๕๕

ข้าพเจ้าได้พาท่านไปปักกิ่ง ข้าพเจ้าได้แนะนำให้ท่านรู้จักวารยา ราเนฟสกายา แต่บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังจะจบชีวิตของสตรีผู้นี้ ข้าพเจ้าได้โบกมือให้หล่อนที่สถานีปักกิ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มกราคม ๑๙๓๓ โบกเป็นครั้งสุดท้าย คล้ายกับจะเป็นอาณัติสัญญาณที่บอกว่า เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเลยจนกระทั่งวันตาย ท่านได้อ่านชีวิตของวารยาตั้งแต่บทต้นจนกระทั่งบทสุดท้าย อย่างน้อยท่านคงเข้าใจว่าวารยาไม่ใช่คนโชคดี ชีวิตหล่อนได้จบลงด้วยความเศร้าและความเยือกเย็นเปลี่ยวเปล่า...ไม่มีเพื่อนร่วมชีวิต...ไม่มีญาติพี่น้อง...ยืนอยู่แต่ผู้เดียวในโลกอันกว้างใหญ่...ต่อสู้ต่อไปแต่ลำพัง วันคืนจะผ่านมาอีกโดยไม่มีที่สิ้นสุด และชีวิตของวารยาก็จะสั้นลง ๆ ตามความปรารถนาของธรรมชาติ เมื่อนาทีสุดท้ายมาถึง ข้าพเจ้าอยากรู้ว่าวารยาจะมีความรู้สึกอย่างไร? หล่อนจะยังคงต่อสู้กับชีวิตอย่างทรหดอดทนอยู่หรือเปล่า?

ถึงแม้ท่านจะรู้จักวารยา ราเนฟสกายามามากพอ แต่อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ท่านยังไม่ทราบ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงนำคำแปลจดหมายฉบับแรกของวารยามาลงพิมพ์ไว้ เพื่อให้ท่านพิจารณาเอาเอง

จดหมายฉบับที่ ๑ ของวารยา ราเนฟสกายา

ฮาร์บิน

วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๓๓

ระพินทร์ ที่รัก

นี่เป็นจดหมายฉบับแรกของฉัน ฉันคงจะไม่เขียนบ่อยนักภายหลังที่ฉันได้เข้าไปอยู่ในเซนต์แมรีแล้ว เพราะที่นั่นมีระเบียบจะต้องรักษาอย่างเคร่งครัดมาก แต่เธอไม่ต้องใจหาย เพราะถึงฉันจะเขียนน้อย หัวใจของฉันก็ระลึกถึงเธอทุกขณะจิต

นั่งมาในรถไฟวันนั้น ฉันรู้สึกคล้ายกับกำลังอยู่ในความฝัน ชีวิตเรานี่แปลกนะ ระพินทร์ ถ้าคิดให้ละเอียดจริง ๆ แล้ว เราจะไม่เข้าใจเลยว่ามันอะไรกันแน่ ชีวิตในปักกิ่งของฉันเดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นเรื่องในประวัติศาสตร์ไปแล้ว เช่นเดียวกับชีวิตในมอสโกและในฮาร์บินเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง เมื่อเอาม่านลงแล้วก็แล้วกัน ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกนอกจากความหลัง วันนั้น เมื่อรถไฟแล่นลับเหลี่ยมกำแพงใหญ่มาแล้ว ฉันยังคงยืนอยู่ที่หน้าต่าง ไม่สู้จะเชื่อตัวเองว่าได้กำลังจากเธอไป แต่เสียงล้อรถที่บดกับรางเหล็กได้คอยบอกฉันว่าเรากำลังจากกันจริง ๆ และเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้กลายเป็นความหลังไปแล้ว

ฉันพรรณนาไม่ถูกว่าฉันรู้สึกอย่างไร ตลอดการเดินทางไปมุกเดน แต่ดูจะไม่เป็นประโยชน์นัก ขอพูดแต่เพียงว่าฉันได้เดินทางไปโดยความราบรื่นทุกประการ ไม่มีอุปสรรคหรือความไม่สะดวกอย่างไรเลย ดูเป็นลางดีสำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ที่สะอาดและสงบ

ดูเถอะ ระพินทร์ ใครจะคิดบ้างว่าโชคจะพาฉันกลับมาอยู่ในฮาร์บินอีก นครเก่าแห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของเรา สมัยเมื่อเราหนีออกมาจากรัสเซียคราวเกิดปฏิวัติใหญ่ ชีวิตของฉันที่นี่ในสมัยเด็กได้ปิดฉากไปนานแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ฉันมาเปิดฉากชีวิตขึ้นใหม่อีกหนหนึ่ง ในครั้งนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่และได้ผ่านชีวิตมาอย่างช่ำใจ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและบอบช้ำมาก เมื่อสมัยเป็นเด็กวิ่งอยู่ในโรงเรียนที่นี่ ฉันเคยคิดว่าชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม และความสวยงามนั้นจะต้องยั่งยืนอยู่โดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น แต่เมื่อฉันกลับมายังฮาร์บินอีกครั้งหนึ่งในขณะนี้ ฉันได้พาเอาความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งติดมาด้วย คือรู้สึกว่าชีวิตเต็มไปด้วยภาพลวงตา เราจะเชื่ออะไรไม่ได้เลย

เธอคงเดาได้ดีแล้วว่า ฉันจะมาทำอะไรในฮาร์บิน ความบอบช้ำที่ฉันได้รับ คำมั่นสัญญาที่ฉันได้ให้ไว้กับพ่อ และอุดมคติของชีวิตซึ่งฉันได้รับจากเธอ ได้ทำให้ฉันตัดสินใจว่าฉันจะต้องละทิ้งชีวิตเก่าให้หมดสิ้น แล้วหันมาตั้งต้นชีวิตใหม่ที่นี่ เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์และปลอดภัย เพราะอยู่ในวงแขนของพระเจ้า ความเอาใจใส่ในทางศาสนามาตั้งแต่เด็ก ได้ช่วยให้ฉันเดินเข้าไปในโบสถ์ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปยังเซนต์แมรีในสัปดาห์หน้า ฉันจะไม่เขียนถึงเธออีกจนกว่าฉันจะเข้าใจชีวิตใหม่เรียบร้อยดีแล้ว เพราะฉะนั้นจดหมายฉบับนี้จึงเป็นฉบับแรกและฉบับสุดท้ายที่เธอจะได้รับจากวารยาคนเก่า

ฉันหวังว่าอีก ๗ วันพ่อคงจะหมดห่วง อีก ๗ วันเท่านั้นระพินทร์ ที่รัศมีของพระเจ้าจะป้องกันไม่ให้ความชั่วผ่านเข้ามาในชีวิตจิตใจฉันได้เลย เธอคงประหลาดใจที่ทำไมพ่อจึงเป็นห่วงตระกูลของเรามากนัก เป็นห่วงว่าฉันจะทำสิ่งที่ไม่ดี เป็นที่เสื่อมเสียแก่เกียรติยศของเรา ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะแจ้งถึงเหตุผลให้เธอทราบ ตระกูลของเราเป็นตระกูลเก่า เธอคงรู้จักพวกโรมานอฟดี เราเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้ ฉันขอวิงวอนว่าเธอโปรดอย่าด่วนเห็นเป็นอื่น อย่าคิดว่าฉันเป็นเจ้าหญิงที่มีอะไรผิดคนธรรมดาแต่อย่างใดเลย โปรดเชื่อว่าถึงตระกูลนี้จะอยู่ในประวัติศาสตร์ของโลก แต่ฉันก็คือวารยาคนเก่าของเธอนั่นเอง เธอคงเข้าใจดีนะ ระพินทร์ ว่าทำไมพ่อจึงฆ่าตัวตาย ไม่มีอะไรนอกจากจะบังคับและยืนยันความคิดที่จะส่งฉันมาอยู่ที่เซนต์แมรี เพื่อเกียรติยศของเรา

ฉันเขียนมามากแล้ว จึงควรจะหยุดเสียที ถ้าเธอจะเขียนถึงฉันก็ส่งตรงไปที่เซนต์แมรีได้ แต่ระวังอย่าเขียนอะไรมากนัก เพราะจดหมายถูกตรวจทุกฉบับ เขามีระเบียบเข้มงวดแทบกระดิกตัวไม่ได้ ฉันมีความสบายดี เป็นปรกติตั้งแต่ออกจากปักกิ่ง คิดถึงชีวิตเก่าของเราแล้วก็เสียดาย ต่อนี้ไปฉันจะมีโอกาสได้นั่งรับประทานอาหารกับเธอที่คาบารอฟสก์อีกไหม? แต่ช่างเถิด นั่นเป็นความฝันเพียงชั่วขณะเท่านั้น เห็นจะถือเป็นอารมณ์ไม่ได้เสียแล้ว คิดถึงเธอมาก ระพินทร์จ๋า เราจะไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้วหรือจนวันตาย? ขอให้เธอจงมีความสุขความรุ่งเรืองเสมอ เมื่อไหร่เธอจะเอาแหวนฉันไปสวมให้ประนุทเล่า? อย่าลืมบอกให้ฉันรู้บ้างนะ ระพินทร์ ฉันเชื่อเสมอว่าเธอจะต้องเป็นลูกผู้ชายที่ดีพอสำหรับประนุทของเธอ

ด้วยความรักสนิท

วารยา

ราตรีสวัสดิ์ ท่านผู้อ่านที่รัก วารยาแห่งราชวงศ์โรมานอฟได้หายสูญไปในโบสถ์เซนต์แมรี ที่นครฮาร์บินแล้ว แต่ว่าระพินทร์ พรเลิศ ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปในปักกิ่ง เมืองโบราณเก่าแก่อันเต็มไปด้วยความหลังในประวัติศาสตร์ ระพินทร์คงจะยังไม่ตายเร็วเกินไป จนกระทั่งจะเขียนความหลังอะไรอีกไม่ได้ ชีวิตคือความฝัน! เราจะไม่จริงจังกับมัน! แต่จะอย่างไรก็ตามเถิด ข้าพเจ้าก็ยังคงถือคติอยู่เสมอว่า “ชีวิตคือเกมที่เราจะต้องเล่นด้วยน้ำใจของนักกีฬาแท้”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ