๔๑

ต่างคนต่างนิ่งไปครู่หนึ่ง ข้าพเจ้านิ่งเพราะไม่เข้าใจและไม่พอใจซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจนั้น และวลาดิมีร์คงนิ่งเพราะไม่เข้าใจกิริยาข้าพเจ้าเหมือนกัน

แล้ววลาดิมีร์ก็พยายามพูดต่อไปอีก เพราะดูเหมือนจะยังพูดไม่จบตามที่ได้มุ่งหมายไว้

“ฉันต้องการให้วารยาเข้าหาศาสนาให้ได้อย่างเด็ดขาด บางทีชีวิตในศาสนาคงจะดีขึ้นกว่านี้”

“ผมไม่รู้เข้าใจเลย”

“เป็นเรื่องค่อนข้างจะยืดยาว เป็นความหวังที่ฉันพอจะมีได้ในเวลาเช่นนี้ บางทีฉันอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อความสุขของวารยา”

ข้าพเจ้ายิ่งงงมากขึ้น

“ถ้าผมช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ผมก็ยินดี”

“นั่นสิ ฉันอยากหารือด้วยสักหน่อย ฉันคิดว่าฉันได้พยายามอย่างเต็มสติกำลังที่จะให้ความสุขแก่วารยา แต่ดูเหมือนแทบจะไม่มีโอกาสอะไรเสียแล้ว” ถอนใจและก้าวช้าลง ขณะนั้นเรากำลังผ่านหน้าพระราชวังหลวง “โอกาสกำลังหดสั้นเข้าไปทุกที ฉันแก่ลง หมดกำลังกายกำลังใจ นี่สารภาพกับเธอเป็นคนแรก และฉันรู้สึกละอายมากที่จะพูดอะไรออกไปอย่างที่เหตุการณ์บังคับให้พูด”

ข้าพเจ้านิ่ง แต่วลาดิมีร์คงสังเกตเห็นว่า ข้าพเจ้ามีความเห็นใจอย่างเต็มเปี่ยม

“วารยาเป็นลูกคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในความปกครองของฉัน เป็นเด็กที่น่ารักมาก” เขากล่าวต่อไป พยายามยิ้ม แต่ความเหี่ยวแห้งปรากฏอยู่ในสีหน้าอย่างชัดเจน “เธออาจยังไม่รู้ว่าครอบครัวของฉันได้ผ่านชีวิตมาอย่างไร ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๑๗ มันเป็นเรื่องที่ยืดยาวถ้าจะบันทึกเป็นจดหมายเหตุรายวันก็จะต้องได้เล่มโต ๆ ทีเดียว ฉันได้พยายาม ระพินทร์ พยายามที่จะมีชีวิตอยู่ โดยไม่คิดอะไรมาก ขอแต่ให้ได้รับความสุขและอิสรภาพบ้างตามสมควรเท่านั้น แต่โชคของฉันมันเลว เรื่องก็เลยจบลงอย่างนี้ ผู้ที่ฉันรักเหมือนชีวิตได้ล้มหายตายจากไปทีละคนสองคน แม่ของวารยาและน้อง ๆ ได้ทิ้งเราไปหมด เหลืออยู่แต่เราสองคนพ่อลูก”

ข้าพเจ้าดึงแขนให้วลาดิมีร์เดินเข้ามาในเขตต้นไม้เพราะทางเรียบดี แล้วกล่าวขึ้นว่า

“ผมเข้าใจ เราไม่มีความยุติธรรมเหลืออยู่มากนักในโลกนี้”

“วารยาเป็นลูกคนสุดท้ายที่รอดชีวิตมาได้อย่างแปลกประหลาด” วลาดิมีร์กล่าวต่อไป “เมื่ออยู่ที่ฮาร์บินควรจะตายเสียเพราะลูกปืนทหารจางโซหลินก็ครั้งหนึ่ง แต่ก็คลาดแคล้วมาได้เพราะโชค อย่างไรก็ดี วารยาไม่มีโชคในความรัก ฉันลงความเห็นว่าวารยาอาจกำลังจะตายทั้งเป็นเพราะความรักก็ได้ วารยาบอกฉันว่าเขาเคยเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียดพอสมควรสำหรับเรื่องชีวิตในฮาร์บิน–ฉันหมายถึงความรัก”

ข้าพเจ้าพยักหน้า พลางตอบว่า

“ผมเคยได้ทราบบ้าง เป็นเรื่องที่ผิดหวังค่อนข้างจะร้ายแรง”

“แล้วที่นี่” วลาดิมีร์พูดต่อไป “วารยาก็ผิดหวังอีก ฉันรู้สึกว่าถ้ามีการผิดหวังเป็นครั้งที่สาม วารยาก็แทบจะไม่เป็นตัวทีเดียว”

ข้าพเจ้ามิได้ตอบว่ากระไร ในใจยังนึกระแวงอยู่ตามเดิมว่าเขาคงจะกำลังหมายถึงข้าพเจ้า คือคงคิดว่าข้าพเจ้ารักวารยาและอาจทำให้วารยาผิดหวังอีกเป็นคนที่สาม

“มันเป็นเรื่องของเกียรติยศ” บุรุษชรากล่าวช้า ๆ “ฉันหวั่นเกรงอยู่เสมอว่า ถ้ามีการผิดหวังเป็นครั้งที่สาม วารยาก็อาจทำลายเกียรติยศของตัวเอง และของวงศ์ตระกูล จนถึงกับ––ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจได้ยาก แต่นั่นแหละ ระพินทร์ ฉันถือว่าเธอเป็นมิตรสนิทของเรา เธอควรจะได้ทราบ ฉันคิดว่าเธอน่าจะเดาได้ว่าความผิดหวังหลาย ๆ ครั้ง มีโอกาสทำให้ผู้หญิงเสียคนได้ง่าย วารยาจะเสียคนไม่ได้ มันเป็นเรื่องของวงศ์ตระกูล”

ข้าพเจ้ายังคงนึกหาคำพูดไม่ได้ตามเดิม การผิดหวังครั้งที่สามของวารยา! ถ้าวลาดิมีร์หมายถึงข้าพเจ้าก็คงเต็มทีไปหน่อย วารยากับข้าพเจ้าเป็นแต่เพื่อนกัน เราไม่ใช่คู่รัก เพราะเราจะรักกันไม่ได้

“ทุกวันนี้” วลาดิมีร์พูดพลางชำเลืองตามองดูพื้นน้ำอันราบเรียบใน “ทะเลเหนือ” เพราะขณะนั้นเรากำลังข้ามสะพานหินข้างสวนสาธารณะเป๋ห่าย หรือที่ฝรั่งเรียกว่า พระราชวังฤดูหนาว “ฉันกำลังคิดว่าวารยาพยายามที่จะทำชีวิตให้รุ่งเรืองก็เพราะฉัน เขาต้องการจะให้ฉันมีความสุข แต่ความทะเยอทะยานของเขากำลังจะฆ่าตัวเองอยู่แล้ว”

ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่า วลาดิมีร์หมายความว่ากระไร วารยาต้องการจะตั้งตัวให้เป็นหลักฐานเพราะความยากจนกำลังรุกรานชีวิตรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน คอสซาเรฟเคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงฐานะของคนทั้งสอง วลาดิมีร์กำลังหมดตัว น่าอนาถเมื่อคิดว่า ครั้งหนึ่งเขาจะต้องเคยเป็นคนใหญ่โตมาในรัสเซีย เคยมีทรัพย์สมบัติมากมายก่ายกอง กินไม่หมดตลอดชาติ มันเป็นเรื่องของผู้ดีตกยาก เดี๋ยวนี้วลาดิมีร์แก่ชรา ไม่มีทางจะประกอบอาชีพอะไรได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นวารยาจึงจำเป็นจะต้องเข้ารับหน้าที่ก่อร่างสร้างตัวต่อไป แต่หล่อนจะทำอะไร? ไม่มีอะไรจะให้หล่อนทำในปักกิ่ง หน้าที่ครูและหน้าที่เลขานุการเป็นงานที่พอจะหาทำได้ แต่วารยาไม่มีความรู้ที่เหมาะแก่หน้าที่ทั้งสองนี้ หน้าที่คนขายของเงินเดือนเดือนละยี่สิบเหรียญหรือ? มันไม่คุ้มค่ารถและค่าอาหารกลางวัน วารยาได้พยายามที่จะมีอาชีพแต่ไม่มีงานจะให้หล่อนทำ วลาดิมีร์คงจะคิดเกรงว่า ถ้าให้หล่อนทะเยอทะยานพยายามจะก่อร่างสร้างตัวเพื่อพ่อที่รักที่ไม่มีกำลังจะทำงานได้แล้วเช่นนี้ เรื่องของโลกและชีวิตซึ่งหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ ก็คงจะกลืนเอาวารยาหายเข้าไปในความชั่วได้สักวันหนึ่ง แต่เขาจะทำอย่างไร? จะเอาหล่อนไปเก็บไว้ที่ไหน? มันเป็นเรื่องมืดมัวมองไม่เห็นแสงสว่าง

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ได้ยินเสียงวลาดิมีร์พูดว่า

“วารยาอาจลำบากเพราะเป็นห่วงตัวฉันมากไป ถ้าไม่มีฉันเสียเขาก็คงจะไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้”

“หมายความว่ากระไร?” ข้าพเจ้าถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะนั้นเราเลี้ยวเข้าประตูใหญ่ทาสีแดงเลือดนก ซึ่งเป็นประตูด้านนอกของหอสมุดแห่งชาติประจำกรุงปักกิ่ง

“ฉันเป็นคนทำให้วารยาต้องดิ้นรน” วลาดิมีร์กล่าวช้า ๆ และชัดคำ “ฉันควรจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้วารยาเลิกคิดเลิกกังวลในตัวฉัน”

ข้าพเจ้ามองดูหน้าอันเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยคราบของชีวิตนั้นอย่างพิศวงในใจ เรายังไม่ได้ตรงไปขึ้นบันไดหินอ่อนอันใหญ่โตของหอสมุด แต่เลี่ยงไปตามถนนเล็ก ๆ ซึ่งบ่ายโฉมหน้าเข้าหา “ทะเลเหนือ” อันคั่นพระราชวังฤดูหนาวกับตัวหอสมุด

“ผมยังไม่เข้าใจเลย” ข้าพเจ้าว่า

วลาดิมีร์ยิ้ม–เป็นการยิ้มที่ประหลาดและค่อนข้างน่ากลัว

“เธอคงจะทราบได้เองว่าฉันได้ตกลงใจอย่างไร แต่ฉันได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า จะไม่ทำให้วารยาลำบากอีกต่อไป”

“ผมยังนึกไม่ออกอยู่นั่นเอง”

บุรุษชราผู้มีอากัปกิริยาสง่าเหมือนราชสีห์แต่กำลังบาดเจ็บ ชี้มือให้ข้าพเจ้าดูเจดีย์รูประฆังบนยอดเนิน เหนือตัวปราสาทที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์ชิ้ง บนเกาะในสวนสาธารณะเป๋ห่ายอันปรากฏอยู่เฉพาะหน้า แล้วกล่าวว่า

“เธอดูเจดีย์รูประฆังนั่นสิ ระพินทร์ ฉันคิดว่าเสียงระฆังเป็นเสียงที่เยือกเย็นเต็มไปด้วยความสงบสุข วารยาคงจะชอบเสียงระฆังมากกว่าเสียงแจ๊ซที่คาราซาร์ หรือที่โฮเต็ลเดอเปอแกงเป็นแน่ เมื่อไม่มีฉันแล้ววารยาก็คงจะไปหาเสียงระฆัง ระพินทร์ นี่เป็นเรื่องที่ฉันจะต้องขอร้องเธอ”

ข้าพเจ้าฟังอย่างไม่เข้าใจ วลาดิมีร์พูดคล้ายบุคคลที่กำลังเพ้อฝัน แต่ในแววตาของเขามีความเยือกเย็นและมั่นคงไม่ตื่นเต้นอะไรเลย

“จะขอร้องให้ผมทำอะไร ก็โปรดบอกมาเถิด” ข้าพเจ้าพูดอย่างไม่มีความหมาย

“ส่งวารยาไปหาเสียงระฆัง อย่าพยายามรั้งเอาไว้ต่อไปเลย” เป็นคำพูดที่เด็ดขาดของวลาดิมีร์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ