๑๖

“เท่านั้นแหละผู้ใหญ่ ที่ฉันต้องการรู้” หลวงราชบริการเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย สีหน้าของเขาตาย กังวานเสียงก็ปราศจากความรู้สึก

ผู้ใหญ่แม้นนึกไม่ออกว่าเคยได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ และน้ำเสียงเช่นนั้นของนายอำเภอมาจากที่ไหนครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาก็ถอนหายใจเมื่อจำได้ว่าในคราวสร้างพลับพลารับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงเกือบไม่ทันกำหนดเวลา เพราะได้รับคำสั่งจากจังหวัดล่าช้าไปนั่นเอง

“อย่างนี้มันต้องโบยหลังกัน” หลวงราชบริการเคยพูดครั้งนั้นด้วยเสียงและสีหน้าอย่างเดียวกัน ท่ามกลางชาวบ้านทั้งหลายที่ไปประชุมพร้อมอยู่ ณ วังพระธาตุ

มันเกือบจะเป็นชนวนวิวาทบาดหมางระหว่างนายอำเภอกับผู้ใหญ่บ้านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาในกาลก่อน ความอดทนอย่างเหลือวิสัยเท่านั้นที่ทำให้ผู้ใหญ่แม้นอดเอาเบาสู้เพื่อถนอมน้ำใจลูกบ้านของแกไว้

“ใช้คนยังกะใช้ควาย” ชาวเกาะธำมรงค์คนหนึ่งพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึก

“เฮ่ย, นึกเสียว่าหวายหลวงเถอะวะ อ้ายเจือ” ผู้ใหญ่แม้นปลอบ “อย่าไปนึกถึงอะไรหรือใคร”

บัดนี้ หลายปีมาแล้ว แกกลับต้องเผชิญกับสีหน้าและน้ำเสียงนั้นอีกอย่างไม่ได้คาดฝัน และโดยที่มันไม่ใช่ความผิดของแกเลยจนนิดเดียว

“ไปได้ !” นัยน์ตาอันเยือกเย็นของนายอำเภอจับอยู่ที่หน้าแกเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “น่าเสียดายที่ฉันคิดว่าผู้ใหญ่เป็นพวกของฉันตลอดมา”

ในท่าที่นั่งพับเพียบตามระเบียบและประเพณีสมัยโน้น เป็นการยากที่คนเราจะแสดงไว้ตัวให้แจ้งชัดออกมาได้ แต่ตามความรู้สึกของนายเสถียรและละเมียดสองผัวเมีย ผู้ใหญ่แม้นก็ทำได้อย่างน่าพิศวง ไหล่ของแกตรง คางของแกเชิด นัยน์ตาอันเป็นประกายมิได้หลบหรือละจากนัยน์ตาอันเย็นชาคู่นั้น

“ผมไม่ใช่พวกของใคร” แกตอบเสียงเบา ไม่ก้าวร้าวหรือรุนแรงอะไร แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น “ไม้ยางเหล่านั้นกำนันรื่นตกลงไว้กับพวกชาวบ้านตั้งแต่ปากอ่าง เกาะขี้เหล็ก เกาะธำมรงค์ จนกระทั่งถึงท่าพุทรา ผมไม่รู้ว่าเขาตกลงกันไว้แต่เมื่อไร ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง และทุกรายก็ได้แก่เจ้าของที่ตกยางอยู่เป็นประจำ ใต้เท้าจะให้ผมทำอย่างไร ?”

“พวกเกาะขี้เหล็กเป็นลูกบ้านของผู้ใหญ่” เสียงหลวงราชบริการแสดงว่าอ่อนใจเต็มที่ “ผู้ใหญ่เพ็งปากอ่าง ผู้ใหญ่แก้วเกาะธำมรงค์ และผู้ใหญ่เหมือนท่าพุทราก็เป็นเพื่อนกัน”

“ครับ” สีหน้าผู้ใหญ่แม้นเคร่งเครียด

“แล้วการตกลงระหว่างกำนันรื่นกับพวกตัดยางเหล่านั้น ก็ไม่มีสัญญิงสัญญาอะไรต่อกัน”

ยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากผู้ใหญ่บ้านเกาะขี้เหล็ก ด้วยความรู้เท่าทันในความหมาย

“ผมทำไม่ได้ ผู้ใหญ่บ้านไม่มีหน้าที่จะไปบีบคั้นความสมัครใจของลูกบ้านได้ นั่นไม่ใช่นิสัยของพวกเราเมืองนี้ ใต้เท้ารู้ดี ขออย่าให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”

“ขอบใจ” เสียงของนายอำเภอเบาลงไปกว่าเก่า “ผู้ใหญ่กลับได้ !”

ละเมียดซึ่งนั่งฟังการโต้ตอบอยู่ข้างสามีตลอดเวลาโดยมิได้ปริปากแต่ประการใด อดรนทนอยู่ไม่ได้ถึงกับต้องลุกขึ้นในตอนนี้

“เดี๋ยวก่อนผู้ใหญ่” หล่อนท้วงขณะที่ผู้ใหญ่แม้นยกมือไหว้อย่างแสนฝืน “วันนี้คงกลับไม่ทันแล้ว คืนนี้พักอยู่กับฉันที่นี่ดีกว่า พรุ่งนี้เช้าจะให้เด็กมันเอาเรือไปส่ง”

สายตาของแกที่แลดูหล่อน กลับอ่อนโยนลงอย่างประหลาด

“เป็นพระคุณของคุณนายละครับ” แกบอก “แต่วันนี้มีเรือพวกปึกมะกรูดที่ขนมาเมืองแต่วาน เขาจะกลับพอจะอาศัยเขาไปได้”

“ฉัน –– ฉันอยากจะให้ผู้ใหญ่รู้ไว้ว่า ฉันไม่ติดใจอะไรเกี่ยวกับตัวผู้ใหญ่เลย” ละเมียดพูดต่อไปโดยมิได้เอาใจใส่ต่อสายตาของสามีและนายอำเภอซึ่งจับอยู่ที่หล่อนเขม็ง “ฉันนับถือผู้ใหญ่ในฐานกันเองตลอดมา จะถือเหมือนว่าเป็นเครือญาติของฉันตลอดไป”

“เป็นพระคุณของคุณนาย” ละเมียดแว่วอาการสั่นเครือในสำเนียงของชายชรา “ถึงเมื่อนี้ และเมื่อหน้าขอให้คุณนายคิดว่า ผู้ใหญ่แม้นบ้านเกาะขี้เหล็กเหมือนเป็นข้าช่วงใช้ของคุณนายอยู่เสมอ”

พร้อมด้วยประโยคสุดท้าย แกยกมือไหว้อีกครั้ง ครั้นแล้วร่างอันชราแต่ยังแข็งแรงของแกก็ลับประตูไป

ดุษณียภาพปกคลุมอยู่ในห้องนั้นอึดใจหนึ่งเต็ม ๆ ไม่มีใครกล้าจะเอ่ยอะไรขึ้นก่อน เหมือนกลัวจะได้ยินเสียงของตัวเอง แต่ลงท้ายเสียงถอนหายใจจากนายเสถียรก็ทำลายความเงียบขึ้นก่อน เสียงนั้นเป็นเหตุให้หลวงราชบริการหันกลับมาจากช่องประตูที่ชายชราเพิ่งผ่านออกไป สีหน้าของเขาไม่น่าดูเสียเลย ขณะที่เงยขึ้นมองละเมียด ต่อมาก็หันไปจับอยู่ที่หน้าของเสถียร มือที่เทอะทะของเขาเพียรยกขึ้นป้ายเหงื่อ ซึ่งซึมออกมาเกาะอยู่ที่เหนือคิ้วสลัดแล้วสลักเล่า จนแลดูเกินความจำเป็น

“เห็นไหมล่ะว่า คนดีของคุณเมียดเป็นอย่างไร ?” ริมฝีปากอันหนาของเขาเกือบมิได้เผยอ แต่เสียงที่ล่วงพ้นออกมาปร่าและแปร่งจนฟังดูเป็นเยาะ “ไม่ว่าจะจดลงไปที่ไหน เกี่ยวกับเรื่องอะไรในเมืองนี้ ดูไม่มีวันจะหนีกำนันรื่นพ้น ชั้นต้นสัมปทานป่าโป่งน้ำร้อน คราวนี้ป่าไม้ยาง มันอย่างไรกัน ผมไม่เข้าใจ ไหนคุณเสถียรว่าเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ในระหว่างพวกเราเท่านั้น”

สีหน้าของเสถียรบอกความอัศจรรย์ใจ สายตาเขาเหม่อออกไปทางหน้าต่างของห้องทำงานขณะที่ตอบ

“มันเป็นความจริง” เขายืนยัน “ตั้งแต่คุณหลวงขึ้นมาจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วยข่าวนั้น ผมไม่เคยได้แพร่งพรายกับใคร แม่เมียดก็เหมือนกัน เรารู้มานานแล้ว ว่าวันของไม้ยางจะมาถึงสักเวลาหนึ่ง เพียงแต่กำหนดแน่ไม่ได้ว่าจะเป็นเมื่อไร จนกระทั่งได้ข่าวจากคุณหลวง เราก็รีบลงมือติดต่อ กับพวกนั้นทันที ผลที่ได้รับก็คือเราสายไป ––”

หลวงราชบริการถอนใจ “สายตามเคย – – จนกระทั่งผมอดคิดไม่ได้ว่า ไปอย่างไรมาอย่างไรกันคน ๆ นั้น –– คนดีของคุณเมียด จึงรู้เรื่องนี้ ลงมือล่วงหน้ามาก่อนเราตั้งกว่าปี”

“คนเรามีหัวคิดด้วยกัน ––” ละเมียดเอ่ย แม้จะพยายามบังคับเพียงไร เสียงก็อดสั่นไม่ได้ “คุณหลวงอย่าลืมข้อนั้น แล้วก็ขอได้โปรดเข้าใจว่า เขาไม่ใช่คนดีของฉัน”

หลวงราชบริการเลิกคิ้ว พลางหัวเราะ

“เปล่า – – เปล่า อย่าเข้าใจผมผิด ว่ามีเจตนาไปก้าวร้าวล่วงเกินอะไร” เขาออกตัว “ผมหมายแต่เพียงว่า คุณเมียดอาจเผลอไปในบางเวลา ระหว่างพบปะสนทนาหรือขอให้ช่วยติดต่อในเรื่องการงาน ผมไม่ปฏิเสธว่ากำนันรื่นเป็นคนดี สำหรับพวกปากคลองและสำหรับผู้ที่ติดต่อคบหากับเขาทั่วไป แต่ในเรื่องการงานเราควรจะแยกไว้จากเรื่องส่วนตัว”

“อีฉันรับรองคุณหลวงได้แต่ว่า กำนันรื่นไม่เคยได้ข่าวอะไรไปจากฉันในเรื่องนั้น” สีหน้าของละเมียดแดงเรื่อ เสียงพูดชักดัง....จนกระทั่งสามีอดประหลาดใจไม่ได้

“ผมเข้าใจ ผมเชื่อ !” นายอำเภอโบกมือวุ่นวาย “ผมคิดว่าเรายุติเรื่องนั้นได้ แต่ไม่ใช่ในเรื่องไม้ยาง”

“คุณหลวงจะทำอย่างไรต่อไป?” เสถียรสงสัย

“คุณเสถียรอย่าลืมว่าผมเป็นนายอำเภอ.............. อย่าลืมว่ากฎหมายป่าไม้อาจจะคุ้มครองไม่ถึงไม้ยาง แต่ผมยังมีอำนาจกฎหมายในเรื่องอนุญาตหรือไม่อนุญาตการจับจองที่ดินใดๆ ในท้องที่อำเภอเมือง”

เสถียรมองดูสหายและหุ้นส่วนของเขาด้วยอาการตะลึง

“นั่น...นั่นจะทำให้เกิดเรื่องอีกกับพวกชาวบ้าน”

หลวงราชบริการหัวเราะ “อ๋อ, เปล่า กับกำนันรื่นโดยเฉพาะ เว้นไว้แต่ชาวบ้านพวกนั้นไม่ต้องการจะจับจองที่ดิน ซึ่งเป็นท้องที่ ๆ ป่ายางตั้งอยู่ คุณเถียรเข้าใจหรือยัง? ใครจับจองที่ดินเหล่านั้น จะได้เป็นเจ้าของทั้งที่ดินสำหรับทำไร่ และไม้ยางสำหรับจะโค่น คนไหนต้องการจับจอง การอนุญาตต้องไปจากผมไม่ต้องถึงเจ้าเมือง”

ความภาคภูมิใจซึ่งปรากฏอยู่ในน้ำเสียงและสีหน้าของเขาดูราวกับว่าความคิดนั้นเหมือนเทพยดาประทานให้ ละเมียดรู้สึกใจสั่นและสะอิดสะเอียนจนกระทั่งทนนั่งอยู่ไม่ได้ หล่อนหันไปหาสามี ซึ่งมองดูหล่อนด้วยสายตาแสดงความเห็นใจ

“ถึงเวลาให้นมตาหนู เสถียรคุยอยู่กับคุณหลวงก่อนก็แล้วกัน” ครั้นแล้วหล่อนก็ออกจากห้องไป

หลวงราชบริการประสานมือทั้งสองไว้กับอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แลตามหล่อนด้วยความสนใจจนลับตา

“ดูเหมือนคุณเมียดจะไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเสียเลย” เขาบอก

เสถียรถอนใจ “แม่เมียดไม่ชอบใช้วิธีใดๆ ที่จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับพวกชาวบ้าน ถึงมันจะเกิดประโยชน์แก่การงานของเราสักเพียงใดก็ตาม”

“แต่คุณเถียรเห็นไหมล่ะ ว่าคราวนี้ผมมีอำนาจทุกอย่างตามกฎหมายที่ดิน” นายอำเภอค้าน

“ถึงงั้นมันก็ทำให้พวกตักยางเหล่านั้นเดือดร้อน” เสถียรอึดอัดใจ “บอกคุณหลวงตามตรงว่าถึงผมเองเมื่ออยู่กำแพงนานไป เข้าใจคนพวกนี้นานไป รู้สึกไม่ค่อยจะชอบเหมือนกันในวิธีการรุนแรง มันอดรู้สึกไม่ได้ ผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้มาจากความเดือดร้อนของคนอื่นมักไม่ค่อยจีรัง”

ริมฝีปากของหลวงราชบริการเม้มแน่น เสียงที่เน้นออกมาระหว่างไรฟันฟังดูเกือบเป็นดุดัน

“ผมไม่คิดว่าคุณเถียรอย่างคนอ่อนไปอย่างนี้” เขาบอก “ผมเคยแต่คิดถึงคุณเถียรอย่างคนที่เข้มแข็ง คนที่มีลักษณะเป็นคน – –” เสียงนั้นพึมต่อไปในขณะที่ชายเจ้าของบ้านนั่งนิ่ง เหมือนหูไม่ได้ยิน และสติไม่อยู่กับตัว “คิดดูว่าชั่วชีวิตการค้าไม้ของเรา ไม่มีคราวไหนที่โอกาสจะมีเหมือนครั้งนี้ ไม้ยางขนาดดีสักหนึ่งพันต้นสองพันต้นในปีหน้าจะดีกว่าเก้าปีสิบปีของการค้าไม้อื่นที่เราทำกันมาแล้ว ความสำเร็จของเรามองเห็นอยู่ตรงหน้า แต่คุณเถียรจะต้องพยายามใจแข็งหน่อย ขืนปล่อยตามใจคุณเมียดเราจะไม่ได้โอกาสอย่างนั้นอีก”

เสถียรขยับตัวกระสับกระสับกระส่าย ชายผู้เคยเต็มไปด้วยความมั่นใจ กลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความลังเล

“ผมจะพยายาม – –” เขาตอบตะกุกตะกัก “แต่พูดด้วยความจริงใจ ผมไม่ชอบวิธีนั้นเหมือนกัน ทำอย่างไรได้ เป็นงานและผลประโยชน์ของคุณหลวงด้วย สุดแล้วแต่คุณหลวงจะจัดการ !”

การสนทนายุติลลงแค่นั้น และหลวงราชบริการก็คิดขณะที่เดินทางกลับบ้าน โดยไม่ยอมอยู่รับประทานอาหารตามคำชวนของนายเสถียร

“เพราะผู้หญิงคนนั้นทีเดียว!....” เขางุ่นง่าน เพราะผู้หญิงคนนั้นเหตุการณ์จึงกลับกลายไปเป็นเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าชีวิตของการมีครอบครัวจะทำให้ผู้ชายที่แข็งกร้าวกลายเป็นปวกเปียกไป ใจอ่อนและหวาดเกรงในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เสถียรไม่เคยเป็นคนเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนชีวิตโสดมาแต่งงานกับละเมียด หลวงราชบริการไม่เคยชอบภรรยาของสหายเขามาแต่ไหนแต่ไร มิใช่เพราะลักษณะหรืออุปนิสัยใจคอส่วนตัว มากไปกว่าฐานะที่หล่อนดำรงอยู่ในครอบครัว และชีวิตก็คลุกคลีกับชาวบ้านทั่วไป ที่อยู่ของผู้หญิงในทรรศนะของหลวงราชบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีเชื้อสายวงศ์ตระกูลควรจะเป็นภายในขอบเขตของคนชั้นเดียวกัน และหน้าที่สำคัญของภรรยาควรจะเป็นการมีลูกและเป็นช้างเท้าหลัง เพราะฉะนั้น ทันใดที่นายเสถียรแสดงความปรารถนาขอลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ และที่ประชุมใหญ่ของบริษัทเลือกตั้งละเมียดขึ้นดำเนินงานแทน ภาวะนั้นก็ถึงขีดที่เขารู้สึกว่าสุดแสนที่จะอดทนได้ จำนวนหุ้นและอำนาจบริหารที่เสถียรมีอยู่ในบริษัทนั้นเป็นอย่างเดียวที่ทำให้การคัดค้านของเขาไร้ผล

เพราะผู้หญิงคนนั้น! เขาเดือดพล่านต่อไป ท่ามกลางอากาศสลัวของเพลาเข้าไต้เข้าไฟ และเสียงเกราะที่ดังออกมาจากเรือนจำข้างทาง นับแต่ละเมียดย่างเข้ามาในชีวิตของเสถียร ทุกสิ่งทุกอย่างดูเปลี่ยนไป ความแน่นแฟ้นระหว่างมิตรภาพส่วนตัว ซึ่งหมายถึงหลวงราชบริการชี้นกเป็นนก ไม้เป็นไม้ ไม่คงที่ และความตื่นตัวของพวกชาวบ้านในเขตปกครองของเขาก็เป็นที่น่าอึดอัด อำนาจของคนเรามีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นคือคติของหลวงราชบริการ เขาคิดถึงผู้ใหญ่แม้นด้วยความขมขื่น เขาคิดถึงกำนันรื่นและละเมียด ทันใดนั้นเองก็หยุดชะงัก เมื่อรถม้าจากท้ายเมืองคันหนึ่งผ่านไป

นายอำเภอหยุดยืนอยู่ใต้เงาต้นมะขามข้างทางเป็นครู่ เสียงเกราะจากในเรือนจำยังแว่วอยู่ในหู ภาพมัว ๆ สับสนอลม่านอยู่ในความทรงจำอันวุ่นวาย ต่อมาก็ถอนหายใจแรงแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความดุเดือด นึกได้แล้วว่าเหตุไฉนรถม้าคันนั้นจึงสะดุดใจเขาอย่างที่ไม่เคยสนใจมาก่อน หลวงราช บริการนึกถึงคืนวันหนึ่งเมื่อ ๒ ปีก่อน ขณะที่ลงไปราชการกรุงเทพฯ และนั่งรถกลับจากสโมสรกับเพื่อนนายทหารผ่านไปทางหน้าคุกมหันตโทษสวนกับผู้หญิงคนนั้น แพรเพลาะที่คลุมศีรษะหล่อนอาจจะทำให้แลเห็นหน้าไม่ถนัด ส่วนรูปพรรณสัณฐานก็เพียงแต่คลับคล้ายคลับคลา แต่กิริยาท่าทางเดินนั้นไม่ผิดแน่ ถึงจะอยู่ที่ไหนก็จำได้ ท่ามกลางแสงไฟหรือแสงดาว ท่ามกลางผู้คนหรืออยู่เดี่ยว อาการเดินของหล่อนไม่เคยเหมือนกับใคร ในจำนวนหมื่นจำนวนพัน

ทำไมฉันถึงมานึกขึ้นได้เอาเดี๋ยวนี้ ? สีหน้าหลวงราชบริการร้อนผ่าวอยู่ในที่มืด ออกเดินต่อไปโดยหัวใจอันลิงโลด ละเมียดเดินอยู่กลางถนนหน้าคุกมหันตโทษยามวิกาล – – และขณะนั้นรื่นพักอยู่ที่หน้าโรงหวย !

เขาจะต้องตอบแทนการเหยียบหยามต่าง ๆ ที่ได้กระทำต่อฉันมา นายอำเภอคิดด้วยความดุเดือด เขาจะได้สำนึกว่าคนอย่างฉันไม่ใช่ผู้ชายใจอ่อนเปราะ ปวกเปียก และหูหนวก ตาบอดอย่างผัวของเขา........

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ