๓๓
ฤดูร้อน ค.ศ. ๑๙๓๒
เมื่อชุนเทียนของเวลาดอกไม้แย้มบานได้ผ่านเลยไปแล้ว เราก็เตรียมตัวคอยรับช่าเที้ยน ซึ่งเต็มไปด้วยความร้อนระอุและฝุ่น ฤดูร้อนในปักกิ่ง อากาศแห้งเกรียมอบอ้าวยิ่งกว่าเมืองไทย ความร้อนทำให้มึนศีรษะแทบจะทำอะไรไม่ได้ ข้าพเจ้าเคยหอบหนังสือขึ้นไปอ่านบนยอดเนินจิ่งซานข้างพระราชวังหลวง แต่อ่านได้ไม่ถึงสิบหน้าก็ต้องวาง ถึงแม้ยอดเนินนั้นจะสูงจากพื้นดินมากพอที่จะแลเห็นไปได้รอบทิศ แต่ลมที่พัดโกรกมาเป็นลมร้อนเกินที่จะให้ความสบายได้ เราแทบจะทำงานอย่างเป็นชิ้นเป็นอันอะไรไม่ได้เลย เมื่อข้าพเจ้าไปถึงปักกิ่งใหม่ ๆ กำลังเริ่มฤดูหนาว ขณะที่หิมะตกและปรอทลงต่ำกว่าศูนย์ดีกรี ข้าพเจ้าภาวนาขอให้ถึงฤดูร้อนเสียเร็ว ๆ แต่ครั้นฤดูร้อนมาถึงเข้าจริง ๆ ข้าพเจ้าก็รู้ตัวว่าถ้าจะให้เลือกร้อนกับหนาว ข้าพเจ้าคงจะเลือกหนาวมากกว่า เพราะเรามีไฟผิง มีเสื้อหนา ๆ ใส่ สมองเย็นสุขุมทำงานได้ดี แต่ในฤดูร้อนไม่มีอะไรช่วยเราได้เลย ต้องหนีออกไปซุ่มซ่อนอยู่ตามนอกเมือง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่และมีความเงียบสงัดเป็นเครื่องบำรุงหัวใจ
ความร้อนได้ไล่วารยาและเพื่อนของหล่อน เอดนา ไปซ่อนตัวอยู่ที่หลุงหวางต่าว หรือเกาะเจ้าแห่งมังกรกลางทะเลสาบคุ้นหมิงหู เกาะนี้ไม่ใหญ่โตนัก ใช้เวลาเพียงสิบนาทีกว่าก็เดินได้รอบ มีสะพานโค้ง ยาวประมาณสองเส้นเชื่อมตัวเกาะกับฝั่ง บนเกาะแห่งนี้มีตำหนักที่ประทับร้อน และที่อยู่ของพระสนมกำนัลมากมาย ทั่วบริเวณสร้างไว้คล้ายกับจะให้เป็นสวนสวรรค์ มีโขดเขาก่อด้วยหิน มีถ้ำ มีบันไดขึ้นเขาซึ่งแวดล้อมไปด้วยพันธุ์รุกขชาติ ตำหนักและที่อยู่ของพวกสนมกำนัล เดี๋ยวนี้เขาเปิดให้คนเช่า ทุก ๆ ฤดูร้อนมีคนมาเช่าผลัดกันไปผลัดกันมาสลับหน้ากันอยู่เสมอ จำนวนคนที่มาเช่าอยู่ไม่มากมายนัก อย่างมากก็มีเพียง ๖–๗ คน เท่านั้น ทั้งนี้เพราะส่วนมากพากันไปเช่าอยู่ที่ชายเขาหมื่นปี ริมทะเลสาบด้านอุดร เนื่องด้วยทางฟากนั้นมีที่เที่ยวมาก และอาหารการกินก็สมบูรณ์กว่า ผู้ที่ไปเลือกเช่าที่พักบนเกาะหลุงหวางต่าวมักเป็นผู้ต้องการความเงียบสงบ ไม่ต้องการเที่ยวเตร่มาก ชอบแต่กิน ๆ นอน ๆ อาศัยร่มไม้ใบหนา นั่งอ่านหนังสือหรือสนทนากัน ตลอดจนฟังเสียงนกร้องเพลงตามกิ่งสนและกิ่งไผ่ วารยาจัดอยู่ในจำพวกผู้ต้องการความเงียบ เพราะฉะนั้นหล่อนจึงเลือกเอาหลุงหวางต่าวเป็นสถานที่หลบความร้อนอันแห้งเกรียมของนครปักกิ่ง
วารยากับเอดนาล่วงหน้าไปก่อน ข้าพเจ้ามีกิจบางอย่างที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้น และประกอบด้วยมนัสยังติดงานใน พี.ยู.เอ็ม.ซี จึงร่วมทางไปกับหล่อนไม่ได้ เมื่อเราเสร็จงานเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาที่วารยาและเอดนาได้ล่วงหน้าไปแล้วถึง ๕ วัน
ก่อนออกเดินทางวันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากวารยา หล่อนถามข้าพเจ้าว่าจะไปได้เมื่อไร เมื่อบอกว่าเราจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น วารยาก็พูดกรอกมาด้วยความยินดี
“ฉันได้เตรียมที่พักไว้ให้เธอแล้ว อยู่คนละตึกกับที่เราอยู่ แต่ห่างกันเพียงทางเดินคั่นเท่านั้น เธอจะมากี่คน?”
“ฉันจะไปกับมนัส”
“ดีทีเดียว เราชอบมนัสมาก อย่าลืมเอาเครื่องอาหารมาบ้าง”
“เธอต้องการอะไร บอกมาเถิด”
“เรากำลังขาดเครื่องน้ำชา ช่วยซื้อนมเนยและผลไม้กวนมาด้วย”
“ได้ซี วารยา มีอะไรอีกไหม?”
“ไม่มี ฉันคอยเธอพรุ่งนี้”
“พบกันพรุ่งนี้ ฉันจะออกเดินทางภายหลังย่ำรุ่งเล็กน้อย”
เมื่อแสงอรุณจับขอบฟ้า ข้าพเจ้าปรากฏตัวอยู่หน้า ไว.เอ็ม.ซี.เอ. เพื่อจับรถบัสสายปักกิ่ง–ชิ้งหวาไปยังตำบลไห่เตี้ยน สักครู่มนัสก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาถึง เรารออยู่ห้านาที บัสคันแรกก็เข้ามาจอดในที่ที่มันเคยจอด เราจัดแจงขึ้นรถพร้อมด้วยนักเรียนมหาวิทยาลัยเยียนจิงและชิ้งหวาประมาณสิบกว่าคน พอได้เวลาบัสคันแรกก็เคลื่อนคัน บ่ายหน้าไปทางประตูเมืองด้านตะวันตก ตึกเก่า ๆ ที่รถผ่านไปตามถนนสายต่าง ๆ ดูเหมือนจะช่วยทำให้ความร้อนทวีขึ้น เพราะรุงรังไปด้วยป้ายและฝุ่นละอองสีแดงตามชายคาลูกฟูก พายุใหญ่ได้พัดผ่านมาเมื่อวานพาเอาฝุ่นสีแดงจากแผ่นดินอันแห้งเกราะ เต็มไปด้วยดินร่วนและทรายมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ฝุ่นชนิดนี้ถูกพัดมาเป็นจำนวนมากทุก ๆ ปี บางคราวเมื่อสิ้นกระแสลมแล้ว หลังคาลูกฟูกทุกแห่งก็เกือบจะกลายเป็นหลังคาที่ทำด้วยดิน ฝุ่นที่เกาะอยู่ตามตึกเก่า ๆ ขณะที่รถแล่นผ่านไป เราก็ยิ่งรู้สึกถึงความแห้งแล้งมากขึ้นกว่าเดิม เพราะขณะนี้ดวงตะวันได้กำลังจะโผล่ขึ้นพ้นยอดหลวแล้ว แสงแดดอ่อน ๆ แม้จะมีความร้อนแต่เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อมีอุปาทานเรื่องความร้อนเป็นเดิมพันอยู่ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเสื้อผ้าลินินเม็ดที่สวมอยู่นั้นค่อนข้างจะหนาเกินไป เมื่อรถผ่านประตูเมืองออกไปถึงถนนนอกเมือง ซึ่งเหยียดยาว ๑๐ ไมล์ ขนาบข้างด้วยต้นหลิวหรือวิลโลว์ เรารู้สึกสดชื่นด้วยสีเขียวแก่ของต้นไม้และด้วยสายลมอ่อน ๆ ที่พัดข้ามทุ่งข้าวโพดมา รถบัสพาเราไปถึงมหาวิทยาลัยเยียนจิงภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ จากนั้นต้องขึ้นรถลากไปอีกครู่หนึ่งจึงถึงปราสาทพักร้อนหรือทะเลสาบคุ้นหมิงหู
ผู้ที่จะเข้าไปในสถานที่พักร้อนชายทะเลสาบ ต้องเสียค่าผ่านประตู ๑ เหรียญทุกคราว แต่สำหรับผู้ที่ได้ตกลงเช่าที่พักไว้แล้ว ก็รอดตัวในการเสียค่าผ่านประตู คนใช้ประจำที่พัก ณ เกาะหลุงกวางต่าวมาคอยรับเราที่หน้าประตูใหญ่ เราส่งกระเป๋าให้แล้วก็แยกทางเดินย้อนขึ้นไปตามเฉลียงทางเดิน ซึ่งมีความยาวเลียบไปตามชายเขาหมื่นปีจนถึงเรือที่ทำด้วยหินอ่อน มนัสเพลิดเพลินอยู่กับภาพปราสาทอันสวยงามชโลมด้วยสีเขียวสีแดงและสีน้ำเงิน เขาบอกว่าเป็นวัฒนธรรมที่คนจีนควรภูมิใจ แต่มนัสติว่ามีคนเที่ยวน้อยไปหน่อย เขาชอบความครึกครื้น ชอบสีของเสื้อผ้าและสีที่ริมฝีปากและที่เล็บ เขาเปรียบคุ้นหมิงหูกับหัวหิน เขาบอกว่าหัวหินเต็มไปด้วยภาพของธรรมชาติและภาพของชีวิตที่ปราศจากความเศร้าและเงียบสงัด แต่ที่คุ้นหมิงหู เขารู้สึกว่าเงียบเกินไป ข้าพเจ้าตอบว่าที่คุ้นหมิงหูเรามีแต่ธรรมชาติอันเต็มไปด้วยความสุขสงบและมีภาพของวัฒนธรรม ภาพชีวิตก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ภาพที่โลดโผนโครมคราม มีแต่ภาพที่สงัดเงียบเยือกเย็น ถ้าแม้จะเป็นภาพของความรักที่ดูดดื่มแน่วแน่ เต็มไปด้วยความจริงและความละเอียดสุขุม ไม่ใช่ความรักที่ร้อนแรงไปด้วยแจ๊ซ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ ฯลฯ อย่างที่เราพบในเซี่ยงไฮ้
กลับจากชายเขาหมื่นปี เราเดินเลียบไปตามเขื่อนหินขอบทะเลสาบ พื้นน้ำใสเป็นแผ่นกระจก มีเรือบดและเรือท้องแบนแล่นผ่านไปมา ๒–๓ ลำ ดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่ในท้องฟ้าสีเขียวคราม กำลังส่องแสงอันร้อนระอุลงมาต้องเราทั้งสอง เราต้องใช้เวลาเดินเลียบไปตามเขื่อนหินถึงสิบห้านาทีกว่าจึงถึงสะพานโค้ง เมื่อข้ามสะพานโค้งไปถึงตัวเกาะ ก็พบคนใช้คนเก่ามายืนรับหน้าอยู่ที่ประตูใหญ่
พอเข้าตึกที่พักซึ่งสร้างด้วยอิฐปูนส่วนล่างและเครื่องไม้ส่วนบน ก็พบวารยาและเอดนานั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งประดับด้วยเก้าอี้ชุดไม้ดำ และด้วยต้วยจื่อคือกระดาษแถบยาวสำหรับห้อยกำแพงเป็นคู่ ๆ บรรจุถ้อยคำอันเป็นคติและไพเราะซึ่งเขียนโดยนักเขียนลายมือหวัดและบรรจงที่มีชื่อเสียงในอดีต สตรีทั้งสองมีสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี วารยาใส่กระโปรงสีฟ้าอ่อน ส่วนเอดนาแต่งแบบจีน เอดนาอยู่ในตระกูลหวู บิดามารดาเป็นชาวจีน แต่บังเอิญหล่อนศึกษาอยู่ในโรงเรียนของพวกหมอสอนศาสนา จึงได้ชื่อฝรั่งเพิ่มมาอีกชื่อหนึ่ง ข้าพเจ้าเรียกหล่อนว่าเอดนา เพราะเพื่อนฝูงโดยมากชอบเรียกเธอเช่นนั้น หล่อนอาจไม่พอใจที่คนอื่นเอาชื่อฝรั่งมาเรียก แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะประเพณีตั้งชื่อฝรั่งกำลังระบาดอยู่ทั่วเมืองจีนในสมัยปัจจุบัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหมอสอนศาสนาเข้าไปตั้งโรงเรียนสอนเด็กจีนอยู่เป็นอันมาก
วารยากับเอดนาพาเราขึ้นไปดูห้องชั้นบน มนัสกับข้าพเจ้าได้ห้องคนละห้อง หันหน้าออกทางทะเลสาบ ห้องของเราตบแต่งไว้อย่างสวยงาม ผิดกับเมื่อข้าพเจ้ามาพักคราวก่อน เมื่อถามก็ได้ความว่าวารยาและสหายของหล่อนได้มาช่วยจัดให้ นั่นเป็นข่าวที่ทำให้เราตื่นเต้นเป็นข่าวแรกเมื่อเริ่มย่างเหยียบเข้าไปในเกาะหลุงหวางต่าวในทะเลสาบคุ้นหมิงหู
“ฉันตกลงเรื่องอาหารทางผู้จัดการเขาแล้ว” วารยาบอกกับข้าพเจ้า “ที่นี่ไม่รู้จะมีระเบียบนัก ดีแต่เงียบไม่มีใครกวน ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนเราจะต้องจัดเองเพื่อความพอใจของเรา และดูเหมือนเขาจะยินดีถ้าเราจะทำอาหารเอง”
“มิแย่หรือ อย่าลืมว่าเรามาพักผ่อน” ข้าพเจ้าท้วง
“กลางวันกับมื้อเย็นเราไม่ทำเองดอก เราทำแต่อาหารเช้าและน้ำชาเวลาบ่าย” วารยาอธิบาย