๑๙

หลวงศักดิ์รณชิต กลับจากบ้านหลวงธุรกิจ ฯ ถึงบ้านของตนเองเวลา ๒๔ นาฬิกาล่วงแล้ว เดินขึ้นบนเรือนอย่างระมัดระวังฝีเท้า เพื่อมิให้รบกวนบุตรน้อย ๆ ที่คงจะหลับอย่างสุขสำราญตามกัน พอใกล้จะถึงห้องนอน ก็เห็นภรรยาออกมาคอยรับอยู่ที่ประตูช่วงรับหมวกจากสามีพลางถามว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง ท่าจะสนุกกันใหญ่ถึงได้กลับดึกป่านนี้”

หลวงศักดิ์ ฯ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ถอดรองเท้าพลางมองดูภรรยา เห็นรอยแป้งที่ประอยู่ตามหน้าและตามแขนเขาจึงว่า

“เธอเห็นจะกลับมานานแล้ว จนอาบน้ำเสร็จแล้วละครสนุกไหมล่ะ?”

มาถึงก่อนคุณพี่สัก ๑๕ นาทีเห็นจะได้ ละครไม่ค่อยดี เห็นจะเป็นที่ดูบ่อยเกินไปเลยชักเบื่อ คืนนี้ว่าจะไม่ไปแล้วทีเดียว ขัดคุณแม่ไม่ได้ แล้วคุณพี่ก็เผอิญมีเรื่องต้องไปเหมือนกัน เลยไม่มีข้อแก้ตัว”

หลวงศักดิ์ ฯ หัวเราะ แล้วพูดเรื่อยๆ

ฉันไม่อยู่สิเธอควรจะแก้ตัวได้ว่าเป็นห่วงบ้านไม่มีผู้ใหญ่

“ไม่ได้ซิคะ” ช่วงตอบโดยเร็ว “เพราะว่าคราวก่อน ๆ ที่แล้วมาดิฉันมักจะไปเวลาที่คุณพี่ไปเที่ยวเสมอ แล้วอยู่ ๆ จะมาเปลี่ยนท่านก็จับได้ว่าเป็นการแก้ตัว”

หลวงศักดิ์ ฯ ลุกขึ้นยืนปลดดุมเสื้อ ภรรยาก็ช่วยถอดเสื้อจากตัวเขา ในระหว่างนั้นหล่อนถามสามีว่า

“ที่บ้านหลวงธุรกิจ ฯ มีแขกกี่คน ใครไปบ้าง สนุกไหม?”

“สนุกดีเหมือนกัน แขก ๑๕ คน กินข้าวแล้วเล่นเครื่องสาย พลางโปกฮาไปพลาง”

“ใครไปบ้างคะ?” ช่วงถามซ้ำ

เขานิ่วหน้ามองดูหล่อนแล้วว่า

“ฉันบอกเธอไม่รู้จัก จะถามเอาแก้วอะไร”

“ก็เผื่อจะมีคนรู้จักบ้างล่ะ” ช่วงว่าไม่สะดุ้งสะเทือนคำพูดของสามีแม้แต่น้อย “กับข้าวอร่อยไหมล่ะคะ?”

“เออ ! ถามอย่างนี้ค่อยเข้าทีหน่อย แต่ฉันเองก็ตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ดูเหมือนจะกินเหล้ามากกว่ากินข้าว”

ช่วงทำจมูกย่น มิน่าล่ะเหม็นคลุ้ง พี่ใหญ่เมาไหมคะ?”

หลวงศักดิ์ ฯ เลิกคิ้วอย่างเห็นขัน

“ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งโลกว่า วิชัยไม่เคยเมาเหล้านอกจากมันจะแกล้งทำ มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่รู้”

“ดิฉันไม่เชื่อ ขึ้นชื่อว่าเหล้ากินแล้วต้องเมาทุกคน”

“ยังงั้นหรือ?” หลวงศักดิ์ ฯ ลากเสียงถาม “อย่างฉันเวลานี้เมาไหม?”

“ทำไมจะไม่เมา ใจน้อยหงุดหงิดถามอะไรหน่อยก็ว่า ไม่เห็นเข้าเรื่อง

หลวงศักดิ์ ฯ หัวเราะเสียงดัง โยนเสื้อชั้นในลงกลางห้อง พลางพูดว่า

“ก็เธอถามไอ้ที่ไม่เข้าเรื่องนี่นา” แล้วก็เปิดประตูหายเข้าไปในห้องน้ำ ช่วงหยิบเสื้อที่เขาถอดทิ้งไว้ไปเก็บเสียยังที่ หยิบเสื้อตัวใหม่ไว้ให้พร้อมกางเกง เสร็จแล้วหล่อนก็เข้ามุ้ง

ต่อมาเมื่อหลวงศักดิ์ ฯ ยืนทาแป้งอยู่ตรงหน้ากระจกเขาปรารภขึ้นว่า

“แม่จันทรคนสวยนี่จะเป็นของใครกันแน่ พี่ชายก็ไปคลอ น้องชายก็ไปเคลีย”

เสียงคนขยับเขยื้อนอยู่ในที่นอน ช่วงพลิกตัวจากริมเตียงข้างหนึ่งทีเดียวถึงริมเตียงอีกข้างหนึ่ง ยื่นหน้าเข้ามาประชิดกับผ้าโปร่ง ถามอย่างร้อนรนว่า

“ใครคะคุณพี่?”

หลวงศักดิ์ ฯ ตอบอย่างเชื่องช้าและเรื่อยที่สุด เพื่อให้ตรงข้ามกับภรรยา

“พี่ใหญ่ของเธอกับพ่อชัดของเธอ”

“ทำไมล่ะ ไปเกาะแกะน้องสาวเขาแล้วหรือ?”

เสียงจุ๊ย์ ! อย่างไม่พอใจออกจากลำคอหลวงศักดิ์ ฯ แล้วคำพูดจึงดังตามหลังมา

“ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร จึงได้ใช้คำถามเช่นนั้น คำว่าเกาะแกะใช้สำหรับวิชัยรู้สึกว่าไม่เหมาะ ถ้าสำหรับตาชัดละก็พอทน แต่อย่างไรก็ตาม วิชัยไปที่บ้านนั้นคราวไร ฉันสังเกตเห็นว่าคอยหาโอกาสเข้าใกล้แม่จันทรเสมอ เธอเองก็คงเคยเห็น เว้นแต่จะสังเกตหรือเปล่าไม่ทราบ ส่วนนายชัดนั้นฉันไม่ค่อยจะได้พบกับเขาที่บ้านนั้น เคยพบหนหนึ่งนานมาแล้ว วันนี้ได้พบอีกหนหนึ่งก็เห็นเข้าไปคลออยู่กับแม่จันทรตลอดเวลา นั่งคุยนั่งหัวเราะกันตามลำพัง ทำทางเหมือนกับว่าเขาจะลืมคนอื่นๆ ที่เห็นอยู่เสียหมด ฉันรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแทนวิชัย”

หลวงศักดิ์ ฯ พูดยังไม่สุดเสียงดี ช่วงก็หัวเราะขึ้นพลางทิ้งศีรษะลงบนหมอนแล้วว่า

“อุ้ย ! คุณพี่อย่าไปคิดยุ่งกับเขาเลย พี่ใหญ่เธอจะรู้จักใคร เธอก็ลอยละล่องเรื่อยเปื่อยของเธอไปยังงั้นแหละ ถึงรักก็รักไม่จริง ใครเข้าแย่งเธอก็ไม่ทุกข์ นิสัยของเธอเห็นผู้หญิงดีไปเสียหมด คนนั้นก็ดี แต่ก็ไม่เห็นเธอเคยรักใคร ถามเข้าก็ไถลว่าเขาก็ดีเกินเธอไปเสียแล้ว ที่แท้มันก็อยู่ที่ตรงเธอไม่รักเขานั่นแหละ แม่จันทรคนนี้ แกก็ไม่วิเศษกับคนอื่น”

“อ๊ะ อ๊ะ” ผู้เป็นสามีขัดขึ้น “แกเป็นคนสวยอย่างไม่มีตัวจับเทียวนะ สวยจริง สวยไม่มีสร่าง สวยทั้งผาดทั้งพิศ”

“แหม แหม แหม !” ผู้เป็นภรรยาขัดบ้าง น้ำเสียงประชดจับได้ถนัด ธรรมชาติของความเป็นผู้หญิงแม้ว่าจะอยู่ในปลายปฐมวัย หรือต้นมัชฉิมวัย คำชมเชยของสามีที่ชมหญิงอื่นย่อมเป็นเครื่องขัดหูไม่มากก็น้อย อย่างน้อยที่สุดของน้อยก็ทำให้กระเทือนใจ แต่เมื่อสุดเสียงของหล่อนเองที่ได้พูดออกไปแล้ว ช่วงก็ระงับความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้นชั่วแล่นลงเสียได้รีบพูดต่อไปว่า “สวยจริงค่ะ ดิฉันยอมรับหรือจะให้ยอมเชื่อว่า พี่ใหญ่รักเขาแล้วด้วยก็ไม่เถียง” ขอกระทบอีกนิด “เพราะว่าผู้ชายน่ะ พอเห็นความสวยเข้าหน่อยก็หัวปั่น แต่สำหรับตาชัดน่ะ รับรองว่าไม่ขวางพี่ใหญ่แน่ คุณพี่ไม่รู้ดอกหรือ ว่าแกคลั่งแม่อนงค์จะตาย จนคุณแม่จะอกแตกเพราะเรื่องนี้ ทำให้ดิฉันพลอยกลุ้มไปด้วย”

หลวงศักดิ์ ฯ จุดบุหรี่ แล้วสูบพลางเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ริมเตียง

“อกแตกในเรื่องที่สมควร ก็น่าสงสาร” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ “ถ้าแตกในเรื่องที่ไม่สมควรก็-- ก็ต้องแตก-แตกคนเดียว ทำไม ลูกรักผู้หญิงคนหนึ่งทำไมถึงไม่ช่วยจัดการ กลับจะไปหาผู้หญิงอื่นมายัดให้-”

“พิโธ่ !” ช่วงขึ้นเสียงเล็กน้อย “ก็มันเหมือนกันเมื่อไหร่ล่ะคะ คนหนึ่งเขามีพ่อมีแม่เป็นหลักฐาน รู้จักอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน รู้จักการบ้านการเรือนอย่างดี กิริยามารยาทเรียบร้อย อีกคนหนึ่งเอาอะไรไม่ได้สักอย่าง ดีแต่ขับรถเที่ยวได้วิ่งโชน ๆ คบแต่เพื่อนผู้ชาย ไปไหนต้องมีองครักษ์ตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป แล้วดูคิ้ว ดูตา ดูปาก ป้ายเข้าแต่สีราวกับตุ๊ดตู่ ดูเสื้อที่หล่อนใส่ ไม่ใส่เสียเลยก็รู้แล้วไป คุณพี่ก็ดีแต่ว่าคุณแม่ ลองลูกชายคุณพี่ไปรักผู้หญิงพรรค์นั้นคุณพี่จะยอมไหม ก็ไม่ยอมอีกน่ะแหละ”

อันความจริงใจของหลวงศักดิ์ ฯ นั้น เขายังไม่เคยถามตัวเองถึงเรื่องนี้ แต่เมื่อภรรยาได้ออกวาจายืนยันว่าเขาจะ “ไม่ยอม” จึงเป็นการจำเป็นสำหรับเขาที่จะรีบตอบว่า

“ทำไมฉันจะไม่ยอม เขาชอบของเขาอย่างนั้นนี่ !”

“ฉันละไม่ยอมเด็ดขาด” ช่วงพูดทั้งเร็วทั้งห้วน

“เอ๊อ ! ไม่ยอม ! ไม่ยอมจะทำอะไร”

“หาผู้หญิงให้มันใหม่ กดหัวให้มันรัก”

“นั่นซี อย่างคุณแม่ของเธอเวลานี้ ! แล้วกดได้ไหม !”

“คอยดูไปซี จะได้หรือไม่ได้ เฮ้อ พูดแล้วก็พูดเสียให้ตลอดเถอะ ไม่เห็นน่าจะน่าปิดบังอะไร คุณแม่กำลังให้หมอหาฤกษ์ได้เมื่อไหร่ ท่านจะให้พี่ใหญ่เป็นเถ้าแก่”

หลวงศักดิ์รณชิตทำตาโต

“โอ้โห แล้วถ้าเผื่อเจ้าบ่าวเขาไม่ยอมเข้าพิธีรดน้ำ เถ้าแก่มิเข้าปิ้งหรือ?”

“ทำไมจะไม่ยอมคะ ถ้าพี่ใหญ่ทำละก้อตาชัดต้องเป็นแน่ เวลานี้แกกล้าทำหัวดื้อเพราะพี่ใหญ่ให้ท้ายต่างหากล่ะ คุณแม่บอกว่าถ้าตาชัดขืนเกเรต่อไปท่านจะตัดแม่ตัดลูก สมบัติสตางค์แดงเดียวไม่ให้”

หลวงศักดิ์ ฯ หาวพลางมองดูประตูมุ้ง แต่หาแสดงว่ากิริยาว่าจะเข้าที่นอนไม่ มีคำกล่าวว่า ผู้ชายคือมนุษย์ที่มีขนาดร่างของผู้ใหญ่ แต่มีขนาดใจของเด็ก คำกล่าวนี้จะได้แก่หลวงศักดิ์ ภายหลังที่ได้โต้แย้งกับภรรยาเนื่องด้วยความเห็นไม่ตรงกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะแต่เพราะเหตุที่ช่วงได้พูดทีหลังและเป็นคำสุดท้าย ฝ่ายหลวงศักดิ์ ฯ ยังมิได้ตอบ เขาถือเอาการนั้นเป็นข้อเคืองให้นึกขัดใจในภรรยา จนไม่อยากร่วมเตียงด้วยในขณะนั้นจึงหยิบหนังสือมานั่งอ่านที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

อ่านไปยังไม่ตลอดหน้า เสียงช่วงบ่นพึมพำว่า “แหมนี่แหละผู้ชาย !” แล้วลุกออกจากมุ้ง จัดการใส่ปลั๊กไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง สอดสวิชที่สำหรับปิดและเปิดไฟเข้าในมุ้ง “เท่านี้ก็ทำเองไม่ได้ !” แล้วหล่อนก็กลับเข้าที่นอนดังเดิม

หลวงศักดิ์ ฯ ยิ้มในหน้า ความข้องใจเหือดหายไปหมดสิ้น ลุกขึ้นจากที่ อื่นจมูกเข้าไปติดมุ้ง แล้วพูดว่า

“ขอบใจแม่เมียที่รัก” หัวเราะ หันกลับไปปิดไฟเสียดวงหนึ่ง แหวกประตูมุ้งอย่างว่องไว แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนโดยแรง

ในระยะเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ายผู้ชายที่เป็นต้นเหตุแห่งการโต้เถียงระหว่างหลวงศักดิ์ ฯ กับภรรยากำลังดำเนินอยู่ด้วยกันที่หน้าระเบียงเรือนทั้ง ๓ คน พระอรรถคดีวิชัยกำลังรับประทานเกี๊ยวเป็ด ซึ่งมารดาได้บอกกับเขาว่า ตั้งใจซื้อมาฝากจากร้านที่ถนนเยาวราช “ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แม่แน่ใจเอาเองว่า จะมาถึงพร้อม ๆ กับพ่อใหญ่กลับมาถึงบ้าน ออกจากราชวงศ์แล้วเลยบอกแม่ช่วงต้องไปแวะซื้อไอ้เกี๊ยวนี่ให้ได้” คุณนายชื่นบอกกับบุตรชายใหญ่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอร่อยในรสอาหารที่กำลังบริโภคเป็นทวีคูณ ส่วนนายร้อยตรีชัด นั่งขบลิ้นจี่แห้งที่มารดาซื้อมาเหมือนกัน รับประทานได้ ๒-๓ ผลแล้วก็วางมือ อ้าปากหาวอย่างยืดยาว บ่นว่าง่วง ในที่สุดก็ลุกขึ้นบอกกับมารดาและพี่ชายว่าจะไปนอน

คุณนายชื่นนอกจากจะไม่ขัดขวาง หรือออกความเห็นอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว ยังดูเหมือนจะมีสีหน้าแสดงความพอใจแล้ว เมื่อนายทหารหนุ่มลับตัวไปแล้ว แม่กับลูกไม่พูดว่ากระไรกัน คุณนายชื่นมีเรื่องที่จะต้องตระเตรียมตัวมาก แต่มือมิได้อยู่เปล่า คอยเฝ้าหยิบโน่นหยิบนี่ให้ลูก เห็นยุงกัดก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปัดให้ ดูช่างเอาใจใส่ปฏิบัติเสียจริงจังเป็นการผิดสังเกต จนทำให้วิชัยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เมื่อเขารับประทานเสร็จแล้ว จุดบุหรี่สูบ ดูดได้สัก ๓ ครั้ง คุณนายชื่นจึงพูดขึ้น

“สาธุ ! พ่อชัดไปนอนเสียได้ แม่อยากจะพูดกับพ่อใหญ่ ๒ คน”

เขามองดูท่านอย่างเตรียมฟังด้วยความเต็มใจ แต่คุณนายหาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาไม่ มือจับผ้าเช็ดหน้าปากก็พูดว่า

“แม่นัดกับคุณหญิงมะยมไว้ว่า ราวเดือนหน้าจะให้พ่อใหญ่เป็นเถ้าแก่ไปขอแม่สะอางให้พ่อชัด”

พระอรรถคดีสะดุ้งเหมือนถูกเข็มแทง รีบถามขึ้นว่า

“นายชัดเขาตกลงแล้วหรือครับ?”

คุณนายชื่นยิ้มอย่างเชื่อใจตนเอง แล้วตอบว่า

“เรื่องตัวพ่อชัดเป็นอันยกเลิก ไม่ต้องพูดกันอีกไม่ต้องบอกให้รู้ตัวด้วย แม่เป็นแม่ พูดไม่เชื่อก็ขาดกันเท่านั้น พ่อชัดไม่กล้าหรอก”

วิชัยนิงอึ้งไปอึดใจหนึ่ง แล้วถามเสียงอ่อย ๆ

“คุณแม่เป็นเถ้าแก่มิดีกว่าผมหรือครับ ผมไม่ประสาอะไรเลยในเรื่องนี้”

หญิงผู้เป็นมารดาเงยหน้าขึ้นหัวเราะกับบุตรอย่างนึกเอ็นดู

“ทำไมจะไม่จำเป็น แม่บอกให้ ๒-๓ คำก็จะเข้าใจเท่านั้น แต่งานใหญ่โตสำคัญกว่านี้ยังทำได้ งานเท่านี้หรือจะทำไม่ได้”

พระอรรถคดี ฯ ยิ้มรับคำยอนั้นอย่างเหยที่สุด ครั้นแล้วก็ตอบออกมาตรง ๆ ว่า

“ผมไม่เต็มใจทำหน้าที่นี้เลยครับแม่” รีบพูดต่อแทบจะไม่หายใจด้วยความเกรงใจ “ใช้ให้ผมทำอย่างอื่นเถิดครับ อะไรก็ตามผมจะทำทั้งนั้น ขอยกเว้นแต่หน้าที่เถ้าแก่อย่างเดียวเท่านั้น”

คุณนายชื่นมองสบตาเขาเป็นครั้งแรก แล้วพูดยิ้ม ๆ

“ทำไมนะ หรือถือว่าตัวยังหนุ่ม ไม่ยอมทำหน้าที่คนแก่”

เห็นมารดาไม่แสดงความโกรธ วิชัยค่อยสบายใจขึ้น รีบประจบต่อไป

“คงจะมีงานอื่นอีกมากที่ผมจะรับใช้คุณแม่ ทราบล่วงหน้าเสียเดี๋ยวนี้ก็ดี จะได้เตรียมเสียแต่เนิ่น ๆ”

“ฝ่ายหญิงเขาเรียกแหวนหมั้นวงหนึ่ง กับเงินสด ๖,๐๐๐ บาท แล้วจะกองทุนด้วยโฉนดที่ดินละที่สวน” เว้นระยะอีกนาน “แหวนหมั้นพ่อแม่จะหาให้ได้ ส่วนที่จะกองทุนพ่อชัดก็มีนาของแก แต่ว่าเงินสดนี่แหละเราจะหาที่ไหนให้เขาล่ะ?”

“เราหาให้เขาไม่ได้ และไม่ควรจะหาด้วย” วิชัยนึกตอบยิ้มในหน้าด้วยความดีใจแทนน้องชายแล้วพูดดัง “เขาเรียกเอาเราแพงเหลือเกินนี่ครับ”

“อื้อ !” คุณนายขัดโดยเร็ว ก็ลูกเขามีอัฐสมบัติของเขาเป็นก่ายเป็นกองนี่จ๊ะ เขาจะมายกให้เราเปล่า ๆ ได้หรือ อย่างน้อยที่สุดเขาต้องได้อะไรของเราเป็นประกันบ้างซี ๖,๐๐๐ น่ะยังน้อยเสียอีกนะ นี่หากว่าเขารักพ่อรักแม่ รักพ่อชัดเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะเรียกเป็นหมื่น ๆ ทีเดียว”

“แต่เราไม่มีให้เขานี่ครับคุณแม่”

“เราต้องหาให้ได้ชีจ๊ะ เพราะมันเท่ากับเราลงทุนไว้หากำไรข้างหน้า พ่อใหญ่ต้องช่วยน้องหน่อยซี”

ช่วย ! แน่ละ วิชัยกำลังนึกถึงข้อนี้อยู่ แต่จะช่วยอย่างไรโดยวิธีไหน?

“แม่คิดไว้ว่าจะให้พ่อใหญ่ออกเงินให้น้องก่อน ๖,๐๐๐ บาท เอานาของแม่เป็นประกัน แล้วทีหลังแม่เก็บเงินค่านาได้แม่จะใช้ให้”

ดวงหน้าวิชัยเปลี่ยนสีไป แต่เป็นอยู่เพียงขณะเดียวเขาก็ตอบได้ด้วยน้ำเสียงเป็นปกติว่า

“เงินสดของผมมีอยู่ไม่ถึง ๕,๐๐๐ บาท เสียแล้วครับ เพราะว่าผมเอาไปซื้อนาของช้อยมาไว้เมื่อสัก ๒ เดือนมานี่เอง”

“แม่รู้แล้ว ยังนึกในใจว่าเคราะห์ดีของนางนิด จะหาลุงที่ไหนไม่ได้เหมือนอย่างนี้”

วิชัยยิ้มค่อนข้างขรึมและเศร้าเล็กน้อย ทิ้งก้นบุหรี่ลงในกระโถนและไม่ตอบว่ากระไร

“ฮือ?” คุณชื่นครางขึ้น ยังขาดเงินอีก ๑,๐๐๐ กว่าบาท....พ่อชัดนี่ทำลำบากให้มาก ไม่เหมือนพ่อใหญ่สักนิด แต่มันเป็นลูกนี่ จะทำอย่างไรได้ พ่อใหญ่ช่วยแม่คิดหน่อยซี”

ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่ายหนึ่ง วิชัยจุดบุหรี่เป็นตัวที่ ๒ แต่กิริยาของเขาที่สูบบุหรี่นั้นทำให้เห็นชัดว่า เขาจุดเพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่า

ส่วนคุณนายชื่นมีอาการดังหนึ่งกำลังใช้ความคิดซึ่งผู้ที่มีความโง่โดยเจตนา น้อยกว่าวิชัยสักนิดเดียวจะต้องตระหนักว่าไม่เป็นความจริง ดังนั้น ความคิดที่จะหาเงินให้ครบ ๖,๐๐๐ บาทหรือ? คุณนายได้คิดไว้ก่อนหน้านี้นานนักแล้ว !

“พ่อใหญ่จ๊ะ” คุณนายพูดขึ้น “ไหน ๆ จะช่วยน้องแล้วช่วยให้ตลอด ขอยืมนานังนิดให้แม่ก่อน แม่จะเอาไปจำนำเขาถูก ๆ แล้วเราจะได้ถ่ายคืนเร็ว ๆ”

พระอรรถคดี ฯ ยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มอย่างหยันหรือภูมิใจในข้อที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ แต่ยิ้มอย่างคนที่ตัดสินใจแล้วอย่างเด็ดเดี่ยว มนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดมามีแต่ตัวทรัพย์สมบัตินั้นสะสมขึ้นได้ในภายหน้าต่างหาก เงินจำนวนเพียง ๖,๐๐๐ บาทนี้ เขาจะสละให้เพื่อกตเวทิตาคุณไม่ได้เทียวหรือ คิดได้ดังนี้แล้ววิชัยจึงตอบแก่มารดาว่า

“ผมจะหาคนรับจำนำเองครับ คุณแม่จะได้ไม่ต้องลำบาก”

“พ่อคุณ ! พูดกับพ่อใหญ่ละง่ายจริงจริ๊ง ๒-๓ คำก็ตกลงกันได้ เพราะเช่นนี้แม่ถึงได้ขอให้เป็นเถ้าแก่ให้น้อง พ่อชัดจะได้รู้ตัวว่าพี่ชายของตัวน่ะมีบุญคุณเกือบจะยิ่งเสียกว่าพ่อ ขาดแต่ไม่ได้ทำให้เกิดมาเท่านั้น”

รู้สึกตัวว่ากำลังประสาทไม่แข็งพอที่จะวางสีหน้าให้เป็นปกติต่อไปได้แล้ว วิชัยจึงบอกแก่มารดาว่า

“คุณแม่ไปนอนเสียทีเห็นจะดีครับ ดึกมากแล้วอดนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”

คุณนายชื่นทำตามคำของเขาในทันที ยกกระเป๋าหมากกับกระโถนขึ้นพร้อมกัน วิชัยรีบรับมาถือให้แล้วเดินตามไปส่งมารดาจนถึงห้องนอน

เมื่อตัวเขาอยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว วิชัยไปยืนอยู่ตรงช่องหน้าต่าง ครุ่นคิดถึงเรื่องของแม่ของน้องและของตัวเองด้วยความอึดอัดใจ ภายหลังเขาเดินมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดสมุดเลือกหารูปที่ต้องการจนได้โดยเร็วไว สายตาจับแน่วที่รูปนั้น แล้ววิชัยนึกรำพันว่า

“จันทรเอ๋ย ถ้าฉันได้แต่งงานกับเธอ ฉันไม่มีอะไรจะให้เธอเลย นอกจากตัวของฉันกับเงินเดือนสองอัฐฬส มันคุ้มค่ากับค่าแห่งความน่ารักของเธออยู่หรือ?”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ