บทที่ ๖

ชนบทเล็กๆ อย่างคลองใต้ ไม่มีอะไรจะผ่านหูและตาไปได้ง่าย ๆ ฉะนั้นในทันใดที่เทศกาลเดือน ๑๒ ผ่านไป เรือนหอหลังใหญ่ยกขึ้นในบริเวณเนื้อที่กว่าไร่ ใต้เรือนหลังเดิมของป้าแคล้วลงมา ทุกคนจึงจับตาดูและคอยอยู่ด้วยความสนใจ ถึงการแต่งงานระหว่างรื่นกับสุดใจ ซึ่งบอกกล่าวป่าวร้องกันไปทั่วแล้วว่า กำหนดไว้ในเดือนยี่

ตลอดเวลาเหล่านั้น การที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเปิดโอกาสให้สุดใจ แคล้ว และชาวบ้านนั้นได้รู้จักอุปนิสัยใจคอของรื่นดียิ่งขึ้น สนิทสนมยิ่งขึ้น ความเปิดเผยและหัวเราะง่ายของเขาเรียกร้องความรักจากเด็ก ความเอ็นดูจากผู้ใหญ่และมิตรภาพจากคนในวัยเดียวกันทั่วไป ในระยะสองสามเดือนนั้น สุดใจมองเห็นเขาในลักษณะที่แจ่มแจ้งชัดเจนขึ้นกว่าเพียงคืนเดียวของความรัก ซึ่งหล่อนวาดขึ้นจากความฝัน เขาเป็นแม่งานที่ลูกมือทุกคนไว้วางใจ ไม่ว่าจะออกป่าลากไม้หรือยกเรือน เขาเป็นเพื่อนที่เด็กเล็ก ๆ อาจจะขี่คอได้ และในขณะเดียวกันก็เป็นคนรักที่อ่อนโยนบูชาและเอาใจใส่ เวลาส่วนใหญ่ของเขาล่วงไปกับป้าแคล้ว ในการกะกำหนดฤกษ์ยามการยกเรือนหอ รายละเอียดของงานพิธีที่จะมาถึงต่อไป แม้กระนั้นขณะใดที่มีโอกาสอยู่ใกล้ ถึงจะ ไม่ได้พูดจาปราศรัยด้วย สายตาที่เขามองดูหล่อนก็เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนา มันทำให้หล่อนอดรู้สึกใจสั่นเพราะความตื่นเต้นไม่ได้ ทุกคราวที่สำนึกถึงความใกล้ชิดของเขา และคืนวันสุกดิบที่กำลังใกล้เข้ามา

“เอ็ง....เอ็งทำยังไง จำปา คืนแรกที่พี่โปร่งถอดกำไล เอ็ง ?” ครั้งหนึ่งหล่อนกระซิบถามแม่เพื่อนสาวหน้าแดงเรื่อด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ ขณะที่จัดอาหารเลี้ยงแขกที่มาช่วยยกเรือนอยู่ด้วยกันในครัวไฟ

“กันก็หลับตาปี๋ ปล่อยให้เขาทำอะไรตามสบายไปเท่านั้นเอง” จำปาหัวเราะ

ฟังดูมันง่ายเกินไปที่หัวใจซึ่งเต้นระทึก และความคิดที่ฟุ้งซ่านของหล่อนจะคิดว่าเป็นไปได้ ง่ายดายเหมือนประเพณีการขึ้นหาของชาวบ้านไร่ ง่ายดายเหมือนกับหอบผ้าตามผู้ชายไปของชาวคลองเหนือ คลองใต้ หนองปลิง ที่ปรากฏอยู่ไม่ต่ำกว่าปีละสองสามราย ในชีวิตของหล่อนตั้งแต่เยาว์วัย จนกระทั่งถึงสาวรุ่น สุดใจเคยได้ทราบเหตุการณ์เหล่านั้น บางรายอยู่กินกันด้วยความผาสุก บางรายชีวิตรักสะบั้นลงกลางคันเริดร้างกันไป สำหรับจะจับคู่ใหม่อยู่กินกันด้วยความผาสุก หรือเริดร้างอีก

ฉันกะเขาไม่เป็นอย่างนั้น หล่อนคิดวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและเนื้อตัวอยู่ในความมืดของราตรี ขณะที่ทิ้งตัวลงนอนหรือมีโอกาสอยู่แต่ลำพังในเวลากลางวัน หล่อนคิดถึงความรักระหว่างหล่อนและรื่น อย่างความรักที่สดชื่นยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรค ไม่มีอะไรจะมาทำให้สั่นคลอน ความรักที่หนักแน่นและแน่นอน เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตที่หล่อนรัก

ท่ามกลางอารมณ์และความคิดที่ฟุ้งซ่านเช่นนี้เอง คืนวันผ่านไป ในที่สุดเดือนยี่พร้อมด้วยพิธีสมรสก็มาถึงโดยไม่รู้ตัว สุดใจรู้สึกละลานตาละลานใจ พิศวงงงงวยไปด้วยความสุข ความตื่นเต้นเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางเวทีละครโรงใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ผ่านไป และในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นคนละต่างหากจากเหตุการณ์เหล่านั้น การเลี้ยงคนที่หลั่งไหลมาช่วยจากทุกหนทุกแห่ง จนแน่นบริเวณบ้านไปหมด ขบวนแห่ขันหมากจากบ้านผู้ใหญ่พูน เสียงโห่ร้องกึกก้องออกไปถึงกลางแม่น้ำ หล่อนจำอะไรเกือบไม่ได้ ใครเป็นคนกั้นประตูขบวนเจ้าบ่าว ? ใครเป็นคนเข้ามาจูงหล่อนออกไปจากห้อง ? และใครเป็นคนแรกที่รดน้ำ ? อย่างเดียวที่จำได้แม่นยำก็เพียงแต่นัยน์ตาอันวาววามของรื่น ที่ลอบชำเลืองมาดูหล่อนไม่หยุดหย่อน ขณะที่พับเพียบอยู่ข้างเคียงกัน เสียงเฮฮาที่ดังลั่นบ้านไม่มีความหมายอะไร พิธีรีตองทั้งหลายไม่มีความหมายอะไร ความรู้สึกที่ว่าเขาอยู่ใกล้หล่อนและกับหล่อนเท่านั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เมื่อเข้าไต้เข้าไฟ เสียงมโหรีกล่อมกระหึ่ม และ ได้ฤกษ์ส่งตัว หัวใจของหล่อนซึ่งเต้นแรงอยู่แล้ว ก็ยิ่งเต้นเร่าและระรัวจนแทบจะบังคับไว้ไม่ได้ หล่อนยึดมือจำปาไว้แน่น ขณะที่จะก้าวเข้าไปในห้อง มองเห็นที่นอน มองเห็นหมอนขวาน หมอนข้างและมุ้งระบายแพร แล้วก็ใจสั่น

“เข้าไปด้วยกัน จำปา” หล่อนกระซิบเสียงเครือ “อยู่เป็นเพื่อนกันซักคืน...”

“เป็นบ้า !” จำปากระซิบตอบ “อยู่เข้าไปได้หรือ น่ะ– ใจดีๆ ไว้สุดใจ....เข้าไปเถอะ เขาไม่กัดเอ็งหรอก ใจดีๆ ไว้”

“กันกลัว!” เสียงสุดใจแผ่วลงไปอีก”

“จุ๊ย์! ป้าแคล้วอยู่นั่น แล้วก็ลุงชื่นกะป้าปราง...กันไปละ”

ด้วยแข้งขาซึ่งสั่น สุดใจหันรีหันขวาง ก้มหน้าตั้งท่าเหมือนจะกลับ ใจหายวาบ เมื่อรู้สึกว่ามือของป้าแคล้วยื่นออกมาจูงเข้าไปหาเขา เสียงนายชื่นและแม่ปรางพึมพำอวยพรสั่งสอนและแนะนำ หล่อนจำอะไรนึกอะไรไม่ออก นอกจากความอ่อนนุ่มของที่นอน นอกจากมือที่หยาบใหญ่และร้อนผ่าวของเขา ซึ่งกุมมือเล็ก ๆ ของหล่อนไว้

“รักกัน ทะนุถนอมกัน ปกป้องครองกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่าถือไม้เท้ายอดทอง” หล่อนแว่วประโยคสุดท้าย รางเลือนเกินไปที่จะเข้าใจความหมายชัด ตื่นเต้นและตื้นตันเกินไปที่จะจับต้นชนปลายติด ในที่สุดพิธีเสร็จเพียงแค่นี้ ในที่สุดพ่อเฒ่าแม่เฒ่าก็ออกไป และในที่สุดห้องนั้นก็ว่างเปล่าเหลือแต่หล่อนกับเขา และกลิ่นธูปควันเทียนดอกมะลิกระแจะจันทร์

ความหวาดกลัวเก่าๆ ผุดขึ้นมาอีก หล่อนดึงมือน้อย ๆ นั้นออกมาจากมือของเขา ก้าวลงมาจากที่นอนทำท่าเหมือนจะตามออกไป

“สุดใจ !” เสียงของรื่นห้าว เต็มไปด้วยความรักและความรู้สึก

“จ๋า” หล่อนขานตอบเบาๆ โดยมิได้หันกลับมา แต่หยุดชะงักอยู่กับที่ ขาทั้งสองอ่อนเบียกราวกับจะล้มเสียให้ได้

“จะไปไหน ?”

“ออก...ออก... ออกไปหาจำปาจ้ะ”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเขาขณะที่ก้าวตามเข้ามายืนอยู่ข้างหลัง ทำให้หล่อนแทบกลั้นลมหายใจ ยิ่งสำนึกถึงมือซึ่งใหญ่และหยาบคู่นั้น สอดมาโอบไว้สองข้างสะเอว ก็หมดกำลังที่จะยืนอยู่ได้

“นั่นหรือคือผลของความอดทนที่ข้าอุตส่าห์คอยมาเกือบ ๒ ปี” หล่อนได้ยินเสียงเขากระซิบที่ข้างหู ความรู้สึกที่งุนงงอยู่แล้ว แทบจะมืดมิดไปเพราะความเสน่หาขณะที่เอวสัมผัสอ้อมแขนอันมั่นคง หลังสัมผัสอกอันอบอุ่นและกว้าง ตลอดจนความใกล้ชิดซึ่งมีอำนาจดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก “เกือบ ๒ ปี! แต่ทันทีทันใดที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแต่ลำพังโดยเฉพาะ เอ็งกลับอยากจะออกไปหาจำปา...”

“เวลายังหัวค่ำอยู่นี่” หล่อนแก้ตะกุกตะกัก “ถึงพี่ทิดก็ควรจะออกไปสนุกกับพวกผู้ชายเขาก่อน”

“คืนนี้ เวลาข้าไม่มีสำหรับใครสุดใจ นอกจากความรักของเรา........เอ็งกะข้า...” เขาบอก “แต่เย็นมาเหล้าสักหยดไม่ได้ล่วงเข้าไปในลำคอ ก็เพราะว่าข้าไม่ต้องการจะเป็นทิดรื่นคนนั้น ทิดรื่นอย่างวันแรกที่เอ็งเห็น ข้าต้องการจะเป็นผัวเอ็งอย่างทิดรื่นตัวจริง” เขาค่อย ๆ หมุนให้หล่อนหันหน้ากลับมา “เงยหน้าขึ้นทีหรือสุดใจ ตั้งแต่เย็นข้ายังไม่ได้เห็นนัยน์ตาของเอ็งเลย นอกจากผม นอกจากหน้าผาก นอกจากแก้ม คาง แล้วก็ใบหู ดูเถอะ นัยน์ตาของเอ็งบอกว่ากลัว........กลัวอะไรนะ สุดใจ ?”

“ปละ...ปละ...เปล่าจ้ะ” เสียงหญิงสาวแผ่วเต็มที่

“เกือบ ๒ ปีเต็ม ๆ” เขาย้ำอีกครั้ง “ข้าคอยอยู่แต่โอกาสนี้ ขณะที่จะได้เอ็งมาอยู่ในอ้อมแขนของข้าเป็นเมียของข้า อย่าคิดถึงใครสุดใจ อย่ากังวลถึงอะไร นอกจากข้าเป็นผัว และเอ็งเป็นเมีย....”

“มโหรียังไม่เลิก ใครๆ ยังไม่หลับ...” หล่อนพยายามเอ่ยอีกเสียงไม่ล่วงลำคอออกมาได้

“จะสำคัญอะไร ให้มโหรีเล่นต่อไปจนกว่าจะเมื่อย เหล้ายังมีอีกหลายเทสำหรับพวกแขกจะเมา....”

หัวใจของหล่อนเหมือนจะหยุดเต้นเอาจริง ๆ เมื่อรู้สึกว่าร่างอันสูงของเขาก้มลง ลมหายใจที่ร้อนสัมผัสกับผม จมูกที่เย็นสัมผัสกับแก้ม แขนข้างหนึ่งรัดเอวแน่นเข้า อีกข้างหนึ่งสอดเข้าใต้เข่าทั้งคู่ แล้วร่างของหล่อนก็หลุดจากพื้น

“พี่ทิด !” นัยน์ตาของหล่อนหรี่ปิด เนื้อตัวอ่อนเปียก “พี่รื่น !”

“เมียของข้า....คืนของเรา !” เขาพึมพำเดินตรงเข้าไปที่ๆ นอน

หล่อนมิได้ดิ้นรนหรือผลักไส มิได้แม้แต่จะลืมตา วาจาของจำปายังคงแว่วอยู่ในความทรงจำ

“หลับตาปี๋.......แล้วแต่เขาจะทำอะไร !” หล่อนคิด

แต่ทันใดที่หลังสัมผัสกับที่นอนอ่อนนุ่ม และเย็นระรื่น นัยน์ตาที่หรี่ปรือของหล่อนก็อดลืมขึ้นไม่ได้ ลืมขึ้นสบนัยน์ตาซึ่งมิได้วาววับอีกต่อไป หากเชื่อมเพราะความรู้สึกของชาย ผู้แรกประสบความรักจริง จากนัยน์ตาคู่นั้นสุดใจมองเห็นความรัก หลักประกันความปลอดภัยและอนาคตอันไกลแสนไกล ก่อนที่หนังตาอันหนักของหล่อนจะกลับหรี่หลับ และความรู้สึกจะกลับเข้าสู่ภวังค์อีก เมื่อทรวงอกสัมผัสกับมืออันใหญ่หยาบ และร้อนราวกับเปลวไฟ !

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ