บทที่ ๕
จำปาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวและหัวใจระทึกไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ปราดลงไปที่ตีนท่าหน้าบ้านหัวค่ำวันนั้นแล้วก็หยุดชะงักอยู่ที่เชิงบันได เมื่อปรากฏว่าเรือเป็ดทั้งลำปราศจากแสงไฟและปราศจากเสียงคน จนอดคิดไม่ได้ว่าจะไม่มีใครอยู่ รำๆ จะหันกลับขึ้นมาด้วยความผิดหวังนั่นเอง เสียงหนึ่งก็ร้องถามออกมาจากใต้ขยาบเรือตอนท้าย
“ใคร ?”
หล่อนคิดว่าจำเสียงนั้นได้ แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักเพราะกังวานต่ำ และลากหางเสียงยาวกว่ากัน จนกระทั่งได้ยินซ้ำจึงตอบออกไปได้
“ฉันเองจ้ะ, จำปา – – นั่นพี่ทิดใช่ไหมล่ะ?”
เสียงเคลื่อนไหวปรากฏออกมาจากตอนท้ายเรือและเรือโคลงนิดๆ เหมือนเจ้าของเสียงลุกขึ้นยืน แสงเดือนขึ้นสี่ค่ำคืนนั้น ไม่สามารถที่จะทำให้หล่อนแลเห็นอะไรได้ถนัด เพราะพระจันทร์เดินอยู่หลังกลุ่มเมฆตลอดเวลา ถึงกระนั้นจากเสียงกระดานเรือลั่น และอาการไหวพะเยิบของเรือหล่อนก็บอกได้ว่า เขากำลังเดินออกมาทางหัว จนในที่สุดหน้า ๆ หนึ่งจึงโผล่ออกมาจากประตูเรือตอนนั้น
“นึกว่าใคร ?” เขาหัวเราะ “คิดถึงหรือแทบตาย สุดใจมาด้วยหรือเปล่า ?”
“เขาอยู่บนบ้าน คิดถึงใครกันแน่พี่ทิด ?”
“ทั้งสองคนแหละ” รื่นหัวเราะ กลิ่นเหล้าที่ฟุ้งมาจากเขา ทำให้จำปาเริ่มสงสัยในความโง่หรือฉลาดของการตัดสินใจที่ทำให้หล่อนลงไปพบเขาในเวลาวิกาลเช่นนั้น สงสัยจนกระทั่งความเหมาะสมของวาจาที่ลั่นออกไปเป็นเชิงสัพยอก
“ทำอะไรอยู่ล่ะ พี่ทิดน่ะ เห็นจะเข้านอนแล้ว ?”
“เปล่า เมื่อยก็เอนหลังเล่น คอยพวกนั้น ว่าแต่เอ็งเถอะลงมาทำไมค่ำมืดป่านนี้ ?”
“ก็ข่าวดีจนอดเก็บไว้บอกพรุ่งนี้ไม่ได้น่าซี ป้าแคล้วตกลงยกสุดใจให้พี่ทิดแล้วละ”
เขาคลานออกมาจากประตูเรือจนหมดตัว นั่งตะคุ่มมองในแสงสว่างอันเลือนรางมาจากพื้นน้ำ ซึ่งกระทบแสงจันทร์มัวๆ อยู่เบื้องหลัง ครั้นแล้วก็หัวเราะ
“เอาอะไรมาพูด จำปา ข้าเจอะกับแม่เสือของเอ็งเมื่อกลางวันยังไม่ได้เรื่องได้ราวทั้งนั้น นอกจากเคราะห์ดีที่ไม่ถูกตะเพิดกลับออกมา”
จำปาได้ฟังก็นั่งลงบนท่อนซุงตรงหน้าเขา พลางถอนใจ
“เขารู้แล้วละ ว่าพี่ทิดพูดอะไรกับแคล้วบ้าง ข้ากะสุดใจมาแอบฟังอยู่ใต้ถุนเรือนเกือบตลอดเวลา พอพี่ทิดลงมา สุดใจขึ้นไปแทน ข้าก็แอบฟังคนเดียว เชื่อเถอะ – – เรื่องของพี่ทิดสำเร็จแน่”
“แต่เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้พูดกันในเรื่องสินสอด ทองหมั้น การสู่ขอ พิธีแห่ขันหมาก แกบอกข้าอย่างเดียวแต่ว่า ขอเวลาตรึกตรองดูก่อน ขอเวลาหารือสุดใจ
“เขาให้คำตอบป้าแคล้วแล้ว”
“อ้อ, ว่าอย่างไรล่ะ ?”
“แล้วแต่ป้าจะจัดการ ข้า – – ข้าได้ยินต่อไปด้วยว่า –– ว่า ––”
“อะไร ?”
ถอนใจอีกครั้ง แล้วจำปาก็ลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะ มัน ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ทิดหรอก ฉันลงมาบอกเท่านี้แหละ เรื่องอื่น ๆ เอาไว้รู้เองทีหลัง”
รื่นขยับตัวเขยิบออกมาถึงแคมเรือ “เดี๋ยวก่อนจำปา ขึ้นมานั่งคุยกันบนนี้ก่อนเถอะ ข้ายังงงเต็มที”
“คุยกะพี่ทิดได้หรือน่ะ สองต่อสอง แล้วก็มืดหรือเหมือนเข้าถ้ำ––”
“เถอะน่า ข้าไม่กินเอ็งหรอกจำปา” หล่อนไม่แลเห็นหน้าเขาได้ถนัด รู้สึกอย่างเดียวแต่ว่าในลำคอของเขามีเสียงหัวเราะร่วนตามเคย “ซิ!”
หญิงสาวหยุดยืนลังเลอยู่หน่อยหนึ่งระหว่างการชั่งใจ ซึ่งหาน้ำหนักอะไรไม่ได้เพราะได้ฟังการรบเร้าจากเขาอีก “ซิ” เดียว หล่อนก็ก้าวเข้าไป และย่อตัวนั่งลงบนแคมเรือเป็ดห่างออกมาจากเขาอย่างเสียไม่ได้ พึมพำว่า “น่าเกลียด” แล้วก็ก้มหน้า “มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ข้าจะรีบขึ้นไป”
รื่นหันมาดูหล่อนนิดหนึ่ง หัวเราะหึอยู่ในลำคอ แล้วก็หันกลับไปสู่แม่ปิงอันเวิ้งว้างอยู่เบื้องหลังอย่างครุ่นคิด
“งงจริงๆ จำปา” เขาบอก “ข้าว่าเร็วพออยู่แล้ว ป้าแคล้วยังเร็วไปกว่าข้า ที่นี้จะทำอย่างไรล่ะ เรื่องที่ปลูกเรือนหอ ? เรื่องคนที่จะแห่ขันหมาก และสามถ้วย ? ใครจะเป็นเจ้าภาพฝ่ายชาย ?”
“มันจะยากอะไรพี่ทิด ที่ป้าแคล้วออกเยอะแยะไป” จำปาว่า “หลานสาวรักเหมือนลูกในไส้ทั้งคนแกยังยกให้ง่าย ๆ ลงถูกใจยังงี้ละก้อ ขอที่ไหนหรือจะไปขัด เรื่องจัดผู้ใหญ่ฝ่ายพี่ทิดกะคนแห่ขันหมากก็เหมือนกัน ปรึกษาแกเถอะ ป้าแคล้วออกปากใคร ทั้งคลองเหนือ คลองใต้ บ้านไร่ หัวยาง ไม่มีใครขัด แต่จะให้ข้าแนะละก้อ ผู้ใหญ่พูนแหละเหมาะ นิสัยใจคอดี ป้าแคล้วชอบ พวกบ้านไร่เกือบทั้งบ้านล้วนแต่ญาติแกทั้งนั้น ไม่ทางไหนก็ทางหนึ่ง”
รื่นหันกลับมา ฟันขาวๆ ด้วยการหัวเราะปรากฏอยู่บนดวงหน้าที่เห็นได้รางๆ
“เอ็งนี้เหมาะสำหรับจะเป็นที่ปรึกษา” เขาเปลี่ยนท่านั่ง เรือลำนั้นก็โคลงพะเยิบพะยาบอีก “จริงทีเดียวจำปา ข้านึกออกแล้ว ถ้าป้าแคล้วรักที่จะได้ข้าเป็นหลานเขย แกก็คงจะเป็นธุระให้เองในเรื่องเหล่านั้น” หยุดนิ่งไปหน่อยหนึ่งแล้ว ก็เอ่ยอย่างขัน ๆ “ประหลาดไหมละ สินสอด ทองหมั้น ยังไม่ได้ตกลงกันสักนิดด้วยซ้ำ”
“ข้อนั้นพี่ทิดไม่ต้องเป็นห่วง สินสอดทองหมั้นไม่สำคัญ ข้าได้ยินป้าแคล้วว่าอย่างนั้น”
“ป้าแคล้วว่าอย่างนั้น !” เขาทวนคำ “ทำไมจะไม่สำคัญ ?” รื่นเปลี่ยนท่านั่งอีกจากการขัดสมาธิเป็นชันเข่าข้างหนึ่ง ชะโงกหน้าเข้ามาหาจำปา อย่างจริงจัง “ข้ารับปากสุดใจเขาไว้ ว่าการถอดกำไลของเขาจะไม่อายใคร ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปสมหน้าสมตา ข้ายังมีเจตนาแน่วแน่ว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น ฟัง, จำปา ข้าไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรนักหนา พยายามสะสมเงินทองที่ได้จากค้าขาย ๒ ปีหลังนี่ก็ไม่กี่ชั่ง เคราะห์ดีลงไปธุระบางกอก ถูกหวยรวยสองสามครั้ง ได้มรดกจากยายที่ขาณุอีกกอง ถึงได้ซื้อเรือ ซื้อของ ซื้อทอง มาสำหรับจะแต่งเมียกะเขาสักคน เป็นคนแรกในชีวิต คิดๆ ก็น่าขัน แต่มันจะต้องเป็นไปตามที่ข้าตั้งใจไว้ ข้าจะบอกเอ็ง จำปา ว่าข้าตั้งใจไว้อย่างไร – – ๑๐ ชั่งสำหรับสินสอด ๑๐ บาทสำหรับทองหมั้น เรือนหอมุงแฝก ฝาปรือ พื้นกระดาน นั่นแหละข้าจะให้สุดใจ”
“พี่ทิด – –” ลมหายใจของจำปาสะดุด ขาที่ราน้ำอยู่หดขึ้นไปพับเพียบไว้กับแคมเรือ “นั่น – – นั่นมากเสียยิ่งกว่ารายใดๆ ที่คนบ้านนี้เคยแต่งกันมาแล้ว มากกว่าผู้หญิงทั้งกำแพง นอกจากคราวพะโป้ แต่งกะแม่ทองย้อย”
“ถ้าข้าเป็นพะโป้” รื่นเน้นเสียง “สุดใจจะได้มากกว่านั้น เราจะแต่งกันให้เอิกเกริกยิ่งกว่าเขา ข้าต้องการให้คนเมืองกำแพงทั้งเมือง ได้รู้กันเห็นกันว่าผู้หญิงที่เป็นเมียทิดรื่นน่ะเคราะห์ดีเพียงไร”
“ไม่นึกเลย” เสียงของจำปาตื่นเต้น “ไม่นึกเลยว่าสุดใจจะเคราะห์ดีถึงยังงั้น สายสร้อยข้อมือหนักสลึงเดียว เป็นทั้งหมดที่ข้าเคยได้รับจากพี่โปร่ง แต่ทองหยองมีอยู่เท่าไรเสียไปเพราะเขา รวมทั้งสร้อยข้อมือเส้นนั้นด้วย”
เสียงหัวเราะเบาๆ ร่วนอยู่ในลำคอของรื่น มือข้างหนึ่งของเขายื่นออกมาทำท่าเหมือนจะจับมือหล่อน แต่แล้วก็หดกลับ
“อย่าไปเสียดมเสียดายอะไรมันเลย จำปา ข้าจะชดใช้ให้เอง เมื่อเรื่องของข้ากะสุดใจสำเร็จแล้ว ว่าแต่นั่งอย่างนั้น เรือเอียง ขยับขึ้นมาเสียหน่อยไม่ดีกว่ารึ–”
อ๋อ, ถ้าฉันเขยิบเข้าไป พ่อเจ้าประคุณจะได้เขยิบเข้ามา จำปาคิด หล่อนกวาดสายตาขึ้นไปบนตลิ่ง และตามหน้าท่าทั้งซ้ายและขวา “ช่างเถอะ แค่นี้ก็ดีแล้ว” หล่อนบอก กลับเขยิบห่างออกมายิ่งกว่าเก่า
“ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนเอ็งได้อย่างไร แรกรักกะสุดใจก็ได้เอ็ง จะแต่งกะเขาก็ได้เอ็ง” มือข้างนั้นเอื้อมออกมาอีก คราวนี้วางแปะลงบนเข่าของหญิงสาวราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจ “ข้าจะไม่ลืมเอ็งเป็นอันขาด”
“จ้ะ” จำปาจับมือข้างนั้นวางลงเสียบนกระดานเรือ ขยับถอยห่างออกไปอีกจนเกือบตกแคมเรือ “ไม่ต้องปากว่ามือถึงอย่างพี่โปร่ง ข้าก็เชื่อ”
“ไม่ลืมจริงๆ จำปา” มือข้างนั้นพยายามยกขึ้นไขว่คว้าต่อไป “ข้าจะตอบแทนความใจดีของเอ็งให้ถึงขนาดทีเดียว”
หญิงสาวหลบลอดมือข้างนั้น จนกระทั่งแทบพลัดตกน้ำ จึงโดดลงไปอยู่ที่ซุงท่อนนั้นได้
“ขอบใจจ้ะ ข้ายังไม่ต้องการตอบแทนจากพี่ทิดอย่างนั้น อย่าลืมว่าข้าเป็นเพื่อนสุดใจ”
ฝ่ายชายหยุดชะงักหน่อยเหมือนได้สติ เสียงหัวเราะร่วนในลำคอหายไป
“กลับมาก่อน จำปา........มานั่งคุยเป็นเพื่อนข้าก่อนเถอะ สัญญาให้ว่าไม่ทำอะไรจริงๆ”
“เชื่อในเรื่องอื่น” จำปาก้าวขึ้นไปบนบันไดลูกล่าง มือจับราวไว้พลางหันหน้ามาหัวเราะ “แต่ยังสงสัยในเรื่องผู้หญิง!”