- คำอธิบาย ว่าด้วยบทละคร อิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
- เล่มที่ ๑
- เล่มที่ ๒
- เล่มที่ ๓
- เล่มที่ ๔
- เล่มที่ ๕
- เล่มที่ ๖
- เล่มที่ ๗
- เล่มที่ ๘
- เล่มที่ ๙
- เล่มที่ ๑๐
- เล่มที่ ๑๑
- เล่มที่ ๑๒
- เล่มที่ ๑๓
- เล่มที่ ๑๔
- เล่มที่ ๑๕
- เล่มที่ ๑๖
- เล่มที่ ๑๗
- เล่มที่ ๑๘
- เล่มที่ ๑๙
- เล่มที่ ๒๐
- เล่มที่ ๒๑
- เล่มที่ ๒๒
- เล่มที่ ๒๓
- เล่มที่ ๒๔
- เล่มที่ ๒๕
- เล่มที่ ๒๖
- เล่มที่ ๒๗
- เล่มที่ ๒๘
- เล่มที่ ๒๙
- เล่มที่ ๓๐
- เล่มที่ ๓๑
- เล่มที่ ๓๒
- เล่มที่ ๓๓
- เล่มที่ ๓๔
- เล่มที่ ๓๕
- เล่มที่ ๓๖
- เล่มที่ ๓๗
- เล่มที่ ๓๘
เล่มที่ ๑๓
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวล่าสำเชษฐา |
ครั้นพระอนุชาให้สารมา | ก็ตรวจเตรียมโยธาพร้อมไว้ |
พอได้ฤกษ์อรุณเรืองรอง | เสียงฆ้องย่ำรุ่งแสงใส |
เสด็จจากแท่นแก้วแววไว | เข้าในที่สรงชลธาร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | คันธรสเฟื่องฟุ้งหอมหวาน |
สอดสนับเพลาทรงอลงการ | ปักทองเกี้ยวก้านกระหนกใน |
ภูษายกทองท้องแย่ง | ฉลององค์โหมดแดงดอกไหม |
ผ้าทิพย์ชายแครงแกว่งไกว | ซ่าโบะอำไพพรรณราย |
ทับทรวงพวงเพชรพาหุรัด | ทองกรจำรัสเรืองฉาย |
ทรงสังวาลแก้วแพรวพราย | เฟื่องห้อยพลอยรายอร่ามเรือง |
สอดใส่ธำมรงค์มงกุฏ | ประดับบุษราคัมน้ำเหลือง |
กุมกริชฤทธาค่าเมือง | ย่างเยื้องมาขึ้นรถทรง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี
โทน
๏ รถเอยรถแก้ว | พรายแพรวแอกอ่อนงอนระหง |
แปรกรองทองทำกำกง | ดุมวงพื้นสุวรรณพรรณราย |
บุษบกที่นั่งบัลลังก์รอง | กระจังทองฐานบัทม์บัวหงาย |
กาบเสาพรหมสรสะบัดปลาย | เครือท้ายรายกระหนกผกผัน |
เทียมอาชาชักห้าคู่ | สารถีถือธนูเข้มขัน |
เครื่องสูงชุมสายรายเรียงรัน | ประโคมฆ้องกลองสนั่นพนาลี |
เสียงรถเสียงม้าพลากร | สัตว์สิงวิ่งซอนซอกหนี |
เร่งรัดจัตุรงค์โยธี | ไปโดยวิถีอรัญวา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ แรมร้อนผ่อนพักพลขันธ์ | สิบห้าวันก็ถึงดาหา |
เสด็จมาที่อยู่อนุชา | เวลาเฝ้าก็พากันเข้าไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพดาหากรุงใหญ่ |
ครั้งรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยเสด็จออกพระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจาบทที่ ๒๓
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | หมู่อำมาตย์แวดล้อมหลายหลั่น |
เห็นท้าวล่าสำมาอภิวันท์ | พระผินผันพักตร์ตรัสประภาษไป |
ดูก่อนระตูผู้ทรงนาม | ค่อยมีความผาสุกหรือไฉน |
ครองบุรีราชฐานสำราญใจ | หรือทุกข์โศกโรคภัยพาธา |
อันข้าศึกซึ่งฮึกหาญนัก | ยกมาโหมหักดาหา |
บัดนี้พ่ายแพ้พระนัดดา | สุดสิ้นชีวาวายปราณ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวล่าสำสนองพระบรรหาร |
ว่ามิได้มีเหตุเภทพาน | อยู่สำราญเป็นสุขสวัสดี |
ด้วยเดชานุภาพภูวไนย | ปกไปได้เย็นเกศี |
ไพร่ฟ้าประชาชนมนตรี | ในธานีเกษมเปรมปรา |
อนุชาให้ราชสารไป | ว่าศึกติดพิชัยดาหา |
ข้าจึงรีบยกโยธา | หวังจะมาช่วยรบราญรอน |
บัดนี้ก็เสร็จสงคราม | ข้ามีความปรีดาสโมสร |
จะขอแต่งการสยุมพร | ภูธรจงทรงพระเมตตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
จึงตรัสสั่งทั้งสามเสนา | จงไปทูลพระเชษฐาธิบดี |
กับพระอนุชากาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี |
จะแต่งการวิวาห์พระบุตรี | จำเริญศรีสวัสดิ์สถาวร |
พรุ่งนี้จะยกยาตรา | ไปวิลิศมาหราสิงขร |
ให้สามนัดดาฤทธิรอน | ยกนิกรเป็นกองหน้าไป |
จรกาให้เดินเป็นทัพหลัง | แต่งตั้งตามกระบวนพยุห์ใหญ่ |
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทสุรกาญจน์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ทั้งสามเสนาออกมาบ้าน |
เร่งรัดจัดกันมิทันนาน | แล้วขึ้นม้าพาทหารแยกไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ยาสาเสนีผู้ใหญ่ |
พร้อมทั้งขุนหมื่นแลคนใช้ | นั่งในทิมดาบตำรวจวัง |
ให้เสมียนเขียนหมายไปสั่งเวร | กะเกณฑ์แจ้งความตามรับสั่ง |
จัดกระบวนให้ถ้วนเหมือนทุกครั้ง | เตรียมทั้งพยุหบาตรประพาสไพร |
กำหนดรุ่งพรุ่งนี้ตีสิบเอ็ด | จะเสด็จอย่าให้ขาดได้ |
พนักงานข้างหน้าข้างใน | บอกให้รู้ตัวทั่วกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๔
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสนมนางสาวสรรค์ |
ดีใจที่จะได้จรจรัล | ตามเสด็จทรงธรรม์ไปใช้บน |
ลางนางบ้างว่าพึ่งมาใหม่ | ยังไม่เคยไปแต่สักหน |
วุ่นวายทั้งวังเป็นกังวล | ต่างคนเร่งรัดจัดแจง |
บรรดานางกำนัลพนักงาน | ก็ตรวจตราเครื่องอานตามตำแหน่ง |
มอบหมายมิให้พลัดแพลง | แล้วมาจัดแจงเครื่องแต่งตัว |
บ้างเที่ยวไถ่ของจำนำเขา | คราวเสียแปดเก้ากับชะหัว |
ดอกเบี้ยค้างคิดกันพันพัว | มิให้อึงออกตัวกลัวอาย |
บ้างไร้ทรัพย์ไม่เสงี่ยมเจียมตน | อุตส่าห์สู้ซ่อนจนขวนขวาย |
ไปเชื่อเช่าเขามาทำกรุยกราย | แต่งกายประกวดอวดมั่งมี |
บ้างหยิบยกเครื่องแป้งออกมาจัด | ตะไกรตัดตาดปักทำฝักหวี |
ปรุงกระแจะใส่ตลับลำดับดี | ขวดเนียรคันถีศิลาทอง |
บ้างใช้บ่าวผู้หญิงวิ่งไปบ้าน | เอาโต๊ะพานจานเชิงข้าวของ |
ทั้งหีบหมากเครื่องครบผอบซอง | กับขันทองใส่ตู้อยู่ในเรือน |
ลางนางบ้างไปเที่ยวซุบซิบ | ยืมหยิบแหวนทองของเพื่อน |
นั่งปรับทุกข์ร้อนวอนเตือน | ครั้นบิดเบือนบอกขัดก็ตัดกัน |
บ้างให้ไปเอาสายสะอิ้ง | ที่คุณหญิงจัดซื้อนายกำปั่น |
ทั้งเข้มขาบริ้วทองของกำนัล | กูจะหั่นตัดแต่งเสียครั้งเดียว |
บ้างหาขนมส้มใส่ปิ่นโตสาน | ของกินตระการหวานเปรี้ยว |
เข้าช่วยบ่าวทำครัวตัวเป็นเกลียว | โกรธเกรี้ยวข้าไทที่ไม่มา |
ลางนางให้ไปเตือนของ | ที่ช่างทองทำค้างอยู่ข้างหน้า |
ทั้งตุ้มหูงูเพชรถมยา | ให้แล้วในเวลาห้าโมงเย็น |
บ้างวอนว่าให้ป้าตัดผมใหม่ | เก็บไรประสมรอยสอยขนเม่น |
ติดขี้ผึ้งจับควันกันกระเด็น | เวลาเย็นทาขมิ้นหมักไว้ |
ลางคนบ่นว่าเป็นที่สุด | สงกรานต์ตรุษก็หาเหมือนครั้งนี้ไม่ |
ยินดีประดาจะคลาไคล | ทั่วทุกนางในพระกำนัล ฯ |
ฯ ๒๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๕
๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีเฉิดฉัน |
จึงสั่งพี่เลี้ยงด้วยพลัน | แต่สายัณห์จงไปรับสียะตรา |
วันนี้ให้มานอนข้างใน | อิเหนาเขาจะไปเป็นทัพหน้า |
เพียงอะหนะมาอยู่พารา | ไม่คลาดเชษฐาสักราตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ก้มเกล้ารับราชเสาวนีย์ | ออกจากที่ตำหนักในไคลคลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงประเสบันอากง | จึงทูลองค์พระโอรสา |
พระเสาวนีย์ตรัสใช้ให้มา | เชิญไปไสยาที่ในวัง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราฟังพลางถวิลหวัง |
ให้พะวักพะวนพ้นกำลัง | จึงทูลสั่งพระเชษฐายาใจ |
น้องจะไปนอนด้วยพระมารดร | ภูธรอย่าทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ทูลพลางทางกอดพี่ยาไว้ | มิใคร่จะนิราศคลาดคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีกระซิบว่า |
ย่ำรุ่งพรุ่งนี้จะลีลา | เจ้าอย่าไปด้วยพระชนนี |
จงไปรถพี่นางบุษบา | แล้วมาขี่ม้ากับพี่ |
จะได้ชมพฤกษาบรรดามี | เที่ยวประพาสพนาลีสำราญใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราประนมบังคมไหว้ |
รับสั่งแล้วลีลาคลาไคล | เสด็จไปตำหนักพระชนนี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงสวัสดิ์รัศมี |
สถิตเหนือแท่นรัตน์รูจี | ครั้นสิ้นแสงสุริย์ศรีสนธยา |
ให้คิดถึงสียะตราหนึ่งหรัด | เคยชมโฉมโสมนัสเสนหา |
เชยต่างพี่นางบุษบา | วันนี้อนุชาจากไป |
พระจึงชวนสังคามาระตา | เข้าที่ไสยาพิสมัย |
บรรทมบนแท่นแก้วแววไว | สองกษัตริย์ชาญชัยก็นิทรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กล่อม
พัดชา
๏ เวลาเงียบสงัดกำดัดดึก | พระรู้สึกขึ้นแล้วก็คว้าหา |
ประสบองค์สังคามาระตา | พระราชาอุ้มสะพักใส่ตักไว้ |
กรเกี่ยวเกลียวกลมชมเชย | ตามเคยทุกวันไม่สงสัย |
พลางพลอดกอดจูบลูบไล้ | มิได้ลืมเนตรขึ้นแลดู ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ พอได้ยินสรวลขิกก็ได้คิด | จึงลืมเนตรขึ้นพิศอยู่เป็นครู่ |
เห็นสังคะมาระตาโฉมตรู | พระอดสูทิ้งลงเสียฉับพลัน |
ให้ขวยเขินสะเทินวิญญาณ์ | เอนองค์นิทราผินผัน |
คิดละอายฤทัยพระทรงธรรม์ | ทำบรรทมหลับนิ่งไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาอัชฌาสัย |
สรวลพลางทางปิดโอษฐ์ไว้ | ด้วยกลัวภูวไนยจะโกรธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา |
แต่ปฐมยามเวลา | ก็ตรวจเตรียมโยธาทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ จัดเป็นกระบวนพยุหบาตร | สำหรับประพาสป่าใหญ่ |
ปลายเชือกนั้นถือธงชัย | สอดใส่เสื้อแสดสีจันทน์ |
ทนายปืนพื้นเสื้อแดงสิ้น | เต้าชนวนเขนงดินคาดมั่น |
พลธนูหางไก่เกาทัณฑ์ | เสื้อม่วงเหมือนกันทั้งกอง |
ทหารดาบสองมือถือดาบ | ใส่เสื้อเขียวขาบกางเกงปล้อง |
เหล่าทวนล้วนถือนทวนทอง | เสื้อปัศตูตองต่อมา |
จัดทั้งรถทรงรถประเทียบ | ตั้งระเบียบเรียงรายทั้งซ้ายขวา |
พร้อมสรรพจัตุรงค์โยธา | คอยท่าเสด็จจรลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี |
ครั้นแสงทองส่องฟ้าธาตรี | เสด็จมาเข้าที่สรงชล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ให้พนักงานไขสุหร่ายทอง | เป็นละอองต้องกายดังสายฝน |
สำอางองค์ทรงเครื่องพระสุคนธ์ | ปรุงปนอำพันจันทน์ขจร |
สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด | ปักเป็นรูปราชไกรสร |
ภูษาโจงจีบจับซับซ้อน | ฉลององค์ทรงงอนงามพริ้ง |
ชายไหวชายแครงแพลงสะบัด | พาหุรัดทองกรกาบกิ่ง |
ทับทรวงตาบทิศวิจิตรจริง | ธำมรงค์ยงยิ่งล้วนพลอยเพชร |
ทรงมหามงกุฎกรรเจียกแก้ว | เพริศแพร้วดอกไม้ทัดตรัสเตร็จ |
ห้อยอุบะเพชรพรายขจายเม็ด | กุมกริชแล้วเสด็จจรลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี
ร่าย
๏ มาขึ้นเกยสุวรรณบรรจง | เสด็จทรงรถแก้วมณีศรี |
รถประไหมสุหรีเทวี | อีกรถมะเดหวีลำดับกัน |
แล้วรถระเด่นบุษบา | กับพระน้องสียะตราเฉิดฉัน |
รถสามมเหสีเรียงรัน | รถประเทียบกำนัลนารี |
เครื่องสูงชุมสายรายริ้ว | ธงทิวปลิวระยับสลับสี |
เสียงประโคมโครมครื้นปัถพี | ออกจากบุรีรีบมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา |
ให้ระเด่นดาหยนกับเสนา | ไปเป็นทัพหน้าภูวไนย |
พระยังบรรทมบรมสุข | อนุชาจะปลุกก็ไม่ไหว |
ต่อท้าวดาหายกไป | จึงตื่นจากที่ไสยาพลัน |
มิได้สระสรงคงคา | ทรงแต่ภูษาเฉิดฉัน |
ประดับเครื่องเรืองอร่ามพรายพรรณ | จรจรัลมาทรงมโนมัย |
ให้คิดกลัวองค์ศรีปัตหรา | จะว่าขัดบัญชาเป็นข้อใหญ่ |
ก็รีบขับอาชาคลาไคล | หลีกไปตามริมมรคา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ล่วงทัพจรกาซึ่งมาหลัง | จะไปยังกระบวนทัพหน้า |
ครั้นถึงรถกำนัลกัลยา | จึงรอม้าที่นั่งรั้งไว้ |
หวังจะแวะเข้ารับสียะตรา | จะได้เห็นบุษบาพิสมัย |
พระจึงสั่งให้เก็บดอกไม้ | ใส่พานส่งให้ประสันตา |
เอาไปให้พระน้องสองกษัตริย์ | หวังจะแจ้งรหัสที่กังขา |
สียะตรามาด้วยบุษบา | หรือมาด้วยองค์พระมารดร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตารับสั่งแล้วผันผ่อน |
รีบเดินเกินรถนางบังอร | ไปถึงรถพระมารดรทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงถามว่าพระกุมารเมืองดาหา | มารถพระมารดาหรือรถไหน |
ครั้นรู้ว่ามารถอรไท | จึงเมียงเข้าร่มไม้ริมมรรคา |
เห็นโฉมพระราชบุตรี | งามล้ำนารีในแหล่งหล้า |
พิศวงหลงไปไม่พริบตา | จนพานมาลานั้นเอียงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันพี่เลี้ยงเฉลยไข |
คนนี้มาแต่แห่งใด | จึงชูพานดอกไม้ตะลึงกาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาตกใจใจหาย |
ทูลว่ามาลามากมาย | หลายอย่างต่างต่างนานา |
พระเชษฐาประทานทั้งสององค์ | จำนงหฤทัยเป็นหนักหนา |
ให้รายเก็บสองข้างมรคา | จึงช้าอยู่ด้วยเก็บดอกไม้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตรายินดีจะมีไหน |
รับเอามาลามาเทไว้ | ส่งพานคืนให้ประสันตา |
แล้วแบ่งบุหงาคนละครึ่ง | จึงสั่งไปถึงพระเชษฐา |
ว่าข้ากับพี่บุษบา | บังคมบาทาพี่ยาไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเคืองขัดอัชฌาสัย |
จึงปัดบุหงาเสียทันใด | อรไทก็ตีอนุชา |
ข้าได้สั่งไปเมือไรเล่า | ได้ไหนเปล่าเปล่าเอามาว่า |
ช่างคิดประดิษฐ์เจรจา | ได้เชษฐาแล้วจะกลัวใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราโกรธพลางเฉลยไข |
สั่งไปเพียงนี้จะเป็นไร | ไม่ควรไหว้เจียวหรือจึงโกรธา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๖
๏ บัดนั้น | ประสันตาอภิวันท์หรรษา |
กลับมาพบองค์ราชา | ยิ้มแล้ววันทามาแต่ไกล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงทูลว่าพระน้อง | ทั้งสองยินดีจะมีไหน |
รับบุหงาแบ่งกันทันใด | สั่งว่าบังคมไหว้พระองค์มา |
ทูลแล้วก็ถอยไปทันที | ทำเกษมเปรมปรีดิ์เป็นหนักหนา |
จึงทูลสังคามาระตา | ทีนี้ตัวข้าไม่กลัวตาย |
ด้วยได้ไปเห็นนางสวรรค์ | ผิวพรรณผ่องเหมือนกับเดือนหงาย |
ใครยังไม่เห็นอย่าเพ่อตาย | เพริศพรายพ้นที่จะรำพัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๗
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีก็สรวลสันต์ |
นี่ชะรอยชาวป่าพนาวัน | ไม่เคยเข้าเขตขัณฑ์เวียงชัย |
ครั้นได้เห็นคนรูปงาม | ก็มีความพิศวงหลงใหล |
ชมชื่นตื่นรูปชาวใน | ด้วยไม่เคยเห็นเหมือนเช่นนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาทูลตอบพระโฉมศรี |
อันนางเหมือนอย่างพระบุตรี | ไม่เคยเห็นดังมีพระบัญชา |
ข้าน้อยนี้ชาวดงดอน | แต่เห็นชาวพระนครจะยิ่งกว่า |
ที่เคยเห็นอยู่เป็นอัตรา | แต่ว่าพานผอมครันไป |
ลืมเลยเสวยสรงหลับนอน | หรือฉุกใจทุกข์ร้อนเป็นไฉน |
เรานี้จะตั้งหน้าแต่อาลัย | เห็นจะไม่ได้กลับไปธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี |
จึงตอบประสันตาไปทันที | อันพี่ว่านี้ข้าเห็นจริง |
คืนนี้ตัวน้องไสยาสน์ | ก็ประหลาดแก่ใจไปทุกสิ่ง |
ต่อจะต้องอยู่ที่นี่จริง | เห็นยิ่งกว่าครั้งแต่หลังมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๘
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญก็หรรษา |
เอาดอกไม้ซัดต้องประสันตา | แล้วกะระตะม้าขึ้นไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ พญาเดิน
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดพิสมัย |
จึงเลือกทุกพรรณดอกไม้ | แต่ละเหล่ามิให้ปนกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตรากล่าวคำคมสัน |
ส่วนตัวเจ้าของสิชังกัน | ส่วนบุหงานั้นสิชอบใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๒๙
๏ เมื่อนั้น | บุษบาแค้นขัดอัชฌาสัย |
มิได้ว่าขานประการใด | อรไทตีเอาพระกุมาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ |
คะนึงถึงบุษบายุพาพาล | จึงขับม้าโผนผ่านพลมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ล่วงรถสาวสรรค์กำนัลใน | จะไปเข้ากระบวนทัพหน้า |
ครั้นใกล้รถระเด่นบุษบา | ก็ชักม้าถูกน้อยคอยที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี |
ได้ยินสุรเสียงพระภูมี | ก็เผยม่านรถมณีออกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเคืองขัดเป็นนักหนา |
ปิดม่านเข้าไว้มิได้ช้า | พระอนุชาก็เปิดออกทันใด |
ถ้อยทีถ้อยชิงกันไปมา | สียะตราจะฟังก็หาไม่ |
นางตีพระกุมารชาญชัย | ก็ครวญคร่ำร่ำไรโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสนหา |
จึงขับมโนมัยไคลคลา | ไปพ้นรัถานางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
ได้ยินเสียงลูกรักโศกี | จึงมีเสาวนีย์ตรัสไป |
เสียงอะหนะสียะตราหนึ่งหรัด | ใครทำให้แค้นขัดจึงร้องไห้ |
หรือใครว่าขานประการใด | จงไปถามดูบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
ทูลว่าสียะตราโศกี | วอนว่าจะขี่มโนมัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
จึงว่ารับมาด้วยก็เป็นไร | อย่าให้น้องร่ำไห้โศกา |
จงกลับไปรับมาฉับพลัน | ให้หายที่กันแสงหา |
ได้ขี่พาชีด้วยพี่ยา | จะปรีดาผาสุกสำราญใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีชอบอัชฌาสัย |
รับสั่งแล้วขับอาชาไนย | กลับไปรถระเด่นบุตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี |
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี | เห็นระเด่นมนตรีเสด็จมา |
จึงเปิดม่านทองออกเสียสิ้น | ร้องดิ้นจะออกไปหา |
มารับน้องด้วยพระพี่ยา | จะขี่ม้ากับองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมสันต์ |
ชักม้าเข้าเคียงรถสุวรรณ | พระเนตรนั้นดูนางไม่วางตา |
ง่าแต่พระหัตถ์เข้าไปชิด | หฤทัยให้คิดเสนหา |
ไม่รับต้ององค์อนุชา | คว้าม่านบ้างคว้าเปล่าไป |
สียะตรายึดข้อพระกรสั่น | จึงสำคัญคืนสมประดีได้ |
อุ้มองค์มาทรงอาชาไนย | ช้กม้าเคียงไปกับรถนาง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
มอญร้องไห้
๏ เมื่อนั้น | สียะตราเคืองข้องหมองหมาง |
สะอื้นอ้อนอาดูรทูลพลาง | พระพี่นางข่มเหงเป็นพ้นไป |
เวียนแต่ตีน้องถึงสามครา | จะมีโทษาก็หาไม่ |
เมื่อพระประทานดอกไม้ | ใช้ให้ประสันตาเอามา |
น้องสั่งว่าบังคมไป | จะผิดชอบกระไรนักหนา |
ตีน้องว่าเสกสรรจำนรรจา | ได้เชษฐาแล้วจะกลัวใคร |
เมื่อเลือกดอกไม้นั้นน้องว่า | ส่วนบุหงาของเขาสิรักใคร่ |
ไม่โต้ตอบตีน้องตามชอบใจ | แต่เผยม่านออกไปก็ตีเอา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร้องเชิด
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีโฉมเฉลา |
รับขวัญจูบพลางทางโลมเล้า | เจ้าอย่าโศกาจาบัลย์ |
เป็นเหตุทั้งนี้ก็เพราะพี่ | กลับไปบุรีจะทำขวัญ |
ว่าแล้วชักม้าเข้าอารัญ | เก็บพรรณดอกไม้นานา |
ชี้ชวนชมนกชมไม้ | แล้วรีบขึ้นไปทัพหน้า |
เข้าได้ในกระบวนยาตรา | พระเร่งอาชาคลาไคล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงใหญ่ |
ครั้นถึงที่ประทับพลับพลาชัย | ภูวไนยเกษมเปรมปรีดิ์ |
จึงชวนพระบุตรีโฉมยง | กับห้าองค์อัคเรศมเหสี |
พร้อมฝูงสาวสนมนารี | ภูมีเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสนหา |
จึงตรัสชวนระเด่นบุษบา | แม่จะพาไปสรงชลธี |
ว่าแล้วลงจากพลับพลาพลัน | พรั่งพร้อมกำนัลสาวศรี |
เถ้าแก่ชะแม่มากมี | ตามเสด็จเทวีคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงท้องธารธารา | เสียงชลฉานฉ่าชลาไหล |
ร่มรื่นพื้นพรรณมิ่งไม้ | ระบัดใบบังแสงทินกร |
มะเดหวีหยุดประทับยับยั้ง | ที่ริมฝั่งร่มไทรใบอ่อน |
จึงตรัสสั่งบุษบาบังอร | จะลงสรงสาครก็ตามใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาบังคมประนมไหว้ |
แล้วชวนสาวสรรค์กำนัลใน | เที่ยวประพาสเล่นไปตามลำธาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ |
แจ้งว่าบุษบายุพาพาล | ไปเล่นธารกับพระชนนี |
จึงชวนพี่เลี้ยงกับอนุชา | ลงจากพลับพลาชัยศรี |
นอกนั้นมิให้จรลี | ภูมีรีบเสด็จคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ดั้นดัดลัดเลี้ยวไปต้นธาร | หวังมิให้เยาวมาลย์สงสัย |
เก็บพรรณมาลีลอยลงไป | แล้วแฝงไม้มองดูเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง | ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี |
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ | ดังกินรีลงสรงคงคาลัย |
งามจริงพริ้งพร้อมทั้งสารพางค์ | ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน |
พิศพลางประดิพัทธ์กำหนัดใน | จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา |
ดูเดินดังดำเนินเหมราช | งามประหลาดเลิศล้ำเลขา |
พิศไหนให้เพลินจำเริญตา | พระราชาชมพลางทางถอนใจ |
ทั้งสังคามาระตาก็พิศวง | พระพี่เลี้ยงงวยงงหลงใหล |
มิได้ว่าขานประการใด | ตั้งแต่ดูไปไม่พริบตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
พระทอง
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดเสนหา |
เล่นกับสาวสรรค์กัลยา | ที่ในธาราวาริน |
ชิงกันเก็บพรรณดอกไม้ | อันลอยไหลมาตามกระแสสินธุ์ |
บ้างรายเก็บริมชลบนดิน | หอมตลบอบกลิ่นสุมามาลย์ |
ลางนางบ้างร้อยห้อยมวยผม | บ้างถือดมชมว่าหอมหวาน |
บ้างเก็บได้ใส่ตองรองพาน | มาถวายเยาวมาลย์พระบุตรี |
บ้างลงในท้องธารเที่ยวเก็บกรวด | ชูอวดเพื่อนนางว่าต่างสี |
บ้างเล่นไล่ไขว่คว้าในวารี | สรวลระริกซิกซี้แซ่ไป |
ลางนางขับขานประสานเสียง | เคล้าเคียงเพื่อนชอบอัชฌาสัย |
บ้างหยุดยั้งนั่งเล่นที่ร่มไม้ | สำราญใจเป็นสุขทุกกำนัล ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๐
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
อนุชากับสี่พี่เลี้ยงนั้น | ชวนกันหักกิ่งไม้มา |
จึงประดิษฐ์คิดต่อเป็นเรือนน้อย | กระจ้อยร่อยน่ารักเป็นนักหนา |
แล้วแกะเอาดินริมคงคา | ปั้นรูปกุมาราฉับพลัน |
จึงเขียนหนังสือให้ถือมา | ถึงระเด่นบุษบาสาวสวรรค์ |
ครั้นเสร็จเอาใส่ในเรือนนั้น | ทรงธรรม์ก็ลอยลงไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โล้
๏ แล้วพระบุกชัฏลัดหนี | มายังที่พลับพลาอาศัย |
เข้าห้องบรรทมภิรมย์ใจ | ให้ไขม่านกำบังดังนิทรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดเสนหา |
ครั้นเห็นเรือนน้อยลอยลงมา | กัลยาก็หยิบเอาขึ้นดู |
จึงเปิดประตูออกฉับพลัน | ในนั้นจะมีอะไรอยู่ |
เห็นรูปคนถือหนังสือชู | โฉมตรูก็วางเสียทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันครั้นเห็นก็สงสัย |
จึงหยิบเรือนมาดูด้วยแคลงใจ | ได้สารก็ถวายพระชนนี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
รับสารานั้นมาทันที | แล้วคลี่ออกทอดทัศนา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณ์นั้นว่าพระบิตุรงค์ | ให้องค์พระโอรสา |
ถือสารมาถวายพระมารดา | หวังว่าจะให้แจ้งความร้อน |
ยามกินกินทุกข์ทุกค่ำเช้า | ด้วยมิได้คลึงเคล้าสายสมร |
เมื่อไรได้แต่งการสยุมพร | จึงจะค่อยคลายร้อนอาวรณ์ใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๑
ร่าย
๏ มะเดหวีจึงตรัสไปพลัน | เราจะดูให้มั่นยังสงสัย |
พอเห็นสมันเดินมาแต่ไกล | จึงกวักเรียกไปให้เร็วมา |
สมันจงเดินขึ้นไปดู | ผู้ใดจะอยู่ที่ในป่า |
แล้วไปดูระตูจรกา | เวลานี้จะอยู่แห่งใด |
ทั้งองค์ระเด่นมนตรี | จะอยู่ที่พลับพลาหรือหาไม่ |
อย่าไปไต่ถามใครใคร | ดูให้เห็นประจักษ์แก่ตา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สมันได้ฟังก็หรรษา |
รับสั่งแล้วบังคมลา | เที่ยวไปในป่าพนาวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เห็นแต่รอยเท้าคนเดิน | เหยียบหญ้ายับเยินอยู่ที่นั่น |
ไม่เห็นสลักสำคัญ | สมันก็เร่งรีบไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ด้อมดูระเด่นมนตรี | เห็นรี้พลเสนีหลับใหล |
เงียบสงัดทั้งพลับพลาชัย | เขาห้ามว่าภูวไนยไสยา |
แล้วไปดูพลับพลาจรกาเล่า | เห็นเสนาเฝ้าอยู่แน่นหนา |
เจรจาบทที่ ๓๒ | |
สมันก็กลับคืนมา | ทูลแจ้งกิจจาทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๓
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีเคืองขัดอัชฌาสัย |
ทั้งนางสาวสรรค์กำนัลใน | ก็ปลงใจว่าระตูจรกา |
ต่างว่าเป็นน่าชังนัก | รูปชั่วต่ำศักดิ์แล้วมิสา |
ทั้งน้ำใจก็สมกับกายา | ดังว่าจะมิได้เป็นคู่เคล้า |
ยังแต่จะแต่งวิวาห์ให้ | ควรหรือทำได้ฉะนี้เล่า |
ตรัสแล้วชวนองค์นงเยาว์ | คืนเข้าสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา |
ครั้นบ่ายบังควรจวนเวลา | เสด็จมาสระสรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ สำอางองค์ทรงสุคนธ์ปนทอง | ให้หนุนเนื้อผิวผ่องประไพศรี |
นางในรำเพยพัชนี | ภูมีสองทรงสนับเพลา |
ภูษาเขียนทองท้องม่วง | ดอกดวงเชิงช่อฉลุเฉลา |
ฉลององค์ตาดเงินงามเงา | ชายแครงแสงเนาวรัตน์เรือง |
ทองกรแก้วกระหนาบกาบเก็จ | สังวาลเพชรแวววับประดับเนื่อง |
ตาบทิศทับทิมสีประเทือง | ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองรัตน์ |
ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนสุวรรณ | แก้วกุดั่นดอกไม้ไหวสะบัด |
พวงอุบะตันหยงทรงทัด | กุมกริชกรายหัตถ์จรจรัล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ ครั้นถึงเกยรัตน์ชัชวาล | พนักงานประโคมครื้นครั่น |
เสด็จทรงรถแก้วแพรวพรรณ | ให้เคลื่อนพลขันธ์ทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กลองโยน
โทน
๏ รถเอยรถแก้ว | มรกตเพริศแพร้วพรายสี |
เขียวขำอำไพรูจี | สำหรับขี่เข้าอรัญบรรพต |
กำกงวงดุมหุ้มทอง | เรืองรองล้วนพลอยมรกต |
แอกงอนอ่อนสวยชวยชด | บัลลังก์ลดบุษบกกระหนกกลาย |
เทียมด้วยพาชีสีเหลือง | ผูกเครื่องมรกตเฉิดฉาย |
เครื่องสูงคู่เคียงเรียงราย | ธงฉานธงชายโบกบน |
เสียงประโคมเซ็งแซ่แตรสังข์ | ฆ้องกลองก้องดังโกลาหล |
โพยมพยับอับแสงสุริยน | รีบพลเร่งราชรถไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ พระชมรุกขชาติที่ริมทาง | สูงสล้างแลระหงดงใหญ่ |
ร่มรื่นชื้นชัฏระบัดใบ | ลมพัดกิ่งไกวไปมา |
ลำดวนหวนหอมพะยอมแย้ม | พิกุลแกมแก้วเกดกฤษณา |
บ้างเผล็ดผลพวงดวงผกา | หล่นกลาดดาษดาพนาลี |
คณานกโบยบินมากินผล | เสียงพลครั่นครื้นก็ตื่นหนี |
อันมิ่งไม้บนเทินเนินคีรี | ท่วงทีดังดัดอยู่อัตรา |
พ่างพื้นปัถพีดังสีชาด | เดียรดาษด้วยพรรณบุหงา |
ชมพลางทางทรงรถมา | ยังวิลิศมาหราบรรพต ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงพลับพลาเชิงคิรี | จึงให้หยุดโยธีทั้งหมด |
ลงจากพระที่นั่งบัลลังก์รถ | ทรงยศเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา |
จึงกะเกณฑ์กันเป็นโกลา | ให้ตรวจตราระวังนั่งยาม |
ตั้งเป็นเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์ | รอบนั้นรายรั้วขวากหนาม |
ทั้งกองร้อยคอนตระเวนห้ามปราม | ทักถามผู้คนไปมา |
ตีเกราะเคาะไม้มี่ก้อง | ทุกกองเกณฑ์พิทักษ์รักษา |
ป้องกันอันตรายนานา | รอบราชพลับพลาพนาวัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน |
สถิตในพลับพลาอารัญ | ครั้งรุ่งสุริยันตรัสไตร |
จึงมีมธุรสพจนา | แก่ระเด่นบุษบาศรีใส |
ลูกรักของแม่ดังดวงใจ | เจ้าจะไปเที่ยวเล่นก็ตามที |
จะได้ชมสถานศาลเทวา | ลงสรงคงคาในสระศรี |
ประพาสพรรณบุหงาบรรดามี | แล้วจึงจรลีกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดเสนหา |
รับสั่งแล้วบังคมลา | ลงจากพลับพลารูจี |
พร้อมพระพี่เลี้ยงเหล่ากำนัล | ดังดาวล้อมจันทร์จำรัสศรี |
กรายกรเยื้องย่างจรลี | ฝูงอนงค์นารีก็ตามไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
ชมตลาด
๏ ครั้นถึงซึ่งศาลเทพารักษ์ | เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์อาศัย |
แม้นธานีมีเหตุเภทภัย | ก็บวงบนเทพไททุกครั้ง |
ศาลนั้นชั้นเชิงสนุกนัก | ฉลุฉลักลายงามทั้งสามหลัง |
ทองหุ้มซุ้มทวารบานบัง | มีบัลลังก์ตั้งรูปอารักษ์ไว้ |
ริมรอบขอบเขตอารามนั้น | มีระเบียงสามชั้นกว้างใหญ่ |
พื้นผนังหลังคาพาไล | แล้วไปด้วยสุวรรณบรรจง |
สถลมาศลาดล้วนศิลาเลี่ยน | แลเตียนไม่มีธุลีผง |
ที่สถานลานวัดจังหวัดวง | บรรจงปรายโปรยโรยทราย |
รุกขชาติดาษดาน่าชม | รื่นร่มใบบังสุริย์ฉาย |
ชวนพี่เลี้ยงเที่ยวเล่นเย็นสบาย | กำนัลนางทั้งหลายก็ปรีดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจาบทที่ ๓๔
ร่าย
๏ ครั้นสายแสงสีรวีวร | ทินกรเกือบกึ่งเวหา |
จึงชวนสาวสรรค์กัลยา | ลีลาลงสู่ท่าชลธาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
พระทองหวน
๏ นางจึงสรงสนานในสระศรี | กับกำนัลนารีเกษมศานต์ |
หอมกลิ่นโกสุมปทุมมาลย์ | อายอบชลธารขจรไป |
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา | ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว |
นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร | ตูมตั้งบังใบอรชร |
ดอกขาวเหล่าแดงสลับสี | บานคลี่ขยายแย้มเกสร |
บัวเผื่อนเกลื่อนกลาดในสาคร | บังอรเก็บเล่นกับนารี |
นางทรงหักห้อยเป็นสร้อยบัว | สวมตัวกำนัลสาวศรี |
แล้วปลิดกลีบปทุมมาลย์มากมี | เทวีลอยเล่นเป็นนาวา |
ลางนางบ้างกระทุ่มน้ำเล่น | บ้างโกรธว่ากระเซ็นถูกเกศา |
บ้างว่ายน้ำแซงแข่งเคียงกันไปมา | เกษมสุขทุกหน้ากำนัลใน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๕
ร่าย
๏ สรงเสร็จเสด็จทรงเครื่อง | ย่างเยื้องจากฝั่งสระใหญ่ |
เที่ยวเล่นริมธารสำราญใจ | ชมพรรณดอกไม้นานา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ปะหลิ่ม
๏ ชวนฝูงอนงค์นางรำฟ้อน | ทอดกรกรีดกรายซ้ายขวา |
งามงอนอ่อนจริตกิริยา | ดังกินราลงเล่นชลธาร |
แล้วร้องเรื่อยรับขับครวญ | โหยหวนสำเนียงเสียงประสาน |
บ้างเก็บโกสุมตูมบาน | มะลิดกทุกก้านกิ่งกอ |
กำนัลในไล่เก็บชิงกัน | ที่ไปไม่ทันก็ตามขอ |
บ้างเคล้าเพื่อนอยู่หลังรั้งรอ | บ้างเก็บได้ใส่ห่อผ้าห่มมา |
ลางนางบ้างชวนกันเล่นไล่ | ซ่อนซุ่มพุ่มไม้แล้วไปหา |
บ้างร้องหวีดวิ่งชิงชี้ฟ้า | สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ แมลงภู่ทอง เจรจาบทที่ ๓๖
ร่าย
๏ แล้วหยุดนั่งยังแผ่นศิลาลาด | เตียนสะอาดใต้ร่มโศกใหญ่ |
จึ่งสั่งสาวสรรค์กำนัลใน | ใครเก็บดอกไม้ได้ให้เอามา |
เราจะทำบุหงารำไป | ยังขาดสิ่งไรให้เร่งหา |
จะได้ไปถวายเทวา | ให้ทันในเวลาเย็นนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมู่นางกำนัลสาวศรี |
ได้ดอกไม้มาด้วยยินดี | ถวายพระบุตรีทันใด |
แล้วชวนกันเลือกบุหงา | ที่กลิ่นกล้ารื่นรสสดใส |
ก็ได้ถ้วนทุกพรรณดอกไม้ | แต่ปะหนันยังไม่ได้มา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางยุบลค่อมทาสา |
ครั้นแจ้งรับสั่งพระธิดา | ก็ชวนฝูงกัลยาเพื่อนกัน |
ลดเลี้ยวเที่ยวบุกไปทุกแห่ง | แลลอดสอดแสวงดอกปะหนัน |
พลางเก็บผลไม้ในไพรวัน | เลี้ยวลัดดัดดั้นเดินไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ นางยุบลบานจิตคิดเพลิน | หลงไปตามเนินเขาใหญ่ |
ครั้นเหลียวหลังมาไม่เห็นใคร | ก็ตระหนกตกใจเป็นสุดคิด |
จะกลับมาก็ไม่รู้แห่งทาง | ความกลัวปิ้มปางจะดับจิต |
ทีนี้เห็นจะตายวายชีวิต | สุดคิดก็ร่ำโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๗
ปีนตลิ่งใน
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา |
สถิตยังสุวรรณพลับพลา | กับพี่เลี้ยงเสนาทั้งนั้น |
พระแสนระลึกตรึกคะนึง | ถวิลถึงบุษบาสาวสวรรค์ |
ให้เร่าร้อนอุราจาบัลย์ | ดังเพลิงกัลป์ลามลนสกนธ์กาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
หรุ่ม
๏ จะใคร่ไปชมศาลเทวา | ให้พาใจเศร้าบรรเทาหาย |
จึ่งเสแสร้งแกล้งชวนพระน้องชาย | กับพี่เลี้ยงสี่นายผู้ร่วมใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ พร้อมหมู่แสนสุรเสนี | จากที่พลับพลาอาศัย |
ไม่เสด็จโดยทางที่คลาไคล | ภูวไนยดั้นดัดลัดมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ชมตลาด
๏ มาถึงอารามพนาเวศ | ที่ประเทศแทบเชิงภูผา |
พื้นปราบราบรื่นล้วนศิลา | พฤกษาร่มแสงพระอาทิตย์ |
อันซุ้มทวาราแลปราการ | ล้วนแล้วแก้วประพาฬไพจิตร |
เจดีย์วิหารดังนิรมิต | แกล้งประดิษฐ์รูปสัตว์อัดเมียง |
กระหนกกลายลายจำหลักเครือขด | มุขลดหน้าบันชั้นเฉลียง |
ปลูกไม้ดอกผลรอบเรียง | มีระเบียงสามชั้นบรรจง |
ชมพลางพระทางคะนึงใน | หวั่นหวั่นฤทัยพิศวง |
คิดถึงบุษบาโฉมยง | พระเดินดัดลัดลงเลียบมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
ร่าย
๏ ชวนองค์อนุชาพาประพาส | ชมพรรณรุกขชาติที่เชิงผา |
พอได้ยินเสียงโศกา | พระตรึกตราประหลาดหลากใจ |
หยุดยั้งฟังศัพท์สำเนียงนั้น | สำคัญทีทางไม่สงสัย |
จึ่งห้ามคนทั้งปวงไว้แต่ไกล | แล้วเสด็จคลาไคลดำเนินมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งเห็นทาสี | โศกีร่ำไรอยู่ในป่า |
จึ่งซักไซ้ไต่ถามกิจจา | เอ็งมาร้องไห้อยู่ไย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางยุบลโศกาน้ำตาไหล |
ครั้นเห็นพระองค์ผู้ทรงชัย | ความที่ดีใจเป็นสุดคิด |
บังคมก้มกราบกับบาทา | ดังอมฤตฟ้ามายาจิต |
ทีนี้จะรอดชีวิต | ทูลแถลงแจ้งกิจทุกประการ |
ข้าน้อยมาตามพระบุตรี | บัดนี้ยังเสด็จอยู่ที่ศาล |
สั่งให้เที่ยวเก็บสุมามาลย์ | จะสักการอารักษ์ฤทธิรณ |
ข้ามาเก็บปะหนันหลงอยู่ | จะกลับไปก็ไม่รู้แห่งหน |
พระช่วยไว้อย่าให้วายชนม์ | นางยุบลวิงวอนไปมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๘
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา |
จึ่งว่าเราจะช่วยชีวา | จงให้กติกาสัญญาไว้ |
ถ้าทำตามคำเราได้มั่นคง | จะพาลงจากเนินเขาใหญ่ |
อันสิงสัตว์ในป่าพนาลัย | หยาบคายร้ายใช่พอดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๙
๏ บัดนั้น | นางยุบลค่อมท่าสี |
ความกลัวเป็นพ้นพันทวี | อัญชลีสนองพระวาจา |
แม้นพระเมตตาพาส่ง | ให้ลงจากเนินภูผา |
จะบรรหารประการใดมา | ไม่แข็งขัดวัจนาภูวไนย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉลยไข |
เอ็งอยู่นี่ก่อนอย่าร้อนใจ | เราไปไม่ช้าจะมาพลัน |
สั่งเสร็จเสด็จลีลา | แลลอดสอดหาดอกปะหนัน |
ลงจากอารามเชิงเขานั้น | จรจรัลไปริมธารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ได้บุหงาปะหนันทันใด | ภูวไนยลิขิตด้วยนขา |
เป็นอักษรทุกกลีบมาลา | แล้วกลับคืนมายังคิรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปใกล้ | แล้วส่งดอกไม้ให้ทาสี |
เอ็งเร่งเอาไปจงดี | อย่าให้ผิดที่สัญญาไว้ |
แม้นใครถามว่าได้ไหนมา | เอ็งอย่าบอกแจ้งแถลงไข |
จำเพาะส่งแต่องค์อรไท | แล้วเร่งหลีกออกไปเสียให้พ้น |
สั่งพลางทางพายุบลค่อม | เดินอ้อมแอบไม้ในไพรสณฑ์ |
ลงจากเชิงผาอารญ | จรดลดั้นดัดลัดมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นใกล้ถึงซึ่งศาลเทเวศร์ | แฝงไม้นัยน์เนตรชำเลืองหา |
แลเห็นระเด่นบุษบา | นั่งเลือกมาลากับนารี |
จึ่งชี้บอกยุบลทันใด | มาใกล้พวกเพื่อนอึงมี่ |
เอ็งอย่าลัดลงตรงนี้ | ไปที่อื่นก่อนจึ่งย้อนมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนางยุบลทาสา |
บังคมก้มกราบกับบาทา | แล้วแฝงกายาคลาไคล |
ลัดเดินตามเนินเขานั้น | มิให้เพื่อนกันสงสัย |
แอบอ้อมด้อมเดินเข้าไป | ชูแต่ดอกไม้ไม่พาที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบามารศรี |
นั่งปลิดบุหงามาลี | กับพี่เลี้ยงนารีกำนัล |
เหลือบไปเห็นนางยุบลค่อม | เดินด้อมชูดอกปะหนัน |
ดีใจถามไปด้วยพลัน | บุหงานั้นได้ไหนมาให้เรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางยุบลบังคมก้มเกล้า |
ถวายดอกลำเจียกแก่นงเยาว์ | แล้วหลีกเหล่ากำนัลหนีมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาเสนหา |
ปลิดกลีบปะหนันมิทันช้า | เห็นสาราก็อ่านทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณ์นั้นว่าจรกา | รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี |
ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์ | ดูไหนไม่มีจำเริญใจ |
เกศานาสิกขนงเนตร | สมเพชพิปริตผิดวิสัย |
เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป | รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร |
เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่ | ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน |
ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์ | มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา |
แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย | อย่ามีคู่เลยจะดีกว่า |
พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา | หรือวาสนาน้องจะต้องกัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสาร | เยาวมาลย์เคืองขุ่นหุนหัน |
จึ่งฉีกที่มีหนังสือนั้น | ทิ้งลงเสียพลันทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลที่นั่งใกล้ |
จึ่งชวนกันเก็บเอาดอกไม้ | มาใส่แซมมวยด้วยพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งโฉมนวลนางบาหยัน |
ว่าแก่พี่เลี้ยงทั้งสามนั้น | ดอกปะหนันนี้เห็นจะรำคาญ |
เดิมทีสิให้แสวงหา | ครั้นได้มาไม่เป็นแก่นสาร |
เห็นทรงเพ่งพิศอยู่ช้านาน | น่าจะมีเหตุการณ์สิ่งใด |
จึ่งเรียกเอาบุหงามาติดต่อ | เป็นกลีบแต่พออ่านได้ |
เห็นความประจักษ์แจ้งไม่แคลงใจ | มิใช่ใครอื่นอย่าสงกา |
ระเด่นมนตรีกุเรปัน | แม่นมั่นแก่ใจเป็นหนักหนา |
ทำไมจึ่งรู้ว่ากัลยา | ให้หาลำเจียกจะต้องการ |
ช่างเสาะหามาได้ดังประสงค์ | แล้วส่งมาต่างราชสาร |
นางค่อมไปไหนจึ่งพบพาน | ได้วานเป็นทูตถือมา |
ว่าแล้วจึ่งสั่งนางกำนัล | เจ้าจงชวนกันไปเที่ยวหา |
ข้าจะใคร่แจ้งกิจจา | มาแล้วหลบหน้าไปแห่งใด ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่ |
แย้มสรวลแล้วชวนกันไป | เที่ยวหาแห่งใดไม่พบตัว |
ค้นทั้งรอบวัดแลวิหาร | ที่สถานเทวาก็หาทั่ว |
บ้างว่าอาจใจช่างไม่กลัว | บ้างหัวบ้างโกรธโกรธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๐
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา |
เห็นกำนัลผ่อนกันออกมา | บ้างดูมาลาที่ให้ไป |
อันระเด่นบุษบาโฉมยง | จะทรงเลือกบุหงาก็หาไม่ |
ดูบุหรงอันลงจับไม้ | พระจะใคร่ให้นางเห็นกาย |
จึ่งดำเนินเดินผ่านออกมา | จะให้สบนัยนาโฉมฉาย |
ครั้นนางไม่เห็นก็อุบาย | เยื้องกรายฉายกริชอันฤทธี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กลอง
๏ แสงกริชแวววาบปลาบมา | ดังสายฟ้าต้องเนตรมารศรี |
นางร้องสุดเสียงเทวี | สลบลงกับที่ทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอก
๏ แล้วพระบุกชัฏลัดป่า | หนีมาตามเนินเขาใหญ่ |
ไปยังพหลพลไกร | เข้าในวัดเชิงเขานั้น ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ไม่มีขวัญ |
เข้าอุ้มองค์อรไทไว้พลัน | ฝูงกำนัลตระหนกตกใจ |
บ้างเอาน้ำลูบพักตรา | แล้วเอาสุคนธามาทรงให้ |
นางค่อยคลีคลายสบายใจ | แต่ยังมิได้พาที |
พระพี่เลี้ยงบังคมทูลถาม | เป็นไฉนโฉมงามของพี่ |
จึ่งร้องสุดเสียงไม่สมประดี | สลบลงดังนี้ด้วยอันใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาจึ่งแจ้งแถลงไข |
น้องดูบุหรงก็งงไป | มิได้แจ้งเหตุอันตราย |
เห็นแต่แสงปลาบวาบมา | วิญญาณ์หวาดหวั่นขวัญหาย |
สุดที่จะดำรงทรงกาย | ด้วยแสงสายมาต้องนัยนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงตริตรึกปรึกษา |
อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา | กับลักษณ์ในบุหงาอันเดียวกัน |
แล้วจึ่งทูลเตือนพระบุตรี | ตะวันบ่ายชายสีสุริย์ฉัน |
จวนเวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ขอเชิญขวัญเมืองแม่เสด็จไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาศรีใส |
จึงพาฝูงอนงค์นางใน | กลับไปยังสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา |
ยับยั้งนั่งเล่นที่ศาลา | ถวิลถึงบุษบาเทวี |
เย็นนี้จะขึ้นมาบนกุหนุง | พระหมายมุ่งจะใคร่พบโฉมศรี |
ครั้นจะกลับพลับพลาก็ไม่ดี | เหมือนแกล้งตามเทวีทั้งไปมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เล่นพลางทางดูทินกร | เมื่อไรจะอ่อนหย่อนแสงกล้า |
พระเสแสร้งแกล้งชวนอนุชา | พูดเล่นเจรจาสำราญใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๑
๏ บัดนั้น | เสนากิดาหยันน้อยใหญ่ |
บรรดาที่ตามเสด็จไป | อยู่ในหน้าวิหารลานวัด |
บ้างตั้งวงลงเตะตะกร้อเล่น | เพลาเย็นแดดร่มลมสงัด |
ปะเตะโต้คู่กันสันทัด | บ้างถนัดเข่าเดาะเป็นน่าดู |
ที่หนุ่มหนุ่มคะนองเล่นจ้องเต | สรวลเสเฮฮาขึ้นขี่คู่ |
บ้างรำอย่างชวามลายู | เป็นเหล่าเหล่าเล่นอยู่บนคิรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
จึงปรึกษาพี่เลี้ยงผู้ภักดี | อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา |
องค์ระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็เห็นผูกพันอยู่หนักหนา |
จะได้ข้างอิเหนาหรือจรกา | เป็นน่าสนเท่ห์หฤทัย |
จะไปไหว้พระปฏิมากร | เห็นจะแก้ความร้อนของเราได้ |
เสี่ยงดูให้รู้แจ้งใจ | ว่าจะได้ข้างไหนเป็นมั่นคง |
ตรัสพลางทางชวนพระธิดา | ลงจากพลับพลาอันสูงส่ง |
พรั่งพร้อมกำนัลนางอนงค์ | เสด็จตรงขึ้นไปบนคิรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงเนินผาศิลาลาด | เห็นพวกชายเกลื่อนกลาดอึงมี่ |
หยุดอยู่แล้วมีเสาวนีย์ | ให้สาวศรีไปขับเสียฉับพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๒
๏ บัดนั้น | สาวใช้รับสั่งแล้วผายผัน |
วิ่งพลางร้องไปว่าใครนั้น | มาเล่นนี่นันอยู่ดังนี้ |
พระประเทียบจะเสด็จขึ้นมา | อย่าช้าจงไปเสียจากที่ |
ชาวไหนมาชมคิรี | สนธยาราตรียังไม่ไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
จึงขับโยธาเสนาใน | วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง |
พระโฉมยงกับองค์อนุชา | ประสันตาผู้ร่วมฤทัยหวัง |
วิ่งเข้าในวิหารซ่อนบัง | แอบหลังพระปฏิมากร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีสมร |
กับระเด่นบุษบาบังอร | ก็พากันบทจรจรลี |
มาถึงศาลาริมอาราม | จึงตรัสห้ามกำนัลสาวศรี |
ให้หยุดยั้งนั่งอยู่แต่นอกนี้ | อย่าจรลีตามเราเข้าไป |
ให้แต่สี่พี่เลี้ยงกัลยา | เชิญเครื่องบูชาเข้ามาให้ |
สั่งพลางนางเสด็จคลาไคล | เข้าในวิหารพระปฏิมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ครั้นถึงจึงถวายนมัสการ | อธิษฐานตามความปรารถนา |
แล้วจึงจุดเทียนมิทันช้า | กัลยาออกนามตามจำนง |
เล่มหนึ่งเทียนระเด่นบุษบา | ปักลงตรงหน้านวลหง |
เล่มหนึ่งเทียนอิเหนาสุริย์วงศ์ | ปักลงเบื้องขวาเทวี |
เล่มหนึ่งเทียนท้าวจรกา | อยู่เบื้องซ้ายบุษบามารศรี |
เทียนทองทั้งสามเล่มนี้ | ขอจงเป็นที่เสี่ยงทาย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วมีเสาวนีย์อันสุนทร | ตรัสสอนพระบุตรีโฉมฉาย |
เจ้าอย่าขวยเขินสะเทินอาย | จงเสี่ยงทายอธิษฐานด้วยวาจา |
แม้นเจ้าจะได้ข้างไหนแน่ | ให้ประจักษ์ทักแท้จงหนักหนา |
แม้นจะได้ข้างระตูจรกา | ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป |
แม้นจะได้ข้างอิเหนากุเรปัน | ให้รัศมีเพลิงนั้นแจ่มใส |
ให้เทียนจรกาดับทันใด | ขอให้เห็นประจักษ์บัดนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาประณตบทศรี |
จึงทูลสนองพระชนนี | ลูกนี้อดสูเป็นพ้นไป |
จะให้ว่าเหมือนคำพระมารดา | ลูกจะกล่าววาจากระไรได้ |
นางนิ่งขวยเขินสะเทินใจ | อรไทบิดพลิ้วไปมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสนหา |
กับสี่พี่เลี้ยงกัลยา | ปลอบนางบุษบายุพาพาล |
เราอยู่ด้วยกันแต่เท่านี้ | ไม่มีใครมาในวิหาร |
จำแข็งใจกล่าวพจมาน | จึงจะได้แจ้งการที่เดือดร้อน |
จงตั้งจิตอธิษฐานด้วยวาจา | กัลยาจงฟังแม่สั่งสอน |
อภิวันท์ปัญจางค์ชลีกร | ดวงสมรของแม่จงว่าไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๓
๏ เมื่อนั้น | บุษบาบังคมประนมไหว้ |
จำเป็นกล่าวคำด้วยจำใจ | ว่าไปตามคำพระมารดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา |
ได้ฟังมธุรสพจนา | จึงตอบวาจาไปพลัน |
อันนางบุษบานงเยาว์ | จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น |
จรกาใช่วงศ์เทวัญ | แม้นได้ครองกันจะอันตราย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๔
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีโฉมฉาย |
กับพี่เลี้ยงไม่แจ้งแห่งอุบาย | ก็ตื่นตายยินดีเป็นพ้นนัก |
เกิดมาไม่ได้ยินใครลือเล่า | พระเป็นเจ้ากล่าวคำให้ประจักษ์ |
ชะรอยว่าบุญของลูกรัก | เห็นเที่ยงแท้นักไม่สงกา |
ต่างคนยอกรบังคม | นบนิ้วประนมเหนือเกศา |
มะเดหวีจึงมีวาจา | ตอบพระปฏิมาไปทันใด |
ซึ่งพระองค์ตรัสมาทั้งนี้ | ข้าบาทยังมีความสงสัย |
ด้วยอิเหนามิได้ชอบใจ | จึงเกิดเหตุเภทภัยดังนี้ |
เขาไปเลี้ยงระเด่นจินตะหรา | นางร่ำ่พรรณนาเป็นถ้วนถี่ |
พระปฏิมามิได้พาที | มะเดหวีจึงว่าแก่บุษบา |
แม่ทูลเท่าไรไม่ตอบถ้อย | ชะรอยบุญแม่น้อยเป็นนักหนา |
ลูกรักจงกล่าววาจา | ให้เหมือนแม่ว่าทุกสิ่งไป ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดพิสมัย |
บังคมก้มพักตร์ละอายใจ | แล้วทูลไปเหมือนคำพระมารดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์พงศ์อสัญแดหวา |
จึงตอบคำไปมิได้ช้า | จินตะหราใช่วงศ์เทวัญ |
อิเหนากับบุษบาโฉมยง | เป็นวงศ์เทวากระยาหงัน |
วาสนาเขาเคยคู่กัน | ที่จะมิรักนั้นอย่าสงกา |
บัดนี้ตามมาถึงคิรี | ก็เพราะมีใจแสนเสนหา |
ว่าพลางทางต้อนค้างคาวมา | ธูปเทียนชวาลาก็ดับไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ พระจึงย่องมานั่งลงข้างข้าง | กลัวจะผิดตัวนางยังสงสัย |
ต่อได้ยินสุรเสียงทรามวัย | พระลูบไล้ประคองต้องกาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษบาอกสั่นขวัญหาย |
กอดชนนีไว้ไม่เคลื่อนคลาย | มือชายมาถูกลูกนี้ |
นางสะบิ้งสะบัดปัดป้อง | หวาดหวีดกรีดร้องอึงมี่ |
มืดมนเป็นพ้นพันทวี | พระชนนีจงช่วยลูกด้วยรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสนหา |
สำคัญว่าองค์พระปฏิมา | หยอกนางบุษบาทรามวัย |
จึงห้ามว่าอย่าร้องครื้นเครง | แม่ต้องตัวเจ้าเองว่าอยู่ไหน |
ใครจะสามารถอาจใจ | ล่วงเข้ามาได้ในนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ได้ยินสุรเสียงพระบุตรี | สาวศรีคิดแปลกประหลาดใจ |
ต่างคนคลานคลำหาเทียน | วนเวียนไปมาไม่หาได้ |
พบแต่ข้าวตอกดอกไม้ | ซ่าเหง็ดได้เทียนแล้วจุดมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา |
เห็นแสงไฟแต่ไกลก็ลีลา | จากองค์กัลยามาพลัน |
เข้าแอบอยู่หลังพระปฏิมา | นัยนาแลลอดรับขวัญ |
ก่นแต่ตกใจอยู่อย่างนั้น | ไม่สำคัญว่าพี่รักนางเทวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางซ่าเหง็ดสาวศรี |
มาถึงจึงเอาอัคคี | ถวายพระชนนีบังอร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีสมร |
ก้มเกล้าดุษฎีชลีกร | แล้วสอนบุษบาให้ทูลไป |
ว่าอิเหนามาตามด้วยความรัก | ข้อนี้ไม่ประจักษ์ยังสงสัย |
ซึ่งมาจากหมันหยาเวียงชัย | เพราะดาหามีภัยจึงไคลคลา |
หวังจะช่วยรณรงค์สงคราม | มิใช่มาด้วยความเสนหา |
นี่แวะมาไหว้พระปฏิมา | แล้วจะไปหมันหยาธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
จึงสนองพจนาพาที | แม้นเทวีมิเชื่อวาจา |
แต่นี้อย่ามาบูชาเรา | ยังเขาวิลิศมาหรา |
ว่าพลางกระซิบสั่งประสันตา | กับองค์อนุชาภูธร |
ทีนี้พี่จะออกไปใหม่ | เจ้าเร่งไล่ค้างคาวอย่าหยุดหย่อน |
กว่าพี่จะกลับบทจร | ว่าแล้วก็ต้อนค้างคาวไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ ไฟดับมืดมนอนธการ | ในวิหารหาเห็นกันไม่ |
พระจึงค่อยย่องคลาไคล | ออกไปยังองค์พระบุตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โอบอุ้มนงลักษณ์ใส่ตักไว้ | ลูบไล้ปทุมทองผ่องศรี |
นาสาสูบรสสุมาลี | หอมกลิ่นเทวีฟุ้งขจร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาดวงสมร |
สุดคิดที่จะปล้ำปลิดกร | บังอรร้องอึงคะนึงไป |
พระชนนีจงช่วยลูกด้วยรา | ชะรอยพระพี่ยาเข้ามาได้ |
ข่มเหงลูกนี้เป็นพ้นไป | จะหยิกข่วนเท่าไรไม่นำพา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีตกใจเป็นนักหนา |
ใช้นางประเสหรันกัลยา | จงไปจุดเทียนมาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประเสหรันพี่เลี้ยงโฉมศรี |
จึงวิ่งไปพลันทันที | แล้วจุดอัคคีมาฉับไว ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงทวาราก็เพลิงดับ | จึงกลับไปจุดมาใหม่ |
ถึงสามทีแล้วไม่ได้ไฟ | ด้วยค้าวคาวบินไปบินมา |
พอเหลียวไปเห็นปล้องไม้ | วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา |
จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา | แฝงตัววิ่งพาเข้ามาพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงเปิดอัคคี | เห็นระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น |
บุษบาเคลื่อนองค์ลงทัน | อิเหนานั้นยังยุดพระกรไว้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีเคืองขัดอัชฌาสัย |
จึงว่าแก่ระเด่นมนตรีไป | เป็นไฉนมาทำอหังการ์ |
ลบหลู่ดูหมิ่นเป็นพ้นนัก | องอาจราชศักดิ์เป็นหนักหนา |
แต่เราเป็นผู้ใหญ่กำกับมา | ยังว่าทำได้ถึงเพียงนี้ |
ฮึกฮักหักหาญไม่คิดกลัว | ถือตัวว่ามีศักดิ์ศรี |
จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี | เห็นดีแล้วหรือประการใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีก็แก้ไข |
ทูลสนองพระชนนีไป | ลูกมิได้องอาจอหังการ์ |
อันนางบุษบาบังอร | พระบิดรได้ยกให้แก่ข้า |
แต่ยังเยาว์อยู่ด้วยกันมา | พระมารดาก็แจ้งอยู่ด้วยกัน |
หักหาญเอาไปให้ระตู | สุดรักสุดรู้จะอดกลั้น |
สู้ตายไม่เสียดายชีวัน | จะทราบถึงทรงธรรม์ก็ตามที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะเดหวี |
จึงตอบคำระเด่นมนตรี | เจ้าว่าได้ด้วยมีศักดา |
แต่เยาว์มานั้นได้ตุนาหงัน | เพราะร่วมวงศ์พงศ์พันธุ์อสัญหยา |
จึงทำตามจารีตบุราณมา | หวังมิให้วงศาอื่นปน |
ครั้นจำเริญวัยขึ้นทั้งสอง | ท้าวปองจะปลูกให้เป็นผล |
นัดจะแต่งวิวาห์มงคล | กุศลไม่เคยคู่กับนัดดา |
เจ้าตัดมาว่าไม่เลี้ยงเทวี | ให้มีคู่เถิดตามปรารถนา |
การจึงขาดกันแต่นั้นมา | ทรงธรรม์ก็ไม่ว่าประการใด |
ครั้นข้างจรกามากล่าว | สมพระทัยท้าวจึงยกให้ |
เจ้ามาทำหยาบหยามเอาตามใจ | แกล้งจะให้ได้ความอัประมาณ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสนองสาร |
ซึ่งว่าลูกสลัดตัดรอนราน | ไม่เลี้ยงเยาวมาลย์เหมือนว่านี้ |
คือใครที่ได้ถือสาร | มาว่าขานจึงทราบบทศรี |
พระมารดาได้ไหนมาพาที | จงชี้ความชั่วเอาตัวมา |
อันนางนี้สิเป็นของลูก | รักใคร่พันผูกนักหนา |
พระชนนีว่าของจรกา | ก็ให้ตัวขึ้นมาชิงชัย |
แม้นแพ้แลจึงจะส่งนาง | บัดนี้ที่จะวางอย่าสงสัย |
ชวนกันข่มเหงไม่เกรงใจ | เอาเมียเขาไปให้จรกา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๕
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสนหา |
ได้ฟังเร่าร้อนในอุรา | สุดปัญญาที่จะหย่อนผ่อนลง |
อิเหนานั้นก็ดันดึงไป | ไม่วางนางให้ดังประสงค์ |
แม้นรู้ถึงท้าวทั้งสององค์ | ก็จะทรงพระโกรธดังเพลิงกาฬ |
จะปลอบวอนโดยดีดีกว่า | อย่าให้กิจจานี้ฟุ้งซ่าน |
คิดแล้วจึงกล่าวพจมาน | กระนี้หรือหลานว่ารักน้อง |
ฝูงคนรู้ไปจะได้อาย | ทั้งจะขายบาทาท้าวทั้งสอง |
ถ้าจะใคร่ได้ดังใจปอง | ค่อยตริตรองให้ปรกติกัน |
แม้นรักอย่าให้น้องได้อาย | แม่จะช่วยเบี่ยงบ่ายผ่อนผัน |
เห็นจะสมดังจิตที่คิดนั้น | อันจะทำดึงดันไปดังนี้ |
ก็จะทรงพระโกรธมากไป | ที่ไหนจะได้นางโฉมศรี |
เจ้าจงตรึกดูให้ชอบที | สุดแท้แต่ดีด้วยกัน ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
คิดเอ็นดูบุษบาลาวัณย์ | จึงคาดคั้นเอาคำพระมารดร |
จงให้สัตย์ปฏิญาณแก่ลูกรัก | จำเพาะพักตร์พระปฏิมาก่อน |
แม้นรับจะให้ได้บังอร | จะวางกรอรไทให้ไคลคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๖
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีจนใจเป็นหนักหนา |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงกัลยา | จำรับวาจาด้วยจำใจ |
แม่จะทูลเบี่ยงบ่ายให้หายโกรธ | พระจะเคืองคุมโทษไปถึงไหน |
จะผันผ่อนวอนว่าภูวไนย | สุดแต่จะให้ได้แก่เจ้านี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๗
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศรี |
ดังได้ผ่านฟ้าดุษฎี | จึงทูลพระชนนีไปทันใด |
พระองค์ได้รับวาจา | จะวางนางบุษบาไปให้ |
จะขอเปลี่ยนอาภรณ์บังอรไว้ | จะได้ชมพลางต่างกัลยา |
ว่าแล้วจึงเปลื้องเครื่องทรง | ยื่นให้แก่องค์ขนิษฐา |
บุษบาเบือนเสียไม่นำพา | ยุดพระมารดาไว้มั่นคง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์สูงส่ง |
จึงเปลื้องเครื่องพระบุตรีทรง | ให้องค์ระเด่นมนตรี |
รับเอาอาภรณ์ของนัดดา | มาทรงให้บุษบาโฉมศรี |
เสร็จแล้วจึงพานางเทวี | จรลียังสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กินรรำ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา |
จึงชวนสังคามาระตา | กับพี่เลี้ยงกลับมาพลับพลาพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด ฯ
https://vajirayana.org/system/files/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2_264950.pdf