๑๑
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงแม่นกอินทรีในไพรสัณฑ์ |
รังอยู่ฝั่งสมุทรข้างหนึ่งนั้น | ได้นัดแนะกันกับลูกยา |
บัดนี้ก็ถึงกำหนดแล้ว | ยุขันลูกแก้วจะคอยหา |
ปักษีจึ่งมีวาจา | บอกแก่ลูกยาสกุณี |
แม่จะไปรับองค์ยุขัน | ถึงผลัดนัดกันกับโฉมศรี |
ลูกน้อยคอยอยู่จงดี | แม่นี้จะไปไม่อยู่ช้า |
สั่งแล้วสำแดงฤทธิรณ | โบยบินขึ้นบนพระเวหา |
เสียงสนั่นครั่นครื้นพสุธา | ข้ามมหานทีมิทันนาน |
แต่ลมปีกราชปักษา | คงคาเป็นระลอกกระฉอกฉาน |
อันหมู่มัจฉากุมภาภาล | อลหม่านในมหานที |
ครั้นสิ้นแสงศรีพระสุริยา | ปักษามาถึงกรุงศรี |
สำเนียงปีกก้องพระธรณี | ดั่งหนึ่งบูรีจะทำลาย |
พูดกันก็ไม่ได้ยินสรรพ | เพราะพยุพยับไม่เหือดหาย |
ชาวนครตกใจอยู่วุ่นวาย | กลัวตายอกสั่นพรั่นใจ ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุเรเซนเป็นใหญ่ |
ได้ยินเสียงครื้นครั่นสนั่นไป | ภูวไนยเร่งคิดอัศจรรย์ |
จึ่งสั่งมหาเสนา | ให้ระวังตรวจตราเขตขัณฑ์ |
เกลือกจะมีอันตรายไภยัน | กำชับกันอย่านิ่งนอนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่ |
รับสั่งให้กำชับดับไฟ | มืดไปทั้งเมืองอุเรเซน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเยี่ยมแกลแลเห็น |
โอ้ว่าอกเอ๋ยจำเป็น | จะจากเจ้าเพื่อนเข็ญของพี่ไป |
แม้นว่าไม่หนีเดี๋ยวนี้เล่า | ทั้งพี่ทั้งเจ้าจะตักษัย |
คิดพลางสะกดนางทรามวัย | ออกไปเกยทองร้องเจรจา |
ว่าแม่มารับลูกแล้วฤๅ | คุณคือเกศเกล้าเกศา |
ลงมายังเกยชาลา | จะได้สนทนาพาที ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งอินทรีราชปักษี |
ได้ยินสุรเสียงพระภูมี | สกุณีจึ่งร่อนลงมา |
แล้วถามพระองค์ทรงไชย | ไหนองค์น้องรักเสนหา |
ไยจึ่งมาอยู่ในปรางค์ปรา | ได้สกุณาแล้วฤๅประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันจึ่งแจ้งแถลงไข |
อันเจ้าลิขิตฤทธิไกร | อยู่ในปราสาทรจนา |
แล้วเล่าแต่ต้นจนปลาย | บรรยายแก่ราชปักษา |
จนได้พระราชธิดา | สกุณานั้นอยู่ที่กรงใน |
บัดนี้โฉมยงก็ทรงครรภ์ | จำเริญขึ้นทุกวันเติบใหญ่ |
มิรู้ที่จะคิดประการใด | ครั้นจะไปก็ให้อาลัยนัก ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปักษินอินทรีมีศักดิ์ |
ว่าไปด้วยใจจงรัก | จะเป็นห่วงหน่วงหนักนั้นผิดไป |
เร่งเอาหัสรังปักษา | ไปถวายบิดาให้จงได้ |
จึ่งกลับมารับนางทรามวัย | แม่จะไปส่งให้ถึงบูรี |
อันจะอยู่ในเมืองอุเรเซน | ไม่เห็นที่จะได้ปักษี |
ฤๅจะพาองค์อัครเทวี | ลอบหนีไปด้วยพระภูวไนย |
ตัวแม่จะพาบทจร | ส่งถึงนครกรุงใหญ่ |
จะเสด็จแต่งองค์พระทรงไชย | ก็รีบไปเสียในเพลานี้ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | ยุขันผู้เฉิดโฉมศรี |
ได้ฟังสกุณาพาที | ภูมีทอดถอนฤทัย |
จึ่งตอบอินทรีทรงฤทธิ์ | ลูกคิดจะไปให้จงได้ |
แต่ขอสั่งน้องที่ห้องใน | สักครู่หนึ่งลูกจึ่งจะไคลคลา |
อันองค์ลิขิตไม่เอาไป | จะให้นางได้ดูต่างหน้า |
ให้เชื่อว่าไปแล้วจะกลับมา | อยู่ท่าลูกจะเขียนอักษรไว้ |
ว่าพลางพระย่างเข้าในห้อง | เพ่งพิศดูน้องแล้วร้องไห้ |
ลดองค์ลงนั่งตะลึงไป | อาลัยด้วยโฉมนางบังอร |
ถอยหน้าถอยหลังยั้งหยุดคิด | ร้อนจิตดั่งไฟสุมขอน |
ประคองกอดแก้วบังอร | ภูธรไม่เป็นสมประดี |
แล้วขืนอารมณ์ข่มจิต | คิดแต่งศุภลักษณ์อักษรศรี |
เขียนพลางพิศพักตร์นางเทวี | แล้วมีมธุรสรำพันไป |
โอ้เจ้าพี่เอ๋ยน่าเอ็นดู | เคยอยู่สมสนิทพิสมัย |
น้องรักเจ้าจักวังเวงใจ | จะโหยไห้ครวญคร่ำบเสบย |
โอ้เกศที่ไหนจะเป็นเกล้า | ไหนเจ้าจะเป็นสรงเสวย |
โอ้เนื้อนวลละอองของเรียมเอย | ไม่มีปีกเลยจะพาดล |
พิศพักตร์น่ารักดั่งดวงจันทร์ | ดั่งบุหลันเมื่อแย้มแจ่มฝน |
หมดเมฆราคีไม่มีปน | ไม่ควรเลยที่จะด้นจากจร |
พิศเต้าเต่งตั้งกำลังวัย | ดั่งบัวบังใบหุ้มเกสร |
พระเชยนมชมปรางทางอาวรณ์ | พระกรคลึงเคล้าเล้าโลม |
อิงแอบแนบแก้วแล้วโหยไห้ | ถ้ามิไปก็จะชวดชมโฉม |
ตื่นขึ้นใครเล่าจะเล้าโลม | น้าวโน้มที่กระสันฟั่นเฟือน |
หลับงามหลับดีเจ้าพี่อา | ชะรอยขวัญกัลยาไปอยู่เถื่อน |
นํ้าเนตรนองนัยน์ไหลเลื่อน | โอ้เพื่อนที่นอนของเรียมเอย |
ไปได้ก็จะพาเจ้าไปด้วย | เพื่อนม้วยเป็นสองนะน้องเอ๋ย |
ข้ามเถื่อนเดินไพรเจ้าไม่เคย | อย่าเพ่อไปเลยจะมารับ |
ร่ำพลางทางถอดธำมรงค์พลาง | สอดใส่ให้นางทั้งหลับ |
เปลื้องภูษาทรงที่องค์ทับ | เปลี่ยนกับสไบที่องค์นาง |
ของพี่เจ้าเอาไว้ชมเถิด | ของโฉมเฉิดพี่จะเอาไปชมบ้าง |
เปลี่ยนพลางทางร่ำพิไรพลาง | พี่จะจากนวลนางฉันใด |
โศกพลางทางพินิจพิศดู | อนิจจาจะรู้ก็หาไม่ |
ไม่รู้ตัวว่าผัวจะจากไป | พระร่ำไรโลมลูบจูบน้อง |
โอ้ประวะลิ่มรักของเรียมเอ๋ย | กรรมสิ่งใดเลยจะจากห้อง |
ไปแล้วจะกลับมารับน้อง | ตื่นขึ้นแล้วน้องจะร้องไห้ ฯ |
๏ บัดนั้น | อินทรีผู้มีอัชฌาศัย |
คอยหาพระองค์ผู้ทรงไชย | หายไปไม่เห็นกลับมา |
เพลาจะล่วงเข้ายามสาม | เฝ้าหมองหมางแนบนุชเสนหา |
ฤๅจะหลับไปในไสยา | พระราชาหายไปไม่เห็นองค์ |
จำจะเตือนองค์พระทรงไชย | เหตุการณ์เป็นไฉนจึ่งใหลหลง |
จวนจะรุ่งรังสีสุริยง | จึ่งร่อนตรงเข้าไปตามบัญชร |
จะรุ่งขึ้นแล้วยังทำไม | ฤๅยังไม่ไปจะอยู่ก่อน |
สายนักจะต้องแดดร้อน | ลูกรักจักอ่อนระทวยไป |
จะข้ามมิถึงฟากฝั่ง | จะพากันหยุดยั้งอยู่ที่ไหน |
อ่าวทะเลใหญ่กว้างเป็นพ้นไป | ยังทำไมจึ่งไม่จรลี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | น่าชังคั่งแค้นแม่ปักษี |
ร้องตอบไปพลันทันที | ประเดี๋ยวนี้แล้วลูกจะออกไป |
ลูกยังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ | เอ็นดูลูกเถิดหารุ่งไม่ |
หัสรังยังอยู่กรงใน | อยู่ท่าลูกจะไปปลดนก |
ว่าพลางย่างเยื้องจากห้อง | เหลียวดูพักตร์น้องนํ้าตาตก |
ดวงใจดั่งใครมาหยิบยก | กลับหกกอดน้องเข้าโศกา |
ทีนี้จะจากเจ้าจริงแล้ว | ดวงแก้วผู้ยอดเสนหา |
เอ็นดูอยู่หลังอย่าโศกา | ใครจะมาช่วยปลอบให้คลายใจ |
โอ้ดวงนัยนายาจิต | สุดคิดที่พี่จะอยู่ได้ |
จำเป็นจำพรัดกำจัดไกล | อาลัยพี่เพียงจะวายปราณ |
จะใคร่พาดวงยิหวาเจ้าไปด้วย | เป็นเพื่อนม้วยที่ในไพรสาณฑ์ |
ข้ามเถื่อนเดินเขากันดาร | จะรำคาญด้วยครรภ์กัลยา |
จะประสูติลูกน้อยในกลางดง | เกลือกจะปลงชีวังสังขาร์ |
แสนยากลำบากเวทนา | จึ่งไม่พาแก้วตาจรลี |
ไม่ช้าจะกลับมารับอัคเรศ | ไปครองนิเวศกระเษมศรี |
เจ้าเอ๋ยครององค์ไว้จงดี | กว่าพี่จะกลับคืนมา |
วันนี้พี่จะจากเจ้าไปแล้ว | น้องแก้วอยู่หลังจะโหยหา |
จะมีแต่ทุกข์ทนเวทนา | พระบิดาจะหาเจ้าขึ้นไป |
จะซักไซ้ไถ่ถามด้วยมีครรภ์ | จะทำโทษทัณฑ์เป็นไฉน |
จะใคร่อยู่สู้ม้วยด้วยดวงใจ | ความรักจักไว้ให้คนลือ |
หรือจะคิดกินยาพิษให้มอดม้วย | จะกลั้นใจไปด้วยกันเถิดหรือ |
จิตใจให้ร้อนดั่งไฟฮือ | พระถือกฤชเข้ารอพระศอไว้ |
ร่ำร่ำจะแทงแล้วรั้งรอ | ปิ่มจะแบหลาคอพี่เสียได้ |
นาสิกคั่งคัดกลัดไป | หายใจระบายอยู่รวยรวย |
พระวิโยคโศกสร้อยก็ผ็อยไป | หทัยใจหวิวหวิวหิวระหวย |
กฤชเคลื่อนตกลงองค์ระทวย | ปิ่มจะม้วยซบองค์ลงนิ่งไป ฯ |
ฯ ๒๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปักษินอินทรีสงสัย |
คอยหาพระองค์ทรงไชย | หายไปก็คิดอัศจรรย์ |
หรือนางตื่นขึ้นมิให้มา | พากันวิโยคโศกศัลย์ |
หรือสลบซบไปด้วยกัน | จึ่งไม่จรจรัลออกมา |
ชะรอยร้องไห้สลบอยู่ | เรียกดูก็เงียบนักหนา |
คิดแล้วกระพือลมมา | จำเพาะตรงหน้าพระบัญชร |
ต้องลมปีกนกพระค่อยฟื้น | ได้สมประดีคืนด้วยปักษร |
อินทรีตอบว่าอย่าทุกข์ร้อน | ถึงนครแล้วเจ้าจึ่งกลับมา |
แต่รํ่าทุกข์ร้อนจนอ่อนใจ | หรือยังไม่ไปก็ให้ว่า |
จวนจะรุ่งแล้วเจ้าแก้วตา | อย่าช้าจงคิดให้สมควร ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันหวั่นใจดั่งไฟหวน |
ฟื้นองค์ได้ฟังอินทรีชวน | ยิ่งป่วนพระทัยดั่งไฟฟอง |
เหตุว่ามิใช่เป็นที่รัก | ช่างว่ากล่าวหาญหักให้คล่องคล่อง |
อยู่เถิดนิ่มเนื้อนวลละออง | ร่วมห้องของพี่จะลาแล้ว |
พระจูบนมชมนางพลางสะอื้น | ลุกขึ้นยืนพิศแลดูแก้ว |
ชลนัยน์ไหลลงนองแนว | กลับกอดเมียแก้วเข้าโศกี ฯ |
ฯ โอด ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นจะช้าอยู่นักก็มิได้ | อินทรีขัดใจจะบินหนี |
พระกรกอดแก้วกระษัตรี | ค่อยอยู่จงดีเถิดดวงใจ |
ครั้นล่วงปัจฉิมเวลา | พระผ่านฟ้ายิ่งทรงกันแสงไห้ |
ขืนจิตคิดหักอาวรณ์ไป | จำใจเคลื่อนองค์จากเทวี |
ทรงเครื่องประดับกายา | เหน็บกฤชฤทธาเรืองศรี |
พระกรทรงศรพระมุนี | แล้วภูมีผันพักตร์มาดูน้อง |
เจ้างามสรรพยังระงับหลับสนิท | ไม่แจ้งจิตว่าจะร้างห่างห้อง |
เจ้าจะคิดว่าพี่ไม่คืนครอง | จะนั่งนองชลนาเพียงบรรลัย |
พระขืนอารมณ์ลีลาศ | จากแท่นไสยาสน์พิสมัย |
มิใคร่จะเสด็จคลาไคล | ภูวไนยแข็งใจจรลี |
ครั้นมาถึงห้องไสยา | องค์พระอนุชาเรืองศรี |
ประคองกรช้อนปลุกขึ้นทันที | แล้วภูมีจึ่งเล่ากิจจา |
บัดนี้อินทรีมารับพี่ | กับพระยอดเสนหา |
เล่าพลางทางทรงโศกา | อนุชาจะคิดไฉนดี |
ครั้นพี่จะลอบหนีไป | นางก็ได้มีคุณเราสองศรี |
ซึ่งได้หัสรังสกุณี | เพราะพบเทวีเป็นต้นยล |
ครั้นพาไปด้วยจะลำบาก | แสนยากมรคาพนาสณฑ์ |
มิรู้ที่จะคิดผ่อนปรน | เล่าพลางภูวดลก็โศกา ฯ |
ฯ โอด ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ลิขิตขนิษฐา |
จึ่งบังคมทูลพระพี่ยา | ผ่านฟ้าอย่าทรงโศกี |
ขอเชิญพระเสด็จคลาไคล | เพราะได้รับไว้กับปักษี |
แม้นพระองค์จะไม่จรลี | อินทรีจะโกรธโกรธา |
จะว่านัดไว้ให้มารับ | แล้วกลับล่อลวงปักษา |
เห็นจะผิดคำมั่นสัญญา | มารับแล้วไม่จรลี |
ขอเชิญพระเสด็จไปก่อน | ผ่อนเอานกหัสรังสี |
ไปถวายพระองค์ทรงธรณี | แล้วภูมีจงกลับมารับนาง |
ทั้งไม่เสียทางราชไมตรี | เห็นชอบท่วงทีทั้งสองข้าง |
จำเป็นพระจำนิราศร้าง | ถึงนางรู้ก็ไม่สู้น้อยใจ ฯ |
ฯ ช้า ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันลือลบจบสมัย |
ฟังน้องทูลต้องฤทัย | ผ่องใสโสมนัสปรีดา |
แก้วตายาใจของพี่ | ว่านี้เห็นชอบหนักหนา |
เหมือนพี่ดำริตริมา | ต้องกับอนุชาพาที |
คิดว่าจะให้น้องรัก | อยู่กับเยาวลักษณ์โฉมศรี |
พี่จะไปแตในราตรี | ถึงธานีแล้วจะรีบมา |
พระน้องจะอยู่ภายหลัง | จงระไวระวังขนิษฐา |
ห้ามอย่าให้เศร้าโศกา | พี่ไปไม่ช้าจะมาพลัน |
สั่งพลางสะท้อนถอนใจ | ภูวไนยวิโยคโศกศัลย์ |
ด้วยจะไกลอนุชาวิลาวัณย์ | พระทรงธรรม์เศร้าสร้อยละห้อยใจ |
เจ้าอยู่ด้วยกันให้จงดี | อย่ามีทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ปราศจากอันตรายโพยภัย | ให้รุ่งเรืองฤทธิไกรมหึมา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตเฉิดโฉมเสนหา |
รับรสพจนารถพระพี่ยา | ชลนาคลอเนตรแล้วพาที |
พระองค์เสด็จจรดล | อย่าได้ร้อนรนถึงโฉมศรี |
จงไปเสวยสุขทุกราตรี | อย่ามีอันตรายสิ่งใด |
พาเอานกหัสรังสี | ไปถวายภูมีให้จงได้ |
แล้วกลับมารับทรามวัย | อย่าให้ช้านักพระราชา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงโฉมเสนหา |
รับคำพระศรีอนุชา | ผ่านฟ้าจึ่งเสด็จคลาไคล |
แลเหลียวดูห้องกัลยา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
เป็นห่วงหน่วงหนักฤทัย | จำใจไปยังสกุณา ฯ |
ฯ กลองแขก ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งปลดกรงแก้ว | อันเพริศแพร้ววิจิตรเลขา |
แสนวิโยคโศกเศร้าโศกา | ปักษาก็ฟื้นตื่นพลัน ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หัสรังตระหนกอกสั่น |
จึ่งทูลถามองค์พระทรงธรรม์ | ปลดกรงแล้วทรงกันแสงไย |
เมื่อยังไม่รุ่งสุริยา | พระจะพาเอาลูกไปไหน |
พระชนนีเสด็จอยู่แห่งใด | จงบอกให้ลูกแจ้งกิจจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสนหา |
จึ่งมีสุนทรวาจา | ตอบคำสกุณาไปทันที |
นิ่งอยู่จะเล่าให้เข้าใจ | พ่อจะพาเจ้าไปยังกรุงศรี |
เจ้าแม่ไม่รู้คดี | เราจะพากันหนีแต่สองรา |
จะบอกมารดาเจ้าให้แจ้งใจ | ไหนจะให้พ่อไปยังปรารถนา |
ให้ลิขิตไว้ต่างพักตรา | เขียนศุภสาราไว้ทุกอัน |
เจ้าจงไปด้วยพระบิดา | ลูกยาอย่าวิโยคโศกศัลย์ |
ครั้นจะพาไปด้วยพร้อมกัน | ไม่มีสิ่งอันจะส่งเราไป ฯ |
ฯ โอ้ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หัสรังได้ฟังละห้อยไห้ |
พระองค์จะพาเอาลูกไป | จะทิ้งเจ้าแม่ไว้ให้เอกา |
ตื่นขึ้นไม่ประสบพบองค์ | โฉมยงจะทรงกันแสงหา |
ไหนจะทุกข์ถึงองค์พระราชา | ไหนจะทุกข์ถึงข้าที่จากไป |
โอ้ว่าสมเด็จพระชนนี | จะรู้สึกสมประดีหาไม่ |
พระบิดาจะพรากจากไป | เป็นไฉนจึ่งยังนิทรา |
หัสรังทูลวอนพระภูมี | จงโปรดเกศีปักษา |
ปลุกองค์สมเด็จพระมารดา | ให้รู้สึกกายาจึ่งคลาไคล |
อ้อนวอนเท่าไรก็ไม่ฟัง | หัสรังครวญคร่ำร่ำไห้ |
จึ่งร้องปลุกนางอรไท | เหตุไรนิ่งเสียไม่นำพา |
พระบิดาจะพาเอาลูกไป | เมื่อไรจะได้กลับมาเห็นหน้า |
นับวันนับเดือนจะเคลื่อนคลา | อนิจจาครานี้จะจากไกล |
หิ้วเอากรงลูกไปแล้ว | พระจอมเกศแก้วไปอยู่ไหน |
หัสรังครวญคร่ำร่ำไร | อาลัยในองค์พระมารดา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงฟังปักษา |
จึ่งปลอบโยนเอาใจสกุณา | จะทิ้งมารดาเสียไย |
เจ้าอย่าเป็นห่วงหน่วงหนัก | ใช่พ่อจะไม่รักอย่าสงสัย |
ว่าพลางทางโศกาลัย | หิ้วกรงอำไพไคลคลา |
เสด็จพลางพระทรงผันแปร | แลลอดสอดส่ายทั้งซ้ายขวา |
ยังหลับอยู่สิ้นทั้งปรางค์ปรา | ใครจะฟื้นกายาก็ไม่มี |
ครั้นถึงเกยรัตน์ชัชวาล | พระภูบาลกับหัสรังสี |
สถิตนั่งเหนือหลังอินทรี | โศกีเพียงจะสิ้นชีวา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อินทรีเชี่ยวชาญหาญกล้า |
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกา | จึ่งมีวาจาไปทันที |
จงดับวิโยคโศกศัลย์ | ไม่ช้าพลันจะได้มาสมศรี |
ระวังพระองค์ให้จงดี | ยุดปักษีไว้ให้มั่นคง |
ว่าแล้วกางปีกกระพือบิน | สะเทือนแผ่นธรณินเพียงผุยผง |
ลอยละลิ่วปลิวไปด้วยฤทธิรงค์ | บินตรงขึ้นยังเมฆา ฯ |
ฯ กราวนอก ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงโทรมนัสา |
ทั้งเจ้าหัสรังสกุณา | ดั่งว่าพินาศขาดใจ |
เหลียวชะแง้แลดูยอดปราสาท | ภูวนาถดิ้นโดยโหยไห้ |
โอ้ดวงยิหวายาใจ | ไกลพี่แล้วเจ้าเยาวมาลย์ |
โฉมยงทรงพระกันแสงศัลย์ | พิไรรํ่ารำพันน่าสงสาร |
จะมีแต่ทุกข์ทรมาน | ดาลโศกวิโยคเพียงบรรลัย |
เคยภิรมย์สมสุขเช้าเย็น | จะว่างเว้นเวลาก็หาไม่ |
ผลกรรมมาจำจากไกล | พระอาลัยนั้นพ้นพันทวี |
แลเห็นแต่ยอดปราสาทไชย | กลับกลายหายไปนะเจ้าพี่ |
พระองค์ทรงโศกโศกี | กับหัสรังสีลูกน้อย ฯ |
ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อินทรีห้ามว่าอย่าโศกสร้อย |
หิวโหยอารมณ์ลมจะพลอย | ถอยแรงจะพลัดลงนที |
จะไม่ได้ไปเยือนพระบิดา | จะชวดกลับมาหามเหสี |
จะพากันม้วยมุดสุดชีวี | ภูมีหยุดยั้งช่างคิด ฯ |
ฯ โอด ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมประโลมจิต |
ได้ฟังสกุณีอันมีฤทธิ์ | คิดระงับพระทัยภูมี |
แล้วพระยอกรขึ้นวันทา | ฝากฝูงเทวาทุกราศี ฯ |
ทุกราศันต์พันเนตรฤทธี | ฤทธาราวีอเนกนันต์ |
อเนกแน่นฝากแสนสุดาด้วย | สุดาเดียวจะเที่ยวกันแสงศัลย์ |
กันแสงศรีจะมีแต่รำพัน | รำพึงพี่โศกศัลย์แสนทวี |
แสนเทวษด้วยทุเรศร้างเรียม | ร้างรักตรมเตรียมสวาดิพี่ |
สวาดินางพ่างเพียงดวงชีวี | ชีวิตพี่เพียงจะม้วยพิราลัย |
พิลาปสั่งถึงสายสุดาพี่ | สุดาภักดีนี้ไม่ราสมัย |
นิราศสมรพี่จรมาจากไป | ด้วยจำเป็นจึ่งไกลสวาดินาง |
สวาดิน้องนองเนตรโหยหน | โหยหานิรมลไม่เหือดห่าง |
ไม่เหือดหายคลายแสนเทวษว้าง | เทวษเวียนถวิลนางรัญจวนใจ |
รัญจวนจิตคิดความระโหยหน | ระโหยหาอัสสุชลลงหลั่งไหล |
หลั่งลงตกหลังอินทรีไพร | อินทรีใหญ่พาไทธิเบศจร |
ธิเบศจากนวลนางจรอรัญ | จรด้วยฤทธีสุบรรณปักษร |
ปักษินพาบินระเห็จจร | ระเห็จเหินอัมพรเมฆี |
เมฆาแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์ | แสงจับนภันตร์เรืองศรี |
เรืองแสงแสงดาวมากมี | มากมายหลายที่ในอัมพิล ฯ |
ฯ โอ้ ช้า ๑๘ คำ ฯ
๏ เห็นคลับคล้ายปลายปากแม่อินทรี | หรือเจ้ามาตามพี่พี่หอมกลิ่น |
เอะนุชยุดนกอินทรีบิน | โผผาผวาบินจะตกลง |
เชิญมานั่งนี่พี่จะรับ | แม่นกช่วยกระหยับปีกส่ง |
ยิ่งพิศยิ่งเพ่งเห็นองค์ | หลงเพ้อละเมอไม่เป็นอัน |
เจ้ามาเมื่อไรพี่ไม่รู้ | มาแล้วนั่งอยู่ไยแต่นั้น |
เชิญสร้อยสุดาวิลาวัณย์ | มานั่งด้วยกันบนหลังนี้ |
ดั่งขี่สำเภาทองใหญ่ | จะประคองน้องให้กระเษมศรี |
ดูดูแก้วตาไม่พาที | หรือเจ้าโกรธพี่ว่าหนีมา |
ชะรอยนวลนางเจ้าร้องไห้ | พักตร์เศร้าหมองไปเป็นหนักหนา |
ครั้นได้สมประดีก็โศกา | ซบหน้าลงกับหลังแม่อินทรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งอินทรีราชปักษี |
เห็นพระองค์หลงใหลไม่สมประดี | อินทรีปลอบพลางทางบินไป |
ข้ามมหาสมุทรทะเลลึก | แต่ดึกจนรุ่งพระสุรีย์ใส |
ด้วยกำลังอานุภาพเกรียงไกร | ลุถึงแดนไพรพนาลี |
ร่อนลงตรงที่พสุธา | มาหยุดยั้งยังร่มพระไทรศรี |
จึ่งว่ากับยุขันทันที | แม่นี้จะไปส่งถึงเวียงไชย |
บินโบยไปโดยอัมพร | กว่าจะถึงนครกรุงใหญ่ |
ซึ่งจะเดินมรคาพนาลัย | จะได้ความลำบากเวทนา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ แม่เอยแม่เจ้า | โปรดเกล้าลูกนี้หนักหนา |
พระคุณล้ำล้นคณนา | ลูกคิดเมตตาแม่อินทรี |
จะอดผลผลาช้านัก | จะไปส่งลูกรักถึงกรุงศรี |
ช่วยส่งเพียงองค์พระมุนี | อาศรมอยู่ที่ต้นทาง |
ก็จะพ้นอันตรายราวี | อสุรศักดิ์ยักษีในป่ากว้าง |
จงหยุดอยู่พักที่นี้พลาง | ต่อสางสางสว่างจึ่งค่อยไป |
เกลือกว่าสมเด็จพระเชษฐา | จะมาอยู่ท่าในป่าใหญ่ |
ที่หลักศิลาจารึกไว้ | จะได้พากันไปพารา |
ว่าแล้วเสด็จคลาไคล | นั่งใต้ต้นไทรสาขา |
พอแจ้งแสงศรีพระสุริยา | ส่องสว่างฟากฟ้าธาตรี ฯ |
ฯ ช้า ๑๐ คำ ฯ