๔
วารยา นามอันไพเราะมีกังวานของดนตรี ยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำ เดี๋ยวนี้เวลาได้ล่วงเลยไปถึงแปดปีแล้ว แต่วารยาดูเหมือนจะยังอยู่ใกล้ ๆ ข้าพเจ้ายังแลเห็นผมสีทอง แลเห็นคิ้วอันโก่งประหนึ่งคันธนู แลเห็นดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด ดวงตาที่ต้องการจะบอกว่าในส่วนลึกของหัวใจ ความเศร้าแห่งชีวิตได้ซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ
วารยา ราเนฟสกายา เป็นผู้หญิงสาวสวย ข้าพเจ้าพบหล่อนในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อปี ๑๙๓๒ แปดปีมาแล้ว รวดเร็วมาก เวลาได้ผ่านไปเหมือนมีปีก แต่เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงแจ่มใสอยู่ในความจำคล้ายกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง วารยาคนนี้ทำให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีความหลังที่จะต้องจดจำ เป็นความหลังฉากหนึ่งของความหลังอันยืดยาว ซึ่งไม่มีวันจะลบเลือนไปจากความทรงจำได้ ท่านคงประหลาดใจเมื่อข้าพเจ้าเอ่ยถึงความหลังอันยืดยาว ท่านคงจะคิดว่า ทำไมคนเราจึงจะต้องมีความหลังอันยืดยาวด้วย จำเป็นนักหรือที่เราจะต้องแบกเอาความหลังไว้ให้หนักสมอง ? จำเป็นนักหรือที่เราจะต้องนึกถึงเมื่อวานนี้ ในเมื่อเรามีพรุ่งนี้จะต้องเอาใจใส่? ข้าพเจ้าเข้าใจว่าในจำนวนมนุษย์หลายพันล้าน มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็นสามชนิด ชนิดที่หนึ่งมีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้และไม่มีพรุ่งนี้ อยู่อย่างบรมสุข เวลา ๒๔ ชั่วโมงเป็นของเขา ใช้มันให้หมดเปลืองไปอย่างไม่ต้องเสียดาย มนุษย์พวกนี้มีคติประจำใจว่า จงกินจงดื่มจงร่าเริงเสียให้สบายใจ เพราะพรุ่งนี้เราก็จะตายแล้ว มันก็สนุกดีนะท่าน อยู่สำหรับวันนี้ ชั่วโมงนี้ และนาทีนี้ ไม่ต้องห่วงถึงอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่ต้องจริงจังถือคำมั่นสัญญากับใคร เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก มนุษย์อีกจำพวกหนึ่งมีชีวิตอยู่สำหรับพรุ่งนี้ ต้องการแต่จะหวัง ต้องการแต่จะคิด เขาคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงความก้าวหน้าของโลก คิดถึงความสวยงามของศิลปะ คิดถึงการแปรรูปของสังคม ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความฝันและความปรารถนาในสิ่งที่ควรจะเป็น เขาเกือบจะลืมว่าสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่ควรจะเป็นเฉพาะในกาลสมัยนั้น ๆ ย่อมมีลักษณะแตกต่างกันมาก เขาอาจเป็นนักปรัชญา เป็นนักวรรณคดี เป็นศิลปิน เป็นนักสังคม ตลอดจนเป็นนักการเมืองก็ได้ มนุษย์ประเภทนี้เป็นมันสมองส่วนสำคัญของโลก เป็นทั้งนักก่อสร้างและนักเปลี่ยนแปลง คนพวกนี้อาจมีชีวิตที่รุ่งเรือง หรืออาจมีชีวิตที่ตกต่ำ บางทีก็ถึงแก่ความพินาศอย่างย่อยยับ เมื่อพลิกดูสมุดประวัติศาสตร์ เราพบมนุษย์จำพวกนี้เป็นอันมากเป็นตัวละครที่มีบทบาทอันประหลาดพิสดาร แต่ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตที่รุ่งเรืองหรือตกต่ำอย่างใด นักประวัติศาสตร์ก็จะยกย่องเขาไว้อย่างสูง เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ได้สละแล้ว เป็นคนทำงานให้แก่ส่วนรวม ยังมีมนุษย์อีกชนิดหนึ่ง คือชนิดที่สาม คนพวกนี้มีชีวิตอยู่สำหรับวันวาน เขานั่งลงคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว–เป็นนักคิดเหมือนกัน แต่คิดอยู่กับที่–คิดวนไปวนมาเป็นวงกลม เขาอาจมีความจริงจังกับชีวิตจนเกินไป เพราะฉะนั้นจึงเกิดอุปาทานยึดมั่นอยู่กับสิ่งที่ได้ผ่านไปเมื่อวันก่อน เขามีความหวังและมีความต้องการจะให้เมื่อวานนี้กลับมาเป็นวันนี้อีก เขาอาจต้องการความรักที่ได้พินาศล่มจมไปแล้วให้กลับฟื้นคืนมา เขาอาจต้องการจะเป็นเศรษฐีอย่างที่ได้เคยเป็นมาครั้งหนึ่ง มนุษย์พวกนี้นั่งลงแล้วก็คิด–คิด–คิด ชีวิตของเขามีแต่ความเศร้าและความเห็นแก่ตัว ต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้สูญไปแล้วเพื่อประโยชน์ของตนเอง นักคิดชนิดนี้เมื่อคิดมากเข้า จิตใจก็ผันแปรไปจนไม่อาจจะอยู่ในปรกติภาพได้ ทุก ๆ ปีเขาหางานให้นายแพทย์แห่งโรงพยาบาลโรคจิตทำอย่างเต็มมือ เป็นตัวละครที่มีบทบาทประหลาดเหมือนกัน
ข้าพเจ้าพูดถึงความหลัง ข้าพเจ้าบอกว่าข้าพเจ้ามีความหลังอันยืดยาว บางท่านอาจคิดว่าข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ชนิดที่สาม คือคิดถึงสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้ว เป็นนักคิดที่เห็นแก่ตัว เสียดายสิ่งที่สูญไปโดยไม่ต้องการจะคิดถึงวันนี้และวันหน้า ถ้าท่านเข้าใจเช่นนั้นข้าพเจ้าก็เห็นใจ อย่างไรก็ดีขอให้ข้าพเจ้าได้ชี้แจงว่า ในการที่พูดว่าข้าพเจ้ามีความหลังอันยืดยาว ไม่มีวันจะลบเลือนได้นั้น ข้าพเจ้าหมายความว่ากระไร ในอุดมคติของข้าพเจ้า ความหลังเป็นของมีค่าถ้าเรารู้จักใช้มัน ความหลังเป็นเสมือนแผ่นกระจกเงาที่ฉายให้เห็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว สำหรับใช้เป็นเครื่องเปรียบเทียบกับความเป็นอยู่ในวันนี้และวันหน้า ข้าพเจ้ามีความหลังเรื่องของวารยา มีความหลังเรื่องของจางหลิน มีความหลังเรื่องของเจียงเฟ เจียงเหมย ตลอดจนหลูกวง ยังมีความหลังอีกมากมายที่จารึกอยู่ในสมุดชีวิตของข้าพเจ้า แต่ละเรื่องเป็นเรื่องของความทุกข์ยาก ความเห็นแก่ตัว ความรักชาติ ความเสียสละ ความเกลียด ความหลอกลวง และร้ายที่สุดความกดขี่เบียดเบียน ความหลังเหล่านี้แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตแห่งสังคม แต่ก็เป็นเสมือนกระจกเงาแผ่นใหญ่ที่ฉายให้เห็นชีวิตทุกซอกทุกมุมในสังคมของมนุษย์ ความหลังได้สอนข้าพเจ้าว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน น้ำตาและรอยยิ้มเป็นแต่ความฝัน อุปาทานเป็นที่เกิดของความทุกข์ เราจะไม่จริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา แต่เราจะต้องรู้จักรับผิดชอบ ต้องเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ต้องเล่นเกมของชีวิตด้วยน้ำใจอันกว้างขวาง และด้วยวิสัยของนักกีฬา ความหลังสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักระมัดระวังในการติดต่อกับคน แต่ก่อนข้าพเจ้าคิดว่าโลกนี้คือเมืองสวรรค์ ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยคนดี เดี๋ยวนี้คนดีก็อาจมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ข้าง ๆ คนดีเหล่านั้นมีคนซึ่งยืนซุ่มอยู่เงียบ ๆ เขาสวมเครื่องแต่งกายอย่างสุภาพบุรุษสุภาพสตรี มีดวงหน้าอันสะอาด มีรอยยิ้มและแววตาเต็มไปด้วยความกรุณา เขาพูดจาสุภาพเรียบร้อย อ่อนหวานอ่อนโยนอย่างไม่มีอะไรเปรียบ แต่ใครรู้บ้างว่าในหัวใจของเขามีอะไรซุกซ่อนอยู่ ความหลังมีประโยชน์นะท่าน มันเป็นบทเรียนที่สอนให้ข้าพเจ้าเข้าใจท่านสุภาพบุรุษสุภาพสตรีเหล่านี้ แววตาและรอยยิ้มตลอดจนหน้าตาและเครื่องแต่งกาย ทำอะไรข้าพเจ้าไม่ได้เสียแล้ว เราจับมือกัน ทักทายกัน หัวเราะกัน แต่นั่นเป็นแต่เพียงมรรยาทที่เราจะพึงประพฤติต่อกันเท่านั้น ในหัวใจ–อนิจจา–ใครจะรู้ใจใคร