- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๘
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงติหลาอรสาโฉมศรี |
ตั้งแต่ปะตาปาเป็นชี | สถิตที่ภูผาตะหลากัน |
บำเพ็ญภาวนารักษากิจ | ตั้งจิตสำรวมอารมณ์มั่น |
สังเกตดูแลแน่ครัน | สารพันแม่นยำชำนาญ |
นางมิได้วายเทวษถึงเชษฐา | กัลยาตั้งจิตพิษฐาน |
ขอเทพเทวัญจงบันดาล | ให้ประสบพบพานพระพี่ยา |
ครั้นจวนจะใกล้สิ้นคำสาป | อานุภาพองค์ปะตาระกาหลา |
วันเมื่อจะพานพบประสันตา | เผอิญให้กัลยาอาวรณ์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พอเพลาสายัณห์ตะวันบ่าย | แดดร่มลมชายมาอ่อนอ่อน |
จึงชวนสองพี่เลี้ยงบังอร | บทจรออกจากกุฎี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
สมิงทอง
๏ ลดเลี้ยวเที่ยวชมบุปผชาติ | งามประหลาดหลายอย่างต่างสี |
ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี | หอมตรลบทั้งที่จงกรม |
พวงพะยอมยื่นย้อยห้อยระย้า | กิ่งค้อมข้างหลังคาอาศรม |
นางเก็บกาหลงมาทรงดม | เดินเล่นเย็นร่มสำราญใจ |
ประเสหรันสั่นกิ่งพิกุลดก | ดอกดวงร่วงตกลงใหม่ใหม่ |
บาหยันก้มเก็บใส่สไบ | มาถวายอรไทเทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ แล้วชวนสองกัลยามานั่ง | ที่ร่มไทรใกล้ฝั่งสระศรี |
ร้อยพวงบุปผามาลี | กับพี่เลี้ยงนารีสำราญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด (ประสันตาออก)
๏ บัดนั้น | ประสันตากุเรปันใจหาญ |
เที่ยวไปในพงดงดาน | ถึงสถานภูผาตะหลากัน |
จึงคิดว่าบนกุหนุงนี้ | เห็นจะมีดาบสเป็นแม่นมั่น |
จะขึ้นไปเคารพอภิวันท์ | ให้จับยามย่าหรันที่หายไป |
คิดพลางทางสั่งโยธี | จงยับยั้งอยู่นี่อย่าไปไหน |
ว่าแล้วลงจากอาชาไนย | ขึ้นไปบนเนินคิรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ แลเห็นหลังคาอาศรม | ประสันตาชื่นชมเกษมศรี |
ค่อยลัดแลงแฝงไม้จรลี | เข้าไปใกล้ที่ศาลา |
เห็นแอหนังนั่งร้อยดอกไม้ | อยู่ใต้ต้นไทรใบหนา |
พิศพลางทางถวิลจินดา | ใครหนอเหมือนมิสาอุณากรรณ |
จะเป็นสุริย์วงศ์พงศ์ไหน | จึงทรงลักษณ์วิไลเฉิดฉัน |
ถ้าได้กับปันหยีจะดีครัน | ครั้นนางผันพักตร์มาก็อัญชลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
เหลือบเห็นสุหรันปาตี | เทวีหวาดหวั่นพรั่นใจ |
นี่ปันหยีใช้ให้มาตามหา | หรือมาด้วยกันเป็นไฉน |
จะคิดผ่อนผันฉันใด | ทรามวัยอาวรณ์ร้อนรน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงแจ้งอนุสนธิ์ |
ข้านี้มีธุระกังวล | จะนิมนต์ในพิจารณา |
ด้วยน้องของนายข้านั้น | ชื่อย่าหรันวิลิศมาหรา |
หายไปกับที่ไสยา | ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย |
เชิญช่วยจับยามตามสังเกต | แจ้งเหตุแล้วจะลาผันผาย |
พูดพลางทำหน้าตาตาย | ดูนางนึกหมายกำหนดไว้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้ฟังก็ฉงนสนเท่ห์ใจ | เมื่อกูอยู่ในธานี |
ก็ไม่รู้จักหน้าย่าหรัน | ว่าเป็นพี่น้องกันกับปันหยี |
ใครมาแต่ไหนดังนี้ | คิดแล้วเทวีจึงว่าไป |
ท่านจงยับยั้งนั่งอยู่นอก | ร้ายดีก็จะบอกเหตุให้ |
แต่เราเป็นชีชาวพนาลัย | อย่าพูดไปให้รู้ถึงบุรี |
ว่าแล้วลีลาเข้าอาศรม | โฉมยงปลงอารมณ์ดูถ้วนถี่ |
จึงใช้มะดาหยันกัลยาณี | จงไปบอกคดีให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะดาหยันนารีศรีใส |
รับรสพจนาแล้วคลาไคล | ออกไปแจ้งความตามกิจจา |
ย่าหรันนั้นยังไม่วอดวาย | แต่เคราะห์ร้ายถึงฆาตชันษา |
เขาลักไปไว้เมืองมะงาดา | ใส่ตรุตรึงตราตรากไว้ |
สตรีหนึ่งมีบรรดาศักดิ์ | ช่วยพิทักษ์อุปถัมภ์แก้ไข |
ที่ถูกจำจองต้องโทษภัย | เคลื่อนคลายออกได้จากตรุนั้น |
เดิมทีเขาจะลักพี่ชาย | แต่เคราะห์ของน้องร้ายกวดขัน |
จึงบันดาลให้แปลกเปลี่ยนกัน | เขายังไม่ฆ่าฟันให้บรรลัย |
แล้วเขาให้กลับมาจับพี่ | แต่เคราะห์ดีไม่ทำอะไรได้ |
จะมีลาภทั้งสองอันต้องใจ | ทั้งของเก่าของใหม่พร้อมกัน |
เป็นแต่ทุกขลาภมิเป็นไร | เร่งติดตามไปขมีขมัน |
จะได้ตัวมาในเจ็ดวัน | แม่นมั่นเหมือนหนึ่งสัญญา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ประสันตาชื่นชมหรรษา |
ยิ้มพลางทางตอบวาจา | แม้นไปได้มาเหมือนถ้อยคำ |
จะนับถือถวายตัวเป็นญาติโยม | อยู่เฝ้ากุฏิ์จุดโคมเพลาค่ำ |
สนองคุณทดแทนที่แม่นยำ | พูดพลางทางทำยิ้มพราย |
วันนี้ก็จวนจะด่วนไป | ไม่ทันหาอะไรมาถวาย |
จะรีบเร่งตามน้องของนาย | ว่าแล้วเดินชายออกมา |
เลี้ยวเลียบลงจากบรรพต | จำกำหนดแนวเขาลำเนาป่า |
มาถึงซึ่งเชิงบรรพตา | กู่หาพวกพ้องก้องพงพี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพบพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดคน | จึงบอกยุบลถ้วนถี่ |
ชาวเราเร่งรีบไปบัดนี้ | ตามแอหนังชี้บอกไป |
ข้าจะกลับคืนเข้านัคเรศ | ทูลเหตุให้แจ้งแถลงไข |
ว่าแล้วขึ้นม้าคลาไคล | ฝ่ายทั้งเจ็ดก็ไปดังวาจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ประสันตามาถึงกาหลัง | ก็ไปยังปันหยีสุกาหรา |
ยิ้มพลางทางทูลพระราชา | วันนี้ผีพาข้าหลงไป |
ได้ประสบพบองค์แอหนัง | ปะตาปาอยู่ยังเขาใหญ่ |
รูปทรงโสภายาใจ | เลิศลักษณ์วิไลลาวัณย์ |
แม้นพระองค์ได้เห็นนางทรามวัย | คงจะชอบพระทัยเป็นแม่นมั่น |
แล้วทูลความตามคำรำพัน | ที่ได้ทายย่าหรันทุกประการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
ซักไซ้ไต่ถามถึงเยาวมาลย์ | รูปพรรณสัณฐานนั้นอย่างไร |
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว | ชันษาแก่สาวสักคราวไหน |
ว่าเล่นหรือจริงยังกริ่งใจ | จงแถลงแจ้งไปอย่าปดกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาทูลไปขมีขมัน |
ข้ามิได้เอาเท็จมาผูกพัน | พระทรงธรรม์อย่าพะวงสงกา |
อันรูปทรงองค์แอหนังนี้ | งามล้ำนารีในแหล่งหล้า |
ถ้าจะเปรียบกับพระน้องบุษบา | เห็นว่าจะไม่กระไรกัน |
บุญตัวประสันตาไม่ว่าเล่น | เคราะห์ดีได้ไปเห็นนางสวรรค์ |
แม้นมิเหมือนวาจาที่ว่านั้น | ก็ให้ลงโทษทัณฑ์ประสันตา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเกษมสันต์หรรษา |
ฟังข่าวกล่าวโฉมกัลยา | ให้แสนเสนหาในรูปทรง |
เราจะคิดอ่านประการใด | จึงจะได้แอหนังดังประสงค์ |
แม้นจะออกไปรับตรงตรง | เห็นองค์อรไทจะไม่มา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตานบนิ้วเหนือเกศา |
ยิ้มพลางทางทูลอวดปัญญา | ว่าข้าคิดได้เห็นชอบกล |
ของพระองค์จงแปลงกายา | แต่งองค์ทรงชฎาเดินหน |
ทำเทียมเทวัญในชั้นบน | เป็นกลมารยาแยบคาย |
ว่าจะพาทรามวัยไปสวรรค์ | เห็นนางนั้นก็จะมาโดยง่าย |
แม้นงวยงงหลงเล่ห์เพทุบาย | จึงค่อยพาผันผายมาเวียงชัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางแถลงไข |
พี่คิดขันชั้นเชิงชอบใจ | เห็นจะได้สมคะเนด้วยเล่ห์กล |
จึงตรัสสั่งอนุชาผู้ภักดี | วันนี้พี่จะไปไพรสณฑ์ |
อยู่หลังจงระวังนฤมล | อย่าให้มีเหตุผลสิ่งใด |
แล้วสั่งพี่เลี้ยงประสันตา | จงไปจัดโยธาน้อยใหญ่ |
เอารถมาเทียมเตรียมไว้ | เครื่องทรงสอดใส่ไปในรถ |
ทหารแห่แต่สักหกสิบถ้วน | เลือกล้วนแกล้วกล้าขี่ม้าหมด |
พอสิ้นแสงสุริยงอัสดงคต | กำหนดจะให้ถึงคิรี |
สั่งเสร็จเสด็จเข้าที่สรง | สำอางองค์ทรงเครื่องเรืองศรี |
จับชายกรายกรจรลี | เข้าไปยังที่ห้องใน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งเคียงข้างองค์หลงหนึ่งหรัด | แล้วตรัสว่าจะลาไปป่าใหญ่ |
เที่ยวหาย่าหรันเรืองชัย | ถ้าได้ข่าวคราวจะกลับมา |
น้องรักเจ้าค่อยอยู่จงดี | อย่าเฝ้าแต่โศกีฟังพี่ว่า |
สั่งพลางทางเสด็จลีลา | มาทรงรถาคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงภูผาตะหลากัน | สุริยันเลี้ยวลับเหลี่ยมไศล |
จึงให้หยุดรถแก้วแววไว | แทบใกล้แนวเนินกุหนุงนั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ ครั้นค่ำแต่งองค์อลงการ์ | ทำเทียมเทวากระยาหงัน |
สอดใส่สนับเพลาปักสุวรรณ | ยกทองท้องพันภูษาทรง |
พระพี่เลี้ยงเคียงเข้าช่วยแต่ง | จัดแจงจีบโจงหางหงส์ |
อัตลัดลายทองฉลององค์ | ปั้นเหน่งลงลายยาราชาวดี |
ตาบทิศทับทรวงดวงกุดั่น | สังวาลวรรณแวววับสลับสี |
ธำมรงค์รจนาจินดาดี | ทองกรแก้วมณีกระหนกพัน |
ทรงชฎาล้วนแก้วแพรวพราย | สอดสายรัดคางผูกกระสัน |
ห้อยอุบะบุหงาปะกัน | เหน็บกริชเทวัญอันศักดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | ลงจากพิชัยราชรถา |
เลียบเดินตามเนินศิลา | ประสันตาพาเสด็จจรจรัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
ชมตลาด
๏ ถึงกุฎีที่นางสำนักอยู่ | เห็นบานแกลแลประตูหับมั่น |
พระเที่ยวดูไปรอบขอบคัน | ที่นั้นสะอ้านสำราญรมย์ |
รุกขชาติดาษดาค่าค้อม | เป็นเหล่าล้อมศาลาอาศรม |
ดอกดวงร่วงลงที่จงกรม | กลิ่นกลบตรลบลมพัดพา |
ท่าทางชอบกลพ้นสิงสัตว์ | สงบเงียบสงัดทั้งภูผา |
ชมพลางทางเที่ยวเลี้ยวมา | ให้วิเวกวิญญาณ์เย็นใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ จึงขึ้นไปบนต้นพฤกษา | ทำดังเทวาเหาะได้ |
พระเหนี่ยวกิ่งอิงกายอยู่ปลายไม้ | สูงเสมออกไก่กุฎี |
แล้วร้องถามทรามวัยลงไปพลัน | มาสร้างพรตพรหมจรรย์อยู่ที่นี่ |
จะปรารถนาสิ่งไรนะเทวี | จงแจ้งคดีโดยสัจจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
คิดว่าสำเนียงเสียงเทวา | จึงตอบวาจาว่าไปทันใด |
ข้าจะปรารถนาหาความชอบ | ให้ประกอบตามอัชฌาสัย |
ชาตินี้บุญน้อยเป็นพ้นไป | ภายหน้าจะให้สมคิด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีชื่นชมภิรมย์จิต |
จึงว่าเราเทวาสุราฤทธิ์ | สถิตในนัคราคิรี |
ชื่อหลังหลังอาหลัดเทเวศร์ | จะมาแจ้งเหตุแก่โฉมศรี |
ด้วยฝูงเทวัญจันทรี | บัดนี้คิดพร้อมยอมใจ |
ว่าแอหนังนี้มีความชอบ | ประกอบพรตธรรม์ไม่หวั่นไหว |
จึงให้ข้ามาเชิญขึ้นไป | อยู่ในสวรรค์วิมานบน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงได้ฟังเหตุผล |
ไม่รู้ว่าแกล้งแต่งกล | ต่างคนตระหนกตกใจ |
แอหนังทั้งสองจึงเข้ามา | ยังติหลาอรสาศรีใส |
เมื่อฉะนี้จะคิดประการใด | ข้าน้อยจะไกลพระบาทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
กอดสองพี่เลี้ยงโศกา | กัลยาครวญคร่ำร่ำไร |
เราพลัดพรากจากเมืองมาด้วยกัน | ดัดดั้นอรัญวาป่าใหญ่ |
เป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนยากลำบากใจ | ไม่เคยไกลสักทิวาราตรี |
ร่ำพลางทางกล่าววาจา | ดูก่อนเทวาในราศี |
แอหนังพี่ข้าทั้งสองนี้ | ก็เนาในคิรีปะตาปา |
จะตามไปด้วยหรือมิได้ | เทพไทจงโปรดเกศา |
เคยร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันมา | สองราจะใคร่ไปด้วยกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึงตอบวาจาแอหนังพลัน | จะพาไปด้วยกันอย่าปรารมภ์ |
เจ้าอย่าหน่วงหนักชักช้า | เชิญยุรยาตราจากอาศรม |
อย่าร้อนใจจะได้ชื่นชม | เสวยรมย์สมบัติเปรมปรีดิ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
คิดถึงพระชนกชนนี | เทวีตีทรวงเข้าโศกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้พระบิตุเรศมารดาเจ้า | จะวิโยคโศกเศร้ากันแสงหา |
ทำไฉนจะได้แจ้งกิจจา | ว่าลูกไปเมืองฟ้าสุราลัย |
พระคุณล้ำลบจบดินแดน | ยังไม่ทันทดแทนสนองได้ |
มิสาซ้ำจำจากพระเวียงชัย | นิราศร้างห่างไกลบทมาลย์ |
ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ | ไหนเลยจะได้กลับคืนสถาน |
จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าจิตเป็นนิจกาล | ทนทุกข์ทรมานหมองใจ |
โอ้ว่าปานนี้พระพี่เจ้า | จะอาวรณ์ร้อนเร่าหม่นไหม้ |
สียะตราจะอ้อนอ่อนอาลัย | วิยะดาจะร่ำไห้ทุกเวลา |
ถึงชาตินี้มีกรรมจะจำไกล | ขอแต่ให้ได้สั่งพระเชษฐา |
ได้กราบบาทสองราชกษัตรา | ถึงจะไปไม่อาลัยนัก |
นี่ต่างไกลไม่แจ้งแห่งเหตุผล | ต่างแสนทุกข์ทนเพียงอกหัก |
ร่ำพลางชลเนตรนองพักตร์ | นงลักษณ์กำสรดโศกี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสุกาหราเรืองศรี |
คอยท่าเห็นช้าท่วงที | จึงร้องเตือนเทวีไปทันใด |
เชิญเจ้าออกมาอย่าช้านัก | เราเกรงสุรารักษ์เป็นใหญ่ |
จะติโทษโกรธว่าช้าไป | จะพลอยได้ความผิดมาถึงเรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมเฉลา |
คิดถึงเชษฐาไม่บรรเทา | สร้อยเศร้าวิญญาณ์จาบัลย์ |
ครั้นอารักษ์ร้องเร่งเตือนมา | กัลยาจะใคร่ไปสวรรค์ |
จึงกุมกริชกรายกรจรจรัล | สองพี่เลี้ยงนั้นก็ตามมา |
ปันหยีนำทางให้นางเดิน | เลี้ยวลงตรงเทินเนินผา |
แอหนังจึงถามเทวา | สิจะไปฟากฟ้าสุราลัย |
เหตุไรจึงไม่เหาะเหิน | จะพาเดินดั้นด้นไปหนไหน |
เป็นน่ากินแหนงแคลงใจ | เหมือนมิใช่เทวัญในชั้นบน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีแก้ไขไม่ขัดสน |
กล่าวแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล | นฤมลอย่าแหนงพจมาน |
จะพาโฉมยงไปลงรถ | ต่อถึงเชิงบรรพตไพรสาณฑ์ |
จึงจะเหาะระเห็จเตร็จทะยาน | ไปวิมานเมืองฟ้าสุราลัย |
ว่าพลางพานางลงมา | ถึงรถาที่เชิงเขาใหญ่ |
พระอุ้มองค์ขึ้นทรงรถชัย | ทั้งสองทรามวัยก็ขึ้นท้าย |
พี่เลี้ยงประสันตาเป็นสารถี | ขับรถพาชีผันผาย |
พวกพหลพลไกรไพร่นาย | ก็ซุ่มแซงแฝงกายมาแต่ไกล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | แอหนังพิศวงสงสัย |
ไม่เห็นเหาะขึ้นสู่สุราลัย | รถไปตามทางพนาลี |
ชะรอยมนุษย์แกล้งแปลงมา | มิใช่เทวาในราศี |
ฉุกใจจะคิดฉันใดดี | เทวีก็ทรงโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มเยื้อนเบือนหน้า |
ทำท่าทางเหมือนอย่างเทวา | แลดูประสันตาแล้วยิ้มพราย |
พระลำลำจะใคร่โลมโฉมยง | เห็นทรงกันแสงไม่เหือดหาย |
ปลอบนางทางทำแยบคาย | ชักชายสไบเช็ดชลนา |
พี่ขอถามตามจริงอย่าอำพราง | ให้สงสัยในนางอยู่หนักหนา |
ยังมิทันแก่เฒ่าชรา | เจ้ามาปะตาปาด้วยเหตุใด |
ถ้าแม้นแจ้งใจความแต่ตามสัตย์ | พี่มิให้เคืองขัดอัชฌาสัย |
จะพาสายสมรอรไท | คืนไปส่งเสียยังกุฎี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
ได้ฟังวาจาพาที | ก็รู้ว่าปันหยียิ่งพรั่นใจ |
นางจึงค่อยกล่าวพจนา | เป็นความสัจจาจะบอกให้ |
เหตุด้วยสามีข้าหายไป | ร้อนใจจึงมาปะตาปา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีได้ฟังแอหนังว่า |
ตริตรึกนึกในไปมา | แล้วจะเป็นบุษบานารี |
พิศพักตร์งามรับจับแสงจันทร์ | ผิวพรรณนวลละอองผ่องศรี |
งามจริตกิริยาพาที | ละม้ายเหมือนยาหยีของพี่นัก |
จึงถามว่าสามีเจ้าชื่อไร | สุริย์วงศ์พงศ์ไหนไม่ประจักษ์ |
ถ้าแจ้งจริงจะไปส่งนงลักษณ์ | ให้ถึงที่สำนักอย่าร้อนใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังกล่าวแกล้งแถลงไข |
จะถามนามสามีนั้นทำไม | เป็นชาวไพรใช่เชื้อสุริย์วงศ์ |
แต่พรากพลัดกำจัดกันมา | เที่ยวหายังไม่พบสบประสงค์ |
ข้าแถลงเล่าความตามตรง | จะขอลาคืนคงยังคิรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
จึงว่าเลียมลองใจดูในที | จะกลับไปไยมีไม่ต้องการ |
เสียแรงเจ้าปะตาปาหาความชอบ | หวังจะให้ประกอบเป็นแก่นสาร |
พี่ก็ได้ปะตาปาช้านาน | บุญนั้นบันดาลให้พบกัน |
เผอิญเป็นเห็นประจักษ์หรือไม่เจ้า | ทั้งสองเราดังได้ตุนาหงัน |
วาสนาเคยสนิทติดพัน | จะรังเกียจเดียดฉันท์กันไยมี |
พี่จะรับทรามสงวนนวลน้อง | ไปเป็นคู่ครองของพี่ |
ศฤงคารบริวารนารี | บรรดามีจะมอบให้ครอบครอง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ อย่าเอยอย่าว่า | ข้าไม่ปรารถนามีผัวสอง |
โภไคยไอศูรย์ไม่ปูนปอง | จะเที่ยวท่องสัญจรนอนไพร |
ถึงมาตรไม่พบสามี | จะยินดีชายอื่นอย่าสงสัย |
สู้ตายไม่เสียดายชีวาลัย | ว่าแล้วทรามวัยก็โศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
เห็นนางซื่อสัตย์ต่อภัสดา | จะเกี้ยวพานพูดจาไม่ปลงใจ |
ชำเลืองดูประสันตาแล้วสั่นเศียร | ทำเป็นแยบแนบเนียนบอกใบ้ |
แล้วกล่าวแกล้งแสร้งเสใส่ไคล้ | พี่ว่าเล่นลองใจดอกเทวี |
โฉมยงอย่าทรงโศกา | พักตรานวลละอองจะหมองศรี |
เช็ดชลนานางพลางพาที | แม้นสามีน้องนั้นมิบรรลัย |
สุดแต่ให้ได้พบกัน | ถึงช้าพลันจะทำกระไรได้ |
พี่จะช่วยสืบเสาะแสวงไป | ให้สมหวังดังใจจินดา |
ปลอบพลางทางเร่งรถทรง | เลี้ยวลัดดัดดงเดินป่า |
คืนหนึ่งถึงกาหลังพารา | ตรงมายังปันจะรากัน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงกล่าวอภิปราย | ขอเชิญโฉมฉายผายผัน |
จะจวนรุ่งรังสีรวีวรรณ | ผู้คนจรจรัลไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
กลุ้มกลัดขัดใจไม่เจรจา | กัลยาซบลงทรงโศกี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
จึงกล่าวเกลี้ยงเลี่ยงปลอบให้ชอบที | เทวีอย่าถวิลกินใจ |
ถ้อยย้ำคำมั่นจำนรรจา | ซื่อต่อภัสดาไม่หาได้ |
ต้องระบอบชอบกลเป็นพ้นไป | พี่ไม่เลียมล่วงประเวณี |
เชิญเจ้าขึ้นไปบนเคหา | กัลยาอย่าแหนงแคลงพี่ |
อันความสัตย์สัญญาพาที | สองนารีรู้เห็นเป็นพยาน |
จะเที่ยวไปให้ทั่วทุกพารา | แม้นพบภัสดาดังว่าขาน |
พี่มิได้แข็งขัดทัดทาน | ตามคำปฏิญาณที่ว่าไว้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้ฟังอภิปรายค่อยคลายใจ | ทรามวัยจึงตอบเจรจา |
เจ้าให้สัตย์ปฏิญาณมั่นคง | จะไปตามจำนงปรารถนา |
ทั้งนี้จงมีเมตตา | จะได้คงชีวาสืบไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฟังชอบอัชฌาสัย |
เห็นนางสร่างโศกีก็ดีใจ | เยื้อนยิ้มบอกใบ้ประสันตา |
แล้วแกล้งทำกิริยาพาซื่อ | จูงมือโฉมยงลงรถา |
แอหนังทั้งสองก็ตามมา | เข้ายังเคหาห้องใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เชิญนางให้นั่งร่วมอาสน์ | พลางกล่าวพจนารถปราศรัย |
เจ้าจงสำราญกายสบายใจ | ว่าแล้วคลาไคลออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระผลัดภูษาเปลื้องเครื่องทรง | ซึ่งแปลงองค์เป็นอสัญแดหวา |
แล้วชำระสระสรงคงคา | สุคนธาหอมตรลบอบองค์ |
ครั้นเสร็จเสด็จบทจร | กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์ |
คืนเข้าห้องสุวรรณบรรจง | ถามองค์อรไทไปพลัน |
พี่ยังถวิลกินใจ | เหตุผลกลใดนะสาวสวรรค์ |
กับผัวจึงพลัดกำจัดกัน | อย่าเดียดฉันท์จงแจ้งเถิดเทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
ฟังถ้อยค่อยกล่าววาที | อันเหตุที่พรากพลัดภัสดา |
ทั้งนี้เพราะกรรมได้ทำไว้ | จึงเจ็บช้ำน้ำใจเป็นหนักหนา |
สารพัดขัดเคืองวิญญาณ์ | ทุกข์ทรมานมาช้านาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีได้ฟังว่าขาน |
ยิ่งกินแหนงแคลงคำเยาวมาลย์ | จึงคิดอ่านเลี่ยงเลี้ยวถามไป |
ซึ่งเจ้าว่าพลัดพรากจากสามี | ข้อนี้พี่ยังสงสัย |
หรือว่าม้วยชีวันบรรลัย | จึงได้แต่กริชติดมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังฟังพลางทางว่า |
เจ้าอย่าพะวงสงกา | กริชของผัวข้าให้ไว้ |
ไปแล้วว่าจะกลับคืนมา | เห็นช้าข้าคิดสงสัย |
จึงสู้ติดตามหาด้วยอาลัย | เกลือกผิดทางไปไม่พบกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียุรยาตรผาดผัน |
ออกจากห้องแก้วแพรวพรรณ | มายังแท่นสุวรรณรจนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พระรำพึงซึ่งนางมิบอกแจ้ง | กล่าวแกล้งอำปลังให้กังขา |
แล้วจะเป็นน้องนุชบุษบา | ซึ่งลมพาพัดหอบหายไป |
ด้วยเป็นความขำจึงอำพราง | ขัดข้องหมองหมางไม่บอกได้ |
นึกฉงนสนเท่ห์หฤทัย | ทำไฉนจะรู้แยบคาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางย่างเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์สุวรรณผันผาย |
เข้าในห้องแก้วแพรวพาย | นั่งเคียงโฉมฉายแล้วพาที |
พี่ยังกินแหนงแคลงใจ | ที่ในถ้อยคำนางโฉมศรี |
ถามเหตุซึ่งพลัดกับสามี | เพียงนี้มิพอจะพรางกัน |
เจ้าก็ไม่แจ้งออกบอกตรง | ใช่จะจงเจาะถามที่ความขัน |
ไม่พอที่ถือใจไยอย่างนั้น | เหมือนหนึ่งปรับทุกข์กันจะเป็นไร |
ข้อนี้มิแจ้งก็ทำเนา | มิให้เจ้าเคืองขัดอัชฌาสัย |
ผัวน้องนั้นมีฤทธิไกร | หรือหาฤทธิ์ไม่นะเทวี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
จึงเยื้อนตอบวาจาพาที | ถามมาดังนี้เป็นจนใจ |
อันซึ่งสามีของข้า | จะว่าเรืองฤทธาก็ว่าได้ |
ถ้าจะว่าไม่มีฤทธิไกร | ก็ได้เหมือนหนึ่งใจนึก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฟังสนองก็ตรองตรึก |
ท่วงทีถ้อยคำเห็นล้ำลึก | นิ่งนึกฉงนสนเท่ห์ใจ |
จึงว่าทรามวัยจงไสยาสน์ | เอนอาสน์สำราญอย่าหม่นไหม้ |
พระทำเฉยจะให้นางเชลยใจ | หวังจะได้ลักกริชของเทวี |
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ออกมาจากห้องนางโฉมศรี |
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | ตรึกที่ถ้อยคำอรไท |
ใครหนอว่าเรืองฤทธา | จะลือชาปรากฏก็หาไม่ |
แต่กูผู้เดียวเที่ยวชิงชัย | ปราบได้ในแคว้นแดนชวา |
คิดพลางย่างเยื้องผันผาย | จับชายกรายกรีดหัตถา |
คืนเข้าห้องสุวรรณกัลยา | จึงมีพจนาถามไป |
เหตุใดผัวเจ้าไม่ติดตาม | เขาสิ้นความรักหรือเป็นไฉน |
ส่วนน้องท่องเที่ยวพงไพร | ช้านานจึงมิได้พบกัน |
ถ้าผัวรักเจ้าเขาตามหา | เห็นว่าจะพบเป็นแม่นมั่น |
แต่หากจิตเจ้าคิดผูกพัน | สำคัญว่าเขายังเมตตา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
ได้ฟังจึงตอบวาจา | นี่แหละจะว่าเป็นจนใจ |
เขาก็มีอิสตรีเป็นที่รัก | เกลือกจะห่วงหน่วงหนักไม่มาได้ |
ครั้นจะว่าไม่ตามก็ความไกล | เกลือกจะตามแต่ไม่พบน้อง |
ที่จะรักมิรักไม่เล็งเห็น | ว่าไปก็จะเป็นคำสอง |
สุดแต่ใจข้าไม่คิดปอง | ที่จะมีคู่ครองเป็นสองชาย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีแปลกจิตคิดมุ่งหมาย |
ถ้อยคำสำเนียงอภิปราย | เหมือนโฉมฉายบุษบาน้องรัก |
ทั้งรูปทรงส่งศรีกิริยา | เรื่องราวกล่าวมาก็แหลมหลัก |
เห็นถูกต้องที่ข้องเคืองนัก | เพราะพี่รักจินตะหราวาตี |
แล้วกลับคิดกินแหนงแคลงจิต | กูมิได้ให้กริชแก่โฉมศรี |
แปลกกันด้วยสำคัญข้อนี้ | ภูมีคิดฉงนสนเท่ห์ใจ |
แต่เวียนเฝ้าเซ้าซี้ซักถาม | หวังจะให้สิ้นความสงสัย |
นั่งช้ากลัวจะผิดสัญญาไว้ | ครั้นออกไปให้คะนึงถึงนาง |
เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ | ยอกรก่ายเกยเขนยข้าง |
พระนิ่งนึกกินแหนงแคลงคลาง | ให้สงสัยในนางเทวี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ครั้นรู้เรื่องราวข่าวคดี | ว่าปันหยีไปได้แอหนังมา |
นั่งเฝ้าเล้าโลมกันอยู่ | โฉมตรูขัดแค้นเป็นหนักหนา |
จึงเรียกระเด่นรัตนา | เข้ามาแล้วบอกความไป |
เห็นแล้วหรือกะกังปันหยี | ช่างไปได้นางชีมาแต่ไหน |
เฝ้านั่งโลมเล้าเอาใจ | เหตุผลก็ไม่มาบอกกัน |
เดิมน้องจะแบหลาพระมาห้าม | ให้ระงับดับความโศกศัลย์ |
จะฟังเหตุมาเล่าเปล่าทั้งนั้น | ไปพัลวันนางชีไม่นำพา |
น้องจะครองชีวิตไว้ไย | แม้นม้วยบรรลัยเสียดีกว่า |
ว่าพลางนางทรงโศกา | กัลยาขัดแค้นแสนทวี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ แล้วเรียกบาหยันเข้ามาสั่ง | พี่ไปบอกกะกังปันหยี |
ข้าจะขอเอากริชบัดนี้ | แม้นปรานีน้องจริงจงส่งมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันนบนิ้วเหนือเกศา |
รับสั่งทรามวัยแล้วไคลคลา | ไปจากดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้งถึงวังปันจะรากัน | จึงถวายอภิวันท์ปันหยี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | โดยดังวาทีอรไท ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีครั้นแจ้งแถลงไข |
จึงไปถามแอหนังทันใด | ซึ่งเขาไปให้พิจารณา |
เจ้าว่าจะได้ในเจ็ดวัน | แม่นมั่นแล้วหรือขนิษฐา |
เมื่อใดจะได้ตัวมา | กัลยาจงบอกบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังได้ฟังปันหยี |
พิเคราะห์ดูแล้วว่าไปทันที | จะมาถึงวันนี้เป็นมั่นคง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีชื่นชมสมประสงค์ |
ออกจากห้องสุวรรณบรรจง | มาทรงพาชีลีลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงวังดาหาปาตี | ภูมีนั่งเคียงขนิษฐา |
เห็นนางเคืองขัดอัธยา | พระจึงมีวาจาว่าไป |
เป็นไฉนจึงให้ไปเอากริช | หรือคิดว่าผัวเจ้าตักษัย |
พระจึงเล่าแถลงให้แจ้งใจ | โดยคดีที่ให้แอหนังดู |
พี่สั่งกะกังทั้งเจ็ดคน | ให้รีบพาพวกพลไปตามอยู่ |
ข่าวคราวเป็นไฉนยังไม่รู้ | คอยผู้ที่ไปยังไม่มา |
จึงมิได้กิจจามาแจ้งน้อง | อย่าเคืองข้องแค้นจิตขนิษฐา |
บัดนี้แอหนังนั้นสัญญา | ว่าจะได้ตัวมาในวันนี้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ฟังพระเชษฐาพาที | ค่อยคลายที่โทมนัสขัดใจ |
จึงบังคมคัลวันทา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
มิได้ว่าขานประการใด | อรไทกำสรดโศกี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด เชิด (พี่เลี้ยงออก)
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงย่าหรันปันหยี |
ครั้นถึงด่านมะงาดาธานี | ลงจากพาชีทั้งเจ็ดนาย |
ซุ่มโยธาม้าไว้ในไพรสณฑ์ | แล้วแปลงตัวเป็นคนค้าขาย |
มิให้ใครรู้ระแบบแยบคาย | ก็พากันผันผายเข้าเวียงชัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวฟังกิตติศัพท์ตรับข่าว | ประชาชาวชนบทแถลงไข |
กรายเตร่เร่นั่งทุกแห่งไป | ผู้ใดมิได้สงกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชาวเมืองเนืองแน่นมาหนักหนา |
บ้างไปดูย่าหรันบ้างกลับมา | พูดจาเล่าลือกันอื้ออึง |
พวกผู้หญิงสาวแก่แม่หม้าย | ไม่คิดอายอุตส่าห์มาจนถึง |
เห็นย่าหรันรูปร่างดังเกลากลึง | ต่างตะลึงหลงใหลไม่พริบตา |
ลางคนคิดจะใคร่ได้เป็นผัว | เห็นใครงามกว่าตัวก็อิจฉา |
กระทบกระเทียบเปรียบเปรยไปมา | พาลวิวาทวาทาด่าทอ |
บ้างถือซองสลามาจะให้ | คิดอดสูใจทำลับล่อ |
บ้างซุบซิบชวนเพื่อนที่ชอบพอ | ลอบหนีแม่พ่อจรลี |
บ้างได้ส้มสูกลูกไม้ | จะไปให้นักโทษน้องปันหยี |
เขาไม่มีโทษาน่าปรานี | ชาวบุรีเดินพูดกันไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรู้แจ้งไม่สงสัย |
จึงเดินตามหญิงชายชาวเวียงชัย | เข้ามาที่ทับใกล้ตรุนั้น ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงหยุดยืนชะแง้แลหา | พอสบนัยนาย่าหรัน |
ให้สลดระทดใจจาบัลย์ | ต่างคนต่างกลั้นน้ำตา |
จึงถามเขาว่าจะให้หมากพลู | แก่คนผู้อยู่ในโทษา |
จะได้หรือมิได้ให้บอกมา | เราเห็นก็เป็นน่าเอ็นดู ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทำมะรงซึ่งนั่งคุมอยู่ |
ตอบไปด้วยไม่ทันรู้ | เพียงหมากพลูให้กันจะเป็นไร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงเจ็ดคนเข้าไปใกล้ |
ส่งสลาให้พลางต่างดีใจ | ดังตายแล้วเกิดใหม่มาพบกัน |
จึงเหลียวดูผู้คุมที่รักษา | เห็นเขาเมินจึงว่าแก่ย่าหรัน |
วันนี้จะมาพาจรจรัล | บอกแล้วชวนกันไคลคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
แต่ร่วมรักย่าหรันนั้นมา | กัลยาจำนงจงใจ |
ส่งเสียปฏิบัติอยู่อัตรา | จะเว้นวันเวลาก็หาไม่ |
ครั้นค่ำคิดถึงคะนึงใน | ทรามวัยบรรจงแต่งกายา |
ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | หอมฟุ้งตรลบอบภูษา |
แล้วชวนพี่เลี้ยงลอบไคลคลา | ออกมาจากนิเวศน์วังพลัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงศาลาหน้าตะราง | ให้พี่เลี้ยงสองนางอยู่แต่นั่น |
แล้วเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | เข้าไปหาย่าหรันทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเล้าโลมนางโฉมศรี |
พูดจาปราศรัยเป็นไมตรี | ถ้อยทีประดิพัทธ์กำหนัดใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
ครั้นสิ้นแสงสุริย์ศรีก็ดีใจ | จึงพากันรีบไปดังใจปอง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา เชิด
๏ ถึงศาลาหน้าบ้านผู้คุม | แลตะคุ่มคนนั่งอยู่ทั้งสอง |
เห็นเป็นหญิงกริ่งจิตเขม้นมอง | ดูทำนองท่วงทีเหมือนชาววัง |
จึงลุกตรลบเลี้ยวมา | ริมร้านขายสุราหน้าถัง |
ครั้นถึงเรือนย่าหรันก็ยับยั้ง | จึงหยุดยืนแฝงฟังกิจจา |
ได้ยินสำเนียงเสียงนารี | ก็เคาะเข้าตรงที่ริมฝา |
กระทั่งไอให้เสียงสัญญา | สั่งให้มาหาจะว่าไร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันครั้นแจ้งไม่สงสัย |
ก็รู้ว่าพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | จึงเสด็จคลาไคลออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แล้วถามถึงพระน้องพระพี่ | ป่านนี้จะละห้อยคอยหา |
ไฉนพี่จึงแจ้งกิจจา | ว่าเขาลักน้องมาเมืองนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงแจ้งถ้วนถี่ |
ซึ่งข้ามาพบพระภูมี | เพราะแอหนังช่วยชี้บอกมา |
อันองค์ขนิษฐาแลพระพี่ | แต่สร้อยเศร้าโศกีกันแสงหา |
เพียงม้วยมุดสุดสิ้นชีวา | พระน้องจะแบหลาให้บรรลัย |
หากองค์ปันหยีพระพี่ยา | ชิงกริชขนิษฐาไว้ได้ |
แล้วให้ทหารชาญชัย | เที่ยวหาภูวไนยทุกธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้รุ่งรัศมี |
ได้ฟังก็ทรงโศกี | ชะรอยกรรมน้องนี้ได้ทำมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงโศกศัลย์เป็นหนักหนา |
แล้วทูลถามพลันมิทันช้า | ใครซึ่งมาหาพระองค์นี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันจึงแจ้งถ้วนถี่ |
นางนี้เป็นราชบุตรี | มารศรีมีคุณแต่แรกมา |
สู้สอดเสียเสื้อผ้าเงินทอง | ตัวน้องจึงคลายโทษา |
บัดนี้จะไปพารา | จำจะบอกกัลยาให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงยิ้มย่องสนองไข |
นางได้มีคุณเมื่อตกไร้ | จะทิ้งไว้ไม่ชอบพระผ่านฟ้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันตอบคำพี่เลี้ยงว่า |
ครั้นจะพาอรไทไปพารา | ขนิษฐาจะละห้อยน้อยใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงทูลสนองไข |
ถึงพระน้องข้องเคืองประการใด | โทษทัณฑ์สิ่งไรจะรับเอา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้เฉิดโฉมเฉลา |
จึงเข้าไปหาองค์นางนงเยาว์ | แล้วเล่าแถลงแจ้งกิจจา |
วันนี้พี่จะลาไปเวียงชัย | จำเป็นจำไกลขนิษฐา |
แม้นไม่ม้วยมุดสุดชีวา | จะกลับมาสนองคุณนาง |
น้องรักเจ้าค่อยอยู่จงดี | มารศรีอย่าเคืองข้องหมองหมาง |
พระชมโฉมโลมลูบปฤษฎางค์ | เชยปรางพลางสั่งบังอร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันดวงสมร |
ได้ฟังพระวาจาจะลาจร | ให้เร่าร้อนหฤทัยไปมา |
มิรู้ที่จะแข็งขัดทัดทาน | เยาวมาลย์มีจิตเสนหา |
จึงเยื้อนถ้อยค่อยกล่าววาจา | แม้นรักจงพาน้องคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันตอบพลางแถลงไข |
เจ้าจะดำเนินเดินกลใด | ทุ่งกว้างทางไกลกันดารนัก ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันมีศักดิ์ |
ได้ฟังเคืองขัดสะบัดพักตร์ | กระนี้หรือว่ารักจะทิ้งไว้ |
เสียแรงน้องจำนงจงจิต | จะสู้ม้วยชีวิตหาคิดไม่ |
ถึงว่าทุ่งกว้างทางไกล | จะตามไปไม่อยู่ไยดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเล้าโลมนางโฉมศรี |
พี่ว่าเล่นลองใจเทวี | ใช่พี่จะทิ้งเสียเมื่อไร |
ทีนี้เห็นประจักษ์ว่ารักจริง | ยอดยิ่งหญิงอื่นไม่หาได้ |
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจ | พี่จะพาทรามวัยไคลคลา |
ว่าพลางกุมกรนางโฉมยง | ลอบลงมาจากเคหา |
มิให้สองอนงค์สงกา | พี่เลี้ยงรีบพาจรลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาพบพลสกลไกร | ซึ่งซุ่มไว้ในพนาศรี |
พระอุ้มองค์ขนิษฐานารี | ขึ้นทรงพาชีตัวเดียวกัน |
พี่เลี้ยงตามเสด็จทั้งเจ็ดคน | ขี่ม้าพาพลผายผัน |
พวกทหารแห่แหนแน่นนันต์ | รีบลัดดัดดั้นเดินไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพารากาหลัง | สุริย์ฉายบ่ายบังเหลี่ยมไศล |
ลงจากม้าพาองค์อรไท | ตรงไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
สองกษัตริย์ชื่นชมยินดี | ถ้อยทีค่อยแจ้งกิจจากัน |
แล้วเหลือบเห็นองค์หลงหนึ่งหรัด | โทมนัสเศร้าสร้อยโศกศัลย์ |
ทุกข์ตรอมผอมผิดผิวพรรณ | พระโศกาจาบัลย์รัญจวนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลงหนึ่งหรัดนารีศรีใส |
ชม้ายชายเนตรแลไป | เห็นนางทรามวัยโสภา |
นั่งอยู่ข้างหลังพระพี่ | มารศรีเคืองขัดสะบัดหน้า |
ไปเที่ยวเกี้ยวชู้จนพามา | แล้วแสร้งทำโศกาว่ารักเรา |
คิดคิดก็น่าหัวแก่ตัวข้า | จะม้วยมรณาเสียเปล่าเปล่า |
ท่านไปหากได้คู่เคล้า | มาหลับตาโศกเศร้าทุกราตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
จึงถามย่าหรันไปทันที | นางนี้ได้มาแต่แห่งไร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันบังคมประนมไหว้ |
ชายเนตรดูพระน้องแล้วทูลไป | นี่บุตรีท้าวไทมะงาดา |
ช่วยสอดเสียเงินทองเป็นสินบน | น้องจึงค่อยผ่อนพ้นโทษา |
กะกังยะรุเดะให้พามา | น้องว่าเท่าไรไม่ไยดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสุกาหราเรืองศรี |
ได้ฟังย่าหรันพาที | ยิ้มแล้วจึงมีวาจา |
นางได้มีคุณสามีเจ้า | นงเยาว์อย่าเคียดขึ้งหึงสา |
สิ่งใดจงได้เมตตา | เจ้าพูดจาทักทายแต่โดยดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที | แล้วเข้าไปยังที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันศรีใส |
ได้คิดผิดแล้วก็ฉุกใจ | เสียแรงรักใคร่แต่เดิมที |
คิดว่าไม่มีภรรยา | จึงอุตส่าห์ตามมาจนถึงนี่ |
มาสะเทินเขินค้างอยู่อย่างนี้ | คิดแล้วเทวีก็โศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตอบพลางทางว่า |
เจ้าอย่าโศกศัลย์เลยกัลยา | ได้ทำคุณน้องข้าครานี้ |
พี่จะทดแทนคุณเจ้า | สิ่งไรมิให้เศร้าหมองศรี |
เคยสำราญอย่างไรในบุรี | พี่นี้จะเลี้ยงนางเหมือนอย่างนั้น |
จึงสั่งให้จัดเรือนให้ | ทั้งเครื่องทรงเครื่องใช้ทุกสิ่งสรรพ์ |
ทั้งข้าหญิงข้าชายครบครัน | จัดแจงให้ปันแก่เทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
ได้ประทานสิ่งของมากมี | เทวีค่อยคลายสบายใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf