๒๕

วารยา ราเนฟสกายาเป็นบุคคลผู้หนึ่งที่ไม่สะดุ้งสะเทือนต่อเหตุการณ์อันกำลังปั่นป่วนไปตลอดจีนเหนือ ณ บัดนั้น หล่อนเฉยเมยต่อชีวิต มองดูโลกคล้ายผู้ที่ได้สละแล้วซึ่งความหวังทั้งมวล ข้าพเจ้าเคยบอกท่านว่าวารยาเป็นคนเคร่งศาสนา ถึงจะไม่เคร่งในทางทฤษฎี แต่ก็เคร่งในทางปรัชญาเอามาก ๆ หล่อนเติบโตมาในกองคัมภีร์ของโรงเรียนแซเคร็ดฮาร์ต อ่านคำของไครสต์และคำของพระพุทธเจ้า หล่อนเป็นคนแปลกที่ไม่มีความลำเอียงในศาสนาของพระเยซูอย่างคริสเตียนคนอื่น ๆ วารยาเป็นนักศึกษาที่ต้องการจะรู้ว่าชีวิตคืออะไร มีอะไรที่ควรจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มีอะไรเป็นเครื่องดับทุกข์ ความคิดเห็นของนักปราชญ์บรมศาสดา เช่น พระพุทธเจ้าและพระเยซู มีสาระสำคัญควรจะเอามาเป็นอาหารของชีวิตได้บ้างหรือไม่ วารยาไม่ได้เชื่อศาสนาอย่างงมงาย หล่อนต้องการเหตุผล หล่อนรังเกียจอภินิหารต่าง ๆ ในคัมภีร์ หล่อนชอบแต่ความเป็นจริงของชีวิตแต่อย่างเดียวเท่านั้น หล่อนเข้าใจดีว่าอภินิหารของศาสดาต่าง ๆ เป็นแต่เพียงเครื่องล่อใจ–เป็นภาพที่อธิบายความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะอธิบายกันไม่ได้โดยไม่มีอุทาหรณ์ แต่อุทาหรณ์เหล่านั้นควรจะสิ้นสุดกันแล้วเมื่อศตวรรษก่อน ไม่ควรจะเอามาใช้อย่างฟุ่มเฟือยในสมัยของวิทยาศาสตร์ เพราะจะเปิดทางให้คนที่ไม่เข้าใจหมดความเลื่อมใสได้

ความเฉยเมยต่อชีวิตของวารยา คงจะมีเหตุสืบเนื่องมาจากความซึมทราบในปรัชญาของศาสนาคริสเตียนและศาสนาพุทธ หล่อนคงจะสรุปความได้ว่าชีวิตเป็นของไม่แน่นอน จะยึดมั่นในอะไรนักไม่ได้ แต่การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ควรจะต้องอบรมอุปนิสัยให้มีความรักความเห็นใจ พยายามดับความเห็นแก่ตัว พยายามทำความดีที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น แน่ทีเดียว ความคิดเห็นเหล่านี้เป็นปรัชญาอันหนึ่งที่วารยายึดถือไว้เป็นหลักของชีวิต–เป็นปรัชญาที่ทำให้หล่อนเผชิญหน้ากับโลกด้วยความกล้าหาญ ไม่หวาดสะดุ้งต่อความผิดหวัง ตลอดจนความตาย เสียงปืนดังในจังหวัดเยโฮลไม่ทำให้วารยาตื่นตกใจ หล่อนยังคงมีอารมณ์สงบนิ่งเหมือนน้ำอันใสเย็นในบึงใหญ่ที่ฉวนซาน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Jade Fountain วารยาอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังเสียงเขาพูดกันถึงเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันในพรุ่ง แต่ในแววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง ข้าพเจ้าคิดว่าวารยาคงจะยิ้มอยู่ในใจ ยิ้มอย่างเยือกเย็น ยิ้มอย่างคนเห็นโลก เห็นชีวิต เห็นเงาของความตาย เพราะฉะนั้นจึงไม่สะดุ้งสะเทือนต่ออะไรเสียเลย

วารยา ราเนฟสกายาเป็นเสมือนคนที่ตายแล้ว! ข้อนี้จะมีความจริงสักแค่ไหน? ทำไมวารยาจึงเย็นชืดต่อความรู้สึกเช่นนั้นเล่า? หล่อนมีความหลังอะไรที่ทรมานหัวใจเช่นนั้นหรือ? หล่อนได้บทเรียนจากความหลังเหล่านั้น จนกระทั่งจะกลายเป็นนักปรัชญาที่ลืมชีวิตลืมโลกเสียแล้วหรือ? วารยา ราเนฟสกายาเป็นใครกันแน่? หล่อนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร? วลาดิมีร์บิดาของหล่อนเล่า เป็นใคร มาจากไหน? เรารู้ว่าคนทั้งสองพลัดเมืองมาจากรัสเซีย แต่ว่าเพียงเท่านั้นยังหาพอไม่

ข้าพเจ้าเชื่อว่าวารยาเป็นคนที่ตายแล้วสำหรับความรู้สึก ทำไมข้าพเจ้าจึงเชื่อเช่นนั้น? เหตุการณ์ที่พระราชวังฤดูหนาวในวันนั้น ได้บอกข้าพเจ้าอย่างแจ่มแจ้งว่า วารยาเป็นคนที่พร้อมอยู่เสมอที่จะไม่นึกถึงอะไรมากนอกจากความไม่แน่นอนของชีวิต ที่เก๋งมังกรทั้ง ๕ ข้าพเจ้าได้พบวารยากับสหายหญิงของหล่อนผู้หนึ่ง เป็นชาวจีนแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ฉูดฉาดเหมือนนางผีเสื้อ หล่อนนั่งอยู่ที่เก๋งหลังที่สอง ห่างจากข้าพเจ้าและแอลเลนนั่งประมาณ ๔–๕ วา วารยามองไม่เห็นข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบที่สามารถสังเกตการณ์ได้แต่ฝ่ายเดียว ข้าพเจ้าคิดว่าวารยาคงไม่ได้ตั้งใจจะเตรียมตัวมาเพื่อคอยดูภาพที่ผู้หญิงทุกคนทนไม่ได้ คือภาพของเหลียงกับผู้หญิงในเรือบด ข้าพเจ้าเห็นหล่อนมองดูเรือบดลำนั้นอย่างเอาใจใส่ในตอนแรก แต่ครั้นแล้วหล่อนก็คุยกับสหายหญิงผู้นั้นด้วยกิริยาอันเป็นปรกติไม่ตื่นเต้นทุกข์ร้อนอย่างใด ดูเหมือนเหลียงกับสตรีผู้นั้นจะไม่ทราบว่าบนเก๋งขายน้ำชาหลังที่ ๒ ใครยืนดูอยู่ จึงเหเรือมายังเก๋งหลังนั้น และชวนกันปีนขึ้นจากเรือ คล้ายกับจะหาอาหารว่างรับประทาน เขาต้องเผชิญหน้ากับวารยาอย่างไม่นึกฝัน ชายหนุ่มมีอาการตกประหม่า ส่วนวารยายิ้มรับเขาอย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล ไม่แสดงความรู้สึกผิดปรกติแต่อย่างใดเลย เหลียงตกอยู่ในฐานะจนตรอก จึงแนะนำให้หญิงทั้งสองได้รู้จักกันอย่างขอไปที วารยาทักทายด้วย โดยมิได้แสดงพิรุธแต่อย่างไร คนทั้งสามยืนสนทนากันครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าแลเห็นวารยาชวนสหายหญิงของหล่อนอำลาแยกทางออกจากเก๋งไป เหลียงยังคงยืนงงอยู่กับที่ ข้าพเจ้ารู้ดีว่าเขาคงจะตกใจ เพราะสีหน้าและแววตาก็บอกอยู่อย่างชัดเจน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ