- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๖
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี |
แต่ได้เห็นย่าหรันฤทธี | ก็ยินดีจำได้ว่าสียะตรา |
คิดจะใคร่ทูลองค์พระทรงศักดิ์ | ให้รู้จักแจ้งว่าขนิษฐา |
แล้วกลัวเกลือกจะพะวงสงกา | เคลือบแคลงวาจาไม่เชื่อฟัง |
จะไปดูสำคัญให้มั่นก่อน | จึงจะทูลภูธรต่อทีหลัง |
ตริเสร็จแล้วเสด็จออกจากวัง | ไปยังย่าหรันทันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันครั้นเห็นก็ปราศรัย |
มานั่งนี่ด้วยกันอย่าเกรงใจ | เจ้านี้ชื่อไรไปไหนมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาจึงตอบว่า |
เราชื่อจะหรังวิสังกา | อนุชาปันหยีชาญชัย |
เห็นน้องก็เป็นน่าเอ็นดู | พึ่งมาอยู่ในเมืองใหม่ใหม่ |
ไม่มีที่ร่วมรักรู้จักใคร | พี่จึงตั้งใจจำนงมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ยิ้มพลางทางกล่าววาจา | ขอบใจเชษฐาเป็นพ้นนัก |
เมตตาอุตส่าห์มาเยี่ยมเยือน | ดูเหมือนหนึ่งคนเคยรู้จัก |
บุญของน้องแล้วได้พบพักตร์ | จะผูกพันร่วมรักกันสืบไป |
ตรัสพลางสรวลสันต์หรรษา | ชวนเล่นเจรจาปราศรัย |
ต่างแสนเสนหาอาลัย | รักใคร่สนิทติดพัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงหลงหนึ่งหรัดสาวสวรรค์ |
ครั้นบ่ายชายสีรวีวรรณ | เคยไปประพาสพรรณมาลี |
จึงชวนนวลนางอรสา | กับระเด่นกันจะหนามารศรี |
พร้อมฝูงกำนัลนารี | จรลีมาสวนดอกไม้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
สมิงทอง
๏ นางเสด็จลดเลี้ยวเที่ยวประพาส | รุกขชาติช่อทรามงามไสว |
พิกุลดกดอกตกเต็มไป | กำนัลในไล่เก็บชิงกัน |
พื้นเตียนเลี่ยนลาดศิลาลาย | พฤกษารายรอบพลับพลาสะตาหมัน |
สาวหยุดพุทธชาดมะลิวัลย์ | เลื้อยพันกำแพงแก้วเป็นแถวทิว |
ลางนางบ้างเก็บลูกบานเย็น | มาผัดหน้าทาเล่นไม่เป็นสิว |
ที่สันทัดดัดจริตบิดพลิ้ว | ถือมะกรูดกรีดนิ้วเดินดม |
เกนหลงทรงเด็ดดอกจำปา | ประทานนางอรสาแซมผม |
นางกำนัลน้อยน้อยสอยสุกรม | เก็บใส่สไบห่มห่อมา |
บ้างเก็บดอกรักซ้อนทำซ่อนเงื่อน | ให้เพื่อนที่สนิทเป็นปริศนา |
บ้างแย้มสรวลชวนชมมาลา | หยอกกันหรรษาสำราญ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ แล้วเสด็จหยุดยั้งนั่งเล่น | ในตำหนักที่นั่งเย็นเกษมศานต์ |
ร้อยกรองบุปผาสุมามาลย์ | กับพี่เลี้ยงนงคราญกำนัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน |
ครั้นบ่ายชายแสงสุริยัน | จึงว่าแก่ย่าหรันอนุชา |
วันนี้พี่จะพาจรลี | ไปหาปันหยีสุกาหรา |
ตรัสพลางทางชวนกันลีลา | ออกจากวังดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้รุ่งรัศมี |
ครั้นมาใกล้สวนมาลี | ได้ยินเสียงสตรีนี่นัน |
จึงเหลือบเหลียวแลลอดสอดดู | ตามช่องประตูสะตาหมัน |
เห็นสามอรไทวิไลวรรณ | นั่งอยู่ด้วยกันบนพลับพลา |
ให้คิดประดิพัทธ์พิศวง | ในอนงค์น้อยนั้นหนักหนา |
พระองค์อ่อนละไมไปมา | แล้วจินดานิ่งนึกคะนึงใน |
อันนางนฤมลคนนี้ | จะเป็นเมียปันหยีหรือมิใช่ |
ช่างงามจริงพริ้งพร้อมละม่อมละไม | ดูพลางเพลินไปไม่ไคลคลา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาจึงร้องว่า |
หยุดอยู่นั่นไยยังไม่มา | เห็นอะไรต้องตาหรือว่าไร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
สะดุ้งจิตคิดตอบคำไป | หนามอะไรมายอกน้องนี้ |
แล้วแสร้งแกล้งยกบาทา | อนิจจาเคราะห์ร้ายไม่พอที่ |
ทำผูกพักตร์ชักหนามแล้วพาที | อย่าเพ่อไปก่อนพี่อยู่ท่ากัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาตอบย่าหรัน |
หนามนี้เจ้ากรรมสำคัญ | ให้กวาดทุกวันก็มีมา |
เหมือนแกล้งชักนำมาจำเพาะ | ชะรอยสบคราวเคราะห์ขนิษฐา |
เห็นจะปวดรวดเร้าถึงอุรา | นึกนึกก็เป็นน่าประหลาดใจ |
แต่หนามนิดเท่านี้สิยังเจ็บ | ถ้าถูกต้องลองเล็บจะเป็นไฉน |
ตรัสพลางแย้มสรวลชวนคลาไคล | เข้าในวังปันจะรากัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงตำหนักที่ข้างหน้า | จึงไปหาปันหยีเฉิดฉัน |
สังคามาระตาบังคมคัล | แต่ย่าหรันนั้นไม่อัญชลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
จึงตรัสเรียกย่าหรันทันที | มานั่งถึงนี่อนุชา |
ทั้งสองสนทนาปราศรัย | มิได้เดียดฉันท์หรรษา |
แล้วตรัสสั่งกำนัลกัลยา | ไปหาหลงหนึ่งหรัดมาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี |
รับสั่งบังคมแล้วจรลี | ไปยังที่ตำหนักนางโฉมยง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ แจ้งว่าเสด็จอยู่สวนดอกไม้ | จึงตามไปกราบทูลนางเกนหลง |
ว่าพระเชษฐาสุริย์วงศ์ | ให้เชิญองค์อรไทไคลคลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงแจ้งใจว่าให้หา |
จึงเสด็จจากสวนมาลา | ไปเฝ้าพระเชษฐาธิบดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | โฉมยงองค์มิสาระปันหยี |
เหลือบเห็นย่าหรันทันที | เทวีขวยเขินสะเทินใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีไม่พะวงสงสัย |
จึงว่าแก่ขนิษฐาทันใด | เจ้ารู้จักกันไว้กับพี่ยา |
ทั้งสองอย่ารังเกียจเดียดฉันท์ | จงเป็นพี่น้องกันไปภายหน้า |
แล้วตรัสสั่งสาวสรรค์กัลยา | ให้ยกเครื่องโภชนามาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางกำนัลรับสั่งใส่เกศี |
จึงเชิญเครื่องโภชนาสาลี | ตั้งถวายปันหยีด้วยปรีดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงตรัสเรียกย่าหรันกับกัลยา | เจ้ามากินโภชนาด้วยกัน |
ไหนไหนก็เป็นน้องของพี่ | มารศรีอย่ารังเกียจเดียดฉันท์ |
จงสนิทคิดเหมือนว่าร่วมครรภ์ | จะทำถือเชิงชั้นไม่ชอบใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดศรีใส |
ทั้งอายทั้งกลัวภูวไนย | จึงจำใจเสวยโภชนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
เห็นเกนหลงทรงโฉมโสภา | ลักขณาเลิศล้ำนารี |
ให้คิดพิสมัยใจปอง | ด้วยรู้แน่ว่าเป็นน้องของปันหยี |
เสวยพลางทางดูเทวี | ทำทีแยบคายชายตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงนางบำเรอถ้วนหน้า |
ครั้นเข้าที่เสวยเคยเวลา | ต่างถวายวันทาพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
เบ้าหลุด
๏ จึงรำฟ้อนอ่อนระทวยนวยนาด | ยุรยาตรเยื้องกรายผายผัน |
แล้วตีวงลดเลี้ยวเกี่ยวพัน | รอเรียงเคียงกันเป็นแยบคาย |
ทำทวนทบตรลบหลีกเลี่ยง | นางจำเรียงจับระบำรำถวาย |
หันเหียนเปลี่ยนแทรกไปข้างซ้าย | แล้วย้ายมาขวาทำท่าทาง |
ซ้อนจังหวะประเท้าเคล่าคล่อง | เป็นทำนองมยุเรศฟ้อนหาง |
เวียนระวันหันวงอยู่ตรงกลาง | กำนัลนางนารีปรีดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเร่งแสนเสนหา |
ดูนางพลางชำเลืองนัยนา | ระวังเนตรเชษฐาเทวี |
เห็นปันหยีเมินไปดูฟ้อนรำ | พระลำลำจะใคร่โลมนางโฉมศรี |
แกล้งขยับกลับกายเป็นหลายที | เห็นเทวีไม่เหลือบเหลียวมา |
จึงค่อยลอบเลียมลองต้องพระหัตถ์ | นางสะบัดแหวนหลุดลงตรงหน้า |
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายชายตา | กัลยากลุ้มกลัดขัดใจ |
ครั้นปันหยีเหลือบแลมาตรง | จึงหยิบธำมรงค์นั้นส่งให้ |
ทำเป็นกล่าวแกล้งแสร้งใส่ไคล้ | ว่าแหวนของทรามวัยตกลง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีมีศักดิ์สูงส่ง |
เชื่อคำย่าหรันเป็นมั่นคง | พระองค์เคืองขัดแล้วตรัสมา |
เกนหลงหนึ่งหรัดนี้เป็นไร | จิตใจเพลิดเพลินนักหนา |
แหวนหลุดจากนิ้วเคลื่อนคลา | จะรู้สึกกายาก็ไม่มี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี | ครั้นจะแจ้งคดีก็อายใจ |
นางนั่งก้มพักตร์แล้วชักหน้า | จะเสวยโภชนาก็หาไม่ |
บังคมลาเชษฐาทันใด | กระทืบเท้าเข้าไปที่ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ครั้นเสร็จเสวยโภชนา | ก็อำลาปันหยีจรลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เดินพลางทางคิดพิศวง | ให้คะนึงถึงองค์นางโฉมศรี |
ครั้นถึงวังดาหาปาตี | ตรงเข้าสู่ที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ทอดองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ | แน่นอนอ่อนจิตพิสมัย |
ยอกรก่ายพาดวิลาศไว้ | พลางสะท้อนถอนใจไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสงสัยเป็นหนักหนา |
เห็นย่าหรันสร้อยเศร้าพักตรา | กิริยาวิปริตผิดไป |
จึงเข้าใกล้บาทมูลแล้วทูลถาม | พระมีความเดือดแค้นเป็นไฉน |
หรือไปหาปันหยีวันนี้ไซร้ | หยาบช้าว่าไรให้โกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
จึงแจ้งความตามจริงในวิญญาณ์ | ปันหยีมิได้ว่าอะไรน้อง |
น้องเห็นขนิษฐาของปันหยี | ความงามไม่มีเสมอสอง |
ทำไฉนจะได้เป็นคู่ครอง | จะตริตรองคิดอ่านประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงกราบทูลแถลงไข |
แม้สอดสนหาคนชิดใช้ | ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัลยา |
แล้วผูกรักให้ช่วยชักสื่อสาร | เห็นการก็จะสมปรารถนา |
นี่ขัดสนจนใจด้วยปลอมมา | ไม่รู้ที่จะพึ่งพาผู้ใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันได้ฟังก็หม่นไหม้ |
ยิ่งมีความเสนหาอาลัย | ถวิลถึงอรไทเทวี |
พระคิดจะใคร่ไปหา | ให้พบพักตรานางโฉมศรี |
ครั้นจะไปตรงตรงก็ไม่ดี | ปันหยีจะพะวงสงกา |
พระจึงคิดเขียนผ้าคลุมผทม | เรื่องอุณรุทสมนางอุสา |
แต้มลายเบญจรงค์ลงน้ำยา | รจนาเส้นสุวรรณบรรจง |
อันรูปทรงองค์นางอุสา | ไม่ผิดเพี้ยนพักตราเกนหลง |
ส่วนรูปอุณรุทที่เขียนลง | เหมือนรูปพระองค์ดังวาดไว้ |
ครั้นเสร็จเสด็จย่างเยื้อง | จะแต่งองค์ทรงเครื่องก็หาไม่ |
ให้พี่เลี้ยงถือผ้าตามไป | พระทรงอาชาไนยจรลี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงปันจะรากันติกาหรัง | นิเวศน์วังมิสาระปันหยี |
จึงเสด็จลงจากพาชี | เข้าไปนั่งยังที่ตำหนักใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาสัย |
จึงตรัสถามย่าหรันทันใด | ผ้าอะไรนั่นเจ้าเอามา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ว่าผ้าผืนนี้น้องรจนา | เอามาให้ขนิษฐายาใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีศรีใส |
หยิบผ้ามาคลี่ดูทันใด | ภูวไนยไม่ทันสงกา |
จึงว่าเจ้ายังเยาว์อยู่เพียงนี้ | ฉลาดเขียนได้ดีเป็นหนักหนา |
แล้วว่าเป็นไฉนอนุชา | จึงไม่ทัดบุหงามาลี |
ธรรมเนียมแรกรุ่นจำเริญวัย | ย่อมตกแต่งตัวไว้ให้มีศรี |
ไม่ทัดดอกไม้ก็ไม่ดี | นารีไม่จงเจตนา |
ตรัสพลางสำรวลสรวลสันต์ | ย่าหรันยิ้มเยื้อนแล้วเบือนหน้า |
ปันหยีจึงมีวาจา | ตรัสสั่งกัลยากำนัลใน |
จงไปบอกหลงหนึ่งหรัดบัดนี้ | ว่าพี่เอาผ้ามาให้ |
วันนี้เห็นแตระดอกไม้ | ยังอยู่หรือไรให้เอามา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลเสนหา |
คำนับรับราชบัญชา | ถวายบังคมลาแล้วลุกไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงห้องแก้วเกนหลง | นางกำนัลนั่งลงบังคมไหว้ |
ทูลความตามคำภูวไนย | ขอเชิญเสด็จไปอย่าช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดขนิษฐา |
จึงสั่งบาหยันกัลยา | จงเอาบุหงาไปบัดนี้ |
ตรัสพลางย่างเยื้องจรจรัล | ออกจากห้องสุวรรณเรืองศรี |
บาหยันถือพานมาลี | ตามเสด็จเทวีลีลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทเรศ | พระผู้วงศ์เทเวศร์เชษฐา |
แล้วรับเอาพานมาลา | วางไว้ตรงหน้าเยาวมาลย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
จึงหยิบดอกไม้ที่ในพาน | มาประทานย่าหรันอนุชา |
แล้วเอาผ้านั้นมายื่นให้ | แก่องค์อรไทขนิษฐา |
เจ้าจงพินิจพิจารณา | จะชอบใจหรือว่าไม่ชอบใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดศรีใส |
คลี่ผ้าออกดูทันใด | เห็นรูปอรไทอยู่ในนั้น |
อันทรวดทรงอุณรุทรูปเขียน | ไม่ผิดเพี้ยนพักตราย่าหรัน |
นางแค้นขัดปัดผ้าเสียพลัน | อภิวันท์ปันหยีแล้วลุกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเคืองขัดแล้วตรัสว่า |
น่าชังมั่งหรือไม่อนุชา | ปัดผ้าเสียแล้วก็ลุกไป |
ชั่วดีมิได้บอกออกอรรถ | แค้นขัดใครมาหรือไฉน |
ใจคอพอดีไปเมื่อไร | แต่เป็นเช่นนี้ไปอัตรา |
พี่ก็มิรู้ที่จะถือโทษ | เจ้าก็อย่าได้โกรธขนิษฐา |
ว่าพลางทางหยิบผ้ามา | เพ่งพิจารณาดูไป |
เห็นรูปทรงองค์อุณรุทนั้น | จะผิดเพี้ยนย่าหรันก็หาไม่ |
รูปอุสานารีที่เขียนไว้ | เหมือนเกนหลงกระไรไม่คลาดคลาย |
พระพิโรธโกรธกริ้วคือไฟฟ้า | นัยนาดังแสงสุริย์ฉาย |
ดูดู๋คนคดประทษร้าย | เย่อหยิ่งหยาบคายเป็นพ้นนัก |
แสนมหาแต่บุตรระตู | ยังเกรงกลัวกูไม่หาญหัก |
นี่เป็นกระไรมาจึงฮึกฮัก | อ้ายอัปลักษณ์ลูกชาวพนาวา |
จะอวดหาญแก่กูนี้หรือไร | หากเกรงภูวไนยอยู่หนักหนา |
แต่วันนี้ไปแม้นมึงมา | จะให้ข้ากูไสคอไป ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันก้มหน้าน้ำตาไหล |
ได้อายอัปยศอดสูใจ | ไม่โต้ตอบสิ่งไรก็ลุกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เดินพลางทางยืนหยุดยั้ง | ถวิลหวังถึงองค์ขนิษฐา |
พอพบจะหรังวิสังกา | จึงว่าค่อยอยู่จะลาไป |
ไหนพี่ว่าจะไปหาข้า | ยังวังดาหาที่อาศัย |
เมื่อไรเล่าพี่จึงจะคลาไคล | เอ็นดูน้องอย่าให้เนิ่นนาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาจึงว่าขาน |
วันนี้มีธุระมาพะพาน | ถ้าว่างงานพรุ่งนี้จะคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
จึงเสด็จมาทรงอาชาไนย | คลาไคลคืนกลับไปฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากพาชี | ไปยังที่พลับพลาสะตาหมัน |
หอมกลิ่นบุหงาระคนกัน | ยิ่งคะนึงถึงขวัญเนตรนัก ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
พญาโศก
๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | ให้อาวรณ์วิตกเพียงอกหัก |
พระกรก่ายวิลาศพาดพักตร์ | ถวิลถึงนงลักษณ์แล้วถอนใจ |
จะทำไฉนดีนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชมชิดพิสมัย |
จนจิตสุดคิดไม่เห็นใคร | จะช่วยให้ได้สมดังจินดา |
เอาอุบะขึ้นวางไว้กลางทรวง | นึกว่าพุ่มพวงดวงยิหวา |
พระเชยชมดมดอกไม้กัลยา | หอมซาบนาสายิ่งจาบัลย์ |
แต่พลิกกลับสับสนทนเทวษ | จะนิ่งนอนหลับเนตรก็ใฝ่ฝัน |
แสนสวาทมาดหมายผูกพัน | มิได้บรรทมหลับในราตรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยง | ก็อ่าองค์ทรงเครื่องเรืองศรี |
เสด็จไปพลับพลาสวนมาลี | ภูมีให้คะนึงถึงกัลยา |
จึงหยิบกระดาษมาวาดเล่น | แล้วบรรจงลงเส้นเลขา |
เขียนรูปทศพักตร์ลักสีดา | พระตรึกตราจะลักนางเหมือนอย่างนั้น ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสังคามาระตาเฉิดฉัน |
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟกัลป์ | สงสารย่าหรันเป็นพ้นไป |
มาเกิดการร้าวฉานกันดังนี้ | เพราะว่าปันหยีไม่จำได้ |
จะช่วยก็ขัดสนจนใจ | เหมือนทูลไว้เมื่อครั้งอุณากรรณ |
แต่กำลังรักใคร่ยังไม่เห็น | นี่ปะเป็นคราวแค้นแสนศัลย์ |
ถึงผิดก็ไม่เสียพงศ์พันธุ์ | ด้วยได้ตุนาหงันกันมา |
จะช่วยให้เสร็จสมอารมณ์คิด | จะชอบผิดกระไรนักหนา |
คิดแล้วมาทรงอาชา | ไปวังดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงถามกิดาหยัน | แจ้งว่าย่าหรันอยู่สวนศรี |
จึงเสด็จลงจากพาชี | ตามไปยังที่สวนดอกไม้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
เห็นจะหรังวิสังกามาแต่ไกล | จึงซ่อนกระดาษไว้เสียใต้เพลา |
แล้วมีวาจาปราศรัย | น้องคิดว่าจะไม่มาเล่า |
เห็นหน้าพี่ที่ทุกข์ค่อยบรรเทา | เชิญเข้ามานั่งสั่งสนทนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาได้ฟังว่า |
จึงตอบย่าหรันมิทันช้า | พี่ไม่เคยมุสาพาที |
เจ้าอย่าได้พะวงสงสัย | นานไปจึงจะเห็นจริงพี่ |
ดูน้องก็น่าปรานี | ผ่ายผอมดังมีโรคา |
แม้นว่าเป็นโรคอื่นไกล | จะไม่พอเป็นไรนักหนา |
อันไข้ใจนี้สุดปัญญา | ที่จะรักษาพยาบาล |
จะแก้ไขให้บ้างก็เหลือรู้ | จนใจด้วยอยู่ในมือท่าน |
เห็นเจ้าทนทุกข์ทรมาน | พี่พลอยรำคาญเป็นพ้นไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันตอบคำแถลงไข |
แต่น้อยมาจนจำเริญวัย | จะเคยไข้เช่นนี้บ่ห่อนมี |
ถ้าพี่มิช่วยพยาบาล | ไม่นานก็จะได้เผาผี |
แม้นว่าเมตตาน้องครานี้ | เห็นทีจะรอดชีวาลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉลยไข |
จะช่วยอนุกูลไม่สูญใจ | แต่สิ่งใดอย่าได้พรางเรา |
เมื่อกี้พี่เหลือบแลดู | เห็นกระดาษประหลาดอยู่ในมือเจ้า |
ไยจึงซ่อนใส่ไว้ใต้เพลา | จงบอกเราให้แจ้งแต่จริงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
จะแจ้งความตามจริงก็อายใจ | จึงแก้ไขบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเจรจา |
กระดาษเปล่าดอกพี่ที่มือน้อง | เอามาว่าจะลองเลขา |
ยังไม่ทันลงเส้นเห็นพี่มา | ก็วางไว้กลัวว่าจะปลิวไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาแถลงไข |
ซึ่งว่ากระดาษเปล่าก็เข้าใจ | อยู่ไหนส่งมาจะขอดู |
มาพรางที่ปรึกษาเป็นน่าสรวล | อนิจจาไม่ควรจะอดสู |
นี่หรือรักร่วมใจมิให้รู้ | จะอุปถัมภ์ค้ำชูไปอย่างไร |
ด้วยพี่นี้เหมือนหมอยา | จะพิทักษ์รักษาคนไข้ |
ไม่บอกโรคให้แจ้งมาแฝงไว้ | ก็เป็นไม่รู้ที่จะเยียวยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ดีใจในคำจำนรรจา | จึงหยิบกระดาษมาให้ดูพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน |
คลี่กระดาษดูลายเลขานั้น | เห็นรูปทศกัณฐ์ลักสีดา |
จึงว่าถ้าเจ้าหาญเหมือนเขียนนี้ | เห็นทีจะสมปรารถนา |
อันจะตุนาหงันกัลยา | ที่ไหนเชษฐาจะปลงใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันจึงกล่าวสนองไข |
น้องคิดมืดมนเป็นพ้นไป | อุปไมยเหมือนผงเข้าตา |
พี่เอ็นดูด้วยช่วยคิดให้ | เอาไว้เป็นเพื่อนไปภายหน้า |
แม้นมีทุกข์ภัยสิ่งไรมา | น้องจะทอดกายาอาสาไป |
อันทุกข์อนุชาครานี้ | จะคิดแก่ชีวีนั้นหาไม่ |
ชี้ช่องเถิดน้องจะคลาไคล | จะเป็นไรก็ตามแต่เวรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาใจกล้า |
จึงว่าเจ้าจงฟังพี่ยา | อุตส่าห์กินโภชนาสาลี |
อย่าขาดเฝ้าองค์ศรีปัตหรา | อย่าโกรธตอบมิสาระปันหยี |
จงฟังคำเราแต่เท่านี้ | เห็นทีจะสมจิตที่คิดไว้ |
แม้นว่าได้ช่องชอบกล | จึงจะนำยุบลมาบอกให้ |
ว่าแล้วก็ลาคลาไคล | ขึ้นอาชาไนยกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ทะแย
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
พระทัยรำลึกตรึกตรา | ถึงสการะหนึ่งหรัดโฉมยง |
แต่ให้สารสื่อสวนชวนชิด | ยังไม่ได้สมคิดจิตประสงค์ |
เช้าค่ำร่ำครวญถึงนวลอนงค์ | ฝันใฝ่ใหลหลงทุกเวลา |
ครั้นสิ้นแสงสุริยาสายัณห์ | ดวงบุหลันส่องแสงในแหล่งหล้า |
ดูเดือนเหมือนพักตร์พระธิดา | ยิ่งทวีถวิลหาอาลัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงตรัสสั่งสังคามาระตา | เจ้าอยู่รักษาที่อาศัย |
วันนี้พี่จะลอบเข้าไป | หาองค์อรไทเทวี |
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าที่สรง | สำอางองค์ทรงเครื่องเรืองศรี |
พระกรกุมกริชฤทธี | จรลีไปกับประสันตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงปราการกั้นชั้นใน | เห็นนั่งยามตามไฟอยู่พร้อมหน้า |
จึงเดินเวียนแวดชายไปมา | ดูท่าทางที่จะเข้าไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดศรีใส |
ครั้นราตรีเดือนหงายสบายใจ | อรไทสำอางอ่าองค์ |
แล้วชวนโฉมนางอรสา | กับระเด่นกันจะหนานวลหง |
ออกจากห้องสุวรรณบรรจง | เสด็จลงไปเล่นที่ชาลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
พระทอง
๏ ลีลาศประพาสชมแสงบุหลัน | เหล่าเชลยกำนัลหรรษา |
นั่งล้อมพร้อมฝูงกัลยา | เล่นคุลาซ่อนลูกลอบตี |
บ้างเล่นงูกินหางหันเหียน | วงเวียนไล่เลี้ยวหลีกหนี |
บ้างนั่งเรียงเคียงแข่งนาวี | ถ้อยทีทายแน่ไม่แพ้กัน |
นางชวนพวกระเด่นเล่นซักส้าว | แย่งยุดฉุดฉาวทุกสาวสรรค์ |
แล้วเล่นไล่ไขว่คว้าพัลวัน | แสนสนุกทุกกำนัลนารี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ บัดนั้น | บาหยันพี่เลี้ยงสาวศรี |
ครั้งล่วงปฐมยามราตรี | ก็ร้องเตือนเทวีให้ไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาจึงแกล้งว่า |
ปันหยียังไม่นิทรา | ให้กัลยาอยู่เล่นสำราญใจ |
ว่าแล้วกระซิบสั่งกิดาหยัน | เร่งไปบอกย่าหรันจงได้ |
วันนี้ชอบกลเป็นพ้นไป | จะมาก็ให้รีบมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งใส่เกศา |
ถวายบังคมคัลวันทา | แล้วรีบไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปใกล้ | กราบไหว้ย่าหรันเรืองศรี |
แจ้งความตามสั่งสิ้นคดี | แล้วลาจรลีกลับไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
ชื่นชมโสมนัสหฤทัย | ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า |
จึงสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่ | อันเป็นที่สนิทเสนหา |
แม้นน้องม้วยมุดสุดชีวา | พี่พากันกลับไปธานี |
จงทูลแก่ท้าวไททั้งสอง | ว่าน้องบังคมลาบทศรี |
อันจะครองชีวิตไว้นี้ | พ้นที่จะทนเวทนา |
แม้นพบพระพี่นางโฉมยง | กับองค์ภูวเรศเชษฐา |
พี่อย่าได้ทูลกิจจา | ให้สองกษัตราแจ้งใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงกราบทูลแถลงไข |
พระจงหยุดยั้งชั่งฤทัย | เกลือกจะเกิดเหตุใหญ่วุ่นวาย |
ปันหยีก็มีอานุภาพ | เคยปราบระตูมามากหลาย |
ทั้งทหารใจบาปหยาบคาย | มากมายฝีมือระบือฤทธิ์ |
พวกเราเจ้าข้ามาเท่านี้ | พ้นที่จะรอต่อติด |
ใช่ข้าจะอาลัยแก่ชีวิต | แต่พระคิดตรึกตรองให้จงนัก |
อันระเด่นวิยะดาตุนาหงัน | สมกันทั้งรูปทรงยศศักดิ์ |
พระจะมาเสียองค์หลงรัก | ด้วยหญิงต่ำศักดิ์ไม่สมควร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันตอบคดีถี่ถ้วน |
ซึ่งว่าขานทานทัดทั้งมวล | น้องก็คิดใคร่ครวญแต่เดิมมา |
เป็นเวรากรรมมาจำจิต | จะม้วยมิดด้วยความเสนหา |
น้องมิได้อาลัยแก่ชีวา | แต่ให้สมปรารถนาที่นึกไว้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงเพียงม้วยตักษัย |
กราบลงกับบาทพระภูวไนย | ต่างคนร่ำไรโศกา |
แม้นพระองค์ตกไหนไม่ไกลกัน | ถึงจะม้วยชีวันก็ไม่ว่า |
จะคืนหลังไปยังพารา | อยู่ไปจะเป็นข้าผู้ใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
เห็นสี่พี่เลี้ยงโศกาลัย | ภูวไนยรันทดกำสรดทรง |
แล้วแข็งขืนอารมณ์สมประดี | มาเข้าที่ชำระสระสรง |
ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | กลิ่นส่งหอมฟุ้งจรุงใจ |
พระแกล้งแต่งแปลงกายา | มิให้ชาวพาราสงสัย |
ชวนสี่พี่เลี้ยงคลาไคล | ลอบไปยังปันจะรากัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงศาลาน้อยนอกประตู | ให้พี่เลี้ยงซุ่มอยู่แต่ที่นั่น |
พี่อย่าตามข้าจรจรัล | จงชวนกันคอยรับเมื่อกลับมา |
ว่าแล้วลีลาคลาไคล | ปลอมไปใครไม่ทันรู้จักหน้า |
เข้าเรือนจะหรังวิสังกา | ยับยั้งคอยท่าอยู่ช้านาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดเกษมศานต์ |
เล่นกับสาวศรีบริวาร | อยู่ที่ชั้นชานชาลา |
ครั้นดึกก็ไปไสยาสน์ | กับองค์นงนาฏอรสา |
พวกพี่เลี้ยงกำนัลกัลยา | นิทราริมที่แท่นสุวรรณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน |
ครั้นคนหลับก็กลับจรจรัล | ไปบอกย่าหรันทันที |
หลงหนึ่งหรัดกับนางอรสา | นิทราบนแท่นทองทั้งสองศรี |
สำคัญมั่นคงให้จงดี | เทวีนั้นนอนอยู่ข้างใน |
เมื่อเจ้าจะเข้าไปข้างในที่ | จงขึ้นทางข้างนี้ที่ชี้ให้ |
ใครใครทักถามอย่าคร้ามใจ | ปันหยียังไม่กลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันยินดีเป็นนักหนา |
พระจึงจัดแจงแต่งกายา | เฟ็ดผ้าให้พ้นสนับเพลา |
เจียระบาดคาดมั่นกระสันทรง | กระหวัดชายหางหงส์ให้คล่องเคล่า |
แล้วเสด็จลัดแลงแฝงเงา | ย่องเข้าไปยังที่ไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ค่อยช้อนอุ้มองค์หลงหนึ่งหรัด | เอาชายซ่าโบะรัดขนิษฐา |
พระเร่งรีบดำเนินเดินมา | สะดุดนางขุชชานารี |
ไม่เหลือบเหลียวเลี้ยวลงจากตำหนัก | ออกจากประตูลักสวนศรี |
สี่พี่เลี้ยงแวดล้อมจรลี | ไปดาหาปาตีฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เข้าในห้องทองที่ไสยาสน์ | วางนางเหนืออาสน์แล้วรับขวัญ |
พินิจพิศพักตร์เพียงดวงจันทร์ | ผิวพรรณผุดผ่องละอององค์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ พิศโอษฐ์งามเหมือนจะเยื้อนยิ้ม | เพริศพริ้มเพรารับกับขนง |
จุไรเรียบรอยกันบรรจง | อรชรอ่อนองค์เอวบาง |
งามนอนกรทอดระทวยหัตถ์ | ดูไหนสารพัดไม่ขัดขวาง |
ยิ่งคิดพิสมัยที่ในนาง | พระเชยปรางพลางชมภิรมยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดขนิษฐา |
ครั้นตื่นฟื้นองค์ขึ้นมา | ตกประหม่าถามไปว่าใครนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเล้าโลมนางโฉมศรี |
ใครจะอาจมาได้นั้นไม่มี | เหมือนพี่ที่พิกลกิริยา |
แต่ตรึกตรอมจนผอมผิดทรง | เพราะจำนงจงจิตเสนหา |
แสนทุกข์ทรมานนานมา | เจ้าดวงยิหวาไม่แจ้งใจ |
ยามกินพี่กินแต่ชลเนตร | รัญจวนครวญเทวษโหยไห้ |
จะสู้สิ้นชีวาไม่อาลัย | น้องรักจงได้ปรานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี | ก็กันแสงโศกีร่ำไร |
โอ้ว่ากะกังปันหยี | ดึกดื่นปานนี้ไปอยู่ไหน |
นิ่งให้โจรป่าพนาลัย | เข้าไปลอบลักพามา |
หยาบช้าน่าชังบังอาจ | พอสมกันกับชาติกะละหนา |
เมื่อไรปันหยีพี่ยา | จะตามมาสังหารให้บรรลัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันยิ้มพลางแถลงไข |
สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ก็แจ้งใจ | อนิจจาว่าได้ไม่เมตตา |
เพราะพี่ต่ำศักดิ์จึงรักดี | หวังจะให้มารศรีช่วยเกื้อหน้า |
ร้องไปใครจะอายนะกัลยา | ใช่ว่าจะพ้นมือพี่เมื่อไร |
ตรัสพลางเชยชิดจุมพิตพักตร์ | ความรักพูนเพิ่มพิสมัย |
นางสะบิ้งสะบัดขัดใจ | หยิกข่วนผลักไสไม่ไยดี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | ลำบูพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
หับทวารลงเขื่อนทันที | แล้วกำชับโยธีทั้งนั้น |
ใครอย่าเข้าออกไปมา | พิทักษ์รักษาจงกวดขัน |
จัดทหารวางด้านไว้พร้อมกัน | สรรพสรรพ์อาวุธนานา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางขุชชาค่อมทาสา |
ซึ่งย่าหรันเดินสะดุดออกมา | ครั้นตื่นตาเรียกเพื่อนกันวุ่นวาย |
ระเด่นอรสาก็ฟื้นองค์ | คว้าหาเกนหลงเห็นนางหาย |
ต่างตระหนกตกตะลึงไปทั้งกาย | ก็ลงร้ายว่าย่าหรันมาลักไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงอกสั่นหวั่นไหว |
ไปยังองค์อนุชาชาญชัย | บังคมไหว้แล้วแถลงแจ้งยุบล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิสังกาฟังคำทำฉงน |
อย่าว่าอื้ออึงไปไม่ชอบกล | ฝูงคนได้ยินจะไยไพ |
ข้าจะไปทูลองค์ปันหยี | ความนี้จะเกิดเหตุใหญ่ |
จึงชวนปูนตาคลาไคล | รีบไปตามองค์พระภูมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ประสันตาพี่เลี้ยงปันหยี |
ครั้นเห็นคนหลับใหลได้ที | ก็มาที่แถวทิมริมประตู |
เห็นแต่ตาเฒ่าล้อมวัง | คนหนึ่งนั่งจักสานกระเชออยู่ |
จึงเข้าไปพูดเล่นทำเอ็นดู | ว่าปู่นอนเถิดให้สบาย |
ส่งกระเชอมาหลานจะสานให้ | เพลาเช้าก็จะได้ทันขาย |
พูดพลางทางดูแยบคาย | เขม้นหมายไม้ลำจะทำการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ตาเฒ่าล้อมวังนั่งจักสาน |
หาวนอนโงกงมซมซาน | คิดว่าเพื่อนราชการไม่สงกา |
จึงส่งกระเชอนั้นมาให้ | ว่าขอบใจหลานรักหนักหนา |
แล้วล้มนอนบิดกายไปมา | มิช้าก็กรนหลับไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเห็นคนหลับใหล |
กับพี่เลี้ยงประสันตาผู้ร่วมใจ | จึงยกไม้ไผ่พาดกำแพงพลัน |
แล้วเมียงมองตามช่องทวารา | ไม่เห็นคนไปมาผายผัน |
สงัดเสียงพูดจาเรียกหากัน | จึงปีนลำไม้นั้นขึ้นไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาอัชฌาสัย |
เที่ยวมาหาองค์พระทรงชัย | แลไปพอพบประสันตา |
จึงแกล้งกระแอมไอให้เสียง | พระพี่เลี้ยงจำได้ออกมาหา |
ก็กระซิบบอกความตามกิจจา | ประสันตาตีอกตกตะลึง |
จึงพากันมายังภูวไนย | เห็นพระปีนขึ้นไปจวนจะถึง |
จะร้องบอกออกอรรถก็กลัวอึง | จึงยุดบาทข้างหนึ่งเหนี่ยวไว้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีหลากจิตคิดสงสัย |
โจนจากกำแพงพลันทันใด | แล้วถามว่าอะไรอนุชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาขนิษฐา |
ทูลว่าหลงหนึ่งหรัดกัลยา | นิทราอยู่ในที่หายไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีน้อยจิตคิดครวญใคร่ |
พี่เห็นมิใช่ใครอื่นไกล | ชะรอยไอ้ย่าหรันเป็นมั่นคง |
ตรัสพลางคิดแค้นแน่นจิต | กูจะผลาญชีวิตให้ผุยผง |
จึงชวนอนุชาโฉมยง | เสด็จตรงไปปันจะรากัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประชุมทวยหาญ | จัดพลอลหม่านขมีขมัน |
พร้อมถ้วนกระบวนทัพฉับพลัน | สรรพสรรพาวุธนานา |
พระแต่งองค์ทรงเครื่องสำหรับศึก | ฤทัยนึกแค้นขัดสหัสสา |
มาทรงสินธพอาชา | รีบเร่งโยธาคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | หญิงชายชาวร้านบ้านใกล้ |
ไม่แจ้งเหตุเภทพาลประการใด | ต่างตื่นตกใจวุ่นวาย |
สำคัญว่าโจรป่าเข้ามาปล้น | ประชาชนอกสั่นขวัญหาย |
บ้างร้องเรียกลูกผัวกลัวตาย | หญิงชายวิ่งปะทะปะกัน |
ลางคนสาละวนนอนสนุก | เมียปลุกลุกหลงละเมอฝัน |
หลับตาคว้าอะไรก็ไม่ทัน | ฉุดคร่าพากันออกจากมุ้ง |
ที่บ้านใกล้ได้ยินเสียงแซ่ | นึกแน่ว่าไฟไหม้ใกล้รุ่ง |
ขัดเขมรออกมาผ้าพันพุง | ปีนขึ้นข้างยุ้งแย่งหลังคา |
บ้างวิ่งวุ่นอลวนขนของ | โดนประตูตกล่องล้มถลา |
หลงกอดแม่ยายว่าภรรยา | เหลือบไปปะพ่อตาก็ตกใจ |
พวกผู้หญิงวิ่งตื่นตัวสั่น | ร้องเพรียกเรียกกันว่าไฟไหม้ |
อุ้มบุตรฉุดหลานลงบันได | สับสนปนไปกับพวกชาย |
บ้างเลี้ยวออกหลังวัดพลัดผัว | ผ้าห่มอยู่กับตัวก็ตกหาย |
บ้างลากลุงจูงป้าย่ายาย | วุ่นวายไปทั้งเวียงชัย ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นคนตระหนกตกใจ | ก็รีบขับมโนมัยไคลคลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาขนิษฐา |
ขี่ม้าตามม้าปันหยีมา | ในอุราเร่าร้อนดังอัคคี |
อนิจจาย่าหรันจะบรรลัย | เพราะกูแนะนำให้ไม่พอที่ |
จะว่าวอนผ่อนผันฉันใดดี | ปันหยีจึงจะคลายโกรธา |
คิดพลางขับม้าเคียงม้าทรง | ค่อยกระซิบทูลองค์พระเชษฐา |
จงดำริตริดูด้วยปรีชา | ฟังข้าน้อยก่อนอย่าร้อนรน |
อันจะด่วนโกรธาฆ่าฟัน | เกลือกว่าย่าหรันนั้นขัดสน |
สิ้นคิดฤทธาเข้าตาจน | จะผลาญนฤมลให้มรณา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตรัสตอบขนิษฐา |
เมื่อมันจะห้ำหั่นวนิดา | เวราแล้วจะทำประการใด |
พี่ได้อัปยศอดสู | จะรอรั้งยั้งอยู่กระไรได้ |
จำแก้แค้นแทนทำให้หนำใจ | ถึงจะม้วยบรรลัยก็ตามที |
ว่าพลางทางเร่งรี้พล | เยียดยัดอัดถนนอึงมี่ |
ครั้นถึงวังดาหาปาตี | ให้โยธีเข้าล้อมพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พี่เลี้ยงย่าหรัน |
จึงเข้าไปทูลองค์พระทรงธรรม์ | ว่าปันหยียกมาล้อมไว้ |
ข้าน้อยจะขอออกต่อสู้ | พันตูไปกว่าจะตักษัย |
มาตรแม้นชีวันไม่บรรลัย | ก็มิให้ได้เคืองบทมาลย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันฤทธิไกรใจหาญ |
จึงห้ามสี่พี่เลี้ยงไม่ต้องการ | จะด่วนออกรบราญไปทำไม |
ขนิษฐามาอยู่ในมือเรา | ถึงเขาจะเข้ามาหากลัวไม่ |
พี่จงกำชับกันไว้ | อย่าให้ใครออกต่อตี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประณตบทศรี |
แล้วสนองบัญชาพาที | พระตรัสนี้เห็นความงามนัก |
แต่อย่าไว้วางใจแก่ปันหยี | เกลือกมิได้ท่วงทีไม่หาญหัก |
จะแกล้งกล่าวเล่ห์ลวนชวนชัก | ด้วยแหลมหลักอุบายหลายชั้น |
ทูลแล้วก็ถวายบังคมลา | ออกจากห้องไสยาผายผัน |
มาสั่งโยธาทั้งปวงนั้น | ก็สงบลงพลันทันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันรัศมีศรีใส |
มิได้ครั่นคร้ามขามใจ | พลางปลอบอรไทไปมา |
อย่าเพ่อกันแสงก่อนนะโฉมฉาย | เสียดายชลเนตรขนิษฐา |
ต่อพี่ตายแล้วจึงโศกา | จงสู้กลั้นชลนาของน้องไว้ |
ชำระโลหิตให้พี่ | มารศรีจำคำไว้จงได้ |
อันผ้าห่มนิทราของทรามวัย | เจ้าห่อศพให้พี่เถิดรา |
พี่จะตั้งสัตย์ปฏิญาณ | อธิษฐานตามความปรารถนา |
จะขอเกิดในตระกูลกษัตรา | วงศ์อสัญแดหวาเรืองชัย |
ให้เข้าครรภ์ประไหมสุหรี | ในสี่ธานีกรุงใหญ่ |
ขอพบประสบสมทรามวัย | จึงจะไม่อายหน้านารี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ได้ฟังก็ปิดกรรณเสียทันที | แล้วเทวีทรงโศกโศกาลัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีแค้นขัดอัชฌาสัย |
ยิ่งพิโรธโกรธกริ้วคือไฟ | จะเข้าไปในทวารา |
เห็นบานประตูปิดมิดมั่น | กลอนลั่นลงเขื่อนไว้แน่นหนา |
จึงสั่งบังคับโยธา | ให้ประดาปืนยิงทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดเดี๋ยวใบบานทวารวัง | หักระทมล้มพังไม่ทนได้ |
ปันหยีขี่ขับอาชาไนย | รุกรานเข้าไปทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
รู้ว่าปันหยีมาก็ยินดี | จึงเคลื่อนองค์จากที่จะลีลา |
ย่าหรันโอบอุ้มประคองไว้ | นางผลักไสหยิกตีหนักหนา |
กลิ้งเกลือกเสือกร่ำโศกา | ให้คั่งแค้นแน่นอุราจาบัลย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิแรงแข็งขัน |
ลงจากมโนมัยเข้าไปพลัน | จึงกระชั้นสิงหนาทวาจา |
เจ้ามึงอยู่ไหนไอ้ลำบู | สู่รู้อวดหาญหนักหนา |
ไม่เกรงกูผู้เรืองฤทธา | ชีวาจะม้วยบรรลัย |
เหวยเหวยย่าหรันอกตัญญู | ไปซุกซอนซ่อนอยู่หนไหน |
หรือจะให้เข้าค้นจนห้องใน | พาไอ้ชาติชั่วทรชน |
มึงควรทำได้ถึงเพียงนี้ | อ้ายกาลีลูกชาวไพรสณฑ์ |
แต่ระตูผู้ผ่านภูวดล | ยังไม่หาญทานทนฝีมือกู |
นับอะไรกับไอ้เช่นนี้ | กล้าดีก็ออกมาต่อสู้ |
มึงเร่งมาสังหารผลาญกู | จะได้อยู่ด้วยกันสำราญใจ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันไม่พรั่นหวั่นไหว |
จึงอุ้มองค์ขนิษฐาคลาไคล | จากห้องบรรทมในฉับพลัน |
ครั้นใกล้จึงวางนางลง | กุมกรโฉมยงไว้มั่น |
พระหัตถ์ขวากุมกริชเทวัญ | ยืนยันดังจะต่อฤทธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงว่าเหวยย่าหรันอหังการ์ | หยาบช้าสามารถบังอาจใจ |
กูได้อัปยศจะทดแทน | แก้แค้นฆ่าเสียให้จงได้ |
แม้นมึงดีจริงจงชิงชัย | จะได้เห็นฤทธิไกรกันวันนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันจึงตอบปันหยี |
จะฆ่าฟันฉันใดก็ตามที | อันน้องจะถอยหนีอย่าสงกา |
พี่ทำเถิดกว่าจะหายโกรธ | ด้วยโทษน้องผิดเป็นหนักหนา |
ตามแต่พี่เจ้าจะเมตตา | จะสังหารก็ท่าจะบรรลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียืนตะลึงหลงใหล |
ฟังคำน้ำเสียงก็จับใจ | เผอิญให้มีจิตคิดเมตตา |
เห็นพระน้องยืนเคียงย่าหรัน | งามสมควรกันนักหนา |
ค่อยคลายหายความโกรธา | จึงยับยั้งรั้งรารอไว้ |
ทั้งคิดเอ็นดูขนิษฐา | กลัวว่าจะม้วยตักษัย |
แม้นว่าต่อตีบัดนี้ไซร้ | เห็นมันจะไม่ไว้เยาวมาลย์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลงหนึ่งหรัดร้อนใจดังไฟผลาญ |
เห็นพระเชษฐาชัยชาญ | ยังไม่หักหาญเข้าชิงชัย |
จึงว่าจะยอมให้แก่โจรป่า | งามหน้าอยู่แล้วหรือไฉน |
ลูกฟานลูกกระจงในพงไพร | ตกมีฤทธิไกรกว่าพี่ยา |
รู้ไปถึงไหนน่าอัปยศ | จะมาไว้ทรยศแก่วงศา |
หรือชิงชัยไม่ได้ก็บอกมา | จงว่าให้แจ้งออกบัดนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสาระปันหยี |
ได้ฟังขนิษฐาพาที | กลัวว่าจะมี่อึงไป |
ถ้าใครแจ้งว่าแปลงปลอมมา | จะเอาหน้าไปไว้หนไหน |
ยิ่งคิดกลุ้มกลัดขัดใจ | เข้ารุกไล่ย่าหรันทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นย่าหรันผู้รุ่งรัศมี ไม่อาจหาญต้านตอบต่อตีคอยทีแทงมาจึงรับไว้ หลบหลีกผันผัดปัดป้องจะถูกต้องอาวุธก็หาไม่ ครั้นกริชกระทบกันทีไรก็ลุกเป็นเปลวไฟขึ้นฉับพลัน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ กลองแขก
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน |
ค่อยกระซิบทูลองค์พระทรงธรรม์ | อย่าเพ่อหุนหันกระชั้นชิด |
ประทานโทษจงโปรดเกศี | วันนี้น้องเห็นวิปริต |
เกลือกจะเป็นวงศ์พระทรงฤทธิ์ | จึงกริชกระทบเป็นเปลวไฟ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นชอบก็เงือดงดไว้ | แล้วตรัสไปแก่สังคามาระตา |
แต่พี่แทงคนมานับพัน | อาสัญเพราะมือก็หนักหนา |
ไม่เคยเป็นเช่นนี้อนุชา | หรือจะเหมือนเจ้าว่าประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ |
ได้ยินเสียงปืนดังถึงวังใน | ก็ถามไถ่เสนาด้วยพลัน |
ครั้นแจ้งว่ามิสาระปันหยี | ยกพลมาตีย่าหรัน |
พระเร่งร้อนฤทัยดังไฟกัลป์ | ไม่ทันแต่งองค์อลงการ์ |
ตรัสสั่งให้ผูกคชสาร | ภูบาลมายืนคอยท่า |
เสด็จยังเกยแก้วแววฟ้า | ขึ้นคชารีบไปจะให้ทัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากช้างทรง | เห็นปันหยีรณรงค์กับย่าหรัน |
พระจึงมีพจนารถไปพลัน | พ่อขอชีวันย่าหรันไว้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันปันหยีบังคมไหว้ |
ต่างองค์ต่างทูลสนองไป | ตามในเหตุผลแต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา |
ครั้นแจ้งจึงมีพระบัญชา | ตรัสว่าย่าหรันนั้นยังเยาว์ |
กำลังร้อนรักจึงหักหาญ | อหังการไม่เกรงใจเจ้า |
โทษผิดหนักอยู่ด้วยดูเบา | ลูกรักจงบรรเทาโกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
ได้ฟังพระราชบัญชา | กราบกับบาทาแล้วทูลไป |
แต่ข้าน้อยเกิดมาถึงเพียงนี้ | ใครจะหยามย่ำยีก็หาไม่ |
ถึงหน่อกษัตริย์ทุกกรุงไกร | จะทำอันใดได้ก็ไม่มี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังจึงตอบปันหยี |
อันย่าหรันล่วงเกินดังนี้ | ก็ควรที่จะทำแทนทด |
ด้วยตัวเจ้ามีความอับอาย | คนทั้งหลายลือชาปรากฏ |
แต่พ่อมาขอเจ้าจึงเงือดงด | จะได้อัปยศไยมี |
ถึงย่าหรันจะเรืองฤทธิไกร | จะต่อสู้เจ้าได้ก็ใช่ที่ |
แต่ใจหนุ่มกลุ้มไปด้วยยินดี | ไม่กลัวชีวีจะบรรลัย |
เจ้าอย่าก่อกรรมทำเหตุ | เห็นแก่บิตุเรศจงยกให้ |
อย่าให้บิดาได้อายใจ | แก่เสนาในซึ่งตามมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
กราบทูลสนองพระบัญชา | มิให้เคืองบาทาภูวไนย |
ซึ่งพระองค์ตรัสห้ามทั้งนี้ | สุดที่ข้าน้อยจะขัดได้ |
ทูลแล้วบังคมลาคลาไคล | ลงไปจากเรือนย่าหรันพลัน |
ลีลาศแต่โดยบาทา | ปนมากับพวกพลขันธ์ |
อันมนตรีแลพี่เลี้ยงนั้น | ป้องกันปันหยีลีลา |
พระยิ่งคิดอัปยศอดอาย | แก่หญิงชายชาวเมืองหนักหนา |
มิได้เหลียวแลไปมา | ก้มหน้าดำเนินเดินไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงปันจะรากัน | เข้าห้องสุวรรณหาช้าไม่ |
ทอดองค์ลงระทดสลดใจ | พระสะอึกสะอื้นไห้โศกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริย์วงศ์นาถา |
เห็นเกนหลงหนึ่งหรัดกัลยา | ดวงพักตร์ลักขณาลาวัณย์ |
แรกรุ่นจำเริญตายาใจ | ดังนางในฟากฟ้ากระยาหงัน |
คล้ายประไหมสุหรีกุเรปัน | พระทรงธรรม์พิศวงสงกา |
กระนี้หรือย่าหรันมิมั่นหมาย | จะสู้ตายด้วยความเสนหา |
คิดพลางทางมีบัญชา | สั่งเสนาปาเตะทันใด |
จงอยู่ด้วยอะหนะย่าหรัน | ป้องกันปันหยีจงได้ |
เกลือกจะมาฆ่าฟันให้บรรลัย | เห็นโกรธเกรียมเหี้ยมใจจะไม่ฟัง |
ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนี | ภูมีขึ้นทรงช้างที่นั่ง |
กลับคชสารศรีมีกำลัง | เสด็จคืนเข้ายังวังใน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
โอ้ปี่
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
คิดถึงขนิษฐายาใจ | พระพิไรรำพันโศกา |
โอ้ว่าพระชนกชนนี | จะติโทษลูกนี้หนักหนา |
เสียแรงพระเลี้ยงลูกมา | ทำให้เคืองบาทาถึงสามที |
ครั้นลูกไปเลี้ยงจินตะหรา | ผ่านฟ้าก็ได้หมองศรี |
แล้วลูกพาบุษบามานี้ | พระชนกชนนีก็ร้อนใจ |
ครั้งนี้ลูกพาพระน้องมา | ไม่พิทักษ์รักษาไว้ได้ |
ให้มาปนศักดิ์ด้วยชาวไพร | แม้นพระองค์แจ้งไปจะได้อาย |
เสียแรงเรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ | อัปลักษณ์ยิ่งคนทั้งหลาย |
เสียทีที่เกิดมาเป็นชาย | มาทำความอายถึงเพียงนี้ |
แม้นพบบุษบายาใจ | ก็ไม่กลับคืนไปกรุงศรี |
จะพากันซอกซอนนอนพงพี | ไปกว่าชีวีจะบรรลัย |
อันจะอยู่ในกรุงกาหลังนี้ | จะดูชาวบุรีกระไรได้ |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นทรวงใน | ให้ละห้อยน้อยใจจาบัลย์ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ หวนหุนฉุนโกรธขึ้นมา | จะใคร่ผลาญชีวาย่าหรัน |
แล้วคิดถึงพระองค์ทรงธรรม์ | ได้มาขอชีวันมันไว้ |
แต่แค้นขัดกลัดกลุ้มทรวงทรง | จะเสวยจะสรงก็หาไม่ |
บรรทมโศกศัลย์รัญจวนใจ | อยู่ในแท่นรัตน์รูจี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี |
จึงปรึกษาพี่เลี้ยงผู้ภักดี | พระภูมีเศร้าใจไม่สบาย |
มิได้สรงเสวยโภชนา | ทรงโศกโศกาไม่เหือดหาย |
คิดถึงพระน้องนุชสุดเสียดาย | ไปปนศักดิ์ด้วยชายต่ำช้า |
น้องนึกเห็นว่าย่าหรัน | ท่วงทีนั้นมิใช่ชาวป่า |
เห็นจะเป็นระเด่นสียะตรา | คล้ายศรีปัตหราดาหานัก |
ทั้งแกล้วกล้าสามารถอาจอง | น่าจะเป็นสุริย์วงศ์สูงศักดิ์ |
รูปทรงโสภาน่ารัก | ย่อมเห็นประจักษ์อยู่ด้วยกัน |
ทั้งจริตก็ผิดโจรป่า | เห็นจะแกล้งแปลงมาเป็นแม่นมั่น |
แล้วชิงชัยให้เกิดอัศจรรย์ | เพราะเป็นวงศ์เดียวกันไม่ทันคิด |
ครั้นปรึกษากับสี่พี่เลี้ยงแล้ว | ค่อยผ่องแผ้วเคลื่อนคลายสบายจิต |
จึงเข้าไปเฝ้าองค์พระทรงฤทธิ์ | เห็นนิ่งนิทราทรงโศกี |
สังคามาระตาโฉมยง | กราบลงแทบบาทปันหยี |
แล้วจึงทูลแถลงแจ้งคดี | ตามที่ได้ปรึกษาหารือกัน |
น้องนี้คิดเห็นเป็นมั่นคง | พระองค์อย่าเพ่อโศกศัลย์ |
ข้าจะให้ประจักษ์วงศ์พงศ์พันธุ์ | จะขอกริชย่าหรันนั้นมาดู ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตรึกไตรไปเป็นครู่ |
แล้วว่าแก่อนุชาโฉมตรู | อันกริชสิคู่กับดวงใจ |
เจ้าจะไปขอมานั้น | ที่ไหนย่าหรันมันจะให้ |
มิรู้จะว่าประการใด | ตามแต่หฤทัยอนุชา |
อันพี่นี้ขัดสนพ้นคิด | ด้วยกลัดกลุ้มคลุ้มจิตเป็นหนักหนา |
ตรึกแต่ความอายเป็นอัตรา | จะดูหน้าผู้คนได้กลใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาอัชฌาสัย |
กราบกับบาทาแล้วคลาไคล | ออกไปจากห้องไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงสั่งพี่เลี้ยงอันร่วมใจ | พี่จงเร่งไปวังดาหา |
บอกแก่ย่าหรันอนุชา | ว่าข้าขอดูกริชบัดนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี |
รีบมาหาย่าหรันทันที | อัญชลีแล้วแถลงให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันครั้นแจ้งแถลงไข |
เราจะให้กริชไปฉันใด | ชีวาลัยเราอยู่ในกริชนี้ |
แม้นปันหยีรู้จู่มา | เราจะม้วยมรณาไม่พอที่ |
พี่จงกลับไปแจ้งคดี | ย่อมรักชีวีอยู่เหมือนกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงก็รีบผายผัน |
มาถึงจึงถวายอภิวันท์ | ทูลตามย่าหรันว่ามา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาขนิษฐา |
ได้ฟังจึงกล่าววาจา | พี่กลับไปว่าบัดนี้ |
เสนหากันมาแต่ก่อนนั้น | ย่าหรันก็แจ้งอยู่ถ้วนถี่ |
สิ่งใดให้คิดดูจงดี | แต่ยิ่งกว่านี้ยังให้ไป |
จะเอากริชบิดพลิ้วมิให้มา | เราหรือจะฆ่าเสียได้ |
หรือแหนงจิตผิดคำที่ข้อไร | จึงมาสงสัยไม่เชื่อกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผายผัน |
ครั้นถึงจึงนอบนบอภิวันท์ | บอกย่าหรันให้แจ้งตามคดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้รุ่งรัศมี |
จึงส่งกริชนั้นให้ทันที | แล้วมีพจนารถวาจา |
กริชนี้ดั่งดวงชีวิตเรา | ปลิดเอาไปให้แก่เชษฐา |
สิ่งใดจงได้เมตตา | จะได้มีชีวาสืบไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงได้กริชแล้วกราบไหว้ |
รีบกลับมาพลันทันใด | ถึงจึงส่งให้พระอนุชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาก็หรรษา |
ชักกริชออกดูมิได้ช้า | เห็นนามสียะตราก็ดีใจ |
จึงเข้าไปอภิวันท์ปันหยี | ทำทีหน้าเฉยเฉลยไข |
ทูลว่ากริชย่าหรันนั้นไซร้ | ข้าได้มาแล้วพระราชา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงลุกจากที่ไสยา | เอากริชมาถอดดูทันใด |
เห็นนามสียะตราอยู่ในกริช | ประจักษ์จิตมั่นคงไม่สงสัย |
ตบเพลาเข้าพลางทางว่าไป | หาไม่จะม้วยมรณา |
หากศรีปัตหรามาห้ามไว้ | จึงได้รอดชีวังสังขาร์ |
อนิจจายาหยีสียะตรา | พี่จะฆ่าเจ้าเสียให้จำตาย |
พระตีอกตกตะลึงไปเป็นครู่ | คิดถึงพันตูก็ใจหาย |
แม้นเจ้าสิ้นชีพชีวาวาย | พี่จะตายไม่อยู่ไยดี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ จึงถอดกริชขนิษฐาออกไว้ | เอากริชพระองค์ใส่แทนที่ |
ตรัสสั่งอนุชาว่ากริชนี้ | เอาไปให้ยาหยีเป็นสำคัญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเกษมสันต์ |
รับกริชมาให้พี่เลี้ยงพลัน | เอาไปให้ย่าหรันเรืองชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประนมบังคมไหว้ |
รีบไปยังย่าหรันทันใด | ถวายกริชภูวไนยมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
เห็นกริชเหลือฝักชักออกมา | ก็ทอดทัศนาฉับพลัน |
เห็นอักษรสำคัญมั่งคง | นามอิเหนาสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ไม่รู้ว่าพระเชษฐากุเรปัน | หมายมั่นว่าชาวพนาลี |
ทีนี้เห็นแจ้งไม่แคลงใจ | จะขอไปประณตบทศรี |
ถึงพระจะโกรธาฆ่าตี | ก็ควรที่ด้วยโทษเราผิดนัก ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงรับสั่งพระทรงศักดิ์ |
แล้วเร่งรีบไปด้วยใจภักดิ์ | มาทูลตามพระน้องรักสั่งมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีรู้รหัสแล้วตรัสว่า |
จงกลับไปแจ้งกิจจา | อย่าเพ่อให้อนุชาจรลี |
อายแก่ไพร่ฟ้าประชากร | เขาจะค่อนนินทาทั้งกรุงศรี |
ว่าชิงชัยกันในราตรี | บัดนี้เสนหาอาลัย |
ต่อสิ้นแสงสุริยาสายัณห์ | ใครใครไม่ทันสงสัย |
เราจึงจะค่อยคลาไคล | ลอบไปหาพระน้องทั้งสองนั้น ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผายผัน |
กลับมาจากปันจะรากัน | เข้าไปทูลย่าหรันตามบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงย่าหรันก็หรรษา |
ต่างคนทูลความตามจินดา | ถึงว่าพระไปลักอรไท |
มิได้ผิดคู่ตุนาหงัน | ด้วยเทวัญบันดาลชักให้ |
ต่างปรึกษาพาทีดีใจ | ด้วยได้สมดังมโนรถ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธาปรากฏ |
ครั้นพระสุริยงอัสดงคต | พระทรงยศแต่งองค์ทรงอาภรณ์ |
แล้วเสด็จมาทรงอาชาไนย | ห้ามมิให้ทหารแห่เหมือนแต่ก่อน |
ให้ไปแต่พอตามอัสดร | ภูธรลอบลีลาคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาผู้ใหญ่ |
เหลือบเห็นปันหยีก็ตกใจ | จึงวิ่งไปยืนขวางทวารา |
แล้วถามไปพลันทันใด | จะไปไหนปานนี้จงบอกข้า |
เห็นประหลาดหลากจิตผิดเวลา | นี่จะมารบกันหรือฉันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางแถลงไข |
ลุงอย่าปรารมภ์ตรมใจ | หลานนี้มิใช่คนใจเบา |
เมื่อได้รับรสพจนา | ไม่ละเมิดบัญชาพระปิ่นเกล้า |
ด้วยคิดคำนึงถึงนงเยาว์ | จะขอเข้าไปหานางนารี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปาเตะจึงตอบปันหยี |
ซึ่งว่าจะไปหานางเทวี | เรานี้ยังกินแหนงแคลงใจ |
เจ้าสิไม่ชอบหน้ากับย่าหรัน | ถ้าหุนหันกันขึ้นจะทำไฉน |
ตัวเราจะไม่พ้นโทษภัย | จะเข้าไปก็ส่งกริชมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีสุกาหรา |
จึงส่งกริชให้แก่ปูนตา | แล้วมีวาจาว่าไป |
พี่รักษากริชอยู่แต่นี่ | อย่าให้ท่านมนตรีสงสัย |
สั่งแล้วลงจากอาชาไนย | แล้วคลาไคลแต่องค์เอกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ออกไปรับเสด็จพระพี่ยา | กราบกับบาทาแล้วทูลพลัน |
โทษน้องนี้ผิดเหลือผิด | พระทรงฤทธิ์ควรฆ่าให้อาสัญ |
น้องขอถวายชีวัน | ก็ยื่นกริชให้พลันทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีมีจิตพิสมัย |
ส้วมสอดกอดองค์พระน้องไว้ | เจ้าว่าไยอย่างนั้นอนุชา |
ตรัสพลางคลาไคลเข้าในห้อง | นั่งเหนือแท่นทองเลขา |
เห็นพระน้องทั้งสองโศกา | พระฟูมฟายชลนาแล้วว่าไป |
ตัวพี่ผิดเองนะน้องรัก | หาญหักวู่วามไม่ถามไถ่ |
หากศรีปัตหรามาห้ามไว้ | หาไม่เจ้าจะม้วยมรณา |
ซึ่งพี่หุนหันมาพันตู | ด้วยไม่รู้ว่าองค์ขนิษฐา |
ครั้นประจักษ์ตระหนักแน่ว่าน้องยา | ก็สมดังจินดาแต่เดิมที |
แล้วกระซิบบอกองค์หลงหนึ่งหรัด | แจ้งรหัสให้รู้ถ้วนถี่ |
นี่คู่ตุนาหงันของเทวี | อย่าหยาบช้าด่าตีพี่ยา |
น้องรักทั้งสองจงครองกัน | ตามวงศ์พงศ์พันธุ์อสัญหยา |
พระลูบหลังสั่งสอนกัลยา | ค่อยอยู่เถิดจะลาคลาไคล ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลงหนึ่งหรัดเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
ฉุดชายซ่าโบะปันหยีไว้ | น้องจะไปด้วยองค์พระพี่ยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีตรัสแก่ขนิษฐา |
ทำฉะนี้เหมือนไม่เมตตา | ดังพี่แกล้งมาพาเจ้าไป |
องค์ศรีปัตหราจะพิโรธ | จะตำหนิติโทษพี่ได้ |
พระได้เสด็จมาว่ากล่าวไว้ | ก็แจ้งใจเจ้าอยู่แต่หลังมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลงหนึ่งหรัดได้ฟังเชษฐา |
ทั้งรักทั้งกลัวพระพี่ยา | ก็วางชายผ้าเสียทันใด |
ครั้นมิสาระปันหยีลีลา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
ลำลำจะใคร่ตามไป | ก็กลัวพระภูวไนยจะโกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันชื่นชมหรรษา |
ตามไปส่งเสด็จพระพี่ยา | แล้วกลับมายังห้องบรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชาตรี
๏ ลดองค์ลงนั่งแนบนาง | โลมลูบปฤษฎางค์แล้วปราศรัย |
โฉมเฉลาเยาวลักษณ์วิไล | จะปรารมภ์ตรมใจไปไยมี |
พระเชษฐาก็มาอนุญาต | ยอมยกสายสวาทให้แก่พี่ |
เชิญผินพักตรามาพาที | มารศรีอย่าโศกาจาบัลย์ |
เป็นบุพเพนิพาสวาสนา | จึงได้มาพบคู่ตุนาหงัน |
พี่หวังจะฝังฝากชีวัน | อย่าเคืองเคียดเกียดกันโกรธา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าชัง | ใครมั่งพูดได้ไม่อายหน้า |
ทำดังโจรไพรไปลักมา | หยาบช้าข่มเหงไม่เกรงใจ |
แล้วกลับว่าพระเชษฐาให้ปัน | กลการอะไรนั่นจะยกให้ |
เป็นบิดามารดาหรือว่าไร | จึงจะทำได้ตามอำเภอ |
ยังมีหน้าว่าพลอยไปด้วยเล่า | ใครเขาจะตามใจช่างไม่เก้อ |
สักกี่ปีที่จะงวยอวยเออ | อย่าพูดเพ้อพอรู้เท่าทัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนคม | น้อยหรือคารมช่างเย้ยหยัน |
พระพี่ยาย่อมแจ้งอยู่ทุกอัน | ว่าเราได้ตุนาหงันกันไว้ |
ถึงจะกลับคืนหลังยังพารา | พระบิตุเรศมารดาคงยกให้ |
แต่ว่าจะช้านานไป | จึงให้เจ้ามาอยู่เป็นคู่เคล้า |
ปลั่งเปล่งเคร่งครัดกำดัดชม | อ้อนแอ้นเอวกลมดังหล่อเหลา |
กล้องแกล้งแน่งน้อยนงเยาว์ | งามละม่อมพร้อมเพราเอาใจ |
พิศทรงสารพันเพียงขวัญตา | ทั้งในใต้หล้าจะหาไหน |
ว่าพลางกรกระหวัดรัดไว้ | น้องรักจงได้เมตตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ แค้นเอยแค้นใจ | มาพิไรร่ำบ่นดังคนบ้า |
นางผันพักตร์ผลักไสไปมา | เวทนาน่าน้อยหฤทัย |
ทั้งหยิกทั้งข่วนไม่ละลด | จะเงือดงดวาจาก็หาไม่ |
มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ | ดังข้าช่วงใช้ช่วยมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอยน้องรัก | ไม่ประจักษ์ในความเสนหา |
พี่มิได้จ้วงจาบหยาบช้า | จะว่าข่มเหงนั้นฉันใด |
อันธรรมดาโลกยินดี | อย่างนี้แลว่าพิสมัย |
แม้นมิเชื่อวาจาว่าใส่ไคล้ | จงซักไซ้ไต่ถามพระพี่ยา |
เมื่อกะกังกับเจ้าเข้าบรรทม | หยอกเย้าเฝ้าชมหรรษา |
นั่นข่มเหงไม่เกรงกัลยา | หรือว่าเสนหาประการใด |
ถึงพระเชษฐาเมตตาเจ้า | ก็ไม่เท่าที่พี่พิสมัย |
ท่านอยู่แต่พอหลับแล้วกลับไป | ไฉนไม่นิทราสักราตรี |
พี่นี้เสน่ห์เจ้าเฝ้าชมเชย | จะร่วมเรียงเขนยไม่หน่ายหนี |
จนม้วยมุดสุดสิ้นชีวี | ก็ไม่ม้วยไมตรีที่ผูกพัน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าสรวล | สำนวนช่างแก้แปรผัน |
อนึ่งที่พี่น้องเขารักกัน | จะว่าข่มเหงนั้นด้วยอันใด |
แต่กะกังปันหยีไม่อยู่นอน | ควรหรือเอามาค่อนนินทาได้ |
ชู้เมียท่านมีท่านก็ไป | กลการอะไรจึงเจรจา |
อย่ามายักเย้าเซ้าซี้ | จงไปหาอิสตรีเหมือนเชษฐา |
ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา | วางข้าอย่ายึดมือไว้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ดวงเอยดวงสมร | แสนกระแหน่แง่งอนช่างแก้ไข |
ชู้เมียพี่มีเมื่อไร | อย่าแสร้งใส่ไคล้เจรจา |
พี่มีแต่คู่ตุนาหงัน | จึงผูกพันสนิทเสนหา |
มิได้อาลัยแก่ชีวา | จึงได้ดวงยิหวามายาใจ |
พระเชษฐาพาเจ้ามาเดินป่า | แต่ยังเยาวยุพาจนใหญ่ |
พี่ตั้งแต่โศกาอาลัย | จึงติดตามทรามวัยไคลคลา |
แม้นพี่มีคู่ครองต้องใจ | จะมาให้ยากไยที่ในป่า |
ชีวิตก็ปิ้มจะมรณา | ทรามสงวนควรว่าไม่ปรานี |
ว่าพลางภิรมย์ชมพลาง | เชยปรางปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
แสนกระสันรัญจวนยวนยี | น้องรักผลักพี่เสียไย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ อย่าเอยอย่าต้อง | รักน้องอย่าขัดอัชฌาสัย |
ส่วนพระเชษฐาของข้าไซร้ | จะให้อนาทรบ่ห่อนมี |
สุดแต่น้องห้ามก็ตามคำ | นี่อะไรมาทำน่าบัดสี |
จงผันผ่อนให้งามตามท่วงที | สุดแต่ดีด้วยกันจะเป็นไร |
ถ้าเจ้าจะหักเอาโดยหาญ | อย่าคิดว่าจะราญลงได้ |
ข้านี้ปากไวมือไว | ค่อยมาค่อยไปอย่าใจพลัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนเฉลียว | ช่างเลี่ยงเลี้ยวลิ้นลมคมสัน |
ก้าวเฉียงเบี่ยงบ่ายเป็นหลายชั้น | พอรู้เท่าทันนางทรามวัย |
พระเชษฐาเมตตาจึงฟังห้าม | ข้อนี้พี่จะตามวาจาได้ |
แต่ซึ่งเชยชมภิรมย์ใจ | เป็นไรเจ้ามิห้ามพระพี่ยา |
ถ้ากะกังมิได้สังวาส | ตัดขาดในความเสนหา |
พี่ก็จะไปปะตาปา | ไม่ทะยาขออยู่มีคู่ครอง |
ว่าพลางอุ้มนางขึ้นบนตัก | สุดรักของพี่ไม่มีสอง |
จุมพิตชิดเชยปรางทอง | ค่อยประคองเคียงเคล้าเยาวมาลย์ |
อิงแอบแนบนางพลางชม | แรกภิรมย์ร่วมรักสมัครสมาน |
พายุพัดอัศจรรย์บันดาล | ไหวสะท้านสะเทือนสุธาดล |
ฟ้าลั่นครั่นครึกกึกก้อง | โพยมพยับอับละอองอายฝน |
คงคาสาครกระฉ่อนชล | โกมลไม่แย้มยังแนมใบ |
ครั้นอุทัยไขแสงพระสุริย์ฉาย | กลีบกล้ำจำคลายไม่อยู่ได้ |
สองกษัตริย์สุขเกษมเปรมใจ | ที่ในห้องแก้วแพรวพรรณ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โลม
ช้า
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงหลงหนึ่งหรัดสาวสวรรค์ |
ได้ร่วมภิรมย์สมสนิทติดพัน | ด้วยย่าหรันสุริย์วงศ์ทรงฤทธิ์ |
แรกเริ่มรู้รสสังวาส | แสนสวาทพิศวงปลงจิต |
สัพยอกแย้มสรวลชวนชิด | งามงอนอ่อนจริตกิริยา |
พระเชยปรางพลางชมปทุมทอง | นวลละอองป้องปัดหัตถา |
หยอกเย้าเซ้าซี้ด้วยปรีดา | กัลยาเกษมศานต์สำราญใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | มิสาระปันหยีศรีใส |
จึงสั่งพี่เลี้ยงนางอรไท | จงไปดาหาปาตี |
แล้วช่วยกันสั่งสอนขนิษฐา | อย่าให้หยาบช้าต่อพี่ |
แสนร้ายใจคอใช่พอดี | ทั้งสี่ห้ามปรามอย่าตามใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งบังคมไหว้ |
ออกมาสั่งกันทันใด | ถ้วนทุกกำนัลในนารี |
บ้างเร่งรัดจัดแจงเครื่องอาน | ครบตำแหน่งพนักงานตามที่ |
เสร็จแล้วก็รีบจรลี | พี่เลี้ยงปันหยีนำไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | เกนหลงหนึ่งหรัดศรีใส |
ถ้อยทีคิดถึงคะนึงใน | แจ้งความถามไถ่กันไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ปาเตะผู้มียศถา |
เห็นย่าหรันปันหยีไม่โกรธา | ทั้งสองเสนหาผูกพัน |
เสนีดีใจเป็นพ้นนัก | ด้วยเห็นจริงประจักษ์ไม่แปรผัน |
จึงสั่งให้เลิกกองที่ป้องกัน | แล้วรีบจรจรัลมาวังใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปกราบทูล | พระผู้ผ่านไอศูรย์เป็นใหญ่ |
บัดนี้ปันหยีนั้นไซร้ | กับย่าหรันรักใคร่ไม่โกรธกัน |
ข้างปันหยีก็มาหาน้อง | ปรองดองมิได้เคียดเดียดฉันท์ |
เห็นจะร่วมวงศ์พงศ์พันธุ์ | หากสำคัญฟั่นเฟือนแต่เดิมมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา |
ได้ฟังเสนีก็ปรีดา | จึงมีบัญชาว่าไป |
ซึ่งอะหนะทั้งสองไม่ข้องเคือง | เราปลดเปลื้องทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ตรัสพลางทางเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทรัตน์รูจี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf