- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๒๕
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระองค์ทรงพิภพดาหา |
ตั้งแต่ระเด่นบุษบา | ธิดาดวงสวาทนิราศไป |
พระอาดูรพูนเทวษถวิลถึง | เช้าค่ำคำนึงแล้วโหยไห้ |
เห็นแต่สียะตรายาใจ | ยิ่งทวีอาลัยถึงบุตรี |
พระพลางเชยชมลูกรัก | พิศพักตร์ลักขณาราศี |
ชันษาล่วงได้สิบห้าปี | เพราะเริศร้างพิธีโสกันต์มา |
จำจะทำให้ทันตาเห็น | แล้วจะเสกให้เป็นฝ่ายหน้า |
คิดแล้วภูวไนยก็ไคลคลา | ออกมายังท้องพระโรงคัล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ จึงมีพระราชบรรหาร | สั่งโหราจารย์คนขยัน |
เร่งหาฤกษ์พาเวลาวัน | จะตั้งการโสกันต์สียะตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนโหรรับสั่งใส่เกศา |
หยิบเอากระดานชนวนมา | ควณคูณหารหาฤกษ์พลัน |
เสร็จแล้วอภิวาทบาทบงสุ์ | ทูลองค์พระผู้ผ่านไอศวรรย์ |
เดือนสี่ขึ้นสามค่ำวันจันทร์ | พระฤกษ์นั้นดีนักภูวไนย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศเป็นใหญ่ |
จึงตรัสสั่งเสนาปรีชาไว | เร่งบัตรหมายไปอย่าได้ช้า |
การนี้เราจะทำให้ปรากฏ | เกียรติยศเยี่ยงอย่างไปข้างหน้า |
ตามจารีตวงศ์เทวา | จงเร่งรัดโยธาให้ทำการ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับราชบรรหาร |
ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | ออกมาจากสถานพระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงให้กรมวังสั่งเวร | กำหนดการกะเกณฑ์กันกวดขัน |
หมายสั่งข้างในเข้าไปพลัน | ข้างนอกบอกกันทุกกรม ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เหล่าทหารพลเรือนทุกหมู่หมวด | แปดตำรวจนอกในใหญ่สนม |
ที่เข้าเวรออกเวรเกณฑ์ระดม | ทั้งไพร่หลวงเลกสมให้จับการ |
บ้างรีบเร่งรัดจัดแจง | ตกแต่งปราสาทราชฐาน |
ทอดราชาอาสน์ดาดเพดาน | ผูกม่านสุวรรณบรรจง |
ตั้งเตียงพิธีที่ข้างหน้า | วางเครื่องมุรธาภิเษกสรง |
ราชครูจับด้ายสายสิญจน์วง | ตามอย่างมงคลพิธีการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ อันสี่มหาอำมาตย์ | ทำเขาไกรลาศคนละด้าน |
สารวัดนายหมวดตรวจงาน | ท่านผู้อำนวยการคอยติเตียน |
ให้เอาฟางพันผูกเป็นลูกเขา | ปิดกระดาษเงินเข้าแล้ววาดเขียน |
แกล้งประดิษฐ์คิดใส่บันไดเวียน | ที่ขึ้นลงลาดเลี่ยนเหมือนศิลา |
ช่องชะวากเวิ้งว่างไว้อ่างแก้ว | บนเนินแนวนั้นปลูกพฤกษา |
รายรูปสิงสัตว์นานา | โคกิเลนเลียงผาจามรี |
แท่นที่สรงน้ำก็ทำไว้ | น้ำไหลจากปากสัตว์ทั้งสี่ |
ปลูกทั้งพลับพลาทองรูจี | สำหรับที่จะได้เปลื้องเครื่องทรง |
แล้วให้แต่งถนนหนทาง | แผ้วถางเตียนสะอาดกวาดผง |
ตั้งตาริ้วราชวัติฉัตรวง | บรรจงจัดแจงแต่งไว้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ประชุมเหล่าโหราราชครู | พราหมณ์ชีบีกูน้อยใหญ่ |
กระบวนแห่แตรสังข์ฆ้องชัย | เตรียมไว้เสร็จถ้วนทุกประการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ท้าวนางต่างคนอลหม่าน |
เลือกสรรกำนัลนงคราญ | ทั้งอยู่งานคนรำมโหรี |
ที่งามรูปงามทรงส่งสัณฐาน | ให้หัดเชิญเครื่องอานพานพระศรี |
ซึ่งจะเชิญพระแสงแลพัชนี | จัดนารีรุ่นแรกจำเริญวัย |
อันนางสระกะเกณฑ์ไว้สองร้อย | ล้วนแน่งน้อยนวลละอองผ่องใส |
ครั้นเสร็จสั่งกันทันใด | แต่บ่ายหน่อยหนึ่งให้พร้อมกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงสนมนางสาวสรรค์ |
แต่พอบ่ายชายแสงสุริยัน | ต่างแต่งประกวดกันเป็นโกลา |
บ้างวานผู้สันทัดตัดผมให้ | ถอนไรจุกเก็บกันหน้า |
เร่งให้แล้วโดยด่วนจวนเวลา | ฉุกช้าไปกลัวเจ้าขรัวนาย |
ที่พานอัตคัดขัดสน | อุตส่าห์สู้ซ่อนจนขวนขวาย |
ขายผ้าเอาหน้าไว้รอดอาย | เป็นการประกวดกายกันทั้งที |
บ้างทำยาฟอกขัดให้กัดฝ้า | แล้วเรียกข้าเอาขมิ้นมาขัดสี |
ไม่ถึงทันใจเอาไม้ตี | อีเหล่านี้เคยตัวไม่กลัวกัน |
บ้างอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | ส่องกระจกหวีหัวปีกปั้น |
ติดขี้ผึ้งสิ้นตลับแล้วจับควัน | สำลีพันไม้เช็ดที่รอยไร |
ได้แป้งนวลชวนเพื่อนกันผัดหน้า | เขียนคิ้วสุดตาแล้วแต้มไฝ |
บ้างสอดแหวนรังแตนเพชรเจียระไน | สวมกำไลใส่สร้อยลูกมะยม |
นุ่งยกแต่ละอย่างต่างสีกัน | ริ้วสุวรรณตาดดอกเอาออกห่ม |
คาดเข็มขัดรัดรอบเอวกลม | ใส่กรอบหน้าถมราชาวดี |
มานั่งพรั่งพร้อมโดยกระบวน | ตรวจตราเตรียมถ้วนตามที่ |
บ้างถือมยุรฉัตรพัชนี | คอยเสด็จจรลีพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน |
กับพระพี่เลี้ยงทั้งสี่นั้น | ช่วยกันแต่งองค์พระกุมาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ ขัดสีมลทินวารินรด | น้ำดอกไม้ใสสดสรงสนาน |
ลูบไล้เครื่องต้นสุคนธาร | นางอยู่งานรำเพยพัชนี |
มะเดหวีเข้าผัดพระพักตร์ให้ | นวลละอองอำไพผ่องศรี |
กันกวดกระหมวดมุ่นเมาลี | ใส่เกี้ยวแก้วมณีเนาวรัตน์ |
ให้สอดสนับเพลาเพริศพราย | เชิงงอนงามลายปลายสะบัด |
ทรงภูษาพื้นขาวโขมพัสตร์ | พี่เลี้ยงช่วยจีบจัดโจงผจง |
สร้อยนวมตาบประดับบานพับเพชร | สังวาลแววแก้วเก็จก่องก่ง |
ทองกรเก้ารอบรูปภุชงค์ | ธำมรงค์เพชรเรืองรูจี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นใกล้ศุภฤกษ์สถาวร | บังอรองค์ประไหมสุหรี |
กุมกรลูกรักจรลี | มาส่งยังที่เกยพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ให้ทรงพระที่นั่งราชยาน | พนักงานพระกลดกางกั้น |
เสียงประโคมดนตรีนี่นัน | สังข์แตรแซ่สนั่นอึงอล |
อันเหล่าเสนากิดาหยัน | พร้อมกันกราบงามสามหน |
ปลายเชือกชักเดินดำเนินพล | แห่แหนแน่นสถลมารคมา |
อภิรุมชุมสายรายเรียง | อินทร์พรหมเดินเคียงซ้ายขวา |
เสด็จโดยทางราชรัถยา | ไปมหาปราสาทพิธี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี |
ครั้นราชยานประทับเกยมณี | ภูมีจูงกรสียะตรา |
นางรับหัตถ์ดัดจริตงามงอน | เข้ารับกรต่อพระหัตถ์ท้าวดาหา |
นางชำระบาทล้างบาทา | ในถาดทองถมยาราชาวดี |
ครั้นเสร็จเชิญเสด็จจรจรัล | ขึ้นยังสุวรรณปราสาทศรี |
ทรงถอดเครื่องพลันทันที | แล้วออกไปอัญชลีพระอาจารย์ |
นั่งเหนือผ้าลาดบรรจง | ผันพักตร์ไปตรงทิศอิสาน |
ชาวภูษามาลามากราบกราน | เอางานแล้วแบ่งพระเกศพลัน |
จึงหยิบหญ้าแพรกพระธำมรงค์ | ผจงผูกทั้งสามกระหมวดมั่น |
ขุนโหรลั่นฆ้องสำคัญ | ประโคมขึ้นนี่นันสนั่นไป |
พระองค์ทรงภพดาหา | ทรงหยิบกรรไกรมาตัดเกศให้ |
ฝ่ายสังปะลิเหงะทั้งสี่ไซร้ | ก็อ่านเวทอวยชัยมงคล |
แล้วหยิบกรรบิดพระแสงทรง | เปลี่ยนปลงเกศเล่มละสามหน |
ประน้ำซ้ำอ่านเวทมนตร์ | ให้จำเริญมงคลพระกุมาร ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ สาธุการ
๏ แล้วเสร็จทรงเสลี่ยงเคียงมา | ยังภูผาไกรลาสสรงสนาน |
ให้ทรงนั่งบนบัลลังก์โอฬาร | พนักงานไขสหัสธารา |
น้ำพุจากปากโคราชสีห์ | วารีหอมตรลบอบบุหงา |
บ้างออกจากปากช้างแลอาชา | ตกต้องกายาเย็นสบาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ บัดนั้น | พราหมณ์ชีบีกูทั้งหลาย |
ต่างคนเคารพนบนอบกาย | แล้วร่ายพระเวทอันฤทธี |
บ้างถวายน้ำสังข์น้ำกลศ | รินรดมุรธาภิเษกศรี |
อวยชัยให้พรสวัสดี | โดยคัมภีร์ไสยศาสตร์สมควร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรมวงศ์ซึ่งเป็นองค์พระอิศวร |
จึงจูงกรสียะตราพาชวน | เชิญเสด็จโดยด่วนดำเนินมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ ครั้นถึงบุษบกบนยอดเขา | จึงให้ทรงสนับเพลาภูษา |
ฉลององค์อินทรธนูรจนา | ชาวภูษามาลาช่วยสอดทรง |
บ้างใส่ดุมกุดั่นกระสันรัด | บ้างจีบจัดไว้วางหางหงส์ |
บ้างถวายชายแครงแต่งพระองค์ | ธำมรงค์พาหุรัดจำรัสเรือง |
พระวงศาใส่มหามงกุฎให้ | แล้วผัดพักตร์อำไพผิวเหลือง |
กรรเจียกจอนจินดาค่าเมือง | ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ครบครัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วพาลงจากเขาไกรลาส | ให้ทรงยานุมาศเฉิดฉัน |
เสนาก็ถวายบังคมคัล | ประโคมขึ้นพร้อมกันโกลา |
คู่แห่เปลี่ยนคู่ชมพูแห่ | เวียนแต่เบื้องซ้ายไปขวา |
โดยเสด็จเจ็ดรอบไคลคลา | พรั่งพร้อมเสนากำนัลใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านดาหากรุงใหญ่ |
กุมกรโอรสยศไกร | พาไปท้องพระโรงรูจี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ให้อะหนะนั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ | ภายใต้เศวตฉัตรเฉลิมศรี |
พร้อมพระวงศ์พงศาเสนี | ต่างถวายอัญชลีพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ ได้ฤกษ์ | พระโหรให้เบิกบายศรีขวัญ |
ลั่นฆ้องเข้าเป็นสำคัญ | สังข์แตรแซ่สนั่นโกลา |
ตำมะหงงคลานเข้าไปจุดเทียน | ติดแว่นแล้วเวียนไปเบื้องขวา |
เวียนวงส่งรับอันดับมา | รอบมหามณฑลพิธี |
โห่สนั่นครั่นครึกกึกก้อง | เสียงระนาดพาทย์ฆ้องอึงมี่ |
ฝ่ายพวกขับไม้มโหรี | ก็บรรสานดีดสีมี่ไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นครบเจ็ดรอบตามตำรับ | จึงดับเทียนโบกควันให้ |
เอาจุณเจิมเฉลิมพักตร์พระดนัย | แซ่ซ้องอวยชัยพร้อมกัน |
อันองค์พระชนกชนนี | ทั้งมะเดหวีเฉิดฉัน |
เหล่าราชสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ต่างถวายของขวัญพระกุมาร |
เสร็จแล้วอำนวยอวยพร | ให้สถิตสถาวรเกษมศานต์ |
ทุกข์โศกโรคภัยอย่าพ้องพาน | จงจำเริญชนมานหมื่นปี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี |
รับพรพระชนกชนนี | ด้วยใจยินดีปรีดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ทรงพิภพดาหา |
ครั้นเสร็จสมโภชพระลูกยา | พอเวลาบังควรจวนสายัณห์ |
จึงพาสียะตราโอรสราช | ย่างเยื้องยุรยาตรผาดผัน |
มาทรงราชยานคานสุวรรณ | พรั่งพร้อมกิดาหยันโยธา |
แห่แหนแน่นนันต์คับคั่ง | หน้าหลังเรียงรายซ้ายขวา |
เสียงประโคมครึกครื้นสนั่นมา | ไคลคลาเข้ายังวังพลัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน เชิด
ช้า
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดรังสรรค์ |
ตั้งแต่เสร็จการโสกันต์ | ให้ผูกพันถวิลจินดา |
คิดถึงพระพี่นางโฉมยง | กับองค์อิเหนาเชษฐา |
แต่พลัดพรากจากสถานนานมา | อนิจจาจะเป็นประการใด |
อกเอ๋ยทำไฉนจะได้แจ้ง | ว่าเสด็จอยู่แห่งหนไหน |
คิดพลางรันทดสลดใจ | โหยหาอาลัยทุกเวลา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ซึ่งรักษา |
ครั้นเห็นระเด่นสียะตรา | ผิวพักตร์โรยราประหลาดใจ |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงจึงทูลถาม | พระโฉมงามประชวรเป็นไฉน |
หรือขุ่นเคืองบทมาลย์ประการใด | ข้าน้อยสงสัยมาหลายวัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเฉิดฉัน |
จึงแถลงแจ้งความพี่เลี้ยงพลัน | โรคันขัดแค้นก็ไม่มี |
น้องคิดถึงพี่นางกับพี่ยา | ทั้งระเด่นวิยะดามารศรี |
สามกษัตริย์พลัดพรายไปหลายปี | ให้ทวีอาวรณ์ร้อนรน |
แต่ฟังข่าวราวเรื่องก็สูญหาย | จะเป็นตายไม่แจ้งเหตุผล |
สุดจิตที่จะคิดผ่อนปรน | จึงทุกข์ทนไม่สบายวิญญาณ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา |
จึงทูลปลอบตอบองค์สียะตรา | พระอย่าเคืองข้องหมองใจ |
ซึ่งจะโศกศัลย์อยู่ในบุรี | ใช่จะพบพระพี่ก็หาไม่ |
เชิญเสด็จลีลาคลาไคล | ไปเฝ้าท้าวไททั้งสององค์ |
แม้นว่าได้ช่องจงทูลลา | ไปล่าไล่มฤคาแลบุหรง |
จะได้เที่ยวตามสามสุริย์วงศ์ | พระจงคิดอ่านการนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราได้ฟังเกษมศรี |
จึงว่าพี่คิดความนี้งามดี | เห็นทีจะสมดังจินดา |
ตรัสพลางทางเข้าที่สรง | สำอางองค์ทรงเครื่องโอ่อ่า |
กิดาหยันตามเสด็จไคลคลา | ขึ้นเฝ้าพระบิดาทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวาท | กราบบาทสองกษัตริย์เป็นใหญ่ |
ทูลว่าลูกไม่สบายใจ | จะลาไปเที่ยวเล่นพนาวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพดาหา |
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังโอรสลาไปเล่นไพร |
สองพระองค์ทรงแสนพิศวาส | มิใคร่จะให้คลาดคลาได้ |
ครั้นจะทานทัดขัดไว้ | จะเศร้าสร้อยน้อยใจจาบัลย์ |
จำเป็นจึงจำอนุญาต | เจ้าจะไปประพาสไพรสัณฑ์ |
อย่าช้านักแต่สักสามวัน | แล้วรีบจรจรัลกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดโอรสา |
ชื่นชมยินดีปรีดา | ถวายบังคมลาจรลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงที่อยู่ภูวไนย | จึงสั่งให้พี่เลี้ยงทั้งสี่ |
จัดพลโยธาพาชี | แต่ในบัดนี้ฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พี่เลี้ยงคนขยัน |
รับสั่งแล้วบังคมคัล | พากันมาจัดโยธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
ยานี
๏ จัดพลพาชีที่สันทัด | เกณฑ์หัดม้าแซงซ้ายขวา |
เคยขับเคี่ยวเที่ยวไล่มฤคา | ทั้งแกล้วกล้าสามารถทุกตัวคน |
อันพวกเสนากิดาหยัน | ก็เกณฑ์กันอลหม่านสับสน |
ครบกระบวนพาชีรี้พล | แต่งตนตามขนาดประพาสไพร |
ให้ผูกสินธพชาติอาจอง | ที่เคยทรงไปป่าล่าไล่ |
พร้อมพรั่งยังหน้าพระลานชัย | คอยเสด็จภูวไนยจะจรลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี |
ครั้นอุทัยไขส่องธาตรี | ก็เข้าที่สรงสนานสำราญรมย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ บรรจงทรงสำอางโอ่อ่า | พระหัตถ์ขวากรีดกรายปลายผม |
ใส่สนับเพลาปักเทพประนม | ไหมถมทองทับสลับลาย |
ทรงภูษายกกระหนกกระหนาบ | ฉลององค์เข้มขาบของถวาย |
เจียระบาดตาดสุวรรณพรรณราย | ปั้นเหน่งสายบานพับประดับพลอย |
พาหุรัดรจนาจินดาดวง | ตาบประดับทับทรวงสายสร้อย |
ธำมรงค์ซ้ายขวาค่านับร้อย | มงกุฎกรรเจียกห้อยสร้อยสนทรง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ถือเช็ดหน้าเหน็บกริชฤทธิรอน | กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์ |
มาทรงสินธพชาติอาจอง | ให้เดินพลจัตุรงค์ธงเทียว ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก เชิด
โทน
๏ ม้าเอยม้าเทศ | สูงสามศอกเศษสีเขียว |
พ่วงพีฝีเท้ารัดเรียว | เคยขับเคี่ยวเลี้ยวไล่มฤคา |
เยื้องอกยกย่องคล่องคล้อย | สะบัดย่างใหญ่น้อยเริงร่า |
หกหันปั่นป่วนกิริยา | เผ่นโผนโจนมากลางพล |
ผูกเครื่องกุดั่นดาวมรกต | เขียวสดสีจับกับสีขน |
สองหูพู่ห้อยจงกล | เบาะบนหลังอานตระการตา |
ม้าพี่เลี้ยงเคียงข้างม้าที่นั่ง | คับคั่งม้าทหารแห่หน้า |
ม้ากิดาหยันแซงแข่งมา | รีบเร่งอาชาคลาไคล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ เดินเอยเดินทาง | ตามหว่างอรัญวาป่าใหญ่ |
มรคารื่นราบดังปราบไว้ | เหมือนทางที่คลาไคลไปใช้บน |
พิศพรรณรุกขชาติที่เชิงผา | ดาษดาดอกดวงพวงผล |
เห็นกล้วยไม้ใกล้ทางเสด็จดล | ดอกโรยร่วงหล่นลงบนทราย |
คัดเค้าสาวหยุดย้อยระย้า | เหมือนเมื่อประสันตาเอามาถวาย |
หอมกลิ่นสุกรมเมื่อลมชาย | คล้ายคล้ายพระเชษฐาพาชมดง |
ครวญพลางทางนึกคะนึงใน | เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจตะลึงหลง |
ให้คิดถึงทั้งสามสุริย์วงศ์ | พระดั้นดัดลัดดงเดินมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ แต่แรมร้อนมาในพนาเวศ | จนพ้นเขตแว่นแคว้นแดนดาหา |
จึงให้หยุดประทับโยธา | เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ แล้วมีมธุรสพจนารถ | ตรัสประพาสแก่พี่เลี้ยงทั้งสี่ |
เราทูลลามาจากธานี | ครั้งนี้สมจิตที่คิดไว้ |
จะเที่ยวสืบแสวงหวังฟังความ | ให้พบสามสุริย์วงศ์จงได้ |
จะแปลงนามตามชาวพงไพร | มิให้ใครรู้จักศักดิ์เทวัญ |
ให้อาลักษณ์ปรึกษาหารือ | เปลี่ยนชื่อเสนากิดาหยัน |
สำเหนียกเรียกนามกำหนดกัน | สำคัญอย่าให้หลงจงดี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี |
ให้อาลักษณ์คิดชื่อใส่บาญชี | แล้วกราบทูลภูมีด้วยปรีดา |
นามกรพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | ชื่อย่าหรันวิลิศมาหรา |
อันพระพี่เลี้ยงประสันตา | ชื่อลำบูปะโตหราร่วมใจ |
ยะรุเดะพี่เลี้ยงพระโฉมตรู | ชื่อลำบูมะหงาหรัดผลัดใหม่ |
อันกะระตาหลานั้นไซร้ | ได้ชื่อลำบูสุหรันตา |
ปูนตาชื่อลำบูมะงาหรง | เปลี่ยนนามตามจำนงเหมือนชาวป่า |
จัดแจงแปลงเสร็จดังบัญชา | พระผ่านฟ้าจงทราบบาทบงสุ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันชื่นชมสมประสงค์ |
ครั้นสิ้นแสงสุริยาอัสดง | เสียงบุหรงเรื่อยร้องหารัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
แขกมอญ
๏ พระเสด็จเข้าที่ไสยาสน์ | เอนอาสน์อาวรณ์ถวิลหวัง |
จะติดตามสามกษัตริย์โดยลำพัง | สุดกำลังที่จะคิดผ่อนปรน |
ขอจงองค์พระอัยกา | มาช่วยชี้มรคาพนาสณฑ์ |
แต่นิ่งนึกตรึกตรองหมองกมล | ทุกข์ทนจนหลับกับไสยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์ปะตาระกาหลา |
ทิพอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา | กระด้างดังศิลาประหลาดใจ |
จึงเล็งดูรู้แจ้งประจักษ์ | ว่าสียะตราหลานรักพิสมัย |
บัดนี้อาวรณ์ร้อนฤทัย | จะเที่ยวไปตามสามสุริย์วงศ์ |
อย่าเลยจะช่วยนำจรลี | ให้ทั้งสี่พานพบสบประสงค์ |
คิดแล้วสุราฤทธิ์นิมิตองค์ | เป็นบุหรงมยุเรศร่อนมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ ครั้นถึงริมทางกลางดง | ก็โผลงจับอยู่ที่เชิงผา |
ทำทำนองท่วงทีกิริยา | เหมือนอย่างมยุราพนาลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้รุ่งรัศมี |
ครั้นอุทัยไขส่องธาตรี | ก็เข้าที่สระสรงคงคา |
ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ | แต่งอย่างปันจุเหร็จโจรป่า |
มาทรงสินธพอาชา | ให้ยกโยธาคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ พระพิศพรรณปักษาในป่าสูง | เห็นนกยูงลำยองผ่องใส |
รูปร่างประหลาดระวาดระไว | ผิดนกที่ในพนาลี |
ปีกหางงามรับสลับลาย | วงแววแพร้วพรายหลายสี |
พระรักจะใคร่ได้สกุณี | ไปเลี้ยงไว้เป็นศรีพารา |
คิดพลางทางมีบัญชาการ | สั่งทหารไพร่นายซ้ายขวา |
จงแยกย้ายรายกันระดมตา | จับบุหรงมยุราบัดนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
จึงไล่คนเข้าล้อมสกุณี | เป็นหน้าที่ทุกหมวดตรวจตรา |
บ้างขัดแร้วแล้วลงบ่วงราย | ขึงข่ายคอยดักปักษา |
พวกเกณฑ์หัดสันทัดอาชา | โห่ร้องก้องป่าพนาลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นกยูงทองเทวาอัชฌาสัย |
เห็นพวกพหลพลไกร | ล้อมไว้มากมายหลายชั้น |
แกล้งทำโผผินบินหนีมา | จำเพาะผ่านหน้าม้าย่าหรัน |
เดินร่ายชายไปในไพรวัน | แล้วผินผันทำยืนหยุดพัก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันสุริย์วงศ์ทรงศักดิ์ |
ให้คิดรักใคร่ในนกนัก | พระจึงชักอาชาตามไป |
พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ใครจะติดตามทันก็หาไม่ |
แต่องค์เดียวเคี่ยวขับอาชาไนย | เลี้ยวไล่บุหรงในพงพี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | บุหรงสุรารักษ์ปักษี |
เห็นย่าหรันดั้นดัดพนาลี | ขับควบพาชีกระชั้นมา |
จึงโผผินบินไปให้ห่าง | แล้วย่องย่างหยุดยืนคอยท่า |
ฟ้อนรำทำทีกิริยา | ปักษาแกล้งล่อรอรั้ง |
ด้วยเดชเทวัญบันดาล | วันเดียวถึงด่านเมืองกาหลัง |
ก็เลี้ยวลับคลับคล้ายกายกำบัง | คืนยังกระยาหงันชั้นฟ้า ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
เห็นนกหายไปกับนัยนา | พระจินดาดูประหลาดหลากใจ |
ชะรอยองค์อัยกาสุราฤทธิ์ | แกล้งนิมิตเป็นบุหรงให้หลงไล่ |
เหมือนช่วยนำมรคาพนาลัย | หวังจะให้พบสามกษัตรา |
คิดแล้วลงจากม้าที่นั่ง | เข้าหยุดยังร่มไทรใบหนา |
เสด็จนั่งเหนือแผ่นศิลา | คอยท่าพวกพลมนตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
พวกสกรรจ์สันทัดพาชี | รีบตีม้าตามเสด็จไป |
ต่างคนควบขับเต็มกำลัง | จะทันม้าที่นั่งก็หาไม่ |
บ้างล้าเลื่อยเหนื่อยนอนอ่อนใจ | เข้าหยุดอยู่ร่มไม้ก็มากมาย |
บ้างเลียบเนินเดินไปในไพรพฤกษ์ | พบหนองน้ำลึกต้องลงว่าย |
บ้างกลัวเสือสิงห์สัตว์จะกัดตาย | บ่าวนายถ้อยทีไม่หนีกัน |
บ้างเข้าดงหลงทางค้างอยู่ | ตะโกนกู่ได้เพื่อนแล้วผายผัน |
ครั้นเห็นรอยม้าทรงเป็นสำคัญ | ก็รีบลัดดัดดั้นตามไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาพบองค์พระภูมี | จึงเข้าไปอัญชลีประนมไหว้ |
แล้วเร่งให้ทำพลับพลาชัย | อึงไปทั้งป่าพนาวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึงเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | ขึ้นยังสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | เสนีตริตรึกปรึกษา |
พร้อมกันกราบทูลมิทันช้า | แต่เสด็จออกมาประพาสไพร |
กำหนดนับได้เจ็ดวันวาร | จนถึงด่านกาหลังกรุงใหญ่ |
ขอเชิญเสด็จกลับไป | ยังพิชัยดาหาธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์ย่าหรันเรืองศรี |
ได้ฟังเสนาทูลคดี | จึงมีพจนารถตอบไป |
บัดนี้ได้มาถึงกาหลัง | ก็สมดังจินดาอัชฌาสัย |
ควรเราจะแวะเข้าไป | บังคมไหว้ใต้เบื้องบทมาลย์ |
ว่าแล้วสั่งปะหรัดกะติกา | จงไปแจ้งกิจจาแก่ขุนด่าน |
บอกเขาว่าเราชาวดงดาน | มาสู่สมภารพระผ่านฟ้า ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาใจกล้า |
รับสั่งแล้วบังคมลา | มาขึ้นม้าควบขับไปฉับไว ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปแจ้งการ | แก่ขุนหมื่นชาวด่านนายใหญ่ |
บัดนี้ย่าหรันชาวไพร | จะเข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนด่านนายใหญ่คนขยัน |
ซักไซ้ได้ความทุกสิ่งอัน | ก็ขึ้นม้าพากันเข้าธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน | จึงบอกเวรมหาดไทยถ้วนถี่ |
นายรองเรียนความตามคดี | ขอท่านเสนีจงแจ้งใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังตำมะหงงไม่สงสัย |
จึงเข้ามากราบทูลทันใด | ตามในอนุสนธิ์แต่ต้นมา |
ว่ามีปันจุเหร็จผู้หนึ่งนั้น | ชื่อย่าหรันวิลิศมาหรา |
มีใจสามิภักดิ์สมัครมา | จะเป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกาหลังได้ฟังสาร |
จึงตรัสสั่งดะหมังให้เกณฑ์การ | กำชับชาวพนักงานให้จงดี |
ซึ่งจะแต่งไปรับย่าหรัน | ให้เหมือนครั้งอุณากรรณปันหยี |
ตามอย่างทางราชไมตรี | อย่าให้เสียประเวณีแต่ก่อนมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา |
บังคมภูวไนยแล้วไคลคลา | ออกไปศาลาลูกขุนพลัน |
สั่งทุกพนักงานเสร็จสรรพ | จงแต่งออกไปรับย่าหรัน |
เหมือนครั้งปันหยีอุณากรรณ | ให้ทันแต่รุ่งพรุ่งนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พนักงานอลหม่านอึงมี่ |
นายอำเภอป่าวร้องเอาฆ้องตี | พรุ่งนี้แขกเมืองจะเข้ามา |
แต่บรรดาชาวบ้านร้านตลาด | แต่งตัวให้สะอาดโอ่อ่า |
จงจัดของดีดีมีราคา | เอามานั่งขายทุกร้านรวง |
รกเรี้ยวตรงไหนก็ให้ถาง | ตามทางทุกตำบลถนนหลวง |
ที่ปรักหักพังทั้งปวง | เอาคนพวงพม่ามาทำการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | หญิงชายรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน |
เร่งรัดจัดแจงแต่งร้าน | หน้าบ้านแผ้วกวาดสะอาดตา |
บ้างฉาบปูนหลังคาฝาผนัง | กระจกลับแลตั้งบังฝา |
แต่บรรดาร้านริมรัถยา | ห้อยพวงบุหงาอบอาย |
บ้างปูพรมผูกม่านกั้นฉาก | สิ่งของหลายหลากออกเรียงขาย |
แต่งตัวเพราพริ้งทุกหญิงชาย | นุ่งห่มสมกายประกวดกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสองเสนาคนขยัน |
พนักงานรับแขกเมืองนั้น | จึงนำพวกพลขันธ์คลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงปลายด่านกาหลัง | ก็ไปยังพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
บอกว่าพระองค์ทรงเวียงชัย | สั่งให้มารับเข้าบุรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงแจ้งความถ้วนถี่ |
จึงไปทูลย่าหรันทันที | ตามที่ถ้อยคำเสนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ได้ฟังชื่นชมภิรมยา | เสด็จมาสรงชลบนเตียงทอง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ เย็นฉ่ำน้ำดอกไม้ไขสุหร่าย | วารีโรยโปรยปรายตกต้อง |
ทรงเครื่องสุคนธารใส่พานรอง | กระแจะเจือเนื้อทองชมพูนุท |
สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด | ปักรูปสีหราชผาดผุด |
ภูษายกพื้นแดงแย่งครุฑ | ทรงข้าวบิณฑ์ลายบุษบาบาน |
ฉลององค์ทรงอย่างปันจุเหร็จ | ปั้นเหน่งเพชรพรรณรายสายประสาน |
ตาบประดับทับทรวงสังวาล | ทองกรแก้วประพาฬพาหุรัด |
เฟื่องห้อยสร้อยสุวรรณบรรจง | ธำมรงค์เพชรน้ำตะกั่วตัด |
เหน็บกริชฤทธิไกรดอกไม้ทัด | แล้วมาทรงกัณฐัศว์อัสดร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
โทน
๏ ม้าเอยม้าที่นั่ง | พ่วงพีมีกำลังไม่ย่อหย่อน |
ย่องย่ำทำพยศบทจร | ปากอ่อนหันหกยกสองเท้า |
ผูกเครื่องหมอนปักหักทองขวาง | ซองหางบังเหียนหูพู่ขาว |
ตาบหน้าใบโพธิ์ห้อยพร้อยพราว | ประดับดาวสุวรรณกุดั่นดวง |
ม้าพี่เลี้ยงเคียงข้างซ้ายขวา | ไว้หน้าขับขี่เป็นทีท่วง |
ม้าแห่หน้าหลังทั้งปวง | ดังดาวล้อมดวงจันทรา |
เสนากาหลังเวียงชัย | นำพลสกลไกรไปหน้า |
ฆ้องกลองก้องกึกโกลา | เข้าในนัคราธานี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงประชาชาวกรุงศรี |
นั่งแน่นสองข้างทางจรลี | ชายหญิงชิงที่ทะเลาะกัน |
ผัวเมียใหม่ใหม่อยู่ในหอ | ชะเง้อคอคอยดูย่าหรัน |
เห็นพลหน้าแห่แหนแน่นนันต์ | เป็นหลั่นหลั่นล้วนขี่ม้ามา |
ธงเทียวเขียวเหลืองแลสลับ | สีจับกับสีเสื้อผ้า |
ครั้นเห็นย่าหรันเพียงขวัญตา | หนุ่มน้อยโสภาลาวัณย์ |
ลางคนบ่นว่าเป็นน่ารัก | พิศพักตร์ผ่องเพียงดวงบุหลัน |
งามคล้ายละม้ายเหมือนอุณากรรณ | แต่ย่าหรันงามสมเป็นทรงชาย |
บ้างว่าละกลกันกับปันหยี | ท่วงทีแลลอดสอดส่าย |
ที่สาวสาวชาวบ้านร้านราย | รักย่าหรันมั่นหมายทุกนารี |
บ้างเปรมปริ่มยิ้มย่องต้องใจ | คิดจะใคร่หย่าผัวเอาตัวหนี |
กลัวจะไม่ได้สมสิเสียที | แต่รีรีรวนรวนป่วนใจ |
ที่สาวใหญ่ใส่จริตติดปั้นปึ่ง | ทำประหนึ่งหาเป็นเช่นนั้นไม่ |
ครั้นย่าหรันผันแปรแลไป | สบตาต้องใจก็ทำอาย |
บ้างสะกิดเพื่อนกันจำนรรจา | พูดพลางหางตาชม้อยม่าย |
ให้คิดรักใคร่อยู่ไม่รู้วาย | หญิงชายนิยมยินดี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันผู้รุ่งรัศมี |
เหลือบเห็นสาวสาวชาวธานี | ก็เข้าใจในทีกิริยา |
พระพลางแย้มยิ้มพริ้มพราย | ประปรายชายเนตรชำเลืองหา |
เห็นหน้าไหนผุดผาดประหลาดตา | ก็ชักม้าเหนี่ยวหน่วงเป็นท่วงที |
ดูพลางทางกระซิบบอกพี่เลี้ยง | เดินเคียงเห็นอะไรหรือไม่พี่ |
จะสนใจไว้บ้างก็ไม่มี | ทำทีนิ่งได้เหมือนไม่เคย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปูนตาพี่เลี้ยงทูลเฉลย |
จะหมายมั่งก็ระวังจะเกินเลย | จึงทำเฉยกลัวจะพ้องที่ต้องการ |
เห็นคิ้วตาประปรายเป็นหลายหน | ตามถนนเนื่องมาทุกหน้าบ้าน |
ต่อเหลือออกนอกเกณฑ์เป็นเดนชาน | จึงจะคอยขอประทานสักครึ่งคน |
พอสมกับชาวป่าพนาลี | ไม่เคยเข้าธานีแต่สักหน |
ทูลพลางทางทำแยบยล | ยิ้มแย้มแกมกลไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันวิลิศมาหรา |
ยิ้มพลางทางตอบวาจา | แม้นสมหมายเหมือนว่าเป็นไรมี |
เสียแรงได้เดินป่ามาด้วยกัน | จำจะต้องแบ่งปันให้พี่ |
ว่าแล้วกะระตะพาชี | ชำเลืองดูนารีทุกร้านมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงศาลาใหญ่ใกล้ประตู | ให้โยธีหยุดอยู่พร้อมหน้า |
เสด็จลงพาชีแล้วลีลา | เสนานำเข้าไปในวัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงที่ข้างหน้า | จึงถวายวันทาท้าวกาหลัง |
น้อมองค์ลงคำนับยับยั้ง | คอยฟังพระราชบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา |
สถิตเหนือแท่นแก้วแววฟ้า | พร้อมหมู่มาตยาเสนาใน |
ครั้นเห็นย่าหรันมาอัญชลี | จึงมีพจนาปราศรัย |
เจ้าอยู่นัคเรศประเทศใด | มีธุระสิ่งไรจึงไคลคลา |
ดูจริตกิริยามารยาท | เห็นมิใช่เชื้อชาติชาวป่า |
น่าจะเป็นสุริย์วงศ์กษัตรา | พิศพักตร์โสภาดังดวงเดือน |
หรือเป็นอนุชาอุณากรรณ | ผิวพรรณงามคล้ายละม้ายเหมือน |
แต่หากปลอมแปลงแกล้งบิดเบือน | อย่าอำเอื้อนจงแจ้งแต่จริงไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันบังคมแถลงไข |
พระอย่ากินแหนงแคลงฤทัย | ข้ามิได้เป็นน้องอุณากรรณ |
จะรู้จักตระหนักนามก็ไม่มี | ข้อนี้ใช่จะแสร้งเสกสรร |
ข้าเป็นชาวป่าพนาวัน | เที่ยวอยู่ในอรัญกันดาร |
แจ้งว่าพระองค์วงศ์เทเวศร์ | มงกุฎเกศกาหลังราชฐาน |
ขจรเดชเดชากฤษฎาการ | จึงมาเฝ้าบทมาลย์พระผ่านฟ้า |
หวังจะเอาพระเดชปกเกศเกล้า | ให้บรรเทาทุกข์ภัยไปภายหน้า |
ข้าไซร้ใช่เชื้อกษัตรา | ซึ่งตรัสว่าเกินศักดิ์ไม่สมควร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังได้ฟังก็แย้มสรวล |
เห็นท่วงทีถ้อยคำอำยวน | ไม่ควรกวนซักไซ้ไล่เลียง |
คิดพลางทางมีพจนารถ | ตรัสประภาษโน้มน้าวกล่าวเกลี้ยง |
เจ้าจงอยู่ในกาหลังวังเวียง | พ่อจะเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันเพราเพริศเฉิดฉัน |
ก้มเกล้าเคารพอภิวันท์ | ทูลสนองพระบัญชาไป |
ซึ่งทรงพระเมตตาการุญ | พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ |
จะขออยู่เป็นข้าช่วงใช้ | ตามแต่ภูวไหนจะเมตตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา |
ฟังสนองต้องในวิญญาณ์ | ยิ่งแสนเสนหาพันทวี |
จึงประทานเครื่องยศย่าหรัน | ตามตำแหน่งเหมือนกันกับปันหยี |
ให้อยู่วังดาหาปาตี | แทนที่มิสาอุณากรรณ |
ตรัสพลางอำนวยอวยพร | จงสถิตสถาวรเกษมสันต์ |
สั่งเสร็จพระเสด็จจรจรัล | ขึ้นปราสาทสุวรรณพรรณราย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเพราเพริศเฉิดฉาย |
เห็นรูปร่างย่าหรันนั้นละม้าย | คล้ายคล้ายยาหยีสียะตรา |
ให้มีมิตรจิตคิดรักใคร่ | จึงปราศรัยด้วยความเสนหา |
ดีแล้วที่เจ้าเข้ามา | เป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ |
พี่ก็เป็นแขกเมืองเหมือนเจ้า | สิ่งไรเราอย่ารังเกียจเดียดฉันท์ |
จะได้เป็นเพื่อนราชการกัน | ผูกพันเป็นมิตรไมตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ย่าหรันได้ฟังปันหยี |
ยิ้มพลางทางตอบวาที | ข้านี้เป็นชาวดงดอน |
ไม่เข้าใจที่ในราชกิจ | ถ้าแม้นผิดพลาดพลั้งช่วยสั่งสอน |
เป็นคนใหม่ไม่เคยเข้านคร | พี่มาอยู่ก่อนอย่าสูญใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มพลางแถลงไข |
ถึงตัวพี่ก็มิใช่ชาวใน | แต่สิ่งไรรู้บ้างจะบอกกัน |
ตรัสพลางต่างองค์ก็ลีลา | มาขึ้นอาชาผายผัน |
ปันหยีไปปันจะรากัน | ย่าหรันไปดาหาปาตี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf