๑๒

สถานที่ราชการและข้าราชการเป็นความหวาดหวั่นของสุดใจมาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้น ทันใดที่ก้าวเข้าสู่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัด แลเห็นคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเดินพลุกพล่านอยู่ตามระเบียง เท้าของหล่อนก็เริ่มปัด เข่าทั้งคู่เริ่มอ่อนด้วยความประหม่าเหมือนจะเดินต่อไปไม่ได้

“เป็นอะไรไปวะ อีใจ ?” ป้าแคล้วหันมาถามด้วยความสงสัย

“ฉัน– – ฉันไม่อยากเข้ามาที่นี่” หล่อนบอก “เราออกไปคอยพี่รื่นอยู่ที่ศาลาท่าน้ำกะพวกโน้นไม่ดีกว่าหรือป้า ?”

“อย่ากลัวไปหน่อยเลยไม่มีใครเขากัดเอ็งหร็อก” หญิงชราหัวเราะ “เอ็งจำไม่ได้หรือ อ้ายทิดมันว่า พยายามเข้าไปใกล้ ๆ จะได้ฟังได้เห็นของดี”

หลานสาวยังคงรีรออยู่นั่นเอง สีหน้าหล่อนซีด ใจหล่อนสั่น หันซ้ายแลขวาไม่หยุดหย่อน

“งั้นก็พักอยู่ที่ใต้ต้นมะขามต้นนี้เถอะป้า เวลาเขาออกมาจากห้องเจ้าเมืองท่านแลเห็นได้ถนัดถมไป”

แม่เฒ่าได้ฟังยักไหล่ บ่นพึมอยู่ในลำคอ

“ตามใจเอ็ง” แกนั่งปุกลงบนพื้นสนามใต้ต้นมะขามต้นนั้น ลงมือตะบันหมากต่อไป “เรื่องกลัวเจ้ากลัวนายของเอ็งนี่ เมื่อไรจะหายซักที” แกเงยหน้ามองเข้าไปที่ศาลากลางจังหวัดข้างหน้า แล้วก็หันกลับมาเหลียวไปดูผู้ซึ่งชุมนุมกันอยู่ตามใต้ต้นหว้าข้างศาลาท่าน้ำและต้นมะขามริมรั้วข้างหลัง “แห่กันมาทั้งวังยางหัวยาง บ้านไร่ ปากคลอง กูไม่รู้เรื่อง ว่ามันอะไรกัน”

“ฉันก็ไม่รู้” สุดใจว่า “พี่รื่นไม่บอกอะไรเห็นแต่ว่าให้มาก็แล้วกัน ฉันคิดว่าคงเรื่องโป่งน้ำร้อนอีกไม่งั้นนายห้างกะคุณนายละเอียดจะมาทำไม นอกจากนั้นวานซืนนี้ คุณนายละเมียดยังข้ามไปหาพี่รื่นเขาที่บ้าน”

แม่เฒ่าเงยหน้าขึ้นดูหลานสาวโดยเร็ว

“ไปหาหอกอะไรกันอีก ?”

“พี่รื่นว่าเกี่ยวกับเรื่องเจ้าเมืองท่านนัดพบวันนี้แหละ”

หญิงชราพึมพำอะไรอยู่ในคอ ทั้งหมดที่สุดใจได้ยินก็เพียง

“กูไม่รู้ว่าหลานสาวเจ้าเมืองเป็นนักการมาแต่เมื่อไร” แกหันกลับไปที่ศาลากลางจังหวัดอีก “นี่เมื่อไรจะรู้เรื่องราวกันซักที คอยมากี่ชั่วโมงแล้วละ ลมจะใส่ตาย – –”

ชาวบ้านทุกคนที่ทยอยข้ามฟากมาตั้งแต่พระฉันเช้าจนกระทั่งจะได้เวลาฉันเพล อยู่ในฐานะเดียวกับสองป้าหลานทั้งนั้น ไม่มีใครรู้ถึงความมุ่งหมายว่าตนต้องข้ามฟากมาเมืองด้วยเรื่องอะไรกัน เพราะฉะนั้นก็ได้แต่จะคอยอยู่ด้วยความอึดอัดตลอดเวลาที่การเจรจาภายในห้องของผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศอันเคร่งเครียดมาเป็นเวลาชั่วโมงเต็ม ๆ

ด้วยดวงหน้าอันเป็นมันเพราะความร้อน ซึ่งแม้พัดโบกจากเพดานเหนือศีรษะขึ้นไป ก็ไม่สามารถจะบรรเทาเบาบางลงไปได้เพียงไร ท่านเจ้าคุณนั่งอยู่ในเก้าอี้ของท่านอย่างสงบเสงี่ยม ชำเลืองดูพะโป้ผู้นั่งเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าท่าน พร้อมด้วยคนใช้พับเพียบคอยโบกพัดหางนกยูงให้นายอยู่ที่พื้น รื่นนั่งตัวตรงอยู่ทางขวา นายเสถียรและละเมียดภรรยาอยู่ข้างซ้าย ไกลออกไปทางเบื้องหลัง ใกล้กับหน้าต่าง ซึ่งมองออกไปสู่สนามหญ้าและท่าน้ำ หลวงราชบริการยืนอยู่ มือทั้งคู่ประสานไว้ข้างหน้า กิริยาของเขาเคร่าเครียดกว่าใคร ๆ ในห้องนั้น ในที่สุดสายตาอันแจ่มใสของท่าน ก็หันกลับมาจับอยู่ที่ดวงหน้าอันเอิบอิ่มของพะโป้ พลางยิ้มน้อยๆ

“ฉันฟังพูดกันมานาน” ท่านเอ่ย “พอจะจับใจความได้ว่า ทุกฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตนดีพอด้วยกันทั้งนั้น นายห้างถือเสียว่าเคยทำประโยชน์ให้แก่คนบ้านนี้เมืองนี้มานาน ฉะนั้น จึงควรจะได้รับสัมปทานดังกล่าว ข้างบริษัทของนายเสถียรกับแม่เมียดก็ว่าจะทำประโยชน์ให้กับชาวบ้านนี้ได้มากเหมือนกัน ฉันเองเห็นใจทั้งสองฝ่าย – – –” ท่านหยุดถอนหายใจหน่อยหนึ่ง ทอดสายตามองข้ามคนทั้งปวงออกไปยังท้องฟ้าและทิวไม้ข้างนอก เมื่อเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกจนเกือบเป็นสั่นเครือ “แต่เห็นใจเจ้าของเดิมเขามากกว่า ฉันหมายถึงพวกที่ได้อาศัยป่านั้นทำมาหากินมาแต่ครั้งปู่ย่าตายาย จริงอยู่ป่าโป่งน้ำร้อนเป็นสมบัติของแผ่นดิน การเปิดสัมปทานให้แก่บริษัท หรือเอกชนในครอบครองจะเป็นประโยชน์หารายได้เข้าหลวงมากกว่าทิ้งไว้ให้เป็นสาธารณะ แต่ฉันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนี้ หน้าที่ของฉันอยู่ที่ดูแลทุกข์สุขของราษฎรพลเมืองในความปกครองด้วย ระหว่างสองหน้าที่นั้นความสุขของราษฎรสำคัญกว่าและมาถึงก่อนรายได้ของแผ่นดิน เพราะเหตุนี้ ถึงเสนาบดี ท่านจะมอบอำนาจในการวินิจฉัยไว้กับฉัน ว่ามันควรจะเป็นของใคร ฉันก็จะไม่ใช้อำนาจนั้น ฉันจะให้เจ้าของเดิมเขาเป็นผู้ตัดสิน – –”

ทุกคนรู้ว่าท่านจะทำอย่างไรต่อไป ก่อนที่ท่านจะหันหน้ากลับมาที่รื่น และก่อนจะทันเอ่ยนามเขาด้วยซ้ำไป ตั้งแต่การเจรจาเริ่มต้นเขานั่งอยู่ในท่าไร เดี๋ยวนี้ก็ในท่านั้น มือทั้งสองประสานกันอยู่บนตัก ตัวตรงสายตาจับอยู่ที่ท่านเจ้าคุณไม่เหลียวซ้ายไม่แลขวา สีหน้าไม่บอกความรู้สึกใด ๆ

“กำนันรื่นจะเป็นคนบอกแทนพวกที่รออยู่ข้างนอกได้ว่าป่าโป่งน้ำร้อนมีความหมายสำคัญสำหรับพวกนั้นเพียงใด” ท่านพูดต่อไป “ในฐานะที่สมัยหนึ่งฉันเคยมีข้อผูกพันอยู่กับเขาโดยให้คำรับรองว่าตราบใดที่ฉันยังเป็นผู้ว่าราชการอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครได้สัมปทานไป ฉันคิดว่านายห้างจะยังจำได้ – –” ท่านหันไปหาราชาป่าไม้ผู้นั้น

พะโป้ก้มศีรษะเนิบ ๆ รับรองวาจาของท่านโดยมิได้โต้ตอบประการใด

“ฉะนั้น การตกลงใจใดๆ ของกำนันรื่นฉันจะถือเป็นการตกลงใจ แทน – – อะไรกันคุณหลวง ?” ท่านเจ้าคุณหยุดชะงัก เมื่อเห็นนายอำเภอของท่านขยับกายทำท่าจะก้าวออกมา

“กระผมขอประทานโทษ !” หลวงราชบริการลั่นวาจาประโยคนั้นออกมาได้ด้วยความยากลำบากเต็มที “ในฐานะที่เป็นอำเภอ เคยเข้าใจใกล้ชิดติดต่อกับพวกนั้นมาเป็นเวลาช้านาน กระผมใคร่จะกราบเรียนใต้เท้าว่าบางทีจะเป็นการคลาดเคลื่อนไปได้ ในการที่จะถือว่าราษฎรชาวบ้านทั้งสิ้นจะเห็นด้วยกับกำนันรื่น เกี่ยวกับการตัดสินใจใด ๆ ที่เขาจะกระทำลงไป”

สายตาของท่านเจ้าคุณแลจับใบหน้าอันแดงก่ำของนายอำเภอท่านอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนใจพลางยิ้มน้อย ๆ

“คุณหลวงให้สติผมดี ผมเชื่อว่าไม่มีผลประโยชน์ของบริษัทซึ่งคุณหลวงมีหุ้นส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย”

“กระผม – – – – กระผมเรียนปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น” หลวงราชบริการกระอึกกระอักยิ่งขึ้น

“งั้นผมต้องการคำปรึกษาเมื่อไรจะบอกคุณหลวงเอง” ท่านเจ้าคุณตัดบท “พูดไปรื่น ทุกคนกำลังรอฟังเราอยู่”

ทุกหูเงี่ยคอยสดับเขา ทุกตาเพ่งอยู่ที่ใบหน้าอันปราศจากความรู้สึกนั้นเขม็ง ละเมียดรู้สึกหัวใจของหล่อนเต้นแรงผิดปกติเหมือนรอคอยคำสั่งประหารชีวิต คำตอบที่ได้กระทำให้ทุกคนประหลาดใจ

“กระผมไม่มีอะไรจะพูด” เป็นทั้งหมดที่หลุดมาจากริมฝีปากของเขา

สายโลหิตเล่นขึ้นสู่แก้มและหน้าผากของละเอียด ความเคร่งเครียดคลายไปจากใบหน้าของเสถียร พะโป้ยกมือขึ้นป้องปากไอเบา ๆ ท่านเจ้าคุณมิได้เปลี่ยนอิริยาบถเลยขณะที่พูดต่อ

“ฉันอยากจะฟังความเห็นของรื่น”

“กระผมเคยเรียนให้ใต้เท้าทราบแล้ว นายห้างก็เหมือนกัน คุณนายละเมียดก็เหมือนกัน ป่าโป่งน้ำร้อนตกไปอยู่ในสัมปทานเมื่อใด ชีวิตชาวปากคลองบ้านไร่ วังยาง หัวยางจะไม่เป็นอยู่อย่างเดิมได้ – –”

“หมายความว่ารื่นต้องการจะให้มันอยู่ในสภาพเดิมต่อไปอย่างที่ฉันได้พูดมาแล้ว”

“ความต้องการของกระผมเป็นเหตุผลส่วนตัว” รื่นตอบเบา ๆ “ถูกของนายอำเภอท่าน ความต้องการของกระผมไม่ใช่ความต้องการของชาวบ้านเหล่านั้นทั้งหมด”

“งั้นรื่นก็คงจะต้องการเวลาสำหรับปรึกษาหารือกับพวกลูกบ้านทั้งหลายก่อน” ละเมียดเกือบสะกดกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ นัยน์ตาของหล่อนที่มองเขาแจ่มใสไปด้วยความหวัง

แต่รื่นกลับสั่นศีรษะ สายตาคงจับอยู่ที่ท่านเจ้าคุณ “ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรในเมื่อชาวบ้านในตำบลเหล่านั้น มาชุมนุมกันพร้อมอยู่ที่นี่แล้ว ขอเชิญนายอำเภอเรียกเข้ามาถามเป็นรายตัวได้ ต่อหน้าใต้เท้านายห้าง นายเสถียรกะคุณนายละเมียด – –”

เสียงหัวเราะร่วนดังมาจากพะโป้อย่างขบขัน แต่สุภาพ

“นั่นเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาเหมือนกันขอรับเจ้าคุณ เพราะมันจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าวาจาที่ผมเคยลั่นไว้ ถูกหรือผิดอย่างไร” แกบอก “ประเดี๋ยวเจ้าคุณจะเห็นได้เองว่าชีวิตของคนพวกนั้น ฝากไว้กับป่านี้เพียงไรไม่มีใครจะเห็นผิดไปจากกำนันเขาได้”

ท่านเจ้าเมืองมองดูผู้พูดอย่างหลากใจ

“ก็ไหนนายห้างให้เหตุผลมาหยก ๆ นี้เองว่า ป่านั้นสัมปทานควรจะได้แก่นายห้าง”

“เพราะสัมปทานอยู่กับผมหมายถึงไม่มีสัมปทาน หมายถึงมันจะเป็นป่าสาธารณะสำหรับพวกปากคลอง บ้านไร่ วังยาง ต่อไป กำนันรื่นรู้แก่ใจในข้อนี้ ชาวบ้านทั้งหลายก็เหมือนกัน ผมยอมสู้ตายถ้าเป็นการชิงสัมปทานกับรายอื่น ๆ แต่กับกำนันรื่นและพวกปากคลองไม่ต่างอะไรกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ไม่มีความหมายแตกต่างอะไร –– ผมขอถอน !”

ยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเจ้าคุณกำแพง นัยน์ตาทั้งคู่ของท่านเป็นประกาย ในที่สุดก็หัวเราะออกมาเสียงลั่นห้อง อย่างที่ไม่ค่อยจะเคยมีใครได้ยินท่านหัวเราะในชีวิต

“เสียทีได้” ท่านหัวเราะต่อไป “ฉันควรจะทายใจนายห้างออก ตั้งแต่แรกที่ยื่นเรื่องราวแล้ว ฉันควรจะรู้ว่านายห้างก็เท่ากับชาวปากคลองคนหนึ่ง เดี๋ยวนี้จึงเหลือปัญหาระหว่างบริษัทของแม่ละเมียดและนายเสถียร กับพวกชาวบ้าน จะให้ฉันจัดการฟังเสียงคนพวกนั้นอย่างรื่นเขาว่าหรือจะเอาอย่างไร ?”

“ไม่มีความจำเป็นอะไรต่อไปค่ะ คุณลุงคะ” สีหน้าของหญิงสาวซีดเผือด นัยน์ตาของหล่อนแห้งผาก “เมื่อนายห้างขอถอน ดิฉันก็ขอถอน – –”

หล่อนมิได้เอ่ยถึงรื่น หรือพวกปากคลองอีกต่อไป ความแสลงใจทำให้หล่อนไม่อยาก แม้แต่จะมองหน้าเขา

“งั้นเราก็เห็นจะยุติเรื่องนี้ได้ ป่าโป่งน้ำร้อนคงอยู่ในสภาพเดิมของมันต่อไป” ท่านผู้ว่าราชการถอนใจ “ขอขอบใจด้วยกันทุกฝ่ายที่ทำให้เป็นการง่ายแก่ฉัน ในการที่จะรายงานเข้าไปที่กระทรวง บอกพวกนั้นกลับกันได้แล้วนี่รื่น อุตส่าห์มาตรากตรำลำบากกันตั้งแต่เช้า นายห้างล่ะ ? ถ้ายังไม่รีบร้อนไปไหนกินข้าวกลางวันเสียด้วยกันที่นี่เลยเป็นยังไง ? มีแต่ฉันไปเยี่ยม นายห้างเป็นเลี้ยง ที่นี้ถึงทีฉัน ขอให้ได้จัดการรับรองบ้าง”

นายห้างตอบรับด้วยความยินดี

“ผมจะได้มีโอกาสเยี่ยมคุณหญิงด้วย ได้ข่าวว่าป่วยไป ค่อยสบายขึ้นแล้วหรือครับ ?”

ท่านเจ้าคุณพยักหน้า

“เป็นโรคธรรมดาเสียแล้ว ตั้งแต่ขึ้นมาอยู่ที่นี่ ๓ วันดี ๔ วันไข้” ท่านบอก

ทั้งสองชวนกันออกไป หลวงราชบริการ และนายเสถียรรีรออยู่หน่อยหนึ่ง ก็เดินตามหลังออกมา เหลือแต่ละเมียดซึ่งยืนหันหลังให้อยู่ที่หน้าต่าง คนใช้พะโป้ผู้กำลังเก็บกลี่ยาสำหรับนายใส่ย่าม และรื่นซึ่งรีบลุกขึ้นพยายามจะออกไปเสียให้พ้นจากห้องนั้น โดยเร็วที่สุดที่จะเร็วได้ ยังไม่ทันก้าวถึงธรณีประตูก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของหล่อน

“ประเดี๋ยวก่อนรื่น!” ละเมียดมิได้หันหน้ามาเหมือนเกรงเขาจะเห็นสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความปวดร้าวใจ “ทำไมรื่นถึงเล่นตลกกับฉันอย่างนั้น”

“ผมไม่ได้เล่นตลกกับคุณ” เขาค้านด้วยเสียงห้าวๆ

“แต่รื่นรับปากฉันว่าจะประวิงเวลาการตกลงใจไว้พอให้ฉันได้มีเวลาพูดจากับชาวบ้านบ้าง”

“ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรจนอย่างเดียว”

“ถูก, รื่นโยนความรับผิดชอบเองนั้นไปให้พวกชาวบ้าน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าทุกคนเขาจะตอบอย่างไร”

“คุณเมียดน่าจะรู้ว่ามันเป็นความประสงค์ของนายอำเภอท่าน เมื่อใช้นักการไปบอกผมเมื่อวาน นายอำเภอกำชับนักกำชับหนาว่า ให้ผมนัดพวกลูกบ้านมาประชุมที่หน้าศาลากลางด้วย ท่านคงสั่งไปทางบ้านอื่นอย่างเดียวกัน คุณเมียดจะเห็นได้ว่ามิใช่จะมีแต่พวกปากคลองเท่านั้นที่มาที่นี่ พวกหัวยาง วังยาง ปากอ่าง ต่างแห่มาเหมือนกัน เพราะท่านเชื่อแน่ว่า อย่างไรเสียคนพวกนั้นก็ต้องเป็นฝ่ายท่านวันยังค่ำ นายอำเภอลืมไปอย่างหนึ่งว่าป่าโป่งน้ำร้อนเป็นชีวิตและหัวใจของพวกชาวปากคลอง มากกว่าพวกหัวยาง วังยาง ถ้าจะมีการเล่นตลกหรือหักหลังคุณเมียด คน ๆ คนนั้นไม่ใช่ผม –– ผมพยายามทำตามอย่างที่จะให้โอกาสคุณเมียด เพราะรู้ดีว่าชีวิตและอนาคตของพวกปากคลองทุกคนขึ้นอยู่กับโป่งน้ำร้อน ถึงจะเจรจาชักจูงหรือหว่านล้อมสักเท่าใด ก็คงไม่ทำให้ใครเปลี่ยนใจไปได้ข้อนี้ ผมควรจะรู้ดีกว่าใคร ๆ ถึงไม่ใช่ฐานะคนปากคลองโดยเลือดเนื้อเชื้อไข กายและใจผมก็เป็นชาวปากคลองมาเป็นเวลาช้านาน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน หัวเราะและร้องไห้มาด้วยกัน ตายร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง เกิดร่วมกันมาแล้วหลายหน”

ในท่าที่ยืนอยู่เช่นนั้น เขาไม่สามารถแลเห็นสีหน้า และนัยน์ตาหล่อนได้ นอกจากเบื้องหลังของไหล่ที่คุ้ม และศีรษะที่ก้ม ไม่มีใครเอาใจใส่กับเจ้ากะเหรี่ยงคนใช้ของพะโป้ ซึ่งค่อย ๆ เลี่ยงออกไปจากห้องนั้นด้วยกิริยาตื่น ๆ รื่นยืนรอคอยคำตอบอยู่นาน แต่ทั้งหมดที่ได้รับก็เพียงเสียงถอนใจ เขาก้าวออกไปที่ประตูหันกลับไปดูร่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง อุปาทานทำให้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากที่หนึ่งที่ใดในห้องนั้น เบาๆ ต่อมาเขาก็รีบสาวเท้าลงมาจากศาลากลางโดยเร็ว!

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ