- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๑๗
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกุเรปันเป็นใหญ่ |
กับท้าวดาหาชาญชัย | ครั้งเสร็จดับไฟที่ไหม้เมือง |
จึงกลับคชสารหาญกล้า | โยธาอึดอัดขนัดเนื่อง |
เสด็จยังเกยแก้วอันรุ่งเรือง | แล้วย่างเยื้องสู่ปราสาทพรายพรรณ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางพี่เลี้ยงสาวสวรรค์ |
ไม่เห็นบุษบาลาวัณย์ | ตกใจชวนกันขึ้นมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | แล้วกราบทูลองค์ศรีปัตหรา |
เมื่อเพลิงไหม้พระให้จรกา | เข้ามารับองค์พระบุตรี |
ข้าจะไปตามก็ห้ามไว้ | ติดไปแต่พี่เลี้ยงสองศรี |
อันองค์พระธิดานารี | บัดนี้เสด็จอยู่แห่งใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวดาหาสุริย์วงศ์เป็นใหญ่ |
ได้ฟังก็ตระหนกตกใจ | เร่งคิดสงสัยในวิญญาณ์ |
จรกามาดับเพลิงอยู่ | พร้อมหมู่เสนีถ้วนหน้า |
เรามิได้ใช้ให้เข้ามา | เหตุใดมาว่าดังนี้ |
ใครหนออาจองทะนงนัก | ลอบลักบุษบาพาหนี |
ดีร้ายระเด่นมนตรี | แกล้งปลอมอินทรีย์มาพาไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันกรุงใหญ่ |
ทั้งห้ามเหสีทรามวัย | สาวสนมกรมในทั้งนั้น |
ก็หมายว่าอิเหนาเป็นมั่นคง | มาลักองค์บุษบาสาวสวรรค์ |
เหตุผลต้นปลายก็สมกัน | เชิงชั้นเล่ห์กลเป็นพ้นคิด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีดาหาแจ้งจิต |
เกรงท้าวกุเรปันทรงฤทธิ์ | สุดคิดก็ร่ำโศกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ อกเอ๋ยน่าน้อยใจนัก | อัปลักษณ์กระไรเป็นหนักหนา |
ทั้งหลายเขามีบุตรธิดา | เป็นที่ยาจิตจำเริญใจ |
นี่ชะรอยเจ้ากรรมเกิดมา | จะล้างผลาญมารดาให้จงได้ |
แต่ครุ่นแค้นแสนเข็ญเป็นไป | ดังอกใจจะแยกแตกตาย |
เมื่อจะได้ไพร่ฟ้าเป็นสามี | แม่นี้อกสั่นขวัญหาย |
พร่ำบวงสรวงทุกแห่งแพร่งพราย | เพราะเสียดายสุริย์วงศ์เทวา |
กินแต่น้ำตาต่างดังอาหาร | ทรมานทุกข์โทมนัสสา |
ต่อรู้ข่าวสารจรกา | แม่จึงค่อยผาสุกใจ |
แล้วเกิดณรงค์สงครามเล่า | ก็รื้อได้ร้อนเร่ามาใหม่ |
ร้อนทุกเส้นหญ้าแลใบไม้ | ครั้นค่อยคลายใจจึงตั้งการ |
ชาวกะหมังกุหนิงมันสอดรู้ | จู่มาจำนงจงผลาญ |
มันแกล้งชิงชังจังฑาล | จะให้อัประมาณแต่เดิมมา |
ช่างได้เครื่องระตูไหนมาแต่ง | ปลอมแปลงไม่ให้รู้จักหน้า |
มาซานซมงมว่าจรกา | มิรู้เหล่าริษยาอาธรรม์ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ท้าวดาหาสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ครั้นรุ่งรังสีรวีวรรณ | จรจรัลออกท้องพระโรงชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | พร้อมเสนามาตย์น้อยใหญ่ |
จึงตรัสบอกแก่จรกาไป | เมื่อเพลิงไหม้วุ่นวายในราตรี |
มีชายทะนงองอาจ | เข้ามายังปราสาทเรืองศรี |
ลอบลักบุษบาเทวี | พาหนีไปจากพารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จรกาตกใจเป็นนักหนา |
ชลเนตรไหลหลั่งดังธารา | พักตราเศร้าซีดลงทันใด |
เพียงองค์พระกาลชาญฤทธิ์ | มาเด็ดดวงชีวิตไปได้ |
ความรักความเสียดายเป็นพ้นไป | จึงตริตรึกนึกในเหตุการณ์ |
ดีร้ายอิเหนากุเรปัน | ใครอื่นนอกนั่นไม่อาจหาญ |
ครั้นจะว่าก็เกรงพระภูบาล | แต่เดือดดาลร่านร้อนดังอัคคี |
จึงทูลถวายบังคมลา | จะไปตามบุษบามารศรี |
แม้นมิได้องค์พระบุตรี | จะสู้ม้วยชีวีไม่กลับมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
จึงสั่งตำมะหงงเสนา | จงเกณฑ์โยธาสักห้าพัน |
เลือกล้วนสามารถอาจอง | เคยณรงค์เรี่ยวแรงแข็งขัน |
ไปด้วยช่วยประคองป้องกัน | อย่าให้อันตรายราคี |
สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์พระโรงเรืองศรี |
ขึ้นยังปราสาทมณี | เข้าสู่แท่นที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวล่าสำเชษฐา |
กับทั้งระตูจรกา | ก็ขึ้นม้ากลับมาพลับพลาชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ สององค์ลงจากพาชี | จึงสั่งเสนีผู้ใหญ่ |
จงเตรียมพหลพลไกร | กูจะไปติดตามเยาวมาลย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๕
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับราชบรรหาร |
มาตรวจเตรียมกันมิทันนาน | ทั้งม้ารถคชสารชาญชัย |
ฝ่ายข้างเสนาตำมะหงง | ก็เร่งรัดจัตุรงค์น้อยใหญ่ |
แล้วมาบรรจบกันทันใด | คอยท่าภูวไนยจะยาตรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูล่าสำเชษฐา |
ทั้งท้าวเจ้ากรุงจรกา | ก็สระสรงคงคาอ่าองค์ |
รีบทรงเครื่องประดับสำหรับศึก | พระทัยนึกแค้นคิดพิศวง |
มาขึ้นคชสารที่นั่งทรง | เร่งรัดจัตุรงค์เข้าพงพี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
โอ้ร่าย
๏ จรกาเดินทางพลางคะนึง | ถวิลถึงบุษบามารศรี |
แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี | โศกีครวญคร่ำรำพัน |
โอ้ว่าเสียดายดวงยิหวา | งามเหมือนนางฟ้ากระยาหงัน |
พี่รักเจ้าเท่าเทียมชีวัน | หมายมั่นในองค์นงลักษณ์ |
จะได้น้องไปครองพารา | ให้เกื้อหน้าปรากฏทั้งยศศักดิ์ |
จวนจะได้สู่สมภิรมย์รัก | มีหมู่ปรปักษ์มาหักราน |
ลอบล้างกลางการภิเษกศรี | ดังทรวงพี่จะแยกแตกฉาน |
มันแกล้งริษยาสาธารณ์ | ทำการอาจองทะนงใจ |
เป็นชายหรือมาหมิ่นชาย | แม้นพบโฉมฉายอยู่ที่ไหน |
จะพันตูสู้กันจนบรรลัย | ให้ลือชื่อไว้ทั้งธาตรี |
ครวญพลางทางทรงกำสรด | ยิ่งรันทดหฤทัยถึงโฉมศรี |
รีบรัดจัตุรงค์โยธี | ข้ามคิรีห้วยธารด่านดง ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญอันสูงส่ง |
เนาในถ้ำสุวรรณบรรจง | กับโฉมยงนงนุชบุษบา |
แสนกระสันบันเทิงเริงจิต | ถ้อยทีถ้อยคิดเสนหา |
แต่คลึงเคล้าเฝ้าชมภิรมยา | ไม่นิราศคลาดคลาสักนาที |
เอนองค์อิงแอบแนบนาง | แนมปรางปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
เชยทรวงดวงปทุมมาลี | นางทำทีงามงอนค้อนคม |
พระแย้มยิ้มพริ้มเพราเย้าหยอก | สัพยอกยียวนสรวลสม |
พักตร์เจ้าเศร้าสลดอดบรรทม | พี่จะกล่อมเอวกลมให้นิทรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
พัดชา
๏ สายสมรนอนเถิดพี่จะกล่อม | เจ้างามจริงพร้ิงพร้อมดังเลขา |
นวลละอองผ่องพักตร์โสภา | ดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน |
งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ | งามขนงวงวาดดังคันศิลป์ |
อรชรอ้อนแอ้นดังกินริน | หวังถวิลไม่เว้นวายเอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม
ลีลากระทุ่ม
๏ พี่ปรารมภ์ตรมตรอมหฤทัย | กลัวเกลือกจะไม่เหมือนหมาย |
บวงสรวงเทพเจ้าทุกเพรางาย | ให้ชักโฉมฉายมาเชยชิด |
เป็นบุพเพนิวาสาสนอง | จึงได้น้องมาภิรมย์สมสนิท |
พลางกล่อมถนอมนวลชวนชิด | จนนิทราหลับไปเอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นพระบรรทมหลับสนิท | จึงบังเกิดนิมิตฝันใฝ่ |
ว่าปักษีอินทรีเกรียงไกร | กายใหญ่กำยำมหึมา |
จับลงตรงพักตร์ภูวเรศ | จิกเอานัยน์เนตรเบื้องขวา |
แล้วบินโบยไปโดยบูรพา | พระผวาตื่นขึ้นด้วยพลัน |
ต้องดูดวงเนตรก็ดีอยู่ | จึงรู้ว่าเกิดนิมิตฝัน |
เห็นเหตุมหัศอัศจรรย์ | เป็นมหันตโทษยิ่งนัก |
อันนกอินทรีมหึมา | จะเป็นจรกาอัปลักษณ์ |
นัยน์เนตรคือองค์นงลักษณ์ | มันแค้นนักจักตามมาชิงชัย |
อันในสุบินนิมิตนี้ | เหมือนจะชิงยาหยีพี่ไปได้ |
คิดพลางสะท้อนถอนใจ | ภูวไนยกำสรดโศกี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบามารศรี |
ฟื้นกายชายเนตรไปทันที | เห็นระเด่นมนตรีโศกา |
ให้นึกแค้นสนขัดกลัดจิต | ชะรอยว่าพระคิดถึงจินตะหรา |
นางผลักไสมิให้ต้องกายา | อย่าโศกาจงคืนไปเวียงชัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมจิตพิสมัย |
เห็นนางแค้นขัดตัดอาลัย | จึงโลมเล้าเอาใจเทวี |
จะปลอบถามเท่าไรไม่ดูพักตร์ | แต่พลิกผลักเมียงเมินสะเทินหนี |
เจ้าเคียดเคืองสิ่งใดไม่ไยดี | มารศรีจงบอกพี่เถิดรา |
หรือเจ้านึกกินแหนงแคลงจิต | ว่าพี่คิดถึงนางจินตะหรา |
ด้วยเห็นว่าพี่นี้โศกา | กัลยาจึงละห้อยน้อยใจ |
พี่มิได้ตริตรึกนึกดังนั้น | อย่ามุ่งมั่นพะวงสงสัย |
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย | ก็ไม่หน่ายแหนงใจไกลนาง |
ซึ่งโศกานั้นเพราะฝันร้าย | โฉมฉายอย่าคิดอางขนาง |
ตรัสพลางทางทรงกันแสงพลาง | แล้วเล่าความให้นางแจ้งใจ |
เพราะพี่ฝันพรั่นนักนะเทวี | พ้นที่จะกลั้นกำสรดได้ |
ว่าพลางกอดประทับกับทรวงไว้ | สะอื้นไห้โศกาจาบัลย์ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายล่าสำจรกาโศกศัลย์ |
เดินไพรมาได้สองวัน | เห็นพลับพลาอารัญก็ยินดี |
สำคัญมั่นหมายว่าอิเหนา | พานางหนีเรามาอยู่นี่ |
คิดพลางขับช้างจรลี | รีบมายังที่ตำหนักไพร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากคชสาร | รุกรานขึ้นไปด้วยสงสัย |
เห็นสังคามาระตาชาญชัย | จึงถามไถ่ถึงระเด่นมนตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี |
จึงทูลสองกษัตริย์ธิบดี | ว่าภูมีไปไล่มฤคา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จรกาจึงตอบด้วยกังขา |
อิเหนาไปไล่เนื้อดังว่ามา | สังคามาระตาจะอยู่ไย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาจึงแก้ไข |
ข้าตกม้าขาบวมป่วยไป | จึงมิได้ตามเสด็จไคลคลา |
ถ้าแม้นว่าดีอยู่ที่ไหน | ทั้งสองท้าวไทจะพบข้า |
แล้วปราศรัยไต่ถามด้วยมารยา | การวิวาห์แล้วหรือภูวไนย |
ซึ่งยกโยธามานี้ | จะจรลีไปตำบลหนไหน |
หรือพาพระธิดาดวงใจ | มาเล่นไพรประพาสพนาลี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเรืองศรี |
พาซื่อเล่าความไปตามมี | เกิดกุลีวุ่นวายทั้งเวียงชัย |
เดิมตีกลองศึกแล้วยิงปืน | โห่สนั่นครั่นครื้นหวั่นไหว |
ร้องว่าท้าทายมากมายไป | จะใคร่ดูฝีมือชาวพารา |
มันลอบปลอมจุดเพลิงทุกโรงงาน | ชาวเมืองอลหม่านเป็นหนักหนา |
สองกษัตริย์ยกพลออกมา | มีผู้พาพระบุตรีหนีไป |
ข้าจึงมาติดตามนาง | เล่าพลางจรกาก็ร้องไห้ |
คั่งแค้นแสนศัลย์ตันใจ | ทำไฉนจะพบพระภูมี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๖
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี |
ทำตกใจใส่กลพาที | เหตุถึงเพียงนี้มิได้รู้ |
ขอพระองค์จงงดอยู่ท่าก่อน | ภูธรยังไปไล่เนื้ออยู่ |
จะให้ม้าใช้ไปเที่ยวดู | แม้นรู้ดีร้ายจะรีบมา |
จึงสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | ให้ม้าเร็วรีบไปสะพัดหา |
แม้นพบจงทูลพระราชา | เชิญเสด็จกลับมาฉับไว ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งบังคมไหว้ |
มาสั่งกิดาหยันทันใด | เร่งไปบอกปะหรัดกะติกา |
จงแจ้งเหตุแก่ม้าคอยใช้ | ที่ทางร่วมจะไปคูหา |
ไปทูลสนองว่าสองระตูมา | คอยอยู่พลับพลาพนาลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันครั้นแจ้งถ้วนถี่ |
รีบมาสั่งความตามมี | แจ้งคดีโดยดังบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาใจกล้า |
ได้ฟังก็เผ่นขึ้นหลังม้า | แล้วควบขับมาทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ถึงทางร่วมจะไปคิรี | เอาคดีบอกแจ้งแถลงไข |
ม้าเร็วจงเร่งรีบไป | บอกพี่เลี้ยงภูวไนยอย่าได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกกองคอยเหตุอาสา |
ได้ฟังจะแจ้งกิจจา | ก็ขึ้นม้าควบขับไปทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปกราบกราน | แจ้งการแก่พี่เลี้ยงทั้งสี่ |
บัดนี้สองระตูภูมี | มาคอยเฝ้าอยู่ที่พลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงกะระตาหลา |
ครั้นแจ้งก็รีบเข้ามา | แฝงม่านวันทาแล้วทูลไป |
ว่าจรกาล่าสำสองระตู | มาคอยอยู่พลับพลาที่อาศัย |
จะใคร่พบองค์พระทรงชัย | เหมือนจะแคลงแหนงในใต้ธุลี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๗
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ฟังข่าวผ่าวร้อนดังอัคคี | กอดเทวีไว้แล้วรำพัน |
โอ้ว่าโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ | น่าจะจริงประจักษ์เหมือนฝัน |
พลางซบพักตราจาบัลย์ | รับขวัญบังอรแล้วถอนใจ |
ให้ประหวั่นพรั่นจิตแสนทวี | เหมือนจะชิงยาหยีพี่ไปได้ |
แม้นเจ้าพรากจากอกวันใด | จะแบหลาบรรลัยไปตามน้อง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาทรงโศกเศร้าหมอง |
ชลนัยน์ไหลอาบเนตรนอง | นวลละอองซบพักตร์ลงโศกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา |
ปลอบพลางทางเช็ดชลนา | เสนหาพ่างเพียงจะขาดใจ |
สวมสอดกอดประทับไว้กับทรวง | เจ้าดวงยิหวาอย่าโหยไห้ |
ครั้งนี้เป็นกรรมจะจำไกล | ถึงพี่ไปไม่ช้านานนัก |
พระอุ้มน้องประคองขึ้นบนเพลา | พี่แสนทุกข์ด้วยเจ้าเพียงอกหัก |
แต่อาวรณ์ถอนจิตแล้วพิศพักตร์ | เหมือนจะไกลน้องรักสักร้อยปี |
มิไปเล่าเขาจะเห็นแยบคาย | จะอุบายมิให้สงสัยพี่ |
โฉมเฉลาเจ้าค่อยอยู่จงดี | อย่าทวีเทวษโศกา |
จึงเรียกสองกัลยาเข้ามาสั่ง | พี่อยู่หลังระวังขนิษฐา |
สั่งเสร็จเสด็จไคลคลา | แล้วผันพักตรามาดูน้อง |
กลับมาสวมสอดกอดนางไว้ | โอ้กรรมจำใจจะไกลห้อง |
พี่พาเจ้ามาไว้ในถ้ำทอง | แล้วสลัดซัดน้องไว้เดียวดาย |
พระลูบหลังสั่งความทรามสวาท | จะนิราศฉันใดน่าใจหาย |
คิดถวิลหวาดหวั่นถึงฝันร้าย | พระโฉมฉายสะท้อนถอนใจ |
กะระตาหลาซ้ำทูลเตือน | มิใคร่เยื้อนรับวาจาได้ |
จำเป็นจำจิตคลาไคล | ออกไปจากที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ ทยอย
๏ ออกจากปากถ้ำกำบัง | จึงดำรัสตรัสสั่งกะระตาหลา |
จงอยู่ด้วยช่วยกับประสันตา | พิทักษ์รักษาเยาวมาลย์ |
สั่งเสร็จเสด็จขึ้นพาชี | พร้อมม้าเสนีทวยหาญ |
ลัดมาทางร่วมดงดาน | พระภูบาลเร่งรีบคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ พอพบพวกไล่มฤคา | ก็บรรจบกันมาในป่าใหญ่ |
ทรงม้ามาพลางทางถอนใจ | ภูวไนยคะนึงถึงเทวี |
ชลนาคลอคลองนองเนตร | อาดูรพูนเทวษหมองศรี |
ครั้นใกล้ถึงจึงหยุดพาชี | เอาวารีลูบล้างชลนา |
จับชายซ่าโบะขึ้นซับพักตร์ | แสร้งหักใจทำเป็นหรรษา |
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ขึ้นยังพลับพลาพนาลัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาสน์ | ตรัสประภาษยิ้มเยื้อนปราศรัย |
พี่น้องสองระตูชาญชัย | พากันมาไยในไพรวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จรกาเศร้าสร้อยโศกศัลย์ |
จึงบังคมทูลพระทรงธรรม์ | รำพันแจ้งคดีซึ่งมีมา |
เมื่อวันตั้งการสยุมพร | เกิดเหตุในนครหนักหนา |
เดิมตีกลองศึกเป็นโกลา | แล้วลอบมาจุดเพลิงทุกโรงงาน |
สองกษัตริย์เสด็จมาดับไฟ | มีผู้ร้ายอาจใจห้าวหาญ |
ลอบลักพระธิดายุพาพาล | ออกนอกปราการเวียงชัย |
ข้าจึงมาเสาะสืบข่าว | จะได้เรื่องราวก็หาไม่ |
แต่เที่ยวดั้นดัดลัดไพร | มาได้สองทิวาราตรี |
มันแกล้งจงผลาญรานรัก | แค้นนักจะใคร่ตัดเกศี |
เสียบประจานไว้กลางธานี | ให้สมที่ริษยาสาธารณ์ |
ขอให้ได้อ้ายคนร้ายมา | จะดูหน้ามันประมาทอาจหาญ |
ทูลพลางทางดูพระภูบาล | จะใคร่แจ้งอาการว่าร้ายดี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ทำตกใจใส่กลพาที | ใครอาจหาญดังนี้พี่หลากนัก |
ข้าจะว่าเจ้าหน่อยอย่าน้อยใจ | ประหนึ่งเจ้าเรามิให้ปนศักดิ์ |
ทีนี้ซ้ำร้ายน่าอายนัก | ใครหนอมาลักนางไป |
มันไม่กลัวฤทธิ์เทเวศร์ | ไม่เกรงเดชสองกษัตริย์เป็นใหญ่ |
ไม่ขามพี่ที่เคยมีชัย | น้อยใจเป็นพ้นคณนา |
เสียดายบุษบาน้องรัก | เสียดายศักดิ์อสัญแดหวา |
ทีนี้จะระคนด้วยชายช้า | จะตั้งหน้าคอยรับอัประมาณ |
แล้วคิดถึงฝันร้ายในราตรี | ชอบทีก็กำสรดสงสาร |
ทำแค้นซ้ำร่ำรักนงคราญ | ใครอาจหาญแก่กูระตูไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองระตูได้ยินสิ้นสงสัย |
แม้นพระลักกัลยามาไว้ | ที่ไหนจะทรงโศกา |
จึงแจ้งเหตุถวายคลายความ | ไปตามเรื่องหลังที่กังขา |
บรรดาฝูงชนชาวพารา | เขาว่าพระพานางไป |
อันองค์เชษฐากับข้านี้ | เดิมทีก็คิดสงสัย |
ต่อมาพบองค์พระทรงชัย | ก็สิ้นแคลงแหนงในพระภูมี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๘
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ได้ฟังจรกาพาที | จึงตอบคดีไปทันใด |
ซึ่งทั้งปวงเขาล่วงว่าพี่ลัก | ควรที่น้องรักจะสงสัย |
แม้นได้ตัวจะทำให้หนำใจ | มันมาไว้ความชั่วแก่ตัวเรา |
ชาวกะหมังกุหนิงมันคุมแค้น | กลับทำทดแทนเจ้าเขา |
บังอาจอวดรู้ดูเบา | เจ้าเร่งตามไปอย่าได้ช้า |
ฝ่ายข้างแว่นแคว้นแดนนี้ | ไว้พนักงานพี่จะเที่ยวหา |
กว่าจะสิ้นแผ่นดินแดนชวา | ต่อได้มาเจ้าจึงจะเห็นใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้น | สองระตูประนมบังคมไหว้ |
อำลามาขึ้นคชไกร | เคลื่อนพลคลาไคลไปพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวทุกสุมทุมพุ่มไม้ | ซอกห้วยเหวไพรพนาสัณฑ์ |
ซัดไปหลายคืนหลายวัน | มิได้พักพลขันธ์อยู่ช้า |
สงสัยที่ไหนให้เที่ยวค้น | จนพ้นแดนพิชัยดาหา |
ล่วงแดนกะหมังกุหนิงมา | จึงพักโยธาอยู่ชายไพร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย |
ครั้นล่าสำจรกาลาไป | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรองการ |
แล้วตรัสสั่งสังคามาระตา | ให้เตรียมโยธาทวยหาญ |
หมู่มุขทุกตำแหน่งพนักงาน | จงจัดการพร้อมไว้ในราตรี |
จะไปแก้สงสัยในดาหา | แต่เวลารุ่งรางสร่างแสงศรี |
สั่งเสร็จเสด็จทรงพาชี | เสนีพี่เลี้ยงเคียงไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ รีบรัดลัดมาพอสายัณห์ | ถึงสุวรรณคูหาที่อาศัย |
ลงจากอาชาคลาไคล | เข้าในถ้ำทองห้องไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ สถิตที่แท่นสุวรรณบรรจง | นั่งแนบแอบองค์ขนิษฐา |
จึงมีมธุรสพจนา | ตรัสเล่ากิจจาทั้งปวงไป |
อันจรกาล่าสำพี่น้อง | ดูทีทั้งสองไม่สงสัย |
แต่บอกข่าวว่าชาวเวียงชัย | เขากินแหนงแคลงใจอยู่ไม่วาย |
จำจะแก้สงสัยเสียก่อน | ยอกย้อนซ่อนเงื่อนให้เกลื่อนหาย |
จึงจะสิ้นนินทาว่าร้าย | โฉมฉายค่อยอยู่จะขอลา |
รุ่งแสงสุริยาเวลาเช้า | จะจากเจ้าเยาวยอดเสนหา |
ระกำใจด้วยจะไกลกัลยา | คิดมาหรือหนึ่งมิใคร่ไป |
พระแสนโศกโศกีทวีเทวษ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
อนิจจาเป็นกรรมจะจำไกล | ดวงใจเจ้าค่อยอยู่จงดี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางบุษบามารศรี |
ได้ฟังวาจาพาที | เทวีพ่างเพียงจะมรณา |
กันแสงพลางทางทูลสนองไป | คิดไฉนไยฉะนี้พระเชษฐา |
ทำการหาญหักลักน้องมา | สถิตอยู่คูหาห้องทอง |
น้องนิราศมาตุรงค์บิตุเรศ | ยังไม่คลายวายเทวษหม่นหมอง |
เห็นแต่ภูวไนยได้ปกครอง | หรือจะสลัดซัดน้องไว้เดียวดาย |
ไหนนั่นสัญญาพาที | ว่าจะครองไมตรีไม่หนีหน่าย |
อันถ้อยย้ำคำมั่นบรรยาย | ไม่รู้เลยว่าจะกลายเป็นมารยา |
จะไปแก้สงสัยที่ในเมือง | หรือจะไปแก้เคืองเมืองหมันหยา |
แม้นพระเสด็จไคลคลา | จะกลับมาหรือมิมาก็เท่ากัน |
พระแกล้งนิราศคลาดแคล้ว | รู้แล้วว่าจะทิ้งให้อาสัญ |
ทูลพลางโศกาจาบัลย์ | ผินผันพักตร์เสียไม่ดูไป ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
โอ้ชาตรี
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงฤทธิ์พิสมัย |
ปลอบพลางประคองพระน้องไว้ | อนิจจายาใจช่างเจรจา |
พี่รักเจ้าเท่าเทียมชีวิต | อย่าควรคิดว่าจะคืนไปหมันหยา |
มิให้เสียคำมั่นสัญญา | วนิดาอย่าแหนงแคลงความ |
พี่ทำการหาญหักเพราะรักนุช | ถึงสิ้นสุดชีวิตไม่คิดขาม |
ได้สมปรารถนาพยายาม | แล้วจะทิ้งโฉมงามเสียฉันใด |
ครั้นพี่มิไปในครั้งนี้ | จะสมชาวบุรีเขาสงสัย |
จำเป็นจะลาคลาไคล | แต่ใจไม่พรากจากนวลน้อง |
ว่าพลางทางกระถดเข้าใกล้ | เจ้าเคืองพี่ยาไยมิให้ต้อง |
พระลูบหลังบังอรกรตระกอง | นางปิดป้องข้องขัดอัธยา |
ถนอมแนบแอบอุ้มจุมพิต | ชมชิดประกิจแก้มแนมนาสา |
เสน่ห์นุชสุดใจจะไคลคลา | ดังอุราจะแตกตายวายชีวี |
พระวิโยคโศกศัลย์กันแสงสั่ง | โฉมยงจงฟังคำพี่ |
พอเสร็จแก้สงสัยในธานี | จะคืนคิรีรีบร้อนไม่นอนใจ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดพิสมัย |
เห็นพระทรงโศกเศร้าก็เข้าใจ | ว่าอาลัยผูกพันมั่นคง |
แจ้งในรสรักประจักษ์จิต | ค่อยคลายแหนงแคลงคิดพิศวง |
กราบก้มบังคมทูลพระโฉมยง | ด้วยองค์วิยะดานารี |
น้องระลึกตรึกถึงคะนึงนัก | พระทรงศักดิ์จงโปรดเกศี |
แม้นไปพาราครานี้ | ปรานีน้องด้วยช่วยพามา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสนหา |
รับคำซ้ำปลอบชอบอัชฌา | เจ้าอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย |
จะไปทูลบ่ายเบี่ยงให้หายแหนง | มิให้พระเคลือบแคลงสงสัย |
อันองค์ขนิษฐายาใจ | พี่จะพามาให้อย่าปรารมภ์ |
ว่าพลางพระทางอิงแอบ | ถนอมแนบนวลน้องสองสม |
นาสาแนบปรางทางชม | ค่อยคลายทุกข์ระทมวิญญาณ์ |
พระตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ | จะจำเป็นเว้นว่างเสนหา |
พระสั่งความทรามวัยอาลัยลา | แล้วออกมาจากแท่นบรรทมใน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระเผยม่านกำบังสั่งสองนาง | พี่ค่อยอยู่พลางอย่าหม่นไหม้ |
พรุ่งนี้น้องจะลาคลาไคล | ไปแก้สงสัยในนคร |
พอสิ้นแสงสุริยาสายัณห์ | จะกลับมาให้ทันถึงสิงขร |
แม้นพระน้องโศกาอาวรณ์ | จงปลอบโยนโอนอ่อนให้จงดี |
จะให้กะกังประสันตา | กับกะระตาหลาอยู่เพื่อนพี่ |
น้องไปไม่ล่วงราตรี | มิให้เสียวาทีที่สัญญา |
สั่งเสร็จเสด็จเข้าห้องทอง | นั่งแนบแอบน้องเสนหา |
จึงกล่าวมธุรสพจนา | พี่จะจากดวงยิหวาไปเอองค์ |
จะขอเปลี่ยนสไบทรงนงลักษณ์ | ไปชมพลางต่างพักตร์นวลหง |
จึงเปลื้องซ่าโบะเปลี่ยนสไบทรง | โฉมยงแย่งยุดฉุดไว้ |
พระเหน็บแนมแกมกลไขว่คว้า | ปลอบเปลื้องเปลี่ยนผ้ามาได้ |
แล้วเปลี่ยนธำมรงค์ให้อรไท | สอดใส่นิ้วก้อยกัลยา |
ถ้าน้องนึกคะนึงถึงพี่ | แหวนนี้ชมพลางต่างหน้า |
ตรัสพลางทางทรงโศกา | พระราชาเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเศร้าหมองไม่ผ่องใส |
ทอดองค์ลงทรงโศกาลัย | ทรามวัยโศกศัลย์รำพันทูล |
พระจะซัดน้องไว้ผู้เดียวนี้ | เหมือนแกล้งตัดไมตรีให้เสื่อมสูญ |
อยู่หลังตั้งแต่จะอาดูร | เพิ่มพูนทุกข์เทวษถึงภูมี |
พระจะพรากจากไปอย่าให้ช้า | พอเย็นลงจงมาให้ถึงนี่ |
แม้นมิสมสัญญาพาที | น้องนี้จะแบหลาลาตาย |
ทูลพลางนางทรงแสนเทวษ | ชลนานองเนตรไม่ขาดสาย |
เพียงจะสิ้นวิญญาณ์ชีวาวาย | โฉมฉายระทดระทวยองค์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีคิดพิศวง |
เห็นนางบุษบาโฉมยง | ซบลงทรงกันแสงโศกา |
ยอกรขึ้นเช็ดชลนัยน์ | อย่าครวญคร่ำร่ำไรฟังพี่ว่า |
จะเป็นลางในกลางมรคา | จงกลั้นความโศกานะน้องรัก |
ตรัสพลางทางสะท้อนถอนใจ | อุ้มองค์อรไทขึ้นใส่ตัก |
กอดประทับรับขวัญแล้วพิศพักตร์ | จะนิราศร้างรักไปฉันใด |
พระยิ่งเศร้าสร้อยละห้อยหวน | จนจวนรุ่งแสงอุทัยไข |
แต่ครวญคร่ำกำสรดระทดใจ | มิได้นิทราในราตรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ไก่ขันกระชั้นเสียงดุเหว่าแว่ว | รุ่งรางสว่างแล้วนะแก้วพี่ |
จำใจจำพรากจากจรลี | โฉมตรูอยู่จงดีพี่ขอลา |
นึกคะนึงถึงฝันยิ่งพรั่นใจ | เหมือนจะไม่ได้คืนมาเห็นหน้า |
พระแข็งขืนฝืนใจไคลคลา | เสด็จมาจากแท่นบรรทมใน |
ให้กำสรดระทดระทวยองค์ | มิใคร่เดินดำรงไปได้ |
เหลียงหลังสั่งความนางทรามวัย | พระมิใคร่จะนิราศคลาดคลา |
แต่ทอดถอนฤทัยอาลัยนัก | ยิ่งเป็นห่วงหน่วงหนักเสนหา |
เห็นโฉมยงทรงโศกโศกา | พระกลับมาสวมสอดกอดไว้ |
จุมพิตชิดเชยปรางทอง | แล้วปลอบว่านวลน้องอย่าร้องไห้ |
จงกลืนกลั้นกันแสงโศกาลัย | พี่ไปไม่ช้าจะมาพลัน |
สั่งเสร็จเสด็จจรลี | ภูมีเหลียวกลับมารับขวัญ |
อาวรณ์ร้องจิตจาบัลย์ | ทรงธรรม์ถอนใจแล้วไคลคลา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ ทยอย
๏ จึ่งหยุดเรียกประสันตามาสั่ง | กับพี่เลี้ยงกะระตาหลา |
วันนี้น้องจะไปในพารา | พี่จงอยู่คูหาอย่าคลาดคลาย |
แม้นน้องยังไม่มาจนสายัณห์ | นางจะนึกสำคัญว่าหนีหน่าย |
โฉมยงจะทรงโศกฟูมฟาย | ปลอบนางไม่สร่างคลายโศกี |
จงเชิญองค์อรไทไปประพาส | ชมพรรณรุกขชาติในสวนศรี |
ให้ทรงระแทะทองรูจี | เก็บมาลีเล่นพลางให้เพลินใจ |
กำชับกันหมั่นดูผู้คน | อย่าให้มีเหตุผลกลใดได้ |
แล้วออกจากปากถ้ำอำไพ | แข็งใจไปทรงอัสดร |
พร้อมหมู่กิดาหยันสันทัด | ขี่กัณฐัศว์อัดแอแสสลอน |
อาลัยมิใคร่พรากจากจร | องค์อ่อนถอนฤทัยไคลคลา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ม้าย่อง
๏ ครั้นถึงเชิงผาสะตาหมัน | พระทรงฤทธิ์พิศพรรณพฤกษา |
บ้างออกดอกดวงพวงผกา | รุกขชาติดาษดาสารพัน |
พี่ปลูกไว้หวังว่าจะพาเจ้า | โฉมเฉลามาเล่นสะตาหมัน |
เจ้ามาอยู่ถ้ำทองได้สองวัน | ยังมิทันที่จะพามาชมเชย |
ชะรอยกรรมจำพรากให้จากไป | จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย |
แม้นเขามิสงสัยไม่ไปเลย | จะอยู่เชยชมแก้วกัลยา |
หอมกลิ่นกล้วยไม้ที่ใกล้ทาง | เหมือนกลิ่นสไบบางขนิษฐา |
พระเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยวิญญาณ์ | เหลียวดูคูหาให้จาบัลย์ |
ตะลึงแลจนลับนัยน์เนตร | ยิ่งอาดูรพูนเทวษโศกศัลย์ |
พระรีบขับอัสดรจรจรัล | หมายมั่นดั้นดงตรงมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงที่ประทับพลับพลาทอง | ทหารเตรียมตั้งกองอยู่พร้อมหน้า |
อันระเด่นสังคามาระตา | ออกมารับเสด็จพระภูมี |
โยธาสองเหล่าเข้าบรรจบ | จัดกระบวนถ้วนครบตามที่ |
ม้านำนำพลจรลี | ข้ามคิรีห้วยธารผ่านมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
สามไม้ใน
๏ เดินทางกลางป่าพนาเวศ | ภูวเรศรัญจวนหวนหา |
ให้คะนึงถึงแก้วกัลยา | พระราชาทุกข์นักหนักทรวง |
เหลือบดูหมู่บุหรงในดงดอน | ไม่ร้องร่อนจับเจ่าเหงาง่วง |
อันมิ่งไม้ที่ออกดอกดวง | ก็โรยร่วงเหี่ยวแห้งไม่แบ่งบาน |
ฝูงเนื้อลืมถิ่นกินระบัด | โคกระทิงวิ่งตัดมาหน้าฉาน |
เหมือนจะทูลข่าวขัดทัดทาน | พระเห็นเหตุเภทพาลก็หลากใจ |
ร้อนระงมลมแล้งไม่พานพัด | เงียบสงัดใบไม้ก็ไม่ไหว |
พวงอุบะตันหยงที่ทรงไป | ก็ขาดตกลงในกลางทาง |
ไม้ใหญ่ยางยูงสูงระหง | ไม่ต้องลมล้มลงมาขัดขวาง |
อัศจรรย์วันนี้ประหลาดลาง | เดินทางแต่ก่อนบ่ห่อนมี |
พระยิ่งคิดคะนึงถึงฝัน | เห็นสมกันกับลางกลางวิถี |
ให้ระทดฤทัยถึงเทวี | พลางเร่งพาชีคลาไคล ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ มาถึงนคเรศดาหา | เข้าในทวารากรุงใหญ่ |
ลงจากมิ่งม้ามโนมัย | เสด็จไปเฝ้าองค์พระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี |
เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | ภูมีหมางเมินสะเทินไป |
ให้เคืองจิตคิดคะนึงอยู่เป็นครู่ | แต่มิรู้ที่จะทำเป็นไฉน |
เยื้อนคำดำรัสด้วยขัดใจ | เจ้ากลับเข้ามาไยนะนัดดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า |
จึงทูลผ่อนผันด้วยปัญญา | วานนี้จรกาไปแจ้งการ |
บอกว่าเกิดเหตุในเขตขัณฑ์ | ไพรีนั้นรื้อกลับมาหักหาญ |
จุดไฟในเมืองทุกโรงงาน | แล้วลักเยาวมาลย์หนีไป |
ข้าพึ่งทราบสารเมื่อวานนี้ | สองระตูภูมีแถลงไข |
จึงรีบมาเฝ้าองค์พระทรงชัย | น้อยใจจะอาสาไปติดตาม ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงฤทธิ์ชาญสนาม |
จึงกล่าวกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงาม | อันความทั้งนี้ก็เข้าใจ |
บรรดาประชาชนทั้งนั้น | เขาชวนกันเจาะจงสงสัย |
ว่าเจ้าลักบุษบาพาไป | มิใช่ไพรีมาบีฑา |
แต่เรานี้มิได้นึกแหนง | ด้วยรู้แจ้งว่าเจ้าไม่ปรารถนา |
ทีนี้ก็สมกับสารา | มันเกิดมาให้พลอยเสียวงศ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๕๙
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสูงส่ง |
ได้ฟังคั่งคับในทรวงทรง | กรานก้มพักตร์ลงแล้วทูลไป |
เขาชังแล้วก็ลงร้ายเอา | จะรู้แห่งห้ามเขากระไรได้ |
หลานนี้ล่าเนื้ออยู่ในไพร | สองระตูออกไปได้พบตัว |
ทั้งหลายเขาหมายว่านัดดา | ก็สุดแต่จรกาผู้ผัว |
นอกนั้นจะนินทาก็ไม่กลัว | เมื่อตัวดีแล้วไม่ร้อนใจ |
ทูลแล้วถวายบังคมลา | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | เสด็จไปเฝ้าองค์พระบิดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นวิยะดาเสนหา |
เห็นระเด่นมนตรีพี่ยา | วิ่งมารับเสด็จภูวไนย |
โถมกอดไว้แล้วก็ถามพลาง | พระพี่นางบุษบาอยู่ไหน |
โอษฐ์อ้อนอาดูรทูลไป | เอามาด้วยหรือไม่จงบอกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๖๐
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีตอบขนิษฐา |
เจ้าว่าไยฉันนั้นกัลยา | กิจจาจะฟุ้งเฟื่องเลื่องลือ |
ถ้าแม้นว่าระตูรู้ความ | เขามิตามไปฆ่าพี่เสียหรือ |
จรกาสามารถมีฝีมือ | เจ้าอย่าออกชื่อให้อื้ออึง |
บัดนี้พี่นางบุษบา | สั่งมาว่ารำลึกตรึกถึง |
อย่ารัญจวนครวญคร่ำคำนึง | บ่ายคล้อยหน่อยหนึ่งจะพาไป |
จะได้สรงวารีกับพี่นาง | เก็บกรวดต่างต่างในน้ำใส |
แม้นพี่ทูลลาคลาไคล | จงโศกาว่าจะไปอรัญวา |
ใครจะปลอบจะห้ามให้หยุดยั้ง | ก็อย่าฟังโอษฐ์อ้อนให้หนักหนา |
สั่งแล้วอุ้มองค์วิยาดา | ลีลามายังปราสาททอง ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงถวายวันทา | พระบิตุเรศมารดาทั้งสอง |
กราบก้มพักตร์อยู่ดูทำนอง | ตรึกตรองคอยทูลพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี |
จึงมีพจนาพาที | อิเหนาพายาหยีไปหรือไร |
บอกพ่อตามจริงอย่าอำพราง | ต่างคนเขาต่างสงสัย |
เขาว่าเจ้าพาน้องไป | จริงหรือฉันใดจงบอกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า |
เยื้อนยิ้มสนองพระวาจา | ลูกยาไม่แจ้งเหตุการณ์ |
ตั้งหน้าหาเนื้ออยู่ในไพร | ต่อม้าใช้ไปบอกข่าวสาร |
ลูกจึงรีบรัดดงดาน | มาพบพานระตูภูวไนย |
จรกาเล่าพลางทางโศกี | ลูกนี้ไม่กลั้นน้ำตาได้ |
เขาก็สิ้นกินแหนงไม่แคลงใจ | ด้วยพบลูกเที่ยวไล่มฤคา |
แม้นว่าเขาไปไม่พบตัว | ที่ไหนความชั่วจะพ้นหน้า |
ทั้งนี้ก็สุดแต่จรกา | จะได้มาเป็นที่ทิพย์พยาน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันได้ฟังสาร |
พระจึงดำริตริการ | แล้วมีพจมานไปทันใด |
ใครจะว่ากระไรก็ตามที | ตัวเจ้าดีอยู่อย่าหวั่นไหว |
ถึงจะพาไปจริงก็เป็นไร | พ่อเห็นก็จะไม่ผิดนัก |
ด้วยได้ตุนาหงันกันมา | ทั้งประยูรวงศาก็สมศักดิ์ |
ใจหนุ่มกลัดกลุ้มด้วยความรัก | สุดคิดจึงลักเอานางไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีชอบอัชฌาสัย |
ซ่อนยิ้มพร้ิมพรายสบายใจ | ภูวไนยไม่สนองพระวาจา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันนาถา |
จะซักไซ้ให้สิ้นสงกา | เอ็นดูโอรสาจะน้อยใจ |
จึงปรึกษานางประไหมสุหรี | บัดนี้สิเกิดเหตุใหญ่ |
จะคิดผ่อนปรนกลใด | จะนิ่งอยู่ดูไม่ชอบธรรม์ |
บรรณาการเขามามากมี | ก็ลือทุกธานีเขตขัณฑ์ |
อันธิดาสิงหัดส่าหรีนั้น | ตุนาหงันก็ยังไม่มี |
พี่จะขอจินดาส่าหรีมา | แทนองค์บุษบามารศรี |
ให้แก่จรกาธิบดี | ไมตรีอย่าให้สูญเสียไป |
ทั้งจะสิ้นถวิลยินร้าย | โฉมฉายจะเห็นเป็นไฉน |
อันองค์อนุชาชาญชัย | เห็นจะไม่แข็งขัดบัญชา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีเสนหา |
จึงทูลสนองพระวาจา | พระจินดาดังนี้ก็ควรการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ |
ตะวันชายบ่ายสองโมงนาน | พระร้อนร่านรำพึงถึงทรามวัย |
จึงทูลองค์พระชนกชนนี | ลูกนี้จะลาไปป่าใหญ่ |
เที่ยวหาบุษบายาใจ | ได้ว่าไว้แก่ระตูจรกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นวิยะดาเสนหา |
ได้ยินพระพี่ทูลลา | วิ่งมากอดเอาพระศอไว้ |
ทำดิ้นร้องไห้จะไปตาม | ใครห้ามจะฟังก็หาไม่ |
น้องจะไปเล่นป่าพนาลัย | ชมพรรณมิ่งไม้นานา |
พี่เลี้ยงเอาเครื่องเล่นล่อ | ก็ไม่วางพระศอเชษฐา |
เขาไม่เล่นแล้วอย่าเอามา | เบือนพักตราเสียไม่ดูไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๖๑
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
เห็นอะหนะวิยะดาโศกาลัย | อรไทจึงกล่าววาจา |
รำคาญวานอย่าให้ร้องไห้ | เอาไปด้วยเถิดฟังแม่ว่า |
จะได้ชมพนมพนาวา | สักหน่อยหนึ่งจึงพามาธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
รับสั่งบังคมด้วยยินดี | แล้วอุ้มองค์เทวีลีลา |
จึงหยุดสั่งบาหยันมิทันนาน | จงไปบอกพนักงานข้างหน้า |
ให้เตรียมรถทรงอลงการ์ | เราจะพาพระน้องไปเล่นไพร |
เร่งรัดจัดแจงให้พร้อมกัน | ทุกหมู่กำนัลน้อยใหญ่ |
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | ตรงไปที่อยู่พระภูมี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | บาหยันพี่เลี้ยงสาวศรี |
จึงบอกบรรดานารี | ให้เตรียมกันตามที่พนักงาน |
บ้างจัดแจงแป้งกระแจะกระจกส่อง | ข้าวของซ้อนใส่ปิ่นโตสาน |
ครั้นเสร็จก็เชิญเครื่องอาน | ออกจากราชฐานทวารวัง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ มาพบพี่เลี้ยงปูนตา | อยู่ที่ข้างหน้าติกาหรัง |
จึงแจ้งกิจจาให้ฟัง | โดยดังพระราชบัญชา |
เร่งเตรียมรถแก้วแววไว | พระบุตรีจะไปประพาสป่า |
สั่งแล้วก็รีบลีลา | เข้ามายังที่ข้างใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงปูนตาอัชฌาสัย |
เร่งรัดจัดแจงพลไกร | เตรียมไว้ตามกระบวนยาตรา |
ให้พนักงานเทียมราชรถ | อลงกตแก้วมณีมีค่า |
เอามาประทับกับเกยลา | คอยท่าพระองค์ทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พี่เลี้ยงสาวสรรค์ |
ครั้นบ่ายบังควรจวนจรจรัล | ก็ชวนกันแต่งองค์พระบุตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ สระสรงทรงสุคนธ์ปนทอง | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องศรี |
กันกวดกระหมวดมุ่นมาลี | เกี้ยวราชาวดีดอกลำดวน |
กรอบพักตร์จำหลักลายกุดั่น | ห้อยอุบะปะกันหอมหวน |
ทรงภูษาห่อชายลายกระบวน | สไบสอดสีนวลขลิบสุวรรณ |
บานพับประดับพระพาหา | ปะวะหล่ำลงยาโมราคั่น |
ทองกรรูปวาสุกรีพัน | ทรงสังวาลวรรณวิเชียรชู |
สร้อยประดับทับทิมสีประเทือง | ตาบจินดาค่าเมืองควรคู่ |
เข็มขัดประจำยามก้ามปู | ธำมรงค์รูปงูเพชรเพรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ | พี่เลี้ยงรับเสด็จโฉมเฉลา |
พรั่งพร้อมกำนัลนงเยาว์ | มาเตรียมเฝ้าคอยท่าจรจรัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน |
ในจิตให้คิดผูกพัน | หวั่นหวั่นฤทัยถึงบังอร |
พระเร่งรีบแต่งองค์อลงการ์ | แล้วอุ้มองค์วิยะดาดวงสมร |
พระหัตถ์ซ้ายกรายกริชฤทธิรอน | บทจรมายังเกยลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เสด็จทรงรถแก้วแววไว | กับองค์อรไทขนิษฐา |
สั่งให้ยกพลยาตรา | ออกจากดาหาธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ล่วงด่านผ่านพ้นท้องทุ่ง | ใกล้กุหนุงเนินแนวแถววิถี |
มิ่งไม้ร่มเรียงเคียงคิรี | ใบบังรังสีสุริยง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมดง
๏ พระทรงรถมาพลางทางประพาส | รุกขชาติที่ในไพรระหง |
บ้างผลิดอกออกผลหล่นลง | พระชี้ชวนนวลอนงค์ทัศนา |
เห็นกระเช้าสีดาระย้าย้อย | ดังแกล้งห้อยไว้กับกิ่งพฤกษา |
นางทูลอ้อนวอนองค์พี่ยา | พระสั่งให้เก็บมาประทานนาง |
กิดาหยันน้อยน้อยสอยสาวหยุด | เบญจมาศชาตบุษย์ต่างต่าง |
บ้างโน้มเหนี่ยวหักกิ่งปริงปราง | มาถวายหลายอย่างให้นางชม |
พระเด็ดดอกกาหลงประยงค์แย้ม | ให้ทรามวัยใส่แซมมวยผม |
อัมพาระย้าย้อมลำไยยม | ต้องลมหล่นกลาดอยู่กลางทราย |
ฝูงกำนัลชิงกันเก็บสอย | ใส่ชะลอมน้อยน้อยมาถวาย |
นางเลือกปลิดติดพวงผูกราย | แขวนมากับท้ายที่นั่งรถ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระทรงฤทธิ์พิศพรรณบุปผา | ถวิลถึงบุษบาก็กำสรด |
เห็นสุริย์ฉายบ่ายบังบรรพต | พระเร่งให้ขับรถรีบมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf