“ลุงมา”

“นั่นแน่ ลุง”

“เอ้ลุง ! ลุงมา !”

เด็กหญิง ๑ ชาย ๒ อายุระหว่าง ๘ ขวบถึง ๓ ขวบ ช่วยกันตะโกนเสียงก้องบ้าน พอสุดเสียงเด็กผู้ชายร่างกระจ้อยร่อย กำลังสอนพูด ก็จีบปากเอ่ยขึ้นบ้าง

“ยุงมา !”

แต่พอวิชัยขึ้นบันไดได้ ๒ ชั้น ร่างอ้วนล่ำของหนูวิวิธพร้อมกับร่างแข็งแกร่งของหนูวิวัฒน์ก็โถมขึ้นอยู่บนเอวเขา หนูเฉิดฉวี พี่ใหญ่นั้นเป็นหญิง ไม่เชี่ยวชาญในการออกกายกรรม จึงยืนตัวเต้นอยู่ริมบันได หนูปิ๋วกระโดดอยู่ข้างพี่สาวร้องว่า

“ให้หนูมั่ง ! ให้หนูมั่ง !”

พี่ผู้ชาย ๒ คนเขาพากันโห่ “เฮ้ว ! เปิ่น ลุงไม่ได้ให้อะไรสักที” หนูวิวัฒน์เสริมต่อ “ให้หนูนะลุงนะ ไม่ให้ปิ๋ว”

นางวิวิธวรรณการโผล่ออกมาจากห้อง หล่อนนุ่งผ้าลายพื้นแดงดอกดำ ห่มสะไบสีนวล ยกมือมือพี่ชายพร้อมกับทำตาเขียวกับลูก พลางว่า

“ดูซิขึ้นไปขี่ลุงอยู่ตั้ง ๒ คน วิวิธก็โตแล้วยังทำเป็นลิงไปได้นึกแล้วเทียวว่าคงเป็นพี่ใหญ่ พวกนี้ถึงได้ทำเสียงออกลั่นไปหมด ชาวบ้านเขาจะด่าตาย”

“เจ้าทิดเล็กนั่นก็พลอยรู้จักลุงกับเขาด้วย” วิชัยพูดพลางหัวเราะอย่างชื่นบาน “พี่เห็นเขาครั้งสุดท้ายยังชันคอไม่ได้เลย”

ชิดรีบยิ้มกับพี่ แล้วยิ้มกับลูกคนเล็ก เพื่อจะได้หันไปบึ้งกับลูกคนกลางอีก ๒ คน “ลงมา ลุงจะได้นั่งเดี๋ยวถูกตีเดี๋ยวนี้”

“อย่าดุมันน่า” วิชัยขัดโดยเร็ว “ขู่ฟ่อ ๆ เป็นแมวไปได้” ก้มตัวลงต่ำเพื่อปล่อยให้หลานลงยืนบนพื้นเรือน “เฉิดฉวียังไม่ได้มาหาลุง เจ้าปิ๋วด้วยมานี่ลุงจะให้ของเล่น”

เฉิดฉวีคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาที่ตักวิชัย หนูปิ๋วทำกิริยาสงสัยครั้นลุงพยักหน้าซ้ำและสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อ พ่อหนูหมายใจจะได้ของกำนัลจึงโถมเข้ากอดคออย่างว่องไว แต่ผิดหวัง ลุงของพ่อหนูชักมือเปล่าออกจากกระเป๋าถึง ๒ ครั้ง ในที่สุดก็สารภาพว่า “ทิ้งไว้ในแท็กซี่เสียแล้ว”

ชิดส่ายหน้าและหัวเราะอย่างรำคาญ “เห็นหน้าพี่ใหญ่เป็นต้องได้ฟังเรื่องลืม ตั้งแต่เมื่อวานถึงวันนี้เท่านั้น มิรู้จักกี่เรื่องแล้ว ! กุญแจกระเป๋าของตัวเอง กุ้งไม้คุณสมาน ผ้านุ่งของน้องของแม่ ทีนี้เครื่องเล่นของหลานอย่างร้ายกาจทีเดียว”

“ไม่ใช่ลาภของตาปิ๋ว” วิชัยกล่าวอย่างไม่เดือดร้อนต่อคำบ่นของน้อง เวียนกอดจูบหลานชายหญิงที่อยู่บนตักคนละที “พี่ตั้งใจว่าออกจากกระทรวงเวลาบ่ายจะเลยไปเยี่ยมสมานก่อน จึงแวะซื้อของเล่นจะไปฝากนายนิดมันถึงได้มีอย่างเดียว ถ้าจะมาฝากหลานที่นี่ก็ต้องมี ๕ ชิ้นให้ครบตัว จริงไหมอ้วน ไม่ยังงั้นลุงก็อยุติธรรมเต็มที” หันกลับมาทางน้องและอธิบายต่อ “เผอิญหมดธุระพอดีเที่ยงครึ่ง จะไปกินข้าวกลางวันกับช้อย ก็กลัวไปไม่ทันเพราะบ้านเขาไกล กว่าจะไปถึงตั้ง ๒๐ นาที เลยแวะมาขอกินข้าวที่นี่ กลับบ้านน่ะเป็นไม่มีกินแน่ เพราะบอกคุณแม่ไว้แล้วว่าไม่กิน”

ดิฉันก็รับประทานเสร็จมาเดี๋ยวนี้เอง” ชิดบอก ครั้นพี่ชายแสดงกิริยาเกรงใจ หล่อนก็รีบพูดโดยเร็ว “จะเป็นอะไรไปคะ หาใหม่ประเดี๋ยวเดียว แกงจืดยังมี หมูต้มเค็มก็ยังมี อ้วนไปเรียกพลอยมาให้แม่ไป๊”

“สงสัยอยู่แล้วเทียวว่าจะนิวแซน” วิชัยบ่น สายตามองตามหนูวิวิธผู้กำลังวิ่งตื้อไปทางหลังเรือน “กินเสียที่กระทรวงก็จะหมดเรื่องกันเท่านั้น”

“เอาอีกแล้วพี่ใหญ่” นางวิวิธ ฯ พูดเสียงแหลม “มาเกรงใจอะไรกะดิฉันก็ไม่รู้ บอกว่ามันไม่ลำบาก ไม่ลำบาก ได้ยินไหมคะ”

หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจที่ถูกน้องดุ “กวนที่นี่ยังไม่เป็นไรนักนะ” เขาว่า “ที่บ้านยายช้อยละก็เป็นไม่ยอมกวนแน่ ๆ สงสารแกผัวกวนก็พออยู่แล้ว พี่ยังซ้ำไปกวนอีกก็เต็มที”

“จริงค่ะ จริงของพี่ใหญ่ ผัวกวนจริงยิ่งกว่าลูกอ่อนเสียอีก”

“โธ่ ! ก็คนเจ็บนี่นา ที่พี่ว่ากวนไม่ได้หมายความว่าตั้งใจกวนหรอก มันจำเป็นก็มีกันอยู่ ๒ คนผัวเมีย ไม่รู้จะทำยังไง”

“น่ารำคาญจะหายก็ไม่หาย จะตายก็ไม่ตาย หงอด ๆ อยู่ยังงั้น เงินทองมีเท่าไหร่ทุ่มเทให้ค่าหมอ ค่ายาหมด แล้วนี่ไม่ช้าคุณสมานก็ต้องออกจากราชการ เพราะใกล้จะหมดวันลาอยู่แล้ว อีทีนี้จะทำยังไงกันต่อไปนะ จะเอาที่ไหนซื้อกินเข้าไป คุณแม่ท่านก็ร้องว่าท่านหมดตัวแล้วก็หมดจริง ๆ ที่นาท่านก็โอนให้เราแล้ว ทุกคนจะเอาอะไรกะท่านอีก”

“ก็ไม่เอา มีน้อยต้องใช้น้อย เก็บค่าเช่านากินไปปีละร้อยสองร้อยก็ยังดี”

“เก็บค่านา !” ชิดย้ำเสียงเขียว “แม่ช้อยหล่อนขายเขาเสียแล้วน่ะซี”

“อ้าว ! เอ๊ะ ขายเสียแล้วหรือ ใครซื้อไปล่ะ ยังไงไม่มีใครบอกให้พี่รู้มั่งเลย”

“บอกอะไรคะ ไม่มีใครรู้เรื่องด้วยจนกระทั่งเขาโอนโฉนดกันเสร็จ ขายให้ตาอะไรก็ไม่รู้ เจ้าของนาที่อยู่ใกล้กับนาของเรา คุณแม่บ่นด่าสักกระบุงใหญ่”

“ราคาขายน่ะราคาดีค่ะ ไร่ ๑ ถึง ๓๖๐ บาท แต่มันน่าเสียดายไหมล่ะคะ”

“เสียดายที่ตกเป็นของคนอื่น ถ้าขายพี่จะให้มากกว่านั้น” วิชัยนึกในใจ ส่วนปากของเขาพูดแต่ว่า “ก็ดีแล้วนี่ ขายนาไปก็ได้เงินมา”

“ได้น่ะมันได้ แต่ว่าต้องกินทุนเข้าไปทุกวัน มันจะอยู่ไปได้สักกี่เดือน ไม่ช้าก็หมดไม่เหลือหลอ ทางพ่อแม่คุณสมานหรือเขาก็ไม่เอื้อเฟื้อ ร้อยวันไม่มาเยี่ยมลูกสักที สตางค์แดงเดียวเขาก็ไม่ยื่นมาให้ เขาบอกว่าเขาตัดลูกเขา เขาก็ตัดจริง คุณแม่เสียอีกยังดี ทั้งบ่นทั้งด่าแต่ปาก ส่วนใจยังเป็นห่วงเสมอ”

เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งกล่าวว่าคุณแม่ดี เป็นธรรมดาที่วิชัยย่อมเห็นพ้อง ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าคุณแม่กรุณาช้อย แต่ปรักปรำซ้ำซากว่าตัวเขาเป็นผู้ผิด วิชัยก็ยังเห็นว่าดีและยอมรับผิดอย่างชื่นตา เรื่องเดิมนั้นช้อยกับสมานรักกันก่อน พี่น้องรวมทั้งมารดาก็รู้เห็น และนายสมานเป็นผู้มีอันจะกิน ถึงแม้ตัวเขาเองจะทำราชการ ได้รับเงินเดือนเพียง ๑๑๐ บาท ก็ยังหวังกันว่ารายได้ส่วนตัวจะช่วยให้เขาเลี้ยงภรรยาพอเทียมหน้าเขาอื่น จึงผู้ที่รู้แล้วไม่มีใครขัดค้าน แต่ทางฝ่ายบิดามารดาของสมาน มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในอันที่จะให้บุตรคนที่ ๓ ของตนนี้ ได้แต่งงานกับหญิงที่เป็นบุตรคนมั่งมี และที่ตนได้เลือกไว้แล้ว ครั้นได้แจ้งว่านายสมานมีคู่รักคนหนึ่งไม่อยู่ในฐานะมั่งคั่งเท่าที่ใจผู้ใหญ่มุ่งมาดไว้ ก็มีการบังคับขู่เข็ญตลอด จนถึงยื่นคำขาดว่า ถ้าแม้นนายสมานแข็งขืนทำตามใจตัวเอง จะถูกตัดชื่อออกจากบัญชีลูกและพินัยกรรม เนื้อความทั้งนี้สมานมิได้ปิดบังคู่รักตลอดจนพี่ของคู่รักคือตัววิชัยซึ่งสมานรู้จักแต่เพียงเผิน ๆ ก็ได้รับคำบอกเล่าจากสมานโดยตรง ถึงตอนนี้คุณนายชื่นจึงยื่นคำขาดต่อบุตรีของท่านบ้าง บังคับให้ถอนตัวจากคู่รัก ชดกับชิดสนับสนุนมารดาเต็มที่ เพราะหล่อนทั้ง ๒ มิได้เคยรักชายใดก่อนที่ได้แต่งงาน แต่พ่อใหญ่บุตรหัวปีผู้ซึ่งเคยถือคำมารดาประดุจคำพระ คราวนี้พ่อใหญ่บังอาจเข้าข้างน้องฝ่ายหญิงเพราะเห็นใจคู่รักทั้ง ๒ ว่า มั่นต่อความสัตย์มากกว่าห่วงใยในสมบัติ ประกอบกับความเห็นและการกระทำของพ่อใหญ่ เคยให้ผลดีเป็นพยานประจักษ์เมื่อคราวหลวงศักดิ์ ฯ ขอช่วง คุณนายไม่เต็มใจให้เพราะรังเกียจว่าจะได้เขยหัวแข็ง พ่อใหญ่ก็สนับสนุนเพื่อน จนได้หญิงที่รักสมใจ ครั้นแล้วช่วงก็ได้รับความสุขจากการแต่งงานนั้น เมื่อพ่อใหญ่ออกเสียงแข็งอย่างละมุนละม่อมอีก คุณนายชื่นก็อ่อนใจและข้ออ่อน ปล่อยให้พ่อใหญ่จัดการแต่งงานน้อง ส่วนตัวคุณนายเองเป็นเพียงคอยเฝ้าดูอย่างหัวใจแขวนว่า เขยน้อยคนนี้จะพาลูกสุดท้องของท่านให้เป็นอย่างไรต่อไป

ทั้งสมานและช้อย ได้ทำตัวเป็นบุคคลที่น่านิยมสมความเชื่อของวิชัย ๓ ปีที่อยู่ด้วยกันมิได้ทำให้ความรักของเขาทั้ง ๒ จืดจางลง มีลูกเขาช่วยกันเลี้ยง มีเงินเขาช่วยกันเก็บช่วยกันสงวน แต่เมื่อล่วงเข้าปีนี้ เป็นปีที่ ๔ นับจากวันแต่งงาน สมานเริ่มเจ็บกระเสาะกระแสะ ป่วยแล้วหาย หายแล้วป่วยอีก หลายครั้งหลายครา ในที่สุดแพทย์ตรวจพบความจริงว่านายสมานเป็นวัณโรคในลำไส้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ