๑๓

เราทิ้งพระราชวังฤดูร้อนที่ชายทะเลสาบคุ้นหมิงหูไว้ในความหลังซึ่งมิอาจจะลืมเลือนไปได้ แต่เราจะกลับไปยังแดนสวรรค์แห่งนี้อีก–กลับไปชมดอกเหมยดอกซิ่งและดอกเถาหรือที่ทางจีนใต้เรียกว่าดอกท้อ กลับไปดูชีวิตวิญญาณของราชวงศ์แมนจูซึ่งยังวกวนอยู่ที่นั่น กลับไปดูพระบรมรูปของพระนางสือสีเจ้าแม่อยู่หัว ซึ่งวาดไว้โดยฝีมืออันประณีตของแคเทอรีนคาร์ล เราจะพบกันอีกที่พระราชวังแห่งนี้ แต่เมื่อไหร่เล่า? วารยาอาจเศร้าเกินไปที่จะคิดถึงน้ำอันใสเป็นกระจกในทะเลสาบ หล่อนอาจกำลังคิดถึงเรื่องของชีวิต ซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากความผิดหวัง

ข้าพเจ้าพยายามลืมวารยา เพราะรู้ว่าข้าพเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องนึกถึงผู้หญิงคนนี้ แอลเลนบอกว่าวารยาเป็นผู้หญิงรัสเซียธรรมดาซึ่งจะหาได้เยอะแยะที่เทียนสิน เหลียงคู่รักของหล่อนบอกว่าวารยาเป็นคนเข้าใจยาก และดูเขาไม่สู้จะเอาใจใส่ในตัวหล่อนเท่าที่เขาควรจะทำ ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า วารยาเป็นคนลึกลับและลึกซึ้ง มีดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด มีหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลัง ไม่ต้องสงสัยเลย วารยาเป็นผู้หญิงที่มีความหลัง แต่ความหลังของหล่อนจะมีลักษณะอย่างไรข้าพเจ้าไม่ทราบ

เราจากกันที่พระราชวังฤดูร้อน ข้าพเจ้าคิดว่าจะพบวารยาได้อีกที่คาราซาร์ แต่ก็หาได้พบหล่อนไม่ หลายวันได้ผ่านไปโดยที่เราไม่ได้พบปะกันอีก ข้าพเจ้าคิดว่าวารยาเป็นตัวละครที่มีบทบาทน่าเอาใจใส่ ในปักกิ่งข้าพเจ้าพบตัวละครหลายชนิด บางคนแสดงบทของผู้บ้าคลั่งในศาสนา บางคนแสดงบทของผู้รักชาติที่ริมฝีปาก บางคนแสดงบทของผู้ที่มีความรักตลอดปี แต่เป็นความรักที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ความรักที่เต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน ปราศจากความสำเร็จผล ข้าพเจ้าได้พบบทละครตั้งแต่เรื่องของความรัก ลงมาจนถึงเรื่องของความเกลียด ตั้งแต่เรื่องของศาสนาจนถึงเรื่องของการเมือง มันเป็นเรื่องของความสลดใจมากกว่าเรื่องของความแจ่มใสชื่นบาน บทบาทของคนทุกคนที่ข้าพเจ้ารู้จัก ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจโลกดีขึ้นอีก คือรู้ว่าโลกเป็นเวทีของชีวิต มนุษย์ ๑,๘๐๐ ล้านเป็นตัวละคร เราต่างคนต่างเล่นบทของเรา เมื่อเราตายแล้วบทของเราก็จบ แต่ว่าผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ยังจะต้องแสดงบทของเขาต่อไปอีก

ข้าพเจ้ามีบทอะไรบ้างบนเวทีแห่งชีวิตนี้? ตามความคิดเห็นของตนเอง ข้าพเจ้าไม่มีบทอะไรนอกจากบทของคนดู ดูเพื่อจะได้เรียนรู้ถึงชีวิต ดูเพื่อจะได้มีกำลังใจสำหรับต่อสู้กับความผิดหวัง ดูเพื่อหัวเราะเยาะชีวิตซึ่งกลับกลอก ตลบตะแลง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ข้าพเจ้าได้พบคนตั้งแต่ชนิดที่เลวที่สุดจนถึงชนิดที่ดีที่สุด ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่าความชั่วกับความดีเป็นอุปกรณ์ซึ่งกันและกัน ถ้าไม่มีความชั่ว เราจะไม่เห็นความดี และถ้าไม่มีความดี เราก็จะไม่เห็นความชั่ว ข้าพเจ้าอาจเป็นแต่ผู้สังเกตการณ์ในสายตาของตัวเอง ไม่มีบทแสดงอะไร นอกจากจะนั่งอยู่ที่มุมเวทีแห่งชีวิตแล้ว ก็ดู–ดู–ดู แต่ว่าในสายตาของคนอื่น ข้าพเจ้าอาจกำลังแสดงบทบาทอะไรบทหนึ่งก็ได้ อาจเป็นบทของผู้สังเกตการณ์ที่หนีเหตุการณ์ไม่พ้น หรืออาจเป็นบทของผู้ที่ท่องเที่ยวไปในความนึกคิด ต้องการให้มีสิ่งที่ควรจะเป็นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่ควรจะเป็นกับสิ่งที่เป็นความจริงมีความแตกต่างห่างไกลกันมากมายนัก จะอย่างไรก็ตามเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่พระอรหันต์ผู้ได้ผ่านพ้นกองกิเลสไปแล้ว ข้าพเจ้าเป็นแต่เพียงบุคคลธรรมดาผู้มีความรู้สึกธรรมดา ข้าพเจ้าอาจแสดงบทต่าง ๆ อยู่ในใจก็ได้ อย่าให้พูดเลยว่าข้าพเจ้าแสดงบทอะไร มันเป็นเรื่องของความลับแห่งชีวิต ลับจนเกินที่จะพูดอะไรได้ในระหว่างที่ความตายยังไม่มาถึง

โชคมนุษย์เป็นดังกระแสน้ำไหล ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรเสียเลย โชคได้ส่งข้าพเจ้าขึ้นไปถึงเมืองปักกิ่ง โชคได้พาบุคคลชนิดต่าง ๆ มาให้ข้าพเจ้าพบและรู้จัก ข้าพเจ้าได้พบวารยา ราเนฟสกายา และเท่านั้นไม่พอ โชคยังนำบุรุษชราชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งมาให้รู้จักด้วย ชายผู้นี้มีนามว่าวลาดิมีร์ เราพบกันที่โฮเต็ลคาบารอฟสก์ ซึ่งตั้งอยู่หลังโรงพยาบาล พี.ยู.เอ็ม.ซี. อันเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออก

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ