๑๗
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ท่านคงจะนึกสงสัยบ้างว่าทำไมข้าพเจ้าจะต้องกล่าวถึงวลาดิมีร์ วลาดิมีร์เป็นใคร? เกี่ยวข้องกับเรื่องของวารยาอย่างไร? ในความรู้สึกของข้าพเจ้า วลาดิมีร์เป็นเสมือนนาฬิกาของประวัติศาสตร์ นาฬิกาที่บอกเวลาของโชคดีและโชคร้าย นาฬิกาที่บรรจุเต็มไปด้วยความหลังอันมีอายุถึง ๖๐ กว่าปี นาฬิกาเรือนนี้มีค่าสำหรับเกร็ดประวัติศาสตร์ในประเทศรัสเซียและในประเทศจีน เรื่องราวของวลาดิมีร์เป็นกระจกที่ฉายให้เห็นภาพของชีวิตมนุษย์ที่ไม่มีความยั่งยืนแน่นอน เป็นภาพของความฝันซึ่งเมื่อตื่นแล้วก็เหลืออยู่แต่ความจำที่ไม่มีตัวตน ชีวิตของวลาดิมีร์เป็นบทปรัชญาที่ให้ความจริงแก่ข้าพเจ้า มนุษย์เป็นเครื่องเล่นของโชค เป็นตัวละครที่ไม่มีเสรีภาพจะทำอะไรได้ตามใจชอบ โชคบอกบทให้เราทำเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าพเจ้าเกือบจะเชื่อว่า โชคกำหนดวันเกิดของเรา และในทำนองเดียวกัน โชคก็กำหนดวันตายของเรา
การพบปะกับวลาดิมีร์และวารยา ได้ให้ความพอใจแก่ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ ที่พอใจก็เพราะว่าข้าพเจ้าได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตกว้างขวางยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้รับความรู้ใหม่ ๆ จากความรู้สึกของชาวรัสเซียที่ไม่มีชาติ ชาวรัสเซียที่ตกระกำลำบากอยู่ในเมืองจีน เพราะไม่ต้องการจะกลับไปเข้ากรงเหล็กของสตาลิน ทุกวันนี้ข้าพเจ้ามีความปรารถนาอยู่ข้อหนึ่ง คือปรารถนาว่าก่อนที่ความตายจะมาถึง ขอให้ได้เรียนรู้ถึงชีวิตมนุษย์ให้อิ่มใจเสียก่อน ข้าพเจ้าต้องการรู้จักกับความดีและความเลว ต้องการรู้จักคนทุกชั้น ไม่เลือกเพศไม่เลือกวัย ข้าพเจ้าต้องการดูความสะอาดและความโสมมในหัวใจของคน ซึ่งเป็นของที่ “ยากแท้หยั่งถึง” มนุษย์เราได้เล่นละครมาแล้วตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ละครเรื่องใหญ่ที่ไม่รู้จักจบนี้ ได้แบ่งออกเป็นหลายภาคหลายตอน เมื่อข้าพเจ้าพลิกสมุดประวัติศาสตร์ดู ข้าพเจ้าได้พบฉากต่างๆ ของละครเรื่องใหญ่นี้ ทุกฉากมีรูปลักษณะของมันอยู่ในตัว เริ่มตั้งแต่ความดุร้ายเยี่ยงสัตว์ป่า เรื่อยมาจนกระทั่งถึงความป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์บ้าน มีความเห็นแก่ตัวอย่างรุนแรง ต้องการจะเอาเปรียบเหยียบย่ำกัน ต้องการจะเอาชนะกันด้วยมิจฉาทิฐิ ไม่คำนึงถึงความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาปรานี เมื่อมนุษย์ได้เล่นละครต่อมาอีกหลายศตวรรษ จิตใจของเขาก็มีลักษณะเป็นคนมากขึ้น ความดุร้ายป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ ได้ค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไป แต่ความเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นสัญชาตญาณอันให้กำเนิดแก่ความชั่ว ก็ยังคงเกรอะกรังอยู่ตามเดิม กำเนิดของศาสนาปัจจุบันเมื่อสองพันกว่าปีก่อน เป็นหลักชัยอันหนึ่งที่บอกว่าเรื่องละครมนุษย์ คงจะมีความนุ่มนวลสุภาพเรียบร้อยขึ้นตามควร แต่ผู้ที่เข้าใจว่าศาสนาคืออะไร มีความมุ่งหมายอะไร มีอยู่ไม่มากนัก เพราะฉะนั้นศาสนาจึงกลายเป็นละครอีกฉากหนึ่ง ที่บางครั้งก็นองไปด้วยเลือดของผู้ที่บ้าคลั่งไปด้วยความเชื่ออย่างหลับตา ในที่สุดศาสนาก็ยังช่วยอะไรเราไม่ได้ ทุกวันนี้ศาสนากำลังถอยหลัง แทบจะไม่มีใครต้องการคิดคำนึงถึง เราคิดกันถึงสิ่งที่เป็นจริง เราปล่อยให้สิ่งที่เป็นจริงลากเราไปสู่เมืองสวรรค์และเมืองนรก เราตะโกนบอกกันว่าสิ่งที่ควรจะเป็น นั้นเป็นแต่เพียงความฝันในรูปของปรัชญา เราลงความเห็นว่า ผู้ที่คิดถึงสิ่งที่ควรจะเป็นก็คือคนบ้า และผู้ที่พยายามทดลองทำการพิสูจน์สิ่งที่ควรจะเป็น ก็คือคนบ้าที่กำลังจะทำอันตรายต่อสังคม เราพากันลืม วัตต์, ฟาราเดย์, ไรต์ ฯลฯ เสียหมดแล้ว เราคงจะลืมว่า ถ้าคนเหล่านี้ไม่พยายามทดลองความบ้าของเขาด้วยการเอาชีวิตและความเป็นอยู่ของตนเข้าแลก โลกก็คงไม่เจริญได้ถึงปานนี้
ข้าพเจ้าต้องการดูละครของมนุษย์ ต้องการจะวัดว่าละครฉากปัจจุบันกับละครฉากดึกดำบรรพ์มีความป่าเถื่อนผิดแผกแตกต่างกันบ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าต้องการรู้จักคน เพราะข้าพเจ้าถือว่า คนเป็นผู้เล่นละคร จริงอยู่ โชคอาจบงการให้เขาเล่น แต่เราต้องไม่ลืมว่าโชคเปลี่ยนนิสัยของตัวละครได้ ทุกวันนี้คงทำให้ข้าพเจ้ามีความทรหดมากขึ้นเสมอ คนทำให้ข้าพเจ้าแทบจะไม่มีความเจ็บเหลืออยู่เลยในชีวิต คนสอนข้าพเจ้าว่า การเชื่อกันก็คือการแสดงความโง่เขลาอย่างน่าเวทนา ข้าพเจ้าได้บทเรียนที่มีค่าจากคนดีและคนชั่วที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวัน เขาช่วยให้ข้าพเจ้าเจนต่อความผิดหวัง ข้าพเจ้าแลเห็นชีวิตเป็นของเชื่อง ไม่ใช่ของที่น่าตื่นตกใจ นี่คือประโยชน์ที่ได้รับจากการสมาคมกับคนทุกชั้น
เฉพาะที่ปักกิ่ง ข้าพเจ้าได้พยายามเรียนรู้เรื่องคนมากเท่ากับที่ข้าพเจ้ากำลังพยายามเรียนอยู่ในเมืองไทย ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้มาพบวารยา วลาดิมีร์ และเหลียง คนทั้งสามเป็นตัวละครชุดหนึ่งเท่านั้น นอกจากคนเหล่านี้ ข้าพเจ้ายังได้พบกับโจวกวอเสียน ทูตจีนที่เคยประจำอยู่ในเอเชียใต้และอเมริกา เป็นผู้มีอุดมคติว่า การเมืองคือการฉวยโอกาส พบศาสตราจารย์หลัวช้าง นักการเมืองที่อยู่นอกระบอบของซุนยัดเซ็น พบรักชิต นักการเมืองและนักหนังสือพิมพ์ของอินเดียที่มีอุดมคติว่า เสรีภาพคือชีวิตของเขา พบ ดร. เชอร์วูด เอดดี้ นักการศาสนา นักแต่งหนังสือ นักปาฐกถา ซึ่งรู้จักตะวันออกเท่ากับที่รู้จักตัวของเขาเอง พบไลน์แมนฮูเวอร์ นักศาสนาและนักมนุษยธรรมที่มอบชีวิตของเขาให้แก่ชาวบ้าน พบ ดร. หูชื่อ (Hu Shih) นักปรัชญาอันลือนามระดับโลก ซึ่งฝรั่งเอาชื่อไปรวมไว้กับไอน์สไตน์ พบ ดร. อินแกรม มนุษย์เดนตายที่รอดชีวิตมาจากการถูกพวกบ็อกเซอร์ล้อมฆ่า เมื่อเกิดการจลาจลในปักกิ่ง ปี ค.ศ. ๑๙๐๐ พบแอลเฟรด หลิน เศรษฐีครึ่งชาติพ่อค้าฝิ่น ซึ่งรัฐบาลจีนได้ลากตัวเอาไปยิงเป้า เพราะดำเนินอาชีพที่กฎหมายจีนไม่อนุญาต ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ชีวิตคืออะไร ดีชั่วสกปรกและสะอาดเพียงไร