๒๘
วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้รับจดหมายภาษาอังกฤษอีกฉบับหนึ่ง เมื่อฉีกซองออกดูก็ต้องใจเต้นอีก โทรเลขของมนัส จดหมายของวารยา นี่เป็นครั้งแรกที่เพื่อนคนนี้เขียนถึงข้าพเจ้า ลายมือหล่อนเรียบเกือบจะเป็นบรรจง ภาษาที่ใช้ก็สวยงามเต็มไปด้วยศิลปะ ข้าพเจ้าอ่านด้วยความเอาใจใส่ รู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นระคนกัน ที่แปลกใจก็เพราะวารยาไม่เคยเขียนถึงข้าพเจ้าเลย
จดหมายของวารยามีความว่าดังนี้
ระพินทร์ที่รัก
ตั้งแต่พูดกับเธอวันนั้น ฉันก็รู้สึกอยู่เสมอว่าฉันไม่ควรจะกล่าวความจริงบางอย่างออกไป ฉันเข้าใจเธอดี ฉันรู้ว่าเธอเห็นใจฉันและต้องการให้ฉันมีความสุข แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกว่า ฉันไม่ควรจะทำให้เธอต้องกังวลกับเรื่องเหลว ๆ เช่นนี้ ฉันอาจอ่อนแอมากไปในวันนั้น รู้สึกไม่พอใจตัวเองที่มีความอดทนน้อยไปหน่อย
ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของฉัน ที่มีความรู้สึกในมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง เธอจะเชื่อไหม ระพินทร์ ถ้าฉันจะบอกว่า ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันไม่เคยพบใครที่พยายามมองดูคนในด้านดีมากเท่ากับเธอ เมื่อฉันอยู่ต่อหน้าเธอ ฉันรู้สึกว่าปลอดภัยทีเดียว คือไม่ต้องระวังว่าจะถูกตำหนิติเตียนอะไร หรือจะถูกเข้าใจผิดอะไร ฉันเชื่ออย่างมั่นคงว่า เธอพยายามจะเข้าใจคนทุกคนในโลก เธอไม่ต้องการจะคิดว่าใครเป็นคนไม่ดี ถึงแม้เธอจะรู้แล้วว่าเขามีอะไรไม่ดีบ้าง เธอมีใจกว้างพอที่จะคิดว่าความชั่วของมนุษย์เกิดจากเครื่องแวดล้อม และความจำเป็นมากกว่าจะเกิดจากความตั้งใจ ฉันรู้ว่าทำไมเธอจึงมาสมาคมกับฉัน ไม่ใช่เพราะเธอต้องการอะไรจากฉัน แต่เพราะว่าเธอมีความเห็นใจในความทุกข์ยากของคนอื่น ฉันขอขอบใจเธอ ระพินทร์ ขอพระพุทธเจ้าที่เธอเคารพจงให้พรแก่เธอเสมอ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนจดหมายถึงเธอ แต่เธอคงจะไม่เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น นอกจากจะคิดว่าฉันพูดกับเธอในสิ่งที่ดีงาม สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีมลทินของความต่ำ ซึ่งเป็นสมบัติของมนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกนี้ ฉันได้สารภาพกับเธอในวันนั้นว่า ฉันเป็นคนมีความทุกข์ประจำชีวิต ไม่รู้จะมีสุขเหมือนคนอื่น ๆ ฉันไม่ทราบว่าทำไมจึงพูดออกไปเช่นนั้น บอกเธอตามตรงว่าฉันมีความละอายใจมาก นอกจากพ่อที่รักของฉันแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกของฉันเลย ฉันไม่เคยเป็นคนอ่อนแอจนถึงกับจะยอมเปิดเผยความรู้สึกต่อใครง่าย ๆ แต่ต่อหน้าเธอ ฉันรู้สึกคล้ายอยู่กับสิ่งที่ไม่มีภัย อยู่กับผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีความเมตตากรุณา–ไม่ยกนิ้วขึ้นทำอันตรายต่อใครแม้แต่รอยข่วน ฉันงวยงงไปเพราะคำพูดและแววตาอันอ่อนโยนของเธอ เธอทำให้ฉันสารภาพความรู้สึกของฉันได้เป็นคนแรก เธอควรจะภูมิใจนะ ระพินทร์
เมื่อเธอกลับไปแล้วในวันนั้น ฉันก็ขึ้นไปข้างบน รู้สึกงง ๆ คล้ายกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ฉันพยายามหาเหตุผลว่า เหตุใดจึงได้ยอมรับกับเธอง่าย ๆ เรื่องความทุกข์ยาก ในขณะนั้นฉันยังหาเหตุผลไม่ได้ ฉันไม่รู้ตัวว่าได้ถูกเธอสะกดจิตด้วยความเมตตาอารี พ่อนอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เก้าอี้ยาว เห็นฉันเดินเข้ามาอย่างงง ๆ และนั่งลงอย่างงง ๆ ต่อไปอีก จึงถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ ฉันบอกพ่อว่าเธอมาหา และฉันได้เผลอสารภาพความรู้สึกออกไป พ่อแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าฉันจะสนิทกับเธอ จนถึงกับกล้าพูดถึงความทุกข์ยาก ฉันเล่าให้พ่อฟังตลอดเวลาว่าเธอเป็นคนดีอย่างไร มีความรู้สึกดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไรบ้าง พ่อเห็นพ้องกับฉันตลอด และยังส่งเสริมอีกว่า เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคนหนึ่ง พ่อชอบเธอมาก ระพินทร์ แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรนัก เพราะเราอยู่กันคนละโลก อีกไม่ช้าเธอก็จะเรียนสำเร็จ และเธอก็จะทิ้งเราไป เราจะชอบเธอสักเท่าใด ก็หามีประโยชน์ไม่ เป็นจริงเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ระพินทร์ที่รัก? พ่อเสียใจที่ไม่ได้ลงไปคุยกับเธอในวันนั้น เพราะกำลังไม่สบาย เป็นหวัดไปเล็กน้อย เราคุยกันถึงเธอแทบตลอดเวลา รู้สึกว่ามีความเพลิดเพลินดี ที่ได้พูดถึงผู้ที่เป็นมิตรแท้ไม่มีอันตราย
ฉันได้ตรองอยู่เป็นเวลานาน ว่าฉันควรจะประพฤติต่อเธออย่างไร ในเมื่อฉันได้สารภาพกับเธอแล้วว่าฉันเป็นผู้ที่ไม่มีความสุข ฉันได้เปิดเผยม่านชีวิตของฉันแก่เธอแล้วในวันนั้น ต่อไปนี้ฉันก็จะเป็นบุคคลที่เธอรู้จัก แต่เธอเป็นคนดีพอที่จะไม่หัวเราะเยาะฉันไม่ใช่หรือ? ฉันได้เคยบอกเธอว่าความมืดมัวในชีวิตของฉันยังมีอีกมาก ปัญหาจึงมีว่า ฉันควรจะบอกอะไรแก่เธออีกบ้าง ที่จริงดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่ฉันควรจะสารภาพอะไรอีก แต่เมื่อคิดว่าฉันได้เผลอเล่าให้เธอฟังแล้ว ฉันก็ควรจะชี้แจงให้เธอเข้าใจโดยละเอียด เพื่อเธอจะได้เป็นพยานชีวิตของฉันสักคนหนึ่ง ฉันเชื่อใจเธอ ระพินทร์ เชื่อว่าเธอคงจะเห็นใจฉันโดยสม่ำเสมอ ถึงแม้เธอจะได้รู้จักฉันอย่างแจ่มแจ้งแล้วในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
แต่แล้วฉันก็คิดกลับใจเสียอีก คือยังจะไม่เล่าอะไรมาก เพราะคิดว่าทำให้เธอหนักสมองโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้น ระพินทร์ที่รัก ขอเธออย่าได้ซักถามอะไรจากฉันเลย ขอเธอจงคิดแต่เพียงว่าฉันนี้คือวารยาคนที่เธอเคยรู้จัก อย่าคิดว่าวารยาเป็นคนใหม่ เพราะเธอได้ทราบว่าเขามีความหลัง ความหลังจะต้องไม่ทำให้วารยาเป็นคนอื่นที่เธออาจสงสารหรืออาจไม่ชอบ จงมองดูฉันให้เต็มตา จงเข้าใจฉันอย่างที่เธอได้เข้าใจมาแล้ว อย่าคิดว่าฉันมีอะไร ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าฉันมี เราจงเป็นเพื่อนกันอย่างที่เคยเป็นมาแล้วเถิด อย่าให้มีเรื่องอะไรมาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเราเลย ฉันแน่ใจว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน เพราะฉะนั้น ในวันหนึ่งก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะขอฝากชีวิตไว้ในจิตใจของเธอ ฉันจะเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียด แล้วเธอจะรู้จักฉันดีว่าวารยาคือใคร
จดหมายฉบับนี้ขอให้ถือว่าเป็นคำวิงวอนของฉัน วิงวอนให้เธอเข้าใจฉันอย่างที่เธอเคยเข้าใจ อย่าคิดเกินกว่าที่เธอควรจะคิด และอย่าถามอะไรฉันมากกว่าที่ได้ถามมาแล้ว
ขอขอบใจในความหวังดีของเธอ
วารยา
ท่านจะให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่าอย่างไร สำหรับจดหมายฉบับนี้? วารยาได้ปิดปากข้าพเจ้าอย่างสุภาพ หล่อนพูดวกไปวนมา ลงเอยเอาที่การขอร้องให้เลิกพูดถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าเอาใจใส่ ถ้อยคำของวารยาทำให้ข้าพเจ้าต้องเปลืองสมองมาก ทุกคำมีความหมายที่ชวนใจให้คิด ข้าพเจ้าคิดว่าหล่อนได้กล่าวความจริงอย่างสุจริตใจ ถึงแม้ว่าคนเป็นสัตวโลกที่เชื่อกันยาก แต่สำหรับวารยา ดูเหมือนข้าพเจ้าอยากจะเชื่อหล่อนทั้ง ๆ ที่แทบไม่มีเหตุผลอะไรเลย