๒๑
วันหนึ่งแอลเลนมาจากเทียนสิน พอพบหน้าข้าพเจ้าก็เอ่ยขึ้นเป็นคำแรกว่า “รู้ไหมว่าปักกิ่งอาจจะต้องเดือดร้อน?”
ข้าพเจ้ามองตาเขาอย่างฉงน
“ทำไม ฉันไม่เห็นได้ข่าวอะไรสักนิด”
“การเจรจาสงบศึกที่เซี่ยงไฮ้ ยังไม่มีช่องทางจะสำเร็จได้”
“อ๋อ! ได้ข่าวเหมือนกันเมื่อวานนี้” ข้าพเจ้าตอบ
“ผลสะท้อนของการเจรจานี้ จะต้องเกิดขึ้นอย่างแรงตลอดจีนเหนือ ฉันสงสัยว่าเยโฮล๑ จะอยู่ไม่ได้”
“ก็ใครไม่สงสัยเล่า แอลเลน”
“นี่ฉันจะไปอินเตอร์วิว เยเนราลถังยู่หลินสักหน่อย”
“ผู้รักษาเยโฮลน่ะหรือ?” ข้าพเจ้าพูดพลางยิ้ม “เธอรู้จักเยเนราลคนนี้ดีไหม”
“ทำไม?”
“อยากจะรู้ว่าเธอคิดว่าถังยู่หลินเป็นคนอย่างไร”
“อ๋อ! เข้าใจ เขาว่าจะรบจนทหารคนสุดท้าย”
“เขาว่ายังงั้น แต่มันก็ขันพอดู เธอคงจะรู้หลังฉากของตาเยเนราลคนนี้ดี”
“เรื่องสูบฝิ่น เรื่องยักยอกเงินทหารน่ะหรือ?”
ข้าพเจ้าพยักหน้า
“ฉันสงสัยเยโฮลจะอยู่ได้สักกี่วัน”
“ก็นั่นน่ะซี ฉันถึงว่าปักกิ่งอาจต้องเดือดร้อน นี่ ระพินทร์ เธอจะกลับเมืองไทยไหม?”
ข้าพเจ้ายิ้มด้วยความมั่นใจ สั่นศีรษะพลางตอบว่า
“เธอคิดหรือว่าฉันอยากกลับ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นนักศึกษาชีวิต”
“ดีมาก” แอลเลนพูดพลางตบบ่าข้าพเจ้า “เราจะคอยดูเหตุการณ์ด้วยกันอย่างคนกลาง”
เย็นวันนั้นแอลเลนกับข้าพเจ้าไปกินน้ำชากันที่เป๋ห่ายหรือพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางใจเมือง ห่างจากกำแพงพระราชวังเพียง ๑๐ กว่าเส้น สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่โปรดปรานของชาวปักกิ่งมาก เป็นเสมือนโอสถที่รักษาความเหี่ยวแห้งของหัวใจ แต่เดิมเป็นที่ประทับของเจ้าแผ่นดิน สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. ๑๖๒๕ ในรัชกาลพระเจ้าฉงจื้อ เมื่อเกิดปฏิวัติล้มราชบัลลังก์แมนจูแล้วใน ค.ศ. ๑๙๑๑ ราชสถานอันเป็นเสมือนมุมหนึ่งของเมืองสวรรค์แห่งนี้ก็กลายเป็นสวนสาธารณะไป ราษฎรชาวเมืองมีโอกาสเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างสบายอารมณ์ การเข้าไปเที่ยวในสวนสวรรค์แห่งนี้เราต้องซื้อตั๋วคนละ ๕ เซ็นต์ ตำรวจแต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มสีดำ คอยยืนฉีกตั๋วอยู่ที่ประตู เมื่อพ้นประตูใหญ่เข้าไป สิ่งที่เราเห็นอยู่เฉพาะหน้าก็คือ สะพานโค้งทำด้วยหินอ่อน ยาวเกือบ ๑ เส้น ทอดข้ามส่วนหนึ่งของทะเลสาบ (เป๋ห่าย = ทะเลเหนือ) ไปยังกลางเกาะน้ำ เกาะนี้เป็นเนินเขาสูงประมาณ ๑๐๐ ฟุต มีหินที่ก่อขึ้นด้วยฝีมือสถาปนิกผู้ชำนาญในวิชาการก่อภูเขาอยู่ระเกะระกะ เป็นโพรง เป็นปุ่ม เป็นผาสูง เว้า ๆ แหว่ง ๆ ตามศิลปะของการก่อภูเขา ซึ่งเป็นศิลปะที่นำหน้าอย่างหนึ่งของจีน สถาปนิกผู้เป็นศิลปินชั้นเลิศได้เจาะเป็นถ้ำในตัวเนินดิน เป็นคูหาคดเคี้ยววกวน เพื่อถวายไว้สำหรับความเพลิดเพลินของพระเจ้าแผ่นดินและบรรดาเจ้านายทั้งหลาย ซึ่งไม่อาจจะเสด็จไปเยี่ยมถ้ำในโขดเขาอันแท้จริงได้ บนเนินเขาแห่งนี้คับคั่งไปด้วยต้นสนอันมีอายุนับเป็นจำนวนศตวรรษ ที่ยอดเนินก่อเป็นพระเจดีย์ใหญ่รูปแป้นคล้ายระฆัง เมื่อยืนอยู่ที่เชิงเทินตรงฐานพระเจดีย์ เราสามารถมองดูปักกิ่งได้ทั่วเมือง ข้าพเจ้าชอบขึ้นไปยืนอยู่ที่เชิงเป็นแห่งนี้ แล้วก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปจนสุดสายตา ทางเบื้องอุดร ถัดฐานพระเจดีย์ลงไปก็คือตำหนัก ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับอย่างสำราญของพระเจ้าแผ่นดิน ขณะที่ข้าพเจ้ายืนเกาะลูกกรงระเบียงของตำหนักหลังนี้ ทอดสายตาดูพื้นน้ำ ณ เบื้องล่างอันมีริ้วระลอกอยู่ทั่วไป ข้าพเจ้าก็ระลึกถึงวันอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าเฉียนหลุง พระเจ้าต้าวกวง พระแม่เจ้าอยู่หัวสือสีมหาราชินี ตลอดจนพระเจ้ากวงสู้ กษัตริย์รององค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิ้ง (เช็ง) ผู้มีสายพระเนตรไกล โดยได้ทรงร่วมมือกับคั้งเหย่าเหวยดำริจะทรงประทานรากฐานรัฐธรรมนูญให้แก่ราษฎรชาวจีนเมื่อ ค.ศ. ๑๘๙๘ แต่หากทรงทำการไม่สำเร็จ เพราะถูกมหาราชินีสือสีจับเอาไปจำขังไว้จนสิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าระลึกถึงวันอันสุกสว่างของกษัตริย์แมนจูและมีความรู้สึกประหนึ่งว่ากษัตริย์และมหาราชินีแห่งประวัติศาสตร์จีนเหล่านี้ได้มาประทับอยู่ใกล้ ๆ นี่คือตำหนักที่ครั้งหนึ่งเคยสว่างไสวไปด้วยดวงชวาลา เคยพรั่งพร้อมไปด้วยพระสนมกำนัล เคยเซ็งแซ่ไปด้วยกระจับปี่สีซอ แต่บัดนี้ ระพินทร์มายืนอยู่ด้วยความเศร้า–ยืนอยู่เงียบ ๆ–ยืนดูความเริดร้างร่วงโรยปานประหนึ่งจะเต็มไปด้วยผีสิง
-
๑. เยโฮล เป็นจังหวัดอยู่เหนือปักกิ่ง ภาษาจีนเหนือเรียกว่า เรื่อเหือ เคยเป็นที่ลี้ภัยของกษัตริย์แมนจู เวลากองทัพฝรั่งเข้ายึดปักกิ่ง เมื่อ ค.ศ. ๑๘๖๑ และ ค.ศ. ๑๙๐๐ ↩