๓๗

วารยามองตาข้าพเจ้าอย่างสนเท่ห์ใจ หล่อนคงรู้ว่าข้าพเจ้ากำลังบังคับให้พูดถึงเรื่องยากที่สุดเรื่องหนึ่ง

“เธอจะให้ฉันพูดว่ากระไร?” หล่อนย้อนถาม

“ก็เธอมีความรู้สึกต่อชีวิตของเธออย่างไรบ้างเล่า?”

นิ่งไปครู่หนึ่ง ตามองพื้นน้ำซึ่งกำลังกระเพื่อมเพราะสายลม ในที่สุดหล่อนก็กล่าวว่า

“เธอก็รู้ว่าชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความเศร้า เพราะฉะนั้นฉันคงจะมองดูชีวิตอย่างคนที่มีความสุขไม่ได้”

ข้าพเจ้าพยักหน้า วารยากล่าวต่อไปว่า

“ฉันรู้สึกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรมและเห็นแก่ตัว ฉันโตมาด้วยความอยุติธรรม ฉันพบแต่ความเห็นแก่ตัว การเอาเปรียบกินแรง เอาแต่ได้ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีความรักที่กว้างขวางสมกับความเจริญก้าวหน้าของวัตถุ ถ้าเธอรู้ว่าฉันได้ผ่านชีวิตมาอย่างไร เธอก็คงจะเห็นใจฉันได้”

“เรื่องเห็นใจไม่ต้องพูดถึง ฉันเห็นใจเธอเสมอ”

“ตลอดเวลายี่สิบปี” วารยาพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “ฉันได้พบแต่ความเหี้ยมเกรียมของคน พ่อแทบสิ้นเนื้อประดาตัวก็เพราะความอยุติธรรมของคน”

ข้าพเจ้ามองตาหล่อน รู้สึกว่าแววตาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายต่อโลกและชีวิต แต่วารยาเก่งพอที่จะทำน้ำเสียงที่พูดราบรื่นปราศจากความสะดุ้งสะเทือน

“การปฏิวัติในรัสเซียทำให้เราเกือบจะกลายเป็นคนขอทาน” หล่อนพูดพลางหัวเราะ “ฉันเห็นใจคนที่ได้รับการกดขี่ แต่ความทารุณของการปฏิวัติเป็นสิ่งที่ฉันลืมไม่ได้ มันยิ่งกว่านรกทีเดียว ระพินทร์ พูดอะไรกันไม่เข้าใจเสียเลย ทุกคนกำลังบ้าอย่างขาดเหตุผล มันทำให้ฉันหลับตาแลเห็นภาพในเมืองฝรั่งเศสดี เมื่อ ๑๕๐ ปีก่อน”

“เธอเป็นคนโชคร้ายมาก วารยา”

“มันช่วยไม่ได้ เมื่อทุกคนกำลังเลือดเข้าตา” หล่อนพูดแล้วส่ายหน้า “แต่นั่นแหละเมื่อพูดถึงความยุติธรรมแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉันไม่แปลกใจนักสำหรับเพื่อนร่วมชาติของฉันในรัสเซีย เพราะในเวลาเช่นนั้น ความทารุณมันจะต้องมีเป็นของธรรมดา แต่ฉันแปลกใจมากสำหรับคนที่ฉันได้พบนอกรัสเซีย”

“วารยา เธอได้พบฉัน” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้น

“เธอเป็นเพื่อนที่ดียิ่งของฉัน ระพินทร์” หล่อนรีบพูดสวนขึ้น “ฉันได้พบคนเป็นอันมากในฮาร์บินและในปักกิ่ง คนเหล่านี้ทำให้ฉันคิดว่าการเล่นเกมของชีวิตอย่างใจนักกีฬานั้น เป็นของเป็นไปไม่ได้ คนที่มีใจเป็นนักกีฬาจริง ๆ มีอยู่ไม่มากนักในโลกนี้”

“ฉันรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน”

“ความทารุณในรัสเซียเมื่อคราวปฏิวัติใหญ่ เขาทำกันอย่างเลือดร้อน ความโกรธ ความไม่พอใจ อาจทำให้ขาดสติไปได้ แต่ความทารุณที่ฉันได้พบในฮาร์บินและปักกิ่ง เขาทำกันอย่างเลือดเย็น ฉันคิดว่าเลือดเย็นป่าเถื่อนกว่าเลือดร้อนมาก”

ข้าพเจ้ารับรอง วารยาจึงกล่าวต่อไป

“ชีวิตของฉัน–โอ อย่าให้พูดละเอียดเลย ระพินทร์ ในคืนที่สุขสบายเช่นนี้ ฉันไม่อยากพูดถึงความเศร้า คงจะมีสักวันหนึ่งที่ฉันจะบอกเธออย่างละเอียด และวันนั้นเธออาจจะไม่ได้พบฉันแล้วก็ได้”

ข้าพเจ้าหันไปมองหน้าหล่อนอย่างแปลกใจ

“หมายความว่ากระไร?”

“ฉันได้พยายามต่อสู้กับชีวิตมาอย่างอดทน” หล่อนพูดยิ้ม ๆ “แต่เราต้องไม่ลืมว่า ความอดทนของคนมีขีดจำกัด ฉันไม่ใช่พระเยซูหรือพระพุทธเจ้าของเธอ ฉันยังเป็นมนุษย์สามัญธรรมดา ที่มีความเจ็บปวดทรมาน ฉันได้พยายามทำความดี พยายามดีต่อทุกคน เชื่อถือในเกียรติยศของคนทุกคน ให้โอกาสแก่คนทุกคน แต่เดี๋ยวนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันได้คิดและได้ทำมาแล้วเป็นความโง่ทั้งนั้น”

นิ่งเงียบไปขณะหนึ่ง คล้ายกับว่าการระลึกถึงสิ่งที่ได้ผ่านมาแล้วทำให้หล่อนเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย

“ที่ฮาร์บินฉันพบความหลอกลวงที่หาเศษของมนุษยธรรมไม่ได้” วารยาพูดเสียงเบาจนฉันต้องตะแคงหูฟัง “ฉันเกือบจะต้องฆ่าตัวตาย เพราะเตรียมตัวรับความผิดหวังไม่ทัน และที่ปักกิ่ง เธอคงทราบดีว่าฉันได้พบคนเลือดเย็นอีกคนหนึ่ง”

ข้าพเจ้าใจเต้นแรงเล็กน้อย เมื่อหล่อนพูดถึงเรื่องความผิดหวังในฮาร์บิน เหลียงไม่ได้เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้วารยาผิดหวัง! นี่เป็นความรู้ใหม่–ใหม่มากพอที่จะทำให้ข้าพเจ้าตกตะลึงจังงังไปครู่หนึ่ง

“เสียใจด้วย วารยา” ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะพูดให้ดีกว่านี้

“ทุกวันนี้ฉันเอนไปในทางศาสนามาก” วารยากล่าวต่อไป “ฉันต้องการความสงบ ต้องการโลกที่เป็นของฉันเอง ไม่ต้องการติดต่อกับใครอีก เพราะหมดความเชื่อถือในเรื่องคนเสียแล้ว แต่ทั้งนี้ ระพินทร์–ฉันขอยกเว้นเธอเสียคนหนึ่ง ฉันคิดว่าเธอเป็นคนดี”

ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็พอดีสบตากับหล่อนอย่างจัง ในดวงตาคู่นั้น ข้าพเจ้าคิดว่าได้แลเห็นวิญญาณอันแท้จริงของวารยา ราเนฟสกายา ความรู้สึกในแววตาของหล่อนทำให้ข้าพเจ้าเย็นวาบเข้าหัวใจ จะให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่าอย่างไร ในเมื่อวารยาได้จ้องหน้าข้าพเจ้าอย่างนี้

เงียบสงัด ลมพัดมาอ่อน ๆ น้ำในทะเลสาบคุ้นหมิงหูกระเพื่อมเป็นประกายอยู่ในแสงเดือน เงียบ เงียบมากทีเดียว แต่ข้าพเจ้ารู้ดีว่าเรายังคงพูดกันอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ