เสียงใบระกา ต้องลมเวลาเช้ากรุ๋งกริ๋งอยู่รอบฉัตร เหนือยอดองค์พระธาตุเท่านั้น ที่ต้อนรับท่านเจ้าคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ขณะเมื่อเข้าสู่ลานวัดกุฏิใต้

ทั่วทั้งบริเวณเงียบเชียบเหมือนปราศจากทั้งพระทั้งเณรและลูกศิษย์ ตามศาลาและกุฏิก็ว่างเปล่า สุนัขที่เคยได้ยินเสียงเห่าหรือวิ่งพล่านก็หายไป วัดทั้งวัดเหมือนจะร้างมาเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี ความวังเวงจากความเงียบและความว่างเปล่า รู้สึกวังเวงยิ่งขึ้นด้วยกลิ่นจำปาตามบริเวณลานพระบรมธาตุ และบุนนาคริมกำแพงชั้นในของวัดที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

“เป็นไปได้ถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ คุณหลวง ?” ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพึมพำ โดยมิได้หันหลังกลับไปหานายอำเภอ ซึ่งยืนรวมอยู่กับคนอื่น ๆ ข้างหลัง “ทั้งบ้านไม่มีคนอยู่ ทั้งวัดไม่มีพระอาศัย ! นี่เป็นกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“ปีเศษแล้วครับผม” นายอำเภอตอบ มือทั้งสองประสานกันอยู่ข้างหน้า ทั้ง ๆ ที่ท่านเจ้าคุณมิได้หันกลับมา “ระหว่างที่ใต้เท้าลงไปรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหลัง”

ทั้งขบวนหยุดอยู่ภายใต้ต้นมะม่วงใหญ่กลางลานวัด อันรกไปด้วยใบของมันที่ร่วงหล่นลงมากองอยู่ข้างล่าง สายตาทุกคู่สอดส่ายไปรอบกาย

“ในรายงานที่ผู้ช่วยเขามีไป บอกแต่ว่าที่นี่เป็นฝีดาษกัน จนถึงกับต้องเผาบ้าน ผู้คนหนีเข้าป่า ไม่ได้บอกเลยว่าจะร้างไปทั้งหมู่บ้านและทั้งวัดวาอารามเช่นนี้” สีหน้าซึ่งยังเหลืองเพราะพิษมาเลเรียเรื้อรังของท่านเคร่งเครียด ครั้นแล้วก็หันขวับกลับไปหานายอำเภอ “มีใครมาเยี่ยมเยียน สอบสวนกันบ้างหรือเปล่า ระหว่างนั้น ?”

ละเมียดซึ่งยืนอยู่หลังลูกสาวคนโตของท่าน ไม่เคยคิดว่าสุภาพบุรุษชราผู้ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนโยน จนแลดูเกือบจะเป็นอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรผู้นี้ อาจแข็งกระด้างและดุดันไปได้เพียงใด เมื่อความรู้สึกของท่านกระทบกับความสะเทือนใจต่อภาพและเหตุการณ์ทั้งหลายแหล่ที่ผ่านมาแล้ว หล่อนชำเลืองดูนายอำเภอผู้องอาจเสมอ เป็นสง่าผ่าเผยเสมอ เมื่ออยู่แต่ลำพังกับผู้อื่น ยืนคอแข็งขาแข็ง ขณะที่ตอบ แล้วก็หันไปเสียทางอื่น

“ไม่ –– ไม่มีขอรับกระผม” วาจาเหล่านั้น ออกมาจากลำคอได้ด้วยความยากลำบากเต็มที

“เพราะอะไร ?”

“ท่านผู้ช่วยป่วยครับผม กระผมเองก็ป่วย ปลัดขวาก็ป่วย”

“และผู้ช่วยของผู้ช่วย ปลัดซ้ายของคุณหลวง ยกกระบัตร สัสดี คณะกรมการอื่น ๆ ใคร ๆ ก็ได้”

“นายเชิด อักษรเลข ข้ามมาครั้งหนึ่ง กลับไปได้สามวันก็ล้มเจ็บ จวนอยู่เจียนไป แต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าข้ามมาอีกเลย ครับผม” เมื่อได้พูดเสียครั้งหนึ่ง, ใจก็ค่อยมา เสียงของนายอำเภอ ขณะที่รายงานต่อไปจึงค่อยกล้าขึ้นเป็นลำดับ “อันที่จริงถามตาผู้เฒ่าผู้แก่ก่อน ๆ ก็ปรากฏว่า บ้านนี้เคยร้างมาหลายหนแล้วครั้งหนึ่งอหิวาตก์ ต่อมาก็รากสาด ฝีดาษนี่เป็นครั้งที่สาม เป็นเรื่องธรรมดาของคลองสวนหมาก”

“เรื่องธรรมดา!” ท่านเจ้าคุณคำรามอยู่ในลำคอคางสี่เหลี่ยมของท่าน หันกลับไปจากนายอำเภอด้วยความขัดใจจนไม่อยากแลดูหน้า “ถ้างั้นกำแพงก็ไม่ควรจะมีเจ้าเมือง ไม่ควรจะมีนายอำเภอ ผมรู้ดีก่อนที่ผมจะขึ้นมาอยู่ที่นี่ ว่าจะต้องพบกับอะไร เผชิญกับอะไร ผมเตรียมหม้อใหญ่ผูกคอผมมาอย่างท่านผู้ใหญ่เก่า ๆ ว่าสำหรับจะใส่กระดูกผมกลับไปเหมือนกัน ผมอยากจะให้ข้าราชการเมืองนี้ ทุกคนทำอย่างนั้น ถ้ายังจะรักกินเบี้ยหวัดเงินปี” สีหน้าที่แดงเรื่อขึ้นชั่วขณะหนึ่งกลับซีดลงไปอีก เมื่อหยุดนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรเลย แม้กระทั่งขุนปราบริปูหัวหน้าตำรวจภูธร ละออลูกสาวของท่าน หรือละเมียดซึ่งเจ้าคุณเรียกว่าหลานทุกคำ โดยไม่ต้องพูดถึงนายอำเภอ ซึ่งยืนคอแข็ง ขาแข็งต่อไป

“ผมทูลกับเสด็จเสนาบดีมหาดไทย ก่อนที่จะขึ้นมาคราวนี้เองว่า จะขอยกฐานะคลองสวนหมากขึ้นเป็นตำบล สมกับความสำคัญของหมู่บ้านใหญ่ ๆ เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุซึ่งชาวเมืองสองฝั่งแม่น้ำนี้กราบไหว้บูชามาเป็นเวลาช้านานแล้ว ท่านก็เห็นด้วย รับสั่งให้ทำรายงานลงไป” ท่านเจ้าคุณพึมพำเหมือนปรารภกับตัวเอง พลางถอนใจ “ที่นี้จะเอาอะไรรายงานลงไป หมู่บ้านที่ไม่มีคน วัดที่ไม่มีพระ น่าขันที่กำแพงไม่พลอยไม่มีพลเมืองไปเสียด้วย โดยผมไม่รู้ – – ผมซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด !”

“คุณพ่อคะ ?” ละออ ลูกสาวของท่านเอ่ย

“อะไรกันยายเล็ก ” ท่านเจ้าคุณหันกลับมาอีกสีหน้าซึ่งยังซีดของท่านบอกความเหน็ดเหนื่อย น้ำเสียงที่ถามบอกความอ่อนใจ

ละออยกมือชี้ไปทางกำแพงชั้นในซึ่งล้อมองค์พระบรมธาตุ และควันไฟที่ลอยกรุ่นอยู่เหนือหลังคาโบสถ์เบื้องหลังออกไป ทุกคนแลตามเป็นตาเดียว

“บางทีพระที่เหลือ จะไปจำวัดรวมกันอยู่ทางโน้นกระมัง?” นายอำเภอเสนอความคิดโดยมิได้เฉพาะเจาะจงว่าจะพูดกับผู้ใด “หรือไม่ก็เด็กวัดที่เราพอจะถามเรื่องราวได้”

“ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ไม่รู้ความเป็นอยู่ของผู้คนในปกครอง นายอำเภอที่ไม่รู้ว่าท้องที่ของตนร้างไปทั้งท้องที่” ท่านเจ้าคุณพึมพำอีกออกเดินตรงไปทางทิศนั้น ทุกคนก็ตามท่านไปหย่างเงียบๆ

ละเมียดชำเลืองดูกุฏิเหนือ และหอระฆังที่ว่างเปล่าหน่อยหนึ่ง ขณะที่ผ่านช่องกำแพงแลง เข้าไปในลานพระบรมธาตุ ความสงัดเงียบและอ้างว้าง ทำให้หล่อนรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดถึงอนาคตของคนเหล่านั้นโดยทั่ว ๆ ไปและเขาโดยเฉพาะ

หล่อนรู้ นับแต่วินาทีแรกที่ขึ้นมาถึงกำแพงเพชรปลายปีนั้น พร้อมกับท่านเจ้าคุณผู้ว่าราชการ ถึงความพินาศของคลองสวนหมากทั้งหมู่บ้าน จากลูกค้าไม้ชาววังยางและหนองปลิง มากกว่าจากพวกข้าราชการ เพราะฉะนั้นจึงไม่ประสงค์จะแสดงอะไรออกไปในขณะที่หลวงราชบริการ นายอำเภอรายงานต่อท่านเจ้าคุณให้เป็นที่อึดอัด ชาวบ้านทั้งปวงบอกหล่อนว่าในวัดยังมีพระและคลองสวนหมากยังมีเขา แต่จนกว่าจะเจอะใครที่สามารถให้รายการละเอียดได้ หล่อนก็ยังไม่แน่ใจว่ารื่นยังอยู่ที่วังกระทะ หรือที่หนึ่งที่ใดในตำบลนั้น

ผ่านลานพระบรมธาตุ อันหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นจำปา ซึ่งเหลืองอยู่เต็มต้นจนพ้นองค์พระไปถึงพัทธสีมา หน้าโบสถ์ท้ายวัด ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเดินนำขบวนของท่านไปตามถนนอิฐที่เขียวไปด้วยตะไคร่ จนกระทั่งพ้นป่ากล้วย และถึงกลุ่มควันอันเกิดจากการเผากองหญ้าจึงแลเห็นประตูโบสถ์ข้างหน้าเปิดอยู่พร้อมด้วยกลิ่นธูปและควันเทียน ลอยออกมาก่อนที่จะตกลงใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป พระองค์หนึ่งผ่ายผอมและซูบซีดเหมือนเพิ่งฟื้นจากโรคภัยใหม่ ๆ ภายในสบงเก่าๆ และอังสะที่ดูเหมือนจะไม่เคยเปลี่ยน ก็เลี้ยวออกมาจากมุมโบสถ์ แล้วหยุดชะงักยืนดูคณะผู้ล่วงล้ำเข้าไปด้วยความแปลกใจ

“ผมมาจากเมือง” ท่านเจ้าคุณก้มลงมนัสการ “ท่านเห็นจะเป็นองค์เดียวที่จำวัดอยู่ในโบสถ์นี้”

“เปล่า, ท่านพระครูกับท่านปลัดก็อยู่ที่นี่ – เราอยู่ด้วยกันสามรูปเท่านั้น”

“ไม่มีลูกศิษย์ลูกหา อะไรเลยหรือครับ ?”

“ไม่มี”

“ทำไม ผมจะได้พบท่านพระครู”

“เวลานี้กำลังสวดมนต์อยู่ข้างใน”

“งั้นกรุณาให้ท่านทราบสักหน่อยว่า พระยากำแพงมาเยี่ยม”

พระรูปนั้นก็ทำนองเดียวกับชาวบ้านทั่วไป ที่เกือบไม่มีโอกาสจะได้เคยพบหน้าค่าตาเจ้าเมืองมาแต่ก่อน เพราะฉะนั้นกิริยาอากาศของท่านจึงงก ๆ เงิ่นๆ ขยักขย่อน แม้กระทั่งอดก้มไม่ได้ ขณะที่ผ่านหน้าคณะท่านเจ้าคุณเข้าไปในโบสถ์ ได้ยินเสียงพึมพำปรากฏขึ้นข้างใน สักครู่ ท่านพระครูอยู่ในสภาพครองจีวรเรียบร้อยเพราะกำลังสวดมนต์ภาวนา หน้าตาและผิวพรรณท่านสดใสแม้อายุจะอยู่ในวัยเดียวกันกับท่านเจ้าคุณก็เดินอ้อมเบื้องหลังพระประธารออกมาที่หน้าประตู

“เชิญข้างใน เจ้าคุณ” ท่านปราศัยด้วยเสียงกังวานอันไพเราะ “นี่กลับมาจากบางกอกแต่เมื่อไหร่ ?”

“เมื่อวานซืนนี้เองขอรับ” ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยคณะของท่าน ถอดรองเท้าแล้วตามหลังเข้าไป จนกระทั่งถึงกลางโบสถ์จึงก้มลงกราบพระพุทธรูป ซึ่งสุกเรืองอยู่กลางแสงเทียน และแสงสว่าง ที่ส่องลอดหน้าต่างโบสถ์เข้ามาจากภายนอกแลดูกระหึ่ม

“ผมกลับมา ได้ข่าวว่าปีกลายฝีดาษกินเสียเตียนไปทั้งคลองเหนือคลองใต้ ก็รีบข้ามมาเยี่ยม” ท่านเจ้าคุณบอกด้วยเสียงและสีหน้าสลด “อเนจอนาถอะไรเช่นนั้น ตั้งแต่คลองเหนือ บ้านไร่ คลองใต้ หาผู้คนอยู่สักบ้านไม่ได้ พะโป้เองก็ยังไม่กลับจากแม่พล้อ วัดท่าหมันก็ร้าง ทั้งตลาดคลองเหนือเหลือแต่เจ็กขายของอยู่สองสามครัว เมื่อเข้ามาที่วัดเห็นเงียบก็ใจหาย คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าท่านพระครูเสียแล้ว”

“ก็หวุดหวิดไปเหมือนกัน เจ้าคุณ” ท่านเจ้าอาวาสบอก “ฉันออกฝีเหมือนกัน แต่อาการไม่ร้ายแรงอย่างคนอื่น ๆ เขาเป็นอยู่ราวเจ็ดแปดวันก็หาย ขณะที่พวกชาวบ้านตายกันเป็นเบือ ทั้งวัดไม่มีเหลือ นอกจากคุณไปล่ คุณปลัด กับฉันเท่านั้น เด็กเล็กที่ฝากไว้ก็หนีตามไปอยู่กับพ่อแม่พี่น้องหมด เมื่อผู้ใหญ่รื่นเขาพาอพยพออกไปอยู่ที่วังกระทะ – –”

หัวใจของละเมียดเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินนามนั้น หล่อนก้มหน้าซึ่งร้อนผ่าวลงมองดูพื้นไม่กล้าหันไปสบตาผู้ใด ในใจเร่าร้อนที่จะได้ฟังข่าวคราวละเอียดของเขาต่อไป และท่านเจ้าคุณทำให้ความปรารถนาของหล่อนเป็นไปได้ เหมือนถูกเทพยดาดลใจ

“นี่ยังอยู่กันที่นั่นทั้งนั้นหรือครับ ท่านพระครู?” ท่านถาม

“ยังอยู่กันที่นั่นทั้งนั้นเจริญพร” ท่านเจ้าอาวาสบอก “ช้าๆ นาน ๆ จะมีคนออกมาดูแลข้าวปลาอาหารที่นี่ ตลอดจนบ้านเรือนที่ยังเหลืออยู่สักครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าย้ายออกมาอยู่ทีเดียว ทุกคนกลัวยังไม่หาย มันไม่ใช่โชคร้ายอย่างเดียว แต่เรื่องคนตายด้วย เจ้าคุณก็รู้อยู่แล้วถึงเรื่องความเชื่อถือผีสางของคนบ้านนี้ พวกเวียงจันทน์ที่บ้านไร่ ยิ่งกว่าใคร ๆ”

“ครับ ผมเข้าใจ” ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพึมพำ “แต่จะปล่อยให้ร้างอยู่อย่างนี้กระไรได้ เราควรจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป เพื่อให้เป็นหมู่บ้านตำบลที่ผู้คนจะอยู่อาศัยได้”

“ก็เจ้าคุณจะทำอย่างไร ?” ท่านพระครูตั้งกระทู้ถาม “ฉันเองพยายามมาหลายครั้งแล้ว ถึงผู้ใหญ่รื่นก็เหมือนกัน คน ๆ นั้นน่ะ เหมาะสำหรับเกิดมาเป็นหัวหน้า ถ้าไม่ได้เขา ชาวบ้านที่เหลือก็คงแตกฉานซ่านเซ็นไป ไม่รู้ว่าไหนต่อไหน ฉันเองกับพระที่นี่ก็คงจะอยู่ในที่ลำบากอาจจะต้องข้ามไปบิณฑบาตรถึงในเมือง”

ท่านเจ้าคุณหันไปพิจารณาบรรดาผู้ที่อยู่ในคณะของท่าน แต่ละหน้ามีแต่งงงัน แต่ละหน้าไม่สามารถจะให้ความสว่างอะไรแก่ท่านได้ทั้งนั้นนอกจากละเมียด ซึ่งเงยขึ้นมองดูตาท่านเหมือนอยากจะพูด

“อะไรกัน แม่เมียด ?”

“ดิฉันเคยได้ยินจากพวกมิชชั่นนารีที่กรุงเทพฯ ค่ะ คุณลุงคะ ว่าฝีดาษต่อไปอาจป้องกันได้ด้วยการปลูกฝี” หล่อนบอก

“ข้อนั้นลุงก็ได้ยินมาเหมือนกัน” ท่านเจ้าคุณว่า “แต่ปัญหาเวลานี้มันอยู่ที่ว่า ทำยังไงถึงจะให้คนพวกนั้นเขาเชื่อได้ว่า โรคร้ายโรคนั้นคงหมดไปแล้วจากหมู่บ้าน ที่เขาละทิ้งไปเป็นเวลาแรมปี ไหนจะไฟที่เผาบ้านไหนจะกาลเวลา ไหนจะแดดและลม–ลุงเคยสนทนากับหมอฝรั่งเขาบอกว่า ถ้าสาดปูนขาวหรือรมด้วยควันกำมะถัน อย่างที่ทำกันตามบ้านที่กาฬโรคหรืออหิวาตกลงกิน บ้านนั้นก็จะปลอดภัยอยู่กันได้ต่อไป”

“ผู้ใหญ่รื่นเขาลองจัดการหมดแล้วตามวิธีที่เจ้าคุณว่า แต่พวกนั้นก็ยังไม่กล้าอพยพกลับ” ท่านพระครูบอก “ตกลงก็ต้องอยู่ด้วยกันที่วังกระทะต่อไป จะทำไงล่ะ ขวัญเสีย ๆ หมดแล้วนี่พวกนั้น”

“กระผมยังเห็นอยู่ก็แต่ทางอำนาจบ้านเมือง–” หลวงราชบริการเสนอความเห็นสอด

“บ้านเมืองเคยให้ความช่วยเหลืออะไรเขาได้ ในเวลาตกอยู่ในอันตราย” เสียงของผู้ว่าราชการจังหวัดต่ำ ๆ แต่สายตาของท่านเป็นประกายจนนายอำเภอต้องหลบ “การใช้อำนาจทางบ้านเมือง ควรจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบสุขเรียบร้อยของราษฎรเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายปกครองที่จะทำรายงานไปถึงท่านผู้ใหญ่ได้เฉพาะๆ พวกนั้นอพยพจากบ้านนี้ไปเพราะความจำเป็นบังคับ การเผาบ้านช่องเหย้าเรือนวอดวายไปด้วยเหตุนั้น การกลับคืนสู่ถิ่นเก่า สำหรับจะทำกินต่อไปอยู่ที่ความสมัครใจของเขา ไม่ใช่อยู่ที่การใช้อำนาจของเรา นั่นไม่ใช่การปกครอง”

สายตาของท่านพระครู ที่มองดูคนโน้นทีคนนี้ทีเต็มไปด้วยความรู้สึก เพียงแต่ท่านไม่แสดงออกมานอกหน้าเท่านั้น

“ถูกของเจ้าคุณ ฉันเห็นด้วย” ท่านพูดเรียบๆ “นอกจากนั้นการใช้อำนาจกับคนพวกนี้ จะไม่มีประโยชน์เลยตราบใดที่ยังมีผู้ใหญ่รื่นเป็นหัวหน้าของเขา คนเราจะจูงใจกันได้ด้วยศรัทธา อาตมาเอง – –” ท่านเปลี่ยนสรรพนามทันที ขณะที่หันไปหานายอำเภอ “จนปัญญาเหมือนกัน เมื่อปรากฏว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรเขาได้ในยามคับขัน ทางพระให้เพียงการปลอบใจ แต่ถึงพระก็ไม่สามารถจะให้ความช่วยเหลืออะไรได้เมื่อความตายมาถึง เวลานี้ศรัทธาของพวกนั้นยังมีต่อพระศาสนาอยู่ ก็เพราะหมายถึงชีวิตอนาคตแต่ศรัทธาของเขาที่มีต่อผู้ใหญ่รื่นหมายถึงปัจจุบัน คุณหลวงสามารถทำให้คน ๆ นั้นศรัทธาต่อคนหลวง จนถึงกับยอมกลับมาอยู่บ้านเดิมได้เมื่อไรคนทั้งหลายที่วังกระทะก็จะติดตามมา–”

ท่านเจ้าคุณผู้ว่าราชการจังหวัดเงยหน้าขึ้นชำเลืองดูพระพักตร์ของพระประธาน ความเปล่งปลั่งอิ่มเอิบของพระพักตร์นั้น ส่องความรู้สึกอบอุ่นเข้าไปในทรวงอกของท่าน ประกายสว่างขององค์พระ อันเกิดจากเปลวเทียน ที่จุดอยู่กับราวบูชาข้างหน้าส่องต้องก็เช่นเดียวกัน ภายในโบสถ์ซึ่งกระหึ่มอยู่เมื่อสักครู่ ดูสว่างไสวขึ้นด้วยความหวัง

“ถ้าท่านพระครูเชื่ออย่างนั้น พรุ่งนี้ ผมจะเดินทางเข้าไปพบกับผู้ใหญ่รื่นเอง” ท่านพึมพำพลางก้มลงกราบ

“คุณลุงคะ ?” ละเมียดพยายามกระอึกกระอักคำพูดไม่ค่อยจะล่วงพ้นออกมาจากลำคอได้ จนกระทั่งละออเองแปลกใจ

“ว่าอะไร หลาน”

“ดิฉัน – – ดิฉันขอติดตามไปด้วยคน !”

“สนุกอะไรนะแม่เมียด” ละออซึ่งอาวุโสกว่ากระซิบดุ

“เถอะน่า ฉันอยากรู้อยากเห็นว่า วังกระทะเป็นอย่างไร”

“ไหนนัดกับนายเสถียรเขาว่าจะไปเที่ยวเมืองเก่า”

“ให้เขาไปกะพวกที่มาจากกรุงได้”

“ก็ตามใจ” ท่านเจ้าคุณบอก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ