างบ้างจัดขึ้นรถา
ตำมะหงงนั้นขี่อาชา ขับพลรีบมาในอารัญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงพารากาหลัง ก็พากันไปยังวังย่าหรัน
ตำมะหงงไปหาเสนาพลัน บอกคดีทั้งนั้นให้แจ้งใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ทั้งสี่พี่เลี้ยงผู้เป็นใหญ่
จึงพาตำมะหงงตรงไป ยังในที่เฝ้าเจ้าของตน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ทูลความตามที่ท้าวมะงาดา ส่งบรรณาการมาเกลื่อนกล่น
ทั้งสมบัติวัตถาข้าคน ของบุตรีนิรมลก็ส่งมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ย่าหรันหรรษา
จึงมีมธุรสพจนา โอภาปราศรัยด้วยไมตรี
เราขอบคุณระตูผู้เป็นใหญ่ อุตส่าห์ให้ท่านมาจนถึงนี่
ทั้งให้ปันหลายหลากมากมี ตัวเรากับบุตรียินดีนัก
ท่านจงพาผู้คนทั้งนั้น ไปหานางดะราหวันที่ตำหนัก
จะได้อภิปรายทายทัก โดยฉันที่รู้จักกันมา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงเสนีมียศถา
ดีใจกราบก้มบังคมลา พี่เลี้ยงพาไปเฝ้าพระบุตรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นดะราหวันโฉมศรี
เห็นตำมะหงงมาก็ยินดี เทวีไต่ถามถึงบิดร
เสด็จไปอยู่ดีมีความสุข หรือเป็นทุกข์ไม่ทรงสโมสร
ท่านอุตส่าห์มาถึงพระนคร นี่ภูธรใช้มาหรือว่าไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงผู้มีอัชฌาสัย
ก้มกราบบาทมูลแล้วทูลไป พระบิดาตรัสใช้ให้มา
นำของเครื่องประดับสำหรับองค์ ทั้งพี่เลี้ยงนางอนงค์ซ้ายขวา
ซึ่งพระองค์ใช้แต่ก่อนมา เมื่ออยู่มะงาดาธานีนั้น
ให้มาส่งยังองค์พระแม่เจ้า กับของข้าวสารพัดทรงจัดสรร
แล้วเรียกเหล่าพี่เลี้ยงกำนัล พากันเข้าเฝ้าพระบุตรี
พี่เลี้ยงนางนมกรมใน ครั้นได้ไปเห็นองค์นางโฉมศรี
ต่างคนสุขเกษมเปรมปรีดิ์ ด้วยเทวีจากมาช้านาน
ตำมะหงงทูลลาแล้วคลาไคล ขึ้นม้ารีบไปในไพรสาณฑ์
ดั้นดัดลัดพงดงดาน คืนสถานมะงาดาฉับพลัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ