๑๖
วารยา ราเนฟสกายามองดูข้าพเจ้าคล้ายกับรู้ล่วงหน้า ว่าหล่อนจะต้องลงมาพบกับใคร ไม่มีปัญหา วลาดิมีร์คงจะได้บอกให้หล่อนทราบว่า หล่อนจะต้องมาพบกับคนไทยคนหนึ่งซึ่งหาทำยายากในกรุงปักกิ่ง คนไทยคนนี้มีชื่อว่า ระพินทร์ นามสกุลไม่ยาวแต่คงจำไม่ได้ เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ชอบคุยเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดมากกว่าเรื่องที่สนุกสนานครึกโครม วลาดิมีร์คงไม่รู้ว่าข้าพเจ้าเคยรู้จักกับวารยามาแล้ว แต่วารยาอาจบอกเขาก็ได้กระมังว่าหล่อนเคยพบและคุ้นเคยกับข้าพเจ้า จะอย่างไรก็ตามเถิด ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ณ บัดนี้ก็คือ วารยากับวลาดิมีร์เป็นอะไรกัน
เราลุกขึ้นต้อนรับผู้ที่เข้ามาใหม่ คอสซาเรฟลูบเคราอันรุงรังของเขาด้วยความเคยชิน ยิ้มพลางกล่าวว่า
“นี่อย่างไรเล่า ท่านสุภาพบุรุษคนไทยที่ฉันเคยอวดให้พวกเราฟังบ่อย ๆ”
ข้าพเจ้าก้มศีรษะให้วารยา หล่อนยิ้มอย่างอ่อนหวานเช่นเคย
“เรารู้จักกันแล้ว สบายดีหรือคะ มิสเตอร์พรเลิศ ไม่ได้พบกันหลายวันทีเดียว”
“ฉันไปที่คาราซาร์สองครั้ง แต่ไม่พบเธอ” ข้าพเจ้าตอบขณะที่เราทั้งสี่นั่งลงยังเก้าอี้นวมข้างเตาผิง วลาดิมีร์นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับวารยา เขาสวมชุดสีเทาซึ่งค่อนข้างเก่า ไม่ได้พิถีพิถันในการแต่งกายนัก แต่หนวดขริบไว้อย่างเรียบร้อยเช่นเคย
“วารยาบอกว่าเคยรู้จักกับเธอแล้ว” วลาดิมีร์พูดยิ้ม ๆ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าจุดไต้ตำตอ เคราะห์ดีที่ไม่ได้นินทาเธอให้วารยาฟัง”
ข้าพเจ้าหัวเราะเบา ๆ
“ท่านยังรู้จักฉันน้อยไป จนเกินที่จะนินทาอะไรได้”
คนทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน คอสซาเรฟเอ่ยขึ้นว่า
“แต่คนอย่างมิสเตอร์พรเลิศ คงจะไม่มีอะไรให้เรานินทามาก”
“ฉันก็คิดเช่นนั้น” วารยาสนับสนุน พลางชำเลืองตามาทางข้าพเจ้า
“มิสเตอร์พรเลิศทำให้เรารู้จักเมืองไทยดีขึ้น ต่อไปเราจะถือว่าเธอเป็นผู้แทนของคนไทยประจำกรุงปักกิ่ง”
“นี่ท่านยังไม่เคยพบปะคนไทยอื่น ๆ อีกเลยหรือ” ข้าพเจ้าถาม
“ฉันพึ่งรู้ว่ามีคนไทยคนหนึ่งในเมืองปักกิ่ง เมื่อได้รู้จักกับเธอในวันนั้น” วลาดิมีร์ตอบ
“พวกเราขึ้นมาเที่ยวที่นี่น้อยมาก แต่เรารู้จักปักกิ่งดี”
“ฉันจำได้ว่านานมาแล้ว มีสุภาพสตรีไทยผู้หนึ่งมาเรียนวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัย พี.ยู.เอ็ม.ซี.” คอสซาเรฟเอ่ยขึ้นบ้าง
“ถูกแล้ว ชื่อ ดอกเตอร์ติลกะ เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในเวลานี้ ท่านรู้จักพนมไหม”
“ฉันรู้จักท่านคนเดียวเท่านั้น” คอสซาเรฟตอบแล้วหัวเราะ
“พนมเรียนสังคมวิทยาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเยียนจิง เป็นคนดีมาก มาอยู่ปักกิ่งก่อนหน้าฉันหลายปี”
“ว่าง ๆ เห็นจะต้องเชิญท่านสุภาพบุรุษคนไทยมาสนุกกันสักวันหนึ่ง” วลาดิมีร์กล่าวพลางหันไปทางวารยา “ว่าอย่างไรวารยา? นอกจากมิสเตอร์พรเลิศแล้ว ยังรู้จักกับท่านสุภาพบุรุษคนไทยที่ไหนอีกบ้างไหม? ต้องถามเสียก่อนเดี๋ยวจะจุดไต้ตำตอเข้าอีก”
วารยาหัวเราะ และสั่นศีรษะช้า ๆ
“มิสเตอร์พรเลิศเป็นคนไทยคนแรกที่ฉันรู้จัก”
เรานั่งคุยกันอีกครู่หนึ่งก็ได้เวลาอาหาร ข้าพเจ้าถูกเชิญเข้านั่งโต๊ะในฐานะเป็นแขก ข้าพเจ้านั่งตรงกันข้ามกับคอสซาเรฟ ทางหัวโต๊ะซ้ายและขวาคือที่ของวารยาและวลาดิมีร์