อุบัติเหตุอันเกิดจากรถตู้ตกรางขวางหน้าอยู่ที่สถานีงิ้วราย เป็นเหตุให้ขบวนรถจากนครปฐมเที่ยวสุดท้ายเสียเวลามาถึงสถานีบางกอกน้อยเอาต่อเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน แม้กระนั้นสามยอดก็ยังสว่างไสว เมื่อสุดใจ จำปา และเรืองข้ามฟากไปถึงที่พักหน้าโรงหวย สามยอดไม่มีเวลาหลับ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีเวลาตื่น ไม่ว่าจะเป็นกลางคืนหรือกลางวัน ๒๔ ชั่วโมงใน ๑ วัน ๓๐ วันใน ๑ เดือน ๑๒ เดือนใน ๑ ปี ชั่วชีวิตของสามยอดสมัยนั้นไม่มีเวลาหลับ นับแต่ชีวิตหวย ถั่ว และโป เริ่มต้น ถนนใหม่ทั้งสายอาจจะว่างเปล่า เงียบเหงา และมืดสนิท แต่ไม่ใช่ระหว่างสามยอดและสะพานเหล็ก เที่ยงคืนเป็นเวลาที่ทุกคนซึ่งหากินอยู่ในย่านนั้นยังตื่น บรรดาผีเสื้อราตรียืนชะม้อยชะม้ายอยู่ในเงามืดตามซอกตามมุม สายตาอันกระหายหิวของฉลามร้ายยังสอดส่ายหาเหยื่อ และทุกหูคอยสดับตรับฟังจีนแบกป้ายขานหวย สำหรับหัวใจจะลิงโลดหรือหดหู่ ผู้คนทุกสารทิศมาที่นั่นด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะรวยด้วยกัน การหลับนอนไม่สำคัญ กาลเวลาดูเกือบไม่มีความหมายอะไร

จีนเจ้าของที่พักผู้เกือบไม่เคยลุกจากโต๊ะเลย นอกจากเวลาจำเป็นเงยหน้าขึ้นดูอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นเรืองหิ้วกระเป๋าและชะลอมผลไม้ซึ่งซื้อมากลางทางพะรุงพะรังเข้าไป ในขณะที่สุดใจและจำปายังต่อล้อต่อเถียงอยู่กับคนขับรถม้าเช่า ซึ่งเกี่ยงจะเอาค่าโดยสารเพิ่ม

“มาทังลายหลึก ๆ ต. เรือจ้างออกเลี้ยว!” เขาร้องทักเรืองพลางถอนใจ “ตั้งแต่ลื้อไป ต. เรือจ้างออกติก ๆ กังอยู่ไล่ทุกคึง”

เรืองหัวเราะ “แล้วพี่รื่นแทงตัวอะไร”

จีนเจ้าของที่พักผู้อัธยาศัยดีส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“อีเป็งการะเกก ขี่ม้าเทกแทงอย่างอื่ง มี่แทงหวย” หันไปมองสุดใจและจำปา ซึ่งยังเกี่ยง าคา อยู่กับคนขับรถม้า “ทะเลาะกังทำลาย?”

เรืองยังไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน จนกระทั่งฟังดูชักจะขึ้นเสียงดังทั้งสองฝ่ายและใครต่อใครเข้ามาล้อมดูอยู่โดยรอบ จึงวางกระเป๋ากับชะลอมฝากจีนเจ้าของที่พักไว้ออกไปยืนอยู่ข้างหลังสุดใจ

“อะไรกันล่ะ ?”

“อ้ายแป๊ะนี่มันจะเอาอีกสองสลึง บอกว่าดึกแล้วก็ไกล” จำปาบอก

“อ๊ะ ก็ตกลงราคากันบาทนึงแพงพออยู่แล้ว ไงมาเพิ่มอีกล่ะ?”

“อั๊วขับไกน่า จากท่าช้างพาลื้ออ้อมทุ่งพระเมรุสองรอบ อีกสองสลึงมี่แพง” ตาแป๊ะยืนยัน

“ตกลงกันมาบาทเดียวเท่านั้น อั๊วไม่ให้อีก” จำปาเถียงไม่ลดละ

การโต้เถียงคงจะกินเวลาไปอีกนาน แม้เรืองจะออกไปช่วยยืนยันเป็น ๓ แรง ถ้าจีนเจ้าของที่พักไม่ออกไปไกล่เกลี่ย ส่งภาษาโล้งเล้งกับตาแป๊ะขับรถอยู่สองสามคำ แกก็ลงแส้ม้า ส่ายหน้าพ้นจากบริเวณนั้นไป

“เจ๊กบ้า!” จำปาบ่น

“คงนั้ง มี่ใช่คงนี้” จีนเจ้าของที่พักอัธยาศัยดีหันมาบอก

ขณะนั้นเองที่สุดใจเหลือบไปเห็นหญิงผู้นั้นลงบันไดมา แม้ว่าหล่อนจะแต่งตัวอย่างธรรมดา และใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้แพรเพลาะคลุมศีรษะ ลักษณะและกิริยาเดินก็ดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเคยเห็นมาก่อนจนกระทั่งหล่อนก้าวออกไปสู่ถนน และหายไปในความมืดภายนอกจึงได้หันไปหาจีนเจ้าของที่พัก

“ใครกัน เถ้าแก่ ?”

จีนผู้อัธยาศัยดีตีหน้าตื่น หันไปรอบตัว

“อั๊วมิเห็งใค ?” เขาตอบอย่างซื่อและเซ่อที่สุด

“ก็ผู้หญิงที่ออกไปตะกี้น่ะ ?”

“อั๊วเห็งแต่ลื้อกะอาเจ๊สองคนเข้ามาแฮ่––”

เป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะขอความเข้าใจจากจีนผู้นั้น ทั้ง ๆ ที่หล่อนมั่นใจว่าเขารู้ความหมายคำถามของหล่อนดี ไม่มีเจ้าของที่พักเดินทางคนใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านโรงหวย และสะพานเหล็ก จะปราศจากการสังเกตคนเข้าและออกที่พักของเขาได้ ถ้ารักจะเป็นเจ้าของที่พักเดินทางต่อไป และเพราะว่าคนเราอาจจะละม้ายคล้ายคลึงกันได้ มิฉะนั้นอุปาทานก็เป็นไปเองในสถานที่อันสับสนเช่นนั้น ในไม่ช้าภาพและเหตุการณ์ดังกล่าวก็อันตรธานไปจากความสนใจของหล่อน

ทุกห้องข้างบนดับไฟ ทุกประตูปิดสนิท นอกจากห้องของหล่อนและรื่น สุดใจหันไปบุ้ยใบ้กับเรืองและจำปาซึ่งกำลังไขกุญแจห้องถัดไป ด้วยเกรงสามีจะตื่น ขณะนั้นรื่นนอนหงาย หลังมือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง แต่เพียงก้าวแรกที่หล่อนข้ามพ้นธรณีประตูเข้าไปเท่านั้น เขาก็ร้องถามว่า

“ทำไมมาจนป่านนี้ ? มืด ๆ ค่ำ ๆ ไม่ดีเลย”

“รถขบวนของเรามาติดรถตกรางที่งิ้วรายจ้ะ พี่รื่น” สุดใจอธิบาย “ต้องคอยรถไฟจากทางนี้ ต้องถ่ายมาขึ้นรถคันใหม่ ยังไม่ได้อาบน้ำอาบท่ากันเลย เคราะห์ดีที่กินข้าวกันมาแต่เย็น ไม่งั้นก็เห็นจะอดกันแย่” หล่อนถอดเสื้อชั้นนอกออกพาดไว้กับพนักเก้าอี้ นั่งลงที่ม้ายาวแล้วก็ถอนใจ “โฮ้ย คนหรือยังกะมดกะปลวก หายใจหายคอแทบไม่ออก แต่ก็อิ่มใจ ทำไมพี่รื่นจนป่านนี้ ? ประตูหลังก็ไม่ปิด ทำดีไปเถอะ เดี๋ยวได้หมดตัว”

เขาลดมือลงจากหน้าผาก อ้าปากหาวแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง หนังตาหรี่จะปิดเสียให้ได้ด้วยความงัวเงีย

“มันนอนไม่หลับ ร้อนรึยังกะอยู่ในเตาอบ แล้วก็คิดถึงเอ็ง” เขาอ้าปากหาวอีก

“อย่ามาปากดีหน่อยเลย” สุดใจอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นอภินันทนาการอันเคยฟังเสียจนชินหู “ง่วงก็นอนเสียเถอะฉันจะไปอาบน้ำ”

๒๐ นาทีต่อมา ขณะที่กลับจากห้องน้ำ รื่นก็หลับสนิทแล้ว เสียงกรนสนั่นแข่งกันกับเรืองซึ่งอยู่คนละฝาห้องกั้น สุดใจนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สางผมพลางชำเลืองดูภาพนั้นจากกระจก แล้วก็อดรู้สึกปลาบเข้าหัวใจไม่ได้ว่า ธุระการงานระหว่างหล่อนไม่อยู่จะทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยสักเพียงไหน ชีวิตของเขาและหล่อนทั้งชีวิตดูจะไม่มีอะไร นอกจากงาน –– งาน และงานต่อเนื่องกันไป แม้ในการลงมาเที่ยว เพื่อพักผ่อนหย่อนใจครั้งนี้ก็หนีไม่พ้นงาน กำลังจ้องดูใบหน้าอันแสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยและเคราซึ่งเขียวเหมือนไม่ได้โกนมาสัก ๓ วันนั่นเอง รื่นก็พลิกตัวลืมตาขึ้นแลสบกันกับตาหล่อนในกระจก

“ยังไม่นอนอีกหรือสุดใจ ?” เขาถามเสียงงัวเงียต่อมาก็หรี่ตาหลับต่อไปใหม่

สุดใจลุกขึ้นจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เดินไปนั่งลงที่ขอบเตียง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ใส่กลอนประตูและปิดไฟ แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น สายตาก็เหลือบไปเห็นผมเส้นหนึ่งติดอยู่ที่หมอน หล่อนหยิบขึ้นมาส่องดูกับแสงไฟ สีและกลิ่นของมันบอกว่ามิใช่ของหล่อน มิใช่ของจำปาผู้เคยเข้ามานอนคลุกคลีอยู่ด้วยกัน ระหว่างรื่นและเรืองออกไปธุระข้างนอก ดำสนิทและอ่อนสลวยหอมกรุ่นไปด้วยน้ำดอกไม้เทศ ซึ่งหล่อนและจำปาไม่เคยใช้ ไฟดวงนั้นก็พร่าไปเพราะหยาดน้ำตาที่ซึมออกมาคลอหน่วย ในที่สุดก็ปล่อยให้มันหลุดมือลอยลงไปคลุกคลีอยู่กับฝุ่นที่พื้นห้องพร้อมด้วยยิ้มเศร้าๆ ที่ริมฝีปาก

ของผู้หญิงคนนั้นหล่อนคิด ของผู้หญิงงามเมืองที่หากินด้วยความปรารถนาของผู้ชาย แม้ในเวลาที่เมียของตนไม่อยู่เพียงวันสองวัน ซึ่งหลีกทางกันกับหล่อนที่เชิงบันไดข้างล่าง หล่อนถอนใจ ลุกขึ้นไปใส่กลอนประตู ดับไฟแล้วก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่หลับ กลิ่นเดียวกันกับที่หล่อนได้รับจากผมเส้นนั้นติดอยู่ที่หมอน แม้จะอ่อนก็รุนแรงแทบสำลักสำหรับความรู้สึกของสุดใจ หล่อนพลิกตัวกระสับกระส่ายเพื่อจะหลีกให้พ้นจากมัน แต่ก็เป็นการสุดวิสัย ที่ใดศีรษะรื่นหนุนหล่อนจะห่างไปไม่ได้ ไม่ว่าจะซ้ำกับรอยเก่าของใครหรืออะไร ตราบใดที่หัวใจหล่อนยังเป็นของเขา มีอะไรบ้างที่ผู้หญิงเราซึ่งอยู่ในความรักจะให้อภัยไม่ได้ เสียสละไม่ได้ หล่อนรู้ว่ารื่นนอกใจหล่อน แม้จะกับหญิงเสเพลเช่นนั้น มันอาจจะเป็นของธรรมดาสามัญสำหรับผู้ชายทั่วไป แต่สุดใจก็อดแสดงไม่ได้ เมื่อคิดถึงความรักและลูกซึ่งหล่อนได้มอบให้แก่เขาและเกิดกับเขา เปล่าหล่อนมิได้เสียใจอย่างจริงจังอะไร วัยของคนเรา เกินเสียแล้วสำหรับความรู้สึกอันอ่อนไหว เต็มไปด้วยความหึงและหวงแหนเช่นนั้น

ฉันจะไม่พูดกับเขาเลยถึงเรื่องนี้ หล่อนคิดอีก พลิกตัวหันหน้าหนีจากเขา ขณะนั้นเองรื่นก็ตื่น

“เป็นอะไรไป สุดใจ ?” คราวนี้ไม่มีอาการงัวเงียอยู่ในเสียงนั้นเลย

“เปล่าจ้ะ มันนอนไม่หลับเอง” หล่อนบอก “ร้อน แล้วก็กลิ่นน้ำอบใหม่ที่พี่รื่นใช้”

เงียบกันไปสักครู่ท่ามกลางอาการเต้นแรงของหัวใจ หล่อนคิดว่าปลงตกแล้วที่จะไม่ระแคะระคายอะไรให้เป็นที่เฉลียวใจแก่เขา แต่ถึงคราวเข้าจริงกลับอดแสดงออกมาไม่ได้ จากอาการเงียบนั้น และถอนใจแรงของเขา หล่อนรู้ว่า ณ ที่เดียวกับที่หล่อนนอนอยู่ เมื่อสักครู่เป็นที่นอนของอีกร่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของเขา ฉะนั้นเปล่าประโยชน์ที่จะปิดบังกันซ่อนเร้นกันอีกต่อไป

“ใครกันจ๊ะ พี่รื่น ?”

“ใคร ?”

“ผู้หญิงที่ลงไปเมื่อตะกี้น่ะ เอาผ้าคลุมผมยังกะแขก”

“แปลก ! ข้าไม่เคยเห็นใครแต่งตัวอย่างนั้นผ่านหน้าห้องไป ข้าไม่ได้หลับเลยจนงีบเดียว”

สุดใจเดือดดาลขึ้นมาทันที

“ฉันไม่ได้ว่าไป ฉันว่าเข้ามาที่นี่ – – ห้องนี้ พี่รื่นถึงไม่ได้หลับได้นอนจนงีบเดียว” หล่อนหยุดเว้นระยะเหมือนจะให้โอกาสเขาแก้ตัว แต่รื่นไม่ปริปากจนคำเดียว ในที่สุดสุดใจก็ได้แต่ร้องไห้ – – ร้องเงียบ ๆ อยู่แต่ในใจ อาการสะอื้นเบา ๆ ของหล่อนเวลาพูดเท่านั้นแสดงให้เขารู้ “โธ่ ตายอดตายอยากอะไรนักหนา พี่รื่นถึงกับคว้าผู้หญิงพรรค์นั้น นอนร่วมที่นอนเดียวกับฉันเสียด้วย อดไม่ได้จริง ๆ ละก้อ ทำไมไม่พากันไปที่อื่น อย่าให้รู้ให้เห็นฉันจะไม่ว่าเลย”

สามีไม่ตอบว่ากระไร เสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขาอยู่ข้างหู บอกให้รู้ว่ายังตื่นอยู่เต็มที่

“บอกฉันตรง ๆ ได้ไหมพี่รื่นว่า ไปยังไงมายังไงกัน ถึงได้ให้มันสะเออะขึ้นมาที่นี่ ?” ในที่สุดหล่อนเอ่ยอีก เสียงอ่อนลงไป “ใครหามาให้? หรือไปคว้ามาเองจากไหน ?”

“เขาตรงเข้ามาหาข้าในนี้ แล้วเขาก็กลับออกไป”

“อ้อ เท่านั้นเอง!”

“โธ่ สุดใจ เอ็งรู้แล้วว่าเรื่องพรรค์นั้นเป็นอย่างไร ทำไมจะต้องให้อธิบายอีก”

“ฉันรู้แต่ว่าพี่รื่นยังกะคนไม่มีหัวใจ........”

“อย่าอึงไปน่าดึกแล้ว อายเขา”

“แล้วฉันก็ยังเชื่ออยู่ได้ทุกคราว ที่พี่รื่นบอกว่ารักฉันคนเดียว”

“ข้ารักเอ็งจริง ๆ นะสุดใจ”

“รักทำไมถึงทำยังงั้น ?”

“ทำยังไง?”

“หมั่นไส้ ! ก็อีแขกเมื่อกี้น่ะซี

เสียงถอนใจยาวดังมาจากเขา

“อย่าไปเอาใจใส่กับคนพรรค์นั้น เปรียบกันไม่ได้หรอกกับผู้หญิงอย่างเอ็ง คืนเดียวก็จากกันไป ไม่เหมือนเอ็งกับข้า ชั่วชีวิตแยกจากกันไม่ได้ ลูกเต้าหรือตั้งโขยงเป็นพยานอยู่”

หล่อนรู้ว่าผลที่สุดมันก็ลงเอยเช่นนั้น เหตุการณ์อันใด ร้ายหรือดีก็ตาม จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตรักของหล่อนและเขา ในที่สุดมันก็จะลงเอยอย่างเมื่อเริ่มต้น หล่อนรู้ เชื่อและมั่นใจ โดยไม่มีเหตุผลว่าทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริงทุกประการ ไม่ว่าอุปสรรคอันใดจะขวางหน้า ไม่ว่าความผันแปรใด ๆ จะเกิดขึ้น หล่อนและรื่นไม่มีวันจะแยกกันออก พร้อม ๆ กับความสำนึกนั้น ทั้ง ๆ ที่อาการสะอื้นยังเครืออยู่ในวาจาตัดพ้อต่อว่า ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคลอหน่วย และลำแขนอันแข็งแรงทั้งคู่ของเขาโอบอยู่รอบกาย นัยน์ตาของสุดใจก็หรี่หลับปล่อยความรู้สึก ให้ล่องลอยไปในความเวิ้งว้างว่างเปล่า ก่อนวาจาที่แผ่วจะทันขาดหายไปในลำคอและน้ำตาจะแห้งผาก

ก้าวออกมาจากที่พักแรมแห่งนั้น ด้วยอาการกลั้นใจเหมือนคนสำลักน้ำ ละเมียดถอนใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นถนนภายนอก และลมเย็นพัดมาต้องหน้าที่ยังร้อนผ่าวไปด้วยความอัปยศอดสู หล่อนรู้ว่า ชั่วขณะที่ความอ่อนแอโจมเข้าจับหัวใจ และเรือนกายตกอยู่ในการครอบงำของความปรารถนาอันแรงกล้า หล่อนได้ปล่อยตัวให้กับการตกลงใจ ซึ่งเสี่ยงอันตรายที่สุดต่อกาลอวสานของฐานะและอนาคต หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่ควรจะพบกับเขาที่บ้าน แม้กระนั้นบ้านก็ยังเป็นสถานที่มิดชิดปิดบังยิ่งกว่าที่พักเดินทาง ซึ่งเปิดเผยต่อสายตาของคนทั้งหลาย อะไรเป็นเหตุให้หล่อนตัดสินใจเช่นนั้น ? เหนือสิ่งอื่นใด อะไรเป็นเหตุให้หล่อนยินยอมมาพบกับเขาอีกสองต่อสองในเวลาวิกาล และสถานที่เช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเหตุการณ์อันใดบ้างจะเกิดขึ้นภายหลังที่พยายามหักห้ามหัวใจหลีกเลี่ยงมาได้เป็นเวลาช้านาน

บางทีฉันจะอ่อนแอเกินไป หล่อนคิด บางทีก็เห็นจะเป็นเพราะฉันรักเขามากเหลือเกิน ความห่างเหินเป็นมูลเหตุหนึ่งแห่งความปรารถนา และความว้าเหว่ตลอดเวลาที่นอนเจ็บอยู่แต่ลำพังมาเป็นเวลาช้านาน เปิดโอกาสให้แก่ความคิดฟุ้งซ่าน เปล่า ! หล่อนไม่เสียใจเลยในการที่มาพบรื่นครั้งนี้ ความรักมิใช่สิ่งที่คนเราควรจะเสียใจในการให้ และชีวิตก็มิใช่สิ่งที่คนเราจะเสียใจในการรับท่ามกลางชั่วโมงมืดของกาลเวลา แต่เจิดจ้าอยู่ในหัวใจหล่อนมิได้คิดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งนั้น นอกจากโลกที่หล่อนและเขาอยู่ด้วยกันแต่ลำพัง ท่ามกลางเสียงยวดยานที่ผ่านไปมาในถนน และผู้คนซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่ตามหน้าโรงหวย โลกซึ่งทุกสิ่งสวยสดงดงาม ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำถึงชีวิตในอดีตหรือภาวะในปัจจุบัน โลกซึ่งปราศจากข้อผูกพันจากขนบประเพณีใด จนกระทั่งเสียงของสุดใจ จำปาและเรืองจากข้างล่างดังขึ้นมาทำลายโลกนั้นสลายไปในพริบตา––

หล่อนผละจากอ้อมแขนของเขากระโดดลุกขึ้นนั่งห้อยเท้าอยู่ที่ขอบเตียง เหมือนยังไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นจะเป็นเจ้าของอาสน์และหัวใจที่หล่อนล่วงล้ำเข้ามาแน่ แต่กังวานแปร่งของชาวปากคลองและกำแพงซึ่งเจนแก่ความทรงจำยืนยันว่าไม่ผิด

“ไหนรื่นว่าเขาจะกลับพรุ่งนี้ ?” หล่อนกระซิบหยิบเครื่องแต่งกายขึ้นสวมอย่างเร่งร้อน จนแทบจะลืมเสื้อชั้นใน

“เขาคงจะเปลี่ยนใจใหม่” รื่นพลอยวุ่นวายไปด้วยเหมือนกัน “สุดใจบอกกับผมอย่างนั้นจริงๆ”

เขาพยายามจะเข้ามาช่วยหล่อนหยิบโน่นจับนี่ ละเมียดโบกมือห้ามไว้

“จะทำให้โอ้เอ้เสียเวลาไปเปล่าๆ” หล่อนบอก หยิบแพรเพลาะขึ้นคลุมผม “นอนอยู่นิ่งๆ บนเตียงนั่นดีกว่า”

สายตาอันร้อนผ่าวของเขาจ้องจับอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งหล่อนสวมรองเท้าแตะเตรียมจะออกจากประตูไป จึงได้ลุกโขยกเขยกผวามากอดไว้อีกครั้งหนึ่ง

“จยุ๊! รื่น” ละเมียดห้าม

“เมื่อไหร่ผมจะได้พบคุณเมียดอีก” เขากระซิบถาม ขณะที่ก้มลงจูบที่ขมับหล่อน

“แล้วแต่เวลา อย่าให้ฉันรับรอง”

เขาพยายามจะจูบหล่อนอีกครั้ง ท่ามกลางความรู้สึกอาลัยและหวาดหวั่นซึ่งต่อสู้กันอยู่ภายใน แต่ละเมียดหลบลอดจากช่องแขนของเขาออกไปที่ประตู หล่อนยืนอยู่นิดหนึ่งที่นั่น ชะโงกหน้ามองดูทางเดินอันมืด ซึ่งไปสิ้นสุดลงตรงหัวบันได หันกลับมาชำเลืองดูเขาอีกครั้งต่อจากนั้นก็หายวับไป เหมือนซินเดอริลลาในเทพนิยายหรือความฝัน

หล่อนไม่แน่ใจว่า ภายใต้แพรเพลาะผืนนั้น สุดใจจะจำหล่อนได้หรือไม่ในขณะที่ผ่าน แต่อย่างหนึ่งซึ่งแน่นอนก็คือ ไม่เคยมีครั้งใดในชีวิตที่หัวใจจะได้รับทุกข์ทรมานเพราะความหวาดกลัวและอับอายขายหน้าเหมือนในขณะนั้น

เขาคงจะจำฉันไม่ได้ หล่อนพยายามปลอบใจตนเอง ตลอดทางที่ผ่านเงามืดของต้นไม้มาตามท้องถนน รู้สึกตนต่ำช้าไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงหากินที่เตร็ดเตร่อยู่แถวสะพานเหล็ก ถึงกระนั้นความตื่นเต้นที่ได้รับมาใหม่ ๆ ก็ยังไม่หายไปไหน สัมผัสของเขายังผ่าวอยู่ในหัวใจ เสียงพึมพำของเขายังก้องอยู่ในความทรงจำ ความรู้สึกผิดชอบอันได้รับจากการอบรมเตือนหล่อนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่แล้วมาผิดทั้งนั้น แต่มันก็ช่วยไม่ได้ หนีความจริงไม่พ้นว่า ไม่มีอะไรจะมาห้ามไม่ให้หล่อนปฏิบัติซ้ำอีกถ้าโอกาสเปิดให้

อย่างไรเสียสุดใจก็คงจำหล่อนไม่ได้ ในเครื่องแต่งกายอย่างนั้น ในแสงสว่างสลัวรางอย่างนั้น และในสถานที่เช่นนั้น โลหิตฉีดขึ้นสู่ขมับและหน้าผากร้อนผ่าวไปอีก เมื่อคิดว่าภรรยาชาวบ้านนอกของรื่น จะคิดถึงหล่อนเช่นไร ? ผู้หญิงต่ำๆ คนหนึ่งซึ่งขายร่างกายและความพอใจให้แก่ผู้ชายที่อยู่ในอารมณ์ว้าเหว่! ผู้หญิงเสเพลที่หาค่าอะไรไม่ได้! ผู้หญิงที่เป็นสาธารณสมบัติสำหรับชายหนึ่งชายใด จะหยิบฉวยเอามาตามความพอใจจากข้างถนน! หล่อนรู้สึกเกลียดตนเอง เกลียดรื่น เกลียดจนกระทั่งตาโต๊ะที่พารถม้าคันนั้นไปชนเขา ฉะนั้นจึงเป็นชนวนนำมาสู่เหตุการณ์ครั้งนี้

เสียงระฆังดังขึ้นข้างหน้า ต่อมารถม้าคันหนึ่งก็ผ่านหล่อนไป พร้อมด้วยไฟตะเกียงริบหรี่ติดอยู่สองข้างภาพของคนขับตะคุ่มอยู่ท่ามกลางความมืดของท้องถนนตอนนั้น ชาย ๒ คนซึ่งนั่งอยู่ข้างใน กระแอมไอด้วยฤทธิ์มึนเมาจากการกินเลี้ยง ณ บ้านหนึ่งแห่งใด ความกระทันหันของมันทำให้ละเอียด สะดุ้งขึ้นทั้งตัว ตาโต๊ะ! เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในความรู้สึกของหล่อน แล้วก็ถอนใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ชายชราผู้นั้นคงหลับสนิทอยู่ในบ้านเล็กของแกตามคำกำชับกำชาของหล่อนก่อนจะออกจากบ้านมา อย่างไรก็ดี รถม้าคันนั้นทำให้ละเอียดหวาดหวั่นโดยไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ หล่อนมิได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นหรือเหลียวไปดู เขาคงจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงพวกนั้น ละเมียดคิดอีก ความรู้สึกเดือดพล่านอยู่ภายในไม่มีใครเลยที่จะคิดไปเป็นอื่น ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาเดินอยู่ในถนนเวลาดึกดื่นค่อนคืนแต่ลำพังคนเดียวเช่นนี้ หล่อนเดินต่อไปอย่างเร่งร้อน ผ่านสำราญราษฎร์ วัดสระเกศ และมหาดไทยอุทิศ แต่เมื่อใกล้บ้านเข้าไปความคิดต่าง ๆ ก็กล้มรุม ทุ่มเทกลับมาอีก

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันยอมพบเขาสองต่อสองเช่นนั้นหล่อนพยายามตัดสินใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ความปรีดาปราโมทย์ชั่วขณะหนึ่งยามเดียวไม่มีอะไร นอกจากหมายถึงความทุกข์ทรมานของการคิดถึงซึ่งกันและกันต่อไปด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างตัดไม่ขาด แต่การตัดสินใจมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนเราตกอยู่ในอำนาจของความรักซึ่งสุดวิสัยที่จะปฏิเสธ สุดวิสัยที่จะลืมเสีย

ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อถึงประตูบ้านละเมียดไขกุญแจบานเล็กเปิดเข้าไป ครั้นแล้วก็ยืนหันหลังพิงนิ่งอยู่นาน เริ่มสำนึกถึงความอ่อนเพลียในการเดิน ภายหลังที่ความตื่นเต้นและความหมกมุ่นครุ่นคิดเหล่านั้นผ่านไป หล่อนรู้สึกเหมือนประตูนั้นกั้นไว้ระหว่างโลกภายนอกที่ผ่านมาแล้วกับโลกภายในที่หล่อนจะต้องเผชิญต่อไปในกาลข้างหน้า อวสานกันทีสำหรับชีวิตโสเภณีตามที่พักคนเดินทาง

หล่อนเดินต่อไปยังหน้ามุขซึ่งมืด ขณะนั้นบ้านทั้งบ้านเงียบสงัด โล่งใจที่ไม่มีใครตื่นสำหรับจะทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัดต่อสายตาอันเต็มไปด้วยความประหลาดอัศจรรย์ใจในการกลับยามวิกาลของหล่อน กลิ่นราตรีและจำปีที่ข้างรั้วลอยตามลงมาหอมตลบ ละเมียดรู้สึกได้รับความสงบเป็นครั้งแรกในคืนนั้น หล่อนหันกลับไปชำเลืองดูรอบ ๆ กายอีกครั้งเหมือนจะให้แน่ใจว่าไม่มีใครตื่นแน่ที่เรือนคนใช้ ต่อมาก็ไขประตูห้องชั้นล่างเปิดเข้าไปพลางถอนใจยาว

ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเมื่อหล่อนจากไป หล่อนมิได้เฉลียวใจจนนิดเดียวว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่าง ๒ – ๓ ชั่วโมงที่หล่อนไม่อยู่ จนกระทั่งขึ้นบันไดไปถึงชั้นบนและเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เปิดไฟสว่าง ขณะนั้นเองก็ตกตะลึงจังงังยืนตัวแข็งอยู่กับที่เหมือนถูกผีหลอก !

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ