ชาวอินเดียที่ไปมาค้าขายในสมัยโบราณ

เหตุที่จะบันทึกรับสั่งเรื่องนี้ เกิดจากทรงปรารภเรื่องการไปมาค้าขายของชาวอินเดียแต่สมัยโบราณ

ชาวอินเดียที่ไปมาค้าขายกับดินแดนแถบนี้ เป็นชาวอินเดียใต้ มาค้าขายกับเมืองตะกั่วป่า เพราะอยู่ตรงกัน แล่นเรือไปมาสดวกดี พวกนี้คงมาค้าขายแต่ปลายพุทธกาล ทางวิธีค้าขายนั้น แล่นเรือพาเอาสินค้าที่ชาวอินเดียมีจะแลกจะขายกับมนุษย์ในพื้นเมือง แถวของในพื้นเมืองที่มีที่หาได้ที่ชาว อินเดียในเมืองอินเดียต้องการก็เอากลับไป อาทิคือ งาช้าง และทองคำ คิดดูโดยปัญญาของเราก็รู้ได้ว่า ผู้ที่มาค้าขายเช่นนี้ มีความจำเป็นอย่างไรบ้าง ประการต้น การเดินทางต้องมาทางเรือ ทางแถบนี้พายุจัดมีอันตราย ต้องหาที่กำบังลมหาที่พัก เรือไปมาแล่นตรงไปยังที่พัก ประการที่สองคือเนื่องมาจากประการแรก คือมีที่พัก ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีคนเฝ้าที่พักนั้น บางทีของพื้นเมืองมา เรือไม่อยู่ที่พักก็เป็นที่พักของ หรือของเอามาแลกหรือขาย ขายไม่หมดก็เอาเข้าพักไว้ เกิดมีโกดังอย่างฝรั่งเรียก Factory ขึ้นไทยเรียกคลังสินค้า คลังเหล่านี้มีคนประจำท่าคอยค้าขายเป็นคนอินเดีย

คิดในขั้นต่อมาจะเห็นได้ว่า คนที่จะมาค้าขายในแถบนี้ต้องเป็นผู้ชายทั้งนั้น และเป็นกลาสีเรือมาแต่ก่อนพวกนี้ไม่มีผู้หญิงมาด้วย ก็เป็นการจำเป็นอยู่เองที่จะต้องพบปะได้เสียกับผู้หญิงชาวพื้นเมือง ครั้นอยู่ไป เกิดมีลูกมีเมียเลยอยู่ตั้งเป็นประจำ ลูกออกมาเป็นชาวอินเดียขั้นที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม โดยลำดับไป นี่เป็นมูลเหตุที่ชาวอินเดียมาตั้งอยู่ในดินแดนแถบนี้ และเมื่อมาอยู่นานเข้า เป็นผู้มีความเจริญกว่าชาวพื้นเมืองแถบนี้ ก็เอาวิชาความรู้มาสั่งสอน มาทำมาหากินอยู่อย่างเจ๊กแรกเข้ามาเมืองไทย มากขึ้น ๆ ทุกที มีทั้งคนอินเดียและคนพื้นเมืองผสมกันมากขึ้น มีข้อสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ที่ชาวอินเดียมีวัฒนธรรมสูงกว่า สอนศาสนาและวิชาความรู้อื่น ๆ เป็นทางเห็นได้ชัดอยู่ว่าฉลาดกว่ามีความรู้ดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นนายชาวพื้นเมืองอย่างไม่มีที่สงสัย เมื่อพวกนี้เป็นนายก็ขยายเขตถิ่นฐานออกไป ชาวพื้นเมืองที่โง่กว่าก็เป็นบ่าวอยู่ในอำนาจปกครอง ปรากฏความว่า ในประเทศเขมร มีเชื้อสายชาวอินเดียเป็นเจ้าเป็นใหญ่อยู่มากมาย และพวกนี้แหละที่สร้างปราสาทหินทิ้งความอัศจรรย์ไว้ให้แก่โลกตราบเท่าทุกวันนี้.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ