๓๘

ปักกิ่ง–นครแห่งความหลัง บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยไปถึง ๑๐ ปีกว่าแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าได้พบยังมิได้ลืมเลือนไปจากความจำ เรื่องของวารยา ราเนฟสกายา เป็นเรื่องของชีวิตที่ทำให้ข้าพเจ้าสำนึกได้ว่า ชีวิตของเราเป็นแต่ทางเดินเส้นหนึ่งที่มีสูงและมีต่ำ มีเรียบและไม่เรียบ คนเราเดินไปตามเส้นทางนี้ เดินไป–เดินไป ฝ่าที่ลุ่มและที่ดอน แล้วแต่โชคกรรมจะลิขิตไว้ให้ มีอะไรแน่นอนนักเล่า ในเมื่อโชคได้เป็นนายที่กำหนดทางให้เราเดิน? เราจะหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจหรือ ถ้าวันหนึ่งเราได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดเขา เหนือศีรษะของคนเป็นอันมาก? แต่เราจะร้องไห้หรือถ้าวันหนึ่งเราต้องตกไปอยู่ในเหวลึก ใต้ฝ่าเท้าของคนเป็นอันมากเหมือนกัน ชีวิตของวารยาก็เป็นชีวิตที่มีสูงมีต่ำ หล่อนได้ตกจากคฤหาสน์อันใหญ่โตมโหฬารในมอสโก ลงมาอยู่ในคาบารอฟสก์โฮเต็ลที่ปักกิ่ง และจากคาบารอฟสก์ หล่อนก็จะระเหระหนไปแห่งใดอีก เป็นเรื่องที่เราจะพูดกันต่อไป ชีวิตของวารยาได้เตือนให้ข้าพเจ้าระวังตัว ไม่พยายามเย่อหยิ่งอวดดีเมื่อมีโชคเป็นผู้อุปถัมภ์ และก็ไม่เศร้าโศกเสียใจเมื่อโชคได้ผลักให้ตกลงในเลนตม วารยาทำให้ข้าพเจ้าตั้งหลักเตรียมต่อสู้กับชีวิตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นทุกขณะ เพราะฉะนั้น เมื่อข้าพเจ้ากลับมาเมืองไทย ข้าพเจ้าก็ได้เป็นผู้ชนะชีวิตของตนเองเสียแทบทุกฝีก้าว ข้าพเจ้าไม่เคยดีใจเมื่อบังเอิญมีโชคดีอย่างไม่นึกฝัน และก็ไม่เสียใจในเมื่อได้พบกับความทารุณของโลกที่มีปรมาณูของความยุติธรรมแต่เพียงเล็กน้อย แต่ว่า–ท่านสหายที่รัก–ชีวิตของข้าพเจ้าในเมืองไทยเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยโชคร้าย ระพินทร์ พรเลิศเป็นคนโชคร้าย–และร้ายเสมอ แน่ละ! ไม่มีใครเขานิยมเลย ถ้าเราจะมาพูดกันถึงเรื่องส่วนตัว และจะไม่มีใครอยากฟังเลย ถ้าเราบอกเขาว่าเราเป็นคนโชคร้าย แต่ในการที่พูดว่าข้าพเจ้าเป็นคนโชคร้ายนี้ ข้าพเจ้าไม่ต้องการอะไรจากท่าน ข้าพเจ้าไม่ต้องการความสงสารเห็นใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ถ้าขืนให้กันบ่อย ๆ ก็จะทำให้คนเราอ่อนแอปวกเปียก ไม่มีความทรหดอดทนที่จะกัดฟันต่อสู้กับชีวิตและความตาย การที่ข้าพเจ้าพูดว่าข้าพเจ้าเป็นคนโชคร้าย ข้าพเจ้าต้องการเพียงแต่จะแสดงว่า บทเรียนแห่งชีวิตที่ข้าพเจ้าพบในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรุงปักกิ่ง ได้สอนให้ข้าพเจ้าเป็นคนอดทนต่อความผิดหวัง มีความทรหดในหัวใจ มีความเย็นชาต่อความทุกข์ โชคร้ายหรือ? เชิญเรียงหน้ากันเข้ามาเถิดเพื่อนเอ๋ย! ความอยุติธรรมก็ดี ความกลับกลอกหลอกลวงก็ดี ความกดขี่เห็นแก่ตัวก็ดี ที่จะทำให้ระพินทร์เจ็บปวดทนทุกขเวทนา จนถึงกับย่อท้อถอยหลังนั้น เห็นจะไม่มีหวังเสียแล้ว โชคร้ายที่ข้าพเจ้าพบอยู่ทุกวันคืน เป็นแต่เพียงความฝันฉากหนึ่ง ทุกวันนี้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ด้วยอุดมคติข้อเดียว นั่นคือ ชีวิตเป็นเกมที่เราจะเล่นกันด้วยน้ำใจนักกีฬาแท้ เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าเป็นคนโชคร้าย ไม่เคยได้พบกับความยุติธรรม ไม่เคยได้เห็นเศษของความสุขและความพอใจ ไม่เคยได้ยิ้มกับชีวิต ในขณะที่คนซึ่งไม่ควรมีสิทธิ์จะยิ้ม ได้ยิ้มกันทุกซอกทุกมุม แต่จำเป็นด้วยหรือที่ข้าพเจ้าจะต้องล่มจมอยู่ในเงื้อมมือของโชคร้ายจนตลอดชาติ ข้าพเจ้าได้เล่นเกมของชีวิตอย่างเปิดเผย อย่างใจนักเลง–อย่างใจนักกีฬาที่บริสุทธิ์สะอาด อย่างน้อยข้าพเจ้าก็ไม่ควรจะมีศัตรู และอย่างน้อยซึ่งไม่ควรสงสัยเลย โชคก็ควรจะมีเศษของความยุติธรรมเหลือไว้ให้เป็นสมบัติของข้าพเจ้าบ้าง นี่เป็นความหวังของระพินทร์ แต่ความหวังนี้ไม่ทำให้ข้าพเจ้ากลายเป็นคนอวดดีไปได้เลย

วารยา ราเนฟสกายา ได้สอนข้าพเจ้าว่า ชีวิตมนุษย์เป็นเสมือนกาบปลีที่ลอยอยู่ในลำธาร ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน “ฉันอาจจะจากเธอในเร็ว ๆ นี้” หล่อนบอกข้าพเจ้า “และบางทีเราจะไม่ได้พบกันอีกจนวันตาย แปลกไหม ระพินทร์ เราอยู่กันคนละมุมโลก แต่โชคได้ชักนำให้เรามาพบกันในปักกิ่ง เมื่อพบกันแล้วเราก็ต้องลาจากกันไป ชีวิตไม่มีอะไรแน่เสียเลย แต่ขอให้ฉันหวังว่าโชคคงจะช่วยเธอเมื่อเธอกลับเมืองไทย”

โชคกับชีวิต! มีอะไรอีกที่สำคัญกว่านี้ มีอะไรอีกที่เราควรจะทำความเข้าใจด้วยมากกว่านี้ เมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็ก ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตไม่มีอะไรจะน่าห่วง ข้อสำคัญอยู่ตรงที่เราได้พยายามทำความดีหรือเปล่า ถ้าเราทำความดี ผลที่จะสนองก็จะต้องเป็นผลดีไม่ใช่ผลร้าย “ทำดีได้ดี” เป็นภาษิตประจำใจของข้าพเจ้าในสมัยนั้น คุณพ่อคุณแม่ได้สั่งสอนอบรมให้ข้าพเจ้าเป็นคนดี เมื่อเวลาที่ข้าพเจ้าดื้อดึงพยายามที่จะเกเร ท่านก็มีไม้เรียวคอยบังคับ ไม้เรียวและคำสอนของท่านได้ช่วยให้ข้าพเจ้าเคยชินต่อความมีระเบียบ ไม่เบื่อหน่ายหรือเดือดร้อนจนเกินไป ถ้าจะต้องบังคับตัวเองให้ทำความดีตลอดชีวิตของการเป็นเด็กหนุ่มและการเป็นชายหนุ่ม ข้าพเจ้าได้พยายามทำความดีเท่าที่เหตุการณ์จะอนุญาตให้ทำได้ ข้าพเจ้ายังเป็นปุถุชนสามัญ ยังหนีไม่พ้นกิเลส เพราะฉะนั้นเมื่อข้าพเจ้าทำความดี ข้าพเจ้าก็คิดหวังผลดีเป็นการตอบแทน “ทำดีได้ดี” จะต้องมีความจริงมากพอที่จะเชื่อถือได้ ข้าพเจ้าเชื่อภาษิตอันนี้ แต่ตลอดวันเดือนปีของการเป็นชายหนุ่มที่ถือคติว่า โลกจะก้าวหน้าได้ก็เพราะมีคนคิดดีและคนทำดี ข้าพเจ้ากลับไปพบความผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจที่สุด ทำดีได้ดี! อนิจจา นี่เราพูดกันเล่น ๆ ดอกหรือ? หรือว่าเราจะต้องรออย่างที่ตอลสตอยพูดว่า God sees the truth but wait. ข้าพเจ้าแน่ใจว่าได้พยายามทำความดีแต่ข้าพเจ้าได้รับผลตอบแทนอะไรบ้าง? ความสุขหรือ? ความเห็นใจหรือ? เสื้อสามารถในการที่ได้เล่นเกมของชีวิตด้วยน้ำใจของนักกีฬาหรือ เปล่าทั้งสิ้น สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับเป็นการตอบแทนสำหรับการทำความดีก็คือความอยุติธรรม แต่ช่างเถิด ข้าพเจ้ารู้สึกแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรมีอำนาจใหญ่ยิ่งไปกว่าโชคหรือกรรมเก่า โชคให้ความยุติธรรมแก่เรา และในทำนองเดียวกันก็ดูเหมือนว่า โชคก็ให้ความอยุติธรรมแก่เราได้เหมือนกัน แต่ความดีเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำต่อไป–ทำโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เพราะเราจะหวังอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม–กฎที่อยู่เหนือความต้องการของชีวิต

วารยา ราเนฟสกายา ได้พยายามทำความดี แต่หล่อนไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย วารยาเยือกเย็นพอที่จะไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อต้องอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ในบางครั้งหล่อนก็ทนต่อความทรมานใจไม่ได้ วารยาได้พยายามทำลายชีวิตของตัวเอง มันเป็นเรื่องน่าละอาย แต่เราควรจะเห็นใจหล่อนนะท่าน

๑๒ ทิวาที่คุ้นหมิงหู ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักวารยาดีขึ้นอีกมาก ข้าพเจ้ารู้ว่าวารยามีความหลังอันยืดยาว มีความเศร้าประจำชีวิต แต่วารยาเป็นนักต่อสู้ที่ทรหดอดทน เก็บความซอกช้ำไว้ในอก ไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้ เมื่อถูกอัดเข้ามันก็ระเบิดออก และวารยาก็จวนจะต้องฆ่าตัวตาย ข้าพเจ้าเห็นใจหล่อน ตามธรรมดาคนเราจะอดทนสักปานใด ถ้าไม่มีทางระบายความในใจออกเสียบ้าง ก็จะต้องปราชัยลงในวันหนึ่ง วารยาได้ปราชัยไปแล้ว และหล่อนได้สารภาพแก่ข้าพเจ้าแล้ว คำสารภาพของวารยาได้ทำให้เกลียวมิตรภาพระหว่างหล่อนกับข้าพเจ้าแน่นกระชับยิ่งขึ้น เราเข้าใจกันและรู้ว่าต่างคนต่างต้องการอะไร และมีความหวังในสิ่งใด

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ