๔๕
เช้าวันหนึ่งเป็นวันอาทิตย์ ภายหลังอาหารเช้า ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก วลาดิมีร์ก็มาหา ข้าพเจ้าต้อนรับด้วยความยินดีตามเคย นี่เป็นครั้งที่สี่ที่เขามาหาข้าพเจ้าที่บ้าน วลาดิมีร์มีอารมณ์ชื่นบานและเยือกเย็นผิดปรกติ ดูเหมือนว่าเช้าวันนั้นเป็นเวลาที่เขามีความสุขอย่างที่สุด ไม่มีอะไรเป็นห่วงกังวลในหัวใจ กิริยาอาการคล้ายกับเป็นผู้ที่ถึงแล้วด้วยความสงบสุขอันแท้จริง
วลาดิมีร์เอ่ยขึ้นคำแรกว่า
“ยังไง ระพินทร์แปลกใจไหมที่ฉันมาแต่เช้า?”
“คงจะกลับจากเดินเล่นกระมังครับ วารยาไม่มาด้วยหรือ?”
“เขาไปเยี่ยมเอดนา”
“วันนี้อากาศดี” ข้าพเจ้าพูดเปรย ๆ ยื่นบุหรี่ไปให้
“คงจะดีไปตลอดจนกลางคืนด้วย ฉันหวังว่าคืนนี้หิมะคงจะไม่ตก และน้ำคงจะยังแข็ง ไม่หนาเกินไป”
น้ำเสียงค่อนข้างแปร่งหู ทำให้ข้าพเจ้าต้องมองหน้าเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“ทำไมครับ เราควรจะหวังให้น้ำแข็งหนาเร็ว ๆ จะได้เล่นสเกตกันให้สนุก ผมคิดถึงสเกตเต็มทีแล้ว”
วลาดิมีร์ยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เธอคงจะสนุกเพลิดเพลินอีกมาก และคงทุกข์มากเช่นเดียวกัน เมื่อฉันเป็นหนุ่ม ฉันเคยหวังว่าชีวิตเราจะเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน แต่เมื่อแก่ตัวลงก็ต้องยอมรับว่า ชีวิตมนุษย์เป็นเรื่องที่จะหวังอะไรกันนักไม่ได้”
“ผมก็กำลังคิดเช่นนั้นเหมือนกัน” ข้าพเจ้าว่า
“เธอยังหนุ่มเกินไปที่จะคิดเช่นนั้น” เขาพูด หยิบบุหรี่มาจุดสูบ “ฉันจะเตือนเธอสักอย่างหนึ่ง คนหนุ่มอย่างเธอจะต้องหวังให้มาก ถ้าเธอไม่พยายามหวัง เธอจะไม่ก้าวหน้า เธอจะเลิกหวังได้ก็ต่อเมื่อเธอแก่ชราอย่างฉันแล้ว”
“อ๋อ ผมยังคิดก้าวหน้าอยู่เสมอ” ข้าพเจ้าสวนขึ้นโดยเร็ว “ผมอาจมองชีวิตผิดกับคนหนุ่มบางคนไปบ้าง ก็ตรงที่ผมเห็นชีวิตเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรแท้เที่ยง ผมบอกตัวเองว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่ ก็เพื่อเตรียมตัวไว้รับหน้าความผิดหวัง แต่ผมไม่ได้ปล่อยมือปล่อยเท้าอย่างคนหมดกำลัง”
วลาดิมีร์ยิ้มอย่างเข้าใจ เมื่อเขานิ่ง ข้าพเจ้าจึงกล่าวต่อไปอีก
“ผมคิดว่าชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องของโชค โชคตัวเดียวเท่านั้นที่ทำให้คนเป็นอะไรได้ทุก ๆ อย่าง คนเราเป็นพระมหากษัตริย์ได้ก็เพราะโชค เป็นเศรษฐีได้ก็เพราะโชค เป็นขอท่านก็เพราะโชค ติดคุกติดตะรางตลอดจนถูกตัดคอได้ก็เพราะโชค แต่หลักมีอยู่ว่า เราไม่นอนคอยโชค และไม่ยอมเป็นทาสของโชค ทั้ง ๆ ที่โชคเป็นนายเราเสียทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมพยายามทำงาน พยายามทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุด เมื่อผมได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเต็มความสามารถแล้ว ผมก็พอใจ ผมไม่เดือดร้อนว่าโชคจะให้ผมเป็นอะไร”
“เป็นความคิดที่ดีพอใช้” วลาดิมีร์พูดเบา ๆ “ฉันทายว่าเธอจะต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอเศร้า จึงได้ทำให้มองดูชีวิตไปอย่างนี้”
ข้าพเจ้าหัวเราะ
“การสังเกตชีวิตของคนอื่นสอนผมมากกว่าชีวิตของผมเอง”
“ข้อนี้เป็นความจริง เรื่องราวของคนอื่นเป็นกระจกเงาที่ดีสำหรับเรา”
“ผมเข้าใจว่าโชคได้กำหนดทางเดินของชีวิตไว้ให้เราอย่างกว้าง ๆ” ข้าพเจ้าพูดต่อไป “เราจะเดินออกไปนอกทางเส้นนี้ไม่ได้แต่เราพอจะทำให้บางตอนที่ขรุขระเรียบขึ้นได้เล็กน้อย ถ้าเราพยายามช่วยตัวเองในทางที่ดีงาม ผมยังไม่อยากจะปฏิเสธว่าความทุกข์ความสุขเป็นผลสะท้อนของการกระทำในสมัยหนึ่ง ถึงแม้จะยังไม่มีอะไรพิสูจน์ว่า มีความสืบเนื่องกับสมัยปัจจุบันได้อย่างไร”
วลาดิมีร์ดูเหมือนจะไม่เอาใจใส่ว่าข้าพเจ้ากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรในตอนท้าย เขานิ่งไปนาน ในที่สุดก็กล่าวขึ้นว่า
“เธอว่าโชคกำหนดทางเดินของชีวิต ฉันเห็นด้วย บางทีเราอาจจะคุยกันได้เป็นครั้งที่สุดในวันนี้ เธอเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่ฉันจะบอกความจริงอะไรบางอย่างให้ทราบ ฉันรู้สึกว่าฉันมีความอิ่มชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว เวลานี้เหมือนคนที่กินอิ่มจนล้นกระเพาะ ถึงจะมีอาหารอันโอชารสมาวางตรงหน้าก็ไม่อยากจะกินต่อไปอีก มีอยากอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือนอนพัก บางทีเมื่อนาฬิกาตีสี่ ฉันอาจจะสบายใจสบายตัวได้บ้าง”
ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองดูวลาดิมีร์อย่างไม่เข้าใจ
“นาฬิกาตีสี่? เอ๊ะ ทำไมครับ? ทำไมถึงต้องนาฬิกาตีสี่ด้วย?”
ยกมือขึ้นลูบเคราสีเทาอย่างตรึกตรอง อากัปกิริยาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น วลาดิมีร์ตอบว่า
“เธอคิดไหมว่าเวลานาฬิกาตีสี่เป็นเวลาที่เงียบสงัดของชีวิต อากาศโปร่ง ความชุลมุนวุ่นวายของวันเก่าได้สิ้นสุดลงแล้ว ความสดชื่นของเวลาได้อรุณแห่งวันใหม่กำลังตั้งต้น ฉันชอบเวลานาฬิกาตีสี่ สงบเงียบร่มเย็นไม่มีอะไรเปรียบ”
ข้าพเจ้ายังคงนั่งงงอยู่ตามเดิม ในที่สุดชายชราก็กล่าวต่อไปอีก
“ฉันได้เคยขอร้องเธอบางอย่างเมื่อหลายวันก่อน หวังว่าเธอคงจะทำเพื่อเห็นแก่วารยา”
“เรื่องนี้ผมอยากจะชี้แจงเหมือนกัน” ข้าพเจ้าตอบสวนไปโดยเร็ว มีความไม่พอใจเล็กน้อย
“วารยากับผมเป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้ไปไกลมากกว่านี้ สำหรับตัวผม ผมจะรักวารยาไม่ได้เพราะไม่มีทางจะเป็นไปได้”
คำตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำให้วลาดิมีร์ต้องยกมือขึ้นโบกห้ามโดยเร็ว
“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น ฉันเข้าใจเธอดี ระพินทร์ ฉันเชื่อเกียรติยศของเธอเสมอ ฉันเพียงแต่ต้องการจะให้เธอเข้าใจว่าเธอจะช่วยวารยาได้มาก ถ้าเธอพยายามป้องกันไม่ให้วารยาได้เกี่ยวข้องกับความรักอีกต่อไป”
“หัวใจของวารยาผมจะป้องกันได้อย่างไร” ข้าพเจ้าพูดค่อนข้างเร็ว
“นั่นแล้วแต่ไหวพริบของเธอเอง” เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันมาหาเธอวันนี้เพื่อจะบอกว่า ต่อไปวารยาจะต้องอยู่คนเดียว เธอเป็นเพื่อนที่ดีคนเดียวของวารยา ฉันหวังว่าเธอคงจะทำหน้าที่ของเพื่อนอย่างดีที่สุดที่จะดีได้”
น้ำเสียงอันหนักแน่นเด็ดขาด ทำให้ข้าพเจ้าต้องนิ่งคล้ายกับยอมจำนน เมื่อสบตาวลาดิมีร์ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเส้นประสาทสั่นสะเทือนไปทั่ว ดวงตาคู่นั้นกล้าแข็งเต็มไปด้วยอำนาจจิต–เป็นดวงตาที่น่ากลัว ยังติดตาข้าพเจ้าอยู่แม้จนกระทั่งบัดนี้