๒๕
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มนิ่มนวลศรี |
ครั้นอยู่เนิ่นนานประมาณปี | ในทรวงมารศรีเตรียมตรม |
พระองค์หลงรักบุษหรี | แค้นเพียงชีวีด้วยทุกข์ถม[๑] |
โฉมฉายไม่สบายในอารมณ์ | อกไหม้ไส้ขมทุกราตรี |
คิดจะหนีไปยังอุรังยิด | จะผิดกระไรให้รู้ที |
กับลิขิตสันหยานารี | หนีไปไม่อยู่ทรมาน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ คิดแล้วจึ่งว่าเจ้าลิขิต | ดวงจิตผู้ยอดสงสาร |
พี่นี่มีทุกข์มาช้านาน | ดั่งเพลิงกาฬมาไหม้อยู่ในทรวง |
แรกมาเห็นว่าจะเป็นสุข | กลับทุกข์ใหญ่ภูเขาหลวง |
อยู่ไยให้อายคนทั้งปวง | จะเย้ยหยามลามล่วงยินร้าย |
พระเชษฐาหาเหมือนว่าไม่ | น้อยใจตรึกอยู่ไม่รู้หาย |
เตรียมตรมอารมณ์ทุกเพลางาย | นั่งนอนไม่วายแค้นคิด |
แม้นจะกลับไปอุเรเซน | จะเห็นกระไรพ่อดวงจิต |
ใจพี่นี้ตรึกตรองคิด | ว่าจะไปอุรังยิดนครา |
จะไปกับพี่หรือมิไป | น้องรักดวงใจจงเร่งว่า |
แม้นเจ้าจะอยู่พารา | พี่กับสันหยาจะลาไป ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตยอกรประณมไหว้ |
จึ่งทูลพี่นางทรามวัย | จะโศกเศร้าพระทัยไปไยมี |
แม้จะเสด็จไปแห่งใด | ตัวน้องไม่ไกลบทศรี |
ขอตามเสด็จจรลี | ไปกว่าชีวีจะม้วยมิด |
แต่ซึ่งจะไปอุเรเซน | น้องเห็นจะมีความผิด |
ด้วยภัยบิตุรงค์ทรงฤทธิ์ | อุรังยิดน้องนี้เห็นดีครัน |
จะได้แจ้งเหตุสกุณา | ซึ่งปะรังศรีฆ่าให้อาสัญ |
ท่านท้าวอุรังยิดทรงธรรม์ | จะให้หายุขันเป็นมั่นคง |
แล้วทางเดินหิมวาป่าชัฏ | จะว่ากับมะยุหงัดให้ไปส่ง |
ด้วยเพื่อนชำนาญดานดง | ซื่อตรงพอจะไว้วางใจ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อเอยเมื่อนั้น | ประวะลิ่มยินดีจะมีไหน |
สวมสอดกอดน้องประคองไว้ | ขอบใจพ่อช่างพาที |
พี่นี้รักเสมอนัยน์เนตร | ยากจนพ้นเทวษด้วยกับพี่ |
พ่อนัดมะยุหงัดในวันนี้ | อย่าให้คดีแพร่งพรายไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตจะขัดก็หาไม่ |
จึ่งบังคมลาคลาไคล | ออกไปที่เคยเล่นพลัน |
จึ่งมีพจนารถวาจา | ให้หานายพรานคนขยัน |
เข้ามาบัดนี้ฉับพลัน | บิดผันอย่าฟังเอาตัวมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | เด็กเด็กรับสั่งใส่เกศา |
กราบแล้วต่างวิ่งวางมา | ยังบ้านพรานป่าทันที |
ครั้นถึงจึ่งแถลงแจ้งกิจ | ว่าองค์ลิขิตเรืองศรี |
ให้หาเข้าไปบัดนี้ | ภูมีคอยท่าให้เร่งไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะยุหงัดฟังแจ้งแถลงไข |
แจ้งว่าลิขิตให้หาไป | จะประหวั่นพรั่นใจก็ไม่มี |
ด้วยเป็นเพื่อนยากมาแต่หลัง | ครั้งมามรคาพนาศรี |
ประทานโทษโปรดปรานี | ภักดีเป็นข้าพระภูวไนย |
จึ่งว่ากับคนที่มาหา | ท่าลุงประเดี๋ยวหาช้าไม่ |
ผ้าพันพุงมั่นเข้าทันใด | เมียยื่นหมากให้คำเดียว |
กับเด็กนั้นพากันคลาไคล | เดิมดุ่มเดาะไปไม่แลเหลียว |
มหาดเล็กเด็กตามเป็นเกรียว | บัดเดี๋ยวก็เข้าวังใน ฯ |
ฯ เชิด ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งตรงเข้าไปเฝ้า | องค์เจ้าลิขิตศรีใส |
กราบลงตรงพักตร์ภูวไนย | หมอบอยู่มิได้พาที ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งเจ้าลิขิตเรืองศรี |
แลเห็นมะยุหงัดก็ยินดี | จรลีจับมือพรานไพร |
เข้าไปที่ลับสงัดคน | จึ่งกล่าวยุบลแถลงไข |
พี่นางจะให้นำไป | กรุงไกรอุรังยิดนครา |
ครั้นจะอยู่ยังปะรังศรี | มีความเคืองแค้นเป็นนักหนา |
จึ่งจะให้นำทางไคลคลา | เหมือนมาแต่พระโคดม ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะยุหงัดอัญชุลีเหนือผม |
ทูลว่าพ่ออย่าปรารมภ์ | จะนำไปให้สมพระทัยคิด |
ข้าน้อยไปเที่ยวในไพรสาณฑ์ | เดินด่านหลายครั้งอุรังยิด |
พรานไพรแจ้งใจทุกทิศ | ชีวิตจะฉลองพระบาทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตได้ฟังก็หรรษา |
จึ่งให้คำมั่นสัญญา | เวลาราตรีจะหนีไป |
พี่มาคอยอยู่ประตูหน้า | เปิดไว้อัตราหาปิดไม่ |
สิ้นคนเข้าออกนอกใน | สงัดเมื่อไรจะออกมา |
ความลับพี่ดับไว้ในใจ | ปิดงำอำไว้จงนักหนา |
ทำไมตรีกันสัญญา | เมื่อหน้าจะให้พี่ได้ดี |
ไปบ้านตระเตรียมตัวไว้ | สำหรับเดินในไพรศรี |
พอค่ำสนธยาราตรี | มาอยู่ยังที่สัญญาไว้ ฯ |
๏ บัดนั้น | มะยุหงัดบังคมประณมไหว้ |
ทูลว่าข้าน้อยไม่เข้าใจ | สิ่งใดมิให้แพร่งพราย |
พระคุณช่วยเอาชีวิตไว้ | ทดแทนเท่าไร่ก็ไม่หาย |
ความลับจะดับไว้กับกาย | ว่าแล้วถวายบังคมลา |
ออกมาจากเฝ้าเจ้าลิขิต | ใจจิตจงรักเป็นนักหนา |
ด้วยให้มีคุณแต่ก่อนมา | เดินนึกตรึกตรารีบไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตรัศมีศรีใส |
ครั้นว่ามะยุหงัดกลับไป | คลาไคลไปห้องพระพี่นาง |
เห็นอยู่กับสันหยา | วันทาแล้วทูลไม่ขัดขวาง |
มะยุหงัดรับคำจะนำทาง | ว่าพระพี่นางช่วยชีวิต |
รู้จักพระคุณจะพาไป | ให้ถึงกรุงไกรอุรังยิด |
พรานไพรเจนใจทุกทิศ | สมคิดที่จะจรจรัล |
วันนี้จะมาคอยท่า | นัดกับอนุชาเป็นคำมั่น |
พี่สันหยาเร่งหาของพลัน | เป็นเสบียงเลี้ยงกันเดินดง ฯ |
ฯ ร่าย ช้า ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลหง |
ได้ฟังตั้งคอยสุริยง | พลบค่ำย่ำลงก็ดีใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โฉมยงจึ่งทรงลิขิตสาร | พจมานกล่าวแกล้งแถลงไข |
ขอลาบาทบงสุ์ผู้ทรงไชย | กลัวภัยพระเจ้าอุเรเซน |
จะหนีไปถึงอุรังยิด | เอาพระเดชปกปิดเคืองเข็ญ |
พระองค์เสวยสุขทุกเช้าเย็น | ข้านี้ไม่เป็นพิราลัย |
ใช่จะเคืองแค้นแสนสวาดิ | บุษหรีน้องนาฏก็หาไม่ |
เป็นความจวนตัวกลัวภัย | จำไปจากราชธานี |
คับที่นี้พอจะอยู่ได้ | คับใจจำจากบทศรี |
แม้นพระบิดาไม่ราวี | เมียจะกลับคืนมา |
ลิขิตขนิษฐาขอลาด้วย | เป็นเพื่อนม้วยกันกับสันหยา |
แจ้งสารขอประทานชีวา | ซึ่งมิได้อำลาบาทบงสุ์ ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นเขียนเสร็จพลันทันใด | เวลาพอได้ประสงค์ |
ปิดไว้ข้างแท่นโฉมยง | แล้วทรงกันแสงร่ำไร ฯ |
ฯ โอด ๒ คำ ฯ
๏ โอ้ว่าเจ้าลิขิตของพี่เอ๋ย | กรรมเคยได้ทำเป็นไฉน |
มีแต่ความทุกข์ฉุกไป | เวรใดจึ่งมาราวี |
จากอุเรเซนแล้วมิหนำ | ซ้ำมาจากกรุงปะรังศรี |
มีผัวผัวไม่ดูดี | มีพี่พี่ไม่เอ็นดูน้อง |
ครั้งนี้จะโกรธโทษใคร | ผลกรรมทำไว้ตามสนอง |
เวียงไชยมิได้อยู่ครอง | ตั้งแต่เที่ยวท่องพนาวา |
บรรดาเกิดมาเป็นสตรี | ใครห่อนจะมีเหมือนตัวข้า |
ชีวิตแม้นม้วยมรณา | ประเสริฐกว่าที่อยู่เป็นคน |
ครวญพลางนางอุ้มลูกน้อย | น้ำพระเนตรหยดย้อยเป็นฝอยฝน |
ยอดสร้อยพลอยได้ทุกข์ทน | ร้อนรนด้วยพระชนนี |
มีผัวก็เหมือนหามีไม่ | อยู่ไยในกรุงปะรังศรี |
นางแสนโศกศัลย์พันทวี | อยู่ในห้องมณีไสยา ฯ |
ฯ โอด ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะยุหงัดพรานไพรใจกล้า |
ครั้นสงัดคนเดินไปมา | จัดหาเสบียงครบครัน |
อาวุธสำหรับเดินไพร | ปืนยาหน้าไม้จัดสรร |
ย่ามใหญ่ใส่ของทุกสิ่งอัน | แล้วรำพันถึงบุตรภรรยา |
จะบอกเล่ากิจจาก็หาไม่ | ธรรมเนียมเคยไปเที่ยวป่า |
สั่งไว้ว่าหลายวันจะกลับมา | ใครถามบอกว่าไปเที่ยวไพร |
ว่าแล้วจับย่ามใหญ่ตะพายบ่า | ลงจากเคหาที่อาศัย |
เงียบสงัดเลี้ยวลัดลอบเดินไป | ถึงในประตูที่สัญญากัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มค่อยคลายโศกศัลย์ |
จัดแจงแต่งองค์ฉับพลัน | สันหยาลิขิตอนุชา ฯ |
ฯ ทะแย ๒ คำ ฯ
๏ ประวะลิ่มเจ้ายอพระกรไหว้ | ท้าวไทองค์อสัญแดหวา |
จงกำบังคนทั้งพารา | อย่าให้เห็นตัวข้าจะเดินไป |
ทั้งนางสันหยาเจ้าลิขิต | ช่วยปิดป้ององค์ไว้ให้จงได้ |
อย่าให้ทายทักประจักษ์ใจ | ปลอดห่วงบ่วงใยยาตรา |
โฉมยงไหว้องค์อสัญแล้ว | อุ้มองค์ลูกแก้วเสนหา |
พี่เลี้ยงทั้งองค์อนุชา | เห็นสงัดก็พากันลอบไป |
ฝูงนางกำนัลนารี | จะรู้สมประดีก็หาไม่ |
ผู้คนนั่งยามตามไฟ | ผู้ใดจะเห็นก็ไม่มี |
บัดเดี๋ยวก็ถึงทวารไชย | มะยุหงัดกราบไหว้เหนือเกศี |
จึ่งให้เร่งนำจรลี | รีบเดินทุกฝีเท้าไป ฯ |
ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ
๏ ออกจากราชฐานถึงด่านดง | มะยุหงัดนำตรงเข้าป่าใหญ่ |
สร่างแสงสุริยนพ้นกรุงไกร | พรานไพรนั้นเจนทางเดิน ฯ |
ฯ พระทอง ๒ คำ ฯ
๏ ข้ามเถินเนินแนวแถวธาร | อุ้มองค์พระกุมารระหกระเหิน |
ห้วยละหานกันดารกรวดเกริน | พาเดินเงื้อมชะโงกโตรกไตร |
บ้างเป็นคูคดลดเลี้ยว | ชลเชี่ยวธารทางหลั่งไหล |
ฝูงปลาใหญ่น้อยลอยกินไคล | ชมเล่นเย็นใจในท้องธาร |
เบื้องบนหน้าผาศิลาเหลื่อม | งอกเงื้อมพรอยพรายฉายฉาน |
กับลิขิตเพ่งพิศเนานาน | สันหยาแลลานทั้งพรานไพร |
บ้างสีเขียวขาววาวแวว | พรายแพรวดำแดงแสงใส |
บ้างเป็นสีทองยองใย | ชมพลางทรามวัยไคลคลา ฯ |
ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ เดินไพรมาได้ช้านาน | สินธารโตรกเตรินเนินผา |
ระเรื่อยเหนื่อยใจนางกัลยา | ไม่แจ้งว่ายังอยู่ใกล้ไกล |
โฉมนางจึ่งถามพรานป่า | หลายวันแล้วมาถึงไหน |
จงบอกให้แจ้งประจักษ์ใจ | สักกี่วันจะไปถึงแดน |
มะยุหงัดวันทาทูลพลัน | สองเมืองไกลกันนับแสน |
อยู่ไปทางกึ่งจะถึงแดน | แว่นแคว้นอุรังยิดพารา |
จะโศกเศร้าพระทัยไปไยมี | มาไกลปะรังศรีนักหนา |
ถึงมาตรจะติดตามมา | จะทันเรานั้นอย่าพึงคิด |
ค่อยไปค่อยมาชมบัวเล่น | เอ็นดูพระกุมารเจ้าลิขิต |
คลายร้อนอ่อนแสงพระอาทิตย์ | พิศผลไม้ในป่าเตรินเพลินไป |
สิ้นแดนแว่นแคว้นปะรังศรี | มีแต่ป่าระหงดงใหญ่ |
มิ่งไม้ผลดกตกเกลื่อนไป | จะได้เก็บเสวยให้สำราญ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปะวะลิ่มเยาวยอดสงสาร |
ได้ฟังถ้อยคำนายพราน | เยาวมาลย์แจ้งสิ้นก็ยินดี |
จึ่งว่าลิขิตขนิษฐา | ทูลหัวอตส่าห์ตามพี่ |
ได้ยากลำบากครั้งนี้ | คุณใครไม่มีเปรียบน้อง |
ว่าพลางอุ้มองค์โอรสา | สันหยากระเดียดกระทายของ |
ลิขิตชิดหลานคอยประคอง | มะยุหงัดคอยป้องระวังไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พลางชมแล้วชวนเจ้าลิขิต | เชยชิดชี้พรรณมาลีให้ |
นางแย้มนมยวงเป็นพวงไป | ชื่นใจชูจิตพิศพลางเดิน |
แคฝอยเคียงฝ้ายสล้างเสลา | กันเกรากิ่งตรงในดงเถิน |
ต้นเกดเคียงแก้วตามแนวเนิน | ป่าไม้เขาเขินเขตเวียงไชย |
เดินแดนล่วงด่านอุรังยิด | พรานไพรแจ้งจิตจำได้ |
จึ่งทูลแถลงนางทรามวัย | มาใกล้จวนล่วงเข้าธานี |
หยุดพักอย่าเพ่อจรจรัล | สรงน้ำสนานกระเษมศรี |
ให้สบายคลายร้อนเปรมปรีดิ์ | บัวคลี่บานคล่ำในธารา ฯ |
ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มเสนหา |
ได้ฟังพรานแล้วชวนอนุชา | สันหยาไปสรงคงคาลัย ฯ |
ฯ สระบุหร่ง ๒ คำ ฯ
๏ นางอุ้มโอรสยศยง | ลงสรงในธารน้ำไหล |
พระกุมารรื่นเริงบันเทิงใจ | ลูบไล้พักตร์เนตรเกศกรรณ |
แผ่วปัดมลทินสิ้นมัวหมอง | ดั่งพฤกษาต้องน้ำฝนสวรรค์ |
สุกใสไพบูลย์แจ่มจันทร์ | แล้วนางชมพรรณปทุมา |
โกเมศโกมลจงกลนี | สารพันจะมีเป็นนักหนา |
ตูมบานแลลานนัยนา | น้องรักหักมามากมาย |
บัวหลวงพวงพูชมฝัก | มะยุหงัดพรานหักฝักถวาย |
สันหยาว่าดีนะพี่ชาย | แล้วเก็บฝักหักถวายกัลยา |
ประวะลิ่มลิขิตปลิดเสวย | พี่พรานเอ๋ยเก็บอีกให้นักหนา |
จะได้กินเมื่อเดินทางมรคา | พลางว่าพลางสรงชลธี ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นว่าสระสรงเสร็จแล้ว | คลาดแคล้วขึ้นมาจากสระศรี |
มะยุหงัดนำหน้าจรลี | เข้าในแดนธานีเวียงไชย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนายตระเวนป่าใหญ่ |
สิบคนเที่ยวด้นเดินไพร | ระวังไพรสอดแนมประจามิตร |
ชักชวนเพื่อนกันเพลาเช้า | ถือกั้นหยั่นยาวเหน็บกฤช |
พกกระบี่สีชมพูภูทิด | ติดตามกันเที่ยวคอยระวัง |
ครั้นแลเห็นคนก็ดีใจ | วิ่งเข้าล้อมไว้ทั้งหน้าหลัง |
เห็นนางรูปงามถามเสียงดัง | กระโชกทั้งนายพรานกุมารไป |
เห็นไม่ตระหนกตกประหม่า | ถ้วนหน้าหยุดอยู่ไม่เข้าใกล้ |
จึ่งถามไปพลันทันใด | ไปไหนพากันดั้นเดินมา |
จงเร่งบอกความไปตามจริง | เป็นหญิงมาไยในป่า |
ลูกเต้าพากันรุงรังมา | เราไม่ไว้ช้าจะจับไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มศรีใส |
เห็นคนทั้งนั้นมาล้อมไว้ | มิได้เข้าใกล้จะราวี |
จึ่งบอกเนื้อความตามสัจจา | ตัวข้านี้เป็นมเหสี |
ขององค์ยุขันภูมี | กุมารนี้โอรสพระทรงฤทธิ์ |
มาแต่กรุงไกรปะรังศรี | จะเข้าไปธานีอุรังยิด |
ยุขันชาญณรงค์ทรงฤทธิ์ | ไม่ช้าจะติดตามมา |
ซึ่งจะจับกุมคุมไป | ตามแต่น้ำใจข้าไม่ว่า |
จงเร่งพาไปอย่าได้ช้า | ให้ถึงผ่านฟ้าเจ้าธานี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กองตระเวนได้ฟังนางโฉมศรี |
ปรึกษาว่ากันทันที | มเหสียุขันเจ้าเรา |
พระกุมารก็เป็นลูกรัก | อย่าฮึกฮักไปเลยชาวเจ้า |
จำจะพาองค์นางนงเยาว์ | ไปเฝ้าพระผู้ทรงธานี |
ว่าแล้วชวนกันเข้าวันทา | ทูลนางกัลยาโฉมศรี |
ซึ่งได้หยาบช้าพาที | กรูตีขู่เข็ญเจรจา |
ด้วยไม่รู้จักจึ่งซักถาม | โฉมงามจงงดโทษา |
ท่านท้าวอุรังยิดพระบิดา | ผ่านฟ้าคอยชมสกุณี |
แจ้งว่าพระโอรสกลับมา | จะปรีดาภิรมย์กระเษมศรี |
ขอเชิญโฉมยงจรลี | ข้านี้จะนำบทจร ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มดวงสมร |
เห็นเขานอบนบคำรบกร | ทูลเชิญบังอรจรจรัล |
จึ่งชวนลิขิตขนิษฐา | สันหยาพรานไพรผายผัน |
นางอุ้มลูกยาวิลาวัณย์ | กองตระเวนป้องกันนำไป ฯ |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงเข้ายังอุรังยิด | เดินพลางทางพิศดูกรุงใหญ่ |
บ้านเมืองเรืองรุ่งทั้งกรุงไกร | ว่ากองตระเวนได้นางมา |
ชวนกันมาดูพรูพรั่ง | นั่งเรียบเรียงไปทั้งซ้ายขวา |
ชมว่ารูปโฉมประโลมตา | เขาจับกุมมาแต่แห่งใด |
นางที่กระเดียดกระทายตาม | หางามเหมือนที่อุ้มลูกไม่ |
ครั้นจะไถ่ถามก็ขามใจ | นั่งดูอยู่ไม่พาที ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มนวลศรี |
แลเห็นชาวราชธานี | จรลีนางคิดละอายใจ |
เยาวลักษณ์ก้มพักตร์ไม่ผันแปร | จะแลดูสิ่งใดก็หาไม่ |
เรียกอนุชาเคียงคลาไคล | ................[๒] |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สันหยาเข้าไปประคองบัง | มะยุหงัดตะพายย่ามใหญ่ |
เห็นเสนานั่งพรั่งพร้อมไป | ทูลห้ามทรามวัยทันที |
แต่พวกข้าจะพากันไป | แถลงไขให้ฟังถ้วนถี่ |
ตามคำนางว่าพาที | เล่ากับเสนีให้แจ้งใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาน้อยใหญ่ |
ได้ฟังทั้งเห็นนางทรามวัย | สมในถ้อยคำจำนรรจา |
นรลักษณ์พักตราเฉิดฉาย | ควรเป็นเจ้านายนักหนา |
สงสารพระกุมารอุ้มมา | จะนิ่งไว้ช้าไม่ควรนัก |
จำจะพานางขึ้นไปเฝ้า | ปิ่นเกล้าบรมวงศ์ทรงศักดิ์ |
ว่าแล้วทูลองค์นางนงลักษณ์ | เชิญเฝ้าปิ่นปักเจ้าธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี |
ชวนลิขิตสันหยานารี | เทวีอุ้มลูกจรจรัล |
เสนาก็นำไคลคลา | กองตระเวนพรานป่าผายผัน |
โฉมประวะลิ่มนิ่มนวลจันทร์ | เดินพลางประหวั่นพรั่นใจ |
คิดกลัวพระองค์ผู้ทรงภพ | ปรารภจะตรัสถามไถ่ |
จะว่าดีว่าชั่วก็กลัวไป | เดินนึกตรึกไตรไม่วายคิด |
เสนาพาถึงพระโรงไชย | พอองค์ท้าวไทอุรังยิด |
เสด็จนั่งบัลลังก์ไพรพิศ | ว่ากิจราชการเวียงไชย |
พร้อมกันบังคมบรมนาถ | พระบาทผ่านภพเป็นใหญ่ |
เสนาทูลบอกขึ้นไป | ว่ากองตระเวนได้นางมา |
นางว่ายุขันเป็นสามี | พระกุมารน้อยนี้โอรสา |
แสนยากลำบากอตส่าห์มา | กิจจายังไม่แจ้งประจักษ์ใจ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดพิสมัย |
แจ้งข่าวยุขันชาญชัย | ท้าวไททอดทัศนานาง |
เห็นสมควรกันกับลูกรัก | พิศพักตร์ดั่งจันทร์แจ่มกระจ่าง |
งามยิ่งพริ้งพร้อมทั้งสารพางค์ | นางใดไม่เปรียบเทียบทัน |
กุมารน้อยชะรอยอนุชา | พักตราดั่งเทพรังสรรค์ |
งามเป็นสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | พระทรงธรรม์แสนพิศวาสนัก |
กุมารซึ่งเป็นโอรส | ผ่องแผ้วปรากฏยศศักดิ์ |
เสนหานัดดายิ่งนัก | ทรงศักดิ์จากแท่นจรจรัล |
ไปยังพระกุมารนัดดา | ผ่านฟ้าอุ้มองค์พระหลานขวัญ |
เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ | เรียกทั้งสามนั้นให้ตามมา ฯ |
ฯ เพลง ๑๐ คำ ฯ
๏ เสด็จนั่งแท่นรัตน์มณี | องค์ประไหมสุหรีเสนหา |
ส่งกุมารนั้นให้กัลยา | นัดดามาแต่นครไกล |
น่ารักพักตราดั่งดวงจันทร์ | เหมือนองค์ยุขันศรีใส |
เหตุผลยังมิได้แจ้งใจ | กองตระเวนเขาได้พามา |
แค่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก | เห็นหลานรักก็ให้เสนหา |
แต่แจ้งว่าเป็นลูกยา | ของยุขันรุ่งฟ้าเรืองไชย ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
รับพระหลานรักใส่ตักไว้ | กอดจูบลูบไล้ทั้งกายา |
แสนพิศวาสเป็นพ้นนัก | ในองค์หลานรักเสนหา |
พิศวงนงคราญผู้มารดา | พักตราเลิศลํ้าดั่งดวงเดือน |
จิ้มลิ้มพริ้มพรายประไพพิศ | นางในอุรังยิดไม่มีเหมือน |
งามเนตรงามขนงดั่งวงเดือน | งามเหมือนนางเทพธิดา |
พักตรากุมารน้อยช้อยแช่ม | พักตร์แจ่มดั่งสุวรรณเลขา |
สมเป็นกระษัตริย์ขัตติยา | ลักขณาเป็นที่จำเริญใจ |
จึ่งเรียกทั้งสองพระลูกแก้ว | เข้ามาใกล้แล้วก็ปราศรัย |
ชนนียังมิได้แจ้งใจ | เหตไรลูกรักสัญจรมา |
ซึ่งว่ายุขันเป็นสามี | แม่นี้สงสัยเป็นนักหนา |
ผัวรักอยู่ไหนจึ่งไม่มา | หรือว่ามีเหตุประการใด |
พาลูกเต้ามาระหกระเหิน | ด้นเดินมาแต่นครไหน |
เจ้าเป็นบุตรีบูรีใด | ปลื้มใจจงบอกแต่เดิมมา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มน้อยเสนหา |
คำรบนบนอบกายา | วันทาแล้วทูลพระชนนี |
ท่านท้าวอุเรเซนกษัตรา | ผ่านฟ้าบังเกิดเกศี |
นามลูกประวะลิ่มนารี | กุมารนี้ลิขิตฤทธิรอน |
มุนีชุบให้ในไพรวัน | เป็นน้องยุขันทรงศร |
เพื่อนเดินมรคาพาจร | ไปถึงนครอุเรเซน |
กับลูกรักใคร่เป็นไมตรี | บิตุเรศชนนีไม่รู้เห็น |
ลูกเลี้ยงสกุณาพูดจาเป็น | ใครเห็นแสนพิศวาสนัก |
ลูกรักเหมือนบุตรในอุทร | สั่งสอนพูดจาแหลมหลัก |
ยุขันรักหัสรังนัก | ครั้นค่ำเธอลักหนีมา |
ฝ่ายท้าวปะรังศรีกรีพล | ตีปล้นชิงราชปักษา |
เอาไปฆ่าให้มรณา | ได้ดวงจินดาเลิศลบ |
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เดชเกรียงไกร | เหาะเหินเดินได้สิ้นจบ |
ยุขันเกณฑ์ทัพกลับรบ | ได้แก้วเลิศลบจินดาดี |
ฆ่าท้าวปะรังศรีม้วยมิด | ได้ธิดาเป็นมเหสี |
ชื่อนางบุษหรีนารี | ได้ครองปะรังศรีเวียงไชย |
ลูกกับลิขิตพี่สันหยา | มาติดตามหาอยู่อาศัย |
ด้วยพระดาวบสยศไกร | คลอดโอรสในกุฎี |
ลิขิตตามไปอยู่สวนขวัญ | พบองค์ยุขันเรืองศรี |
มารับเข้าไปในบูรี | ลูกนี้ไม่สบายก็หนีมา |
ยุขันยังอยู่ปะรังศรี | ด้วยโฉมยงบุษหรีเสนหา |
ลูกนี้กับศรีอนุชา | หนีมาถึงใต้ฝ่าธุลี ฯ |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
ฟังนางเล่ามาก็ปรานี | ความรักสามีอตส่าห์มา |
ช่างกระไรไม่ครองใจกัน | ยุขันนี้ผิดนักหนา |
ให้เมียให้น้องทั้งลูกยา | แสนเวทนามาเดินดง |
บุญพามาถึงอุรังยิด | ชีวิตไม่ม้วยผุยผง |
อสัญแดหวารักษาองค์ | ตรงมาไม่มีเหตุการณ์ |
ได้เจ้าลิขิตเป็นเพื่อนยาก | สู้ทนลำบากยากด้วยหลาน |
บริสุทธิ์ดั่งว่าบุตรอวตาร | พระอาจารย์ชุบให้นางสีดา |
เจ้ารักลิขิตก็เหมือนกัน | ยุขันยังไม่เสนหา |
อยู่ด้วยแม่เถิดทั้งสองรา | เขามิเมตตาก็แล้วไป |
แม่จะอุปถัมภ์บำรุงเจ้า | ขวัญข้าวอย่าหม่นหมองไหม้ |
แจ้งถึงอุเรเซนไม่เป็นไร | อย่าประหวั่นพรั่นใจเลยแจ่มจันทร์ |
แล้วจึ่งจัดของประทานให้ | ภูษาแลสไบเฉิดฉัน |
เครื่องประดับสำรับครบครัน | ให้ทั้งหลานขวัญลูกยา |
สันหยาก็ให้สมควร | เลือกล้วนอย่างดีมีค่า |
นางนมพี่เลี้ยงพระนัดดา | สาวศรีซ้ายขวากำนัลใน |
ให้อยู่ปราสาทศรีตรีมุข | เป็นสุขภิรมย์ผ่องใส |
มิได้อนาทรร้อนใจ | รักใคร่ดั่งดวงใจนัยนา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดรุ่งฟ้า |
แจ้งว่ายุขันลูกยา | ได้ดวงจินดานกหัสรัง |
หลงด้วยบุษหรียังมิมา | อนิจจาไม่คิดคืนหลัง |
เรานี้เศร้าสร้อยจะคอยฟัง | มันยังไม่คิดถึงบิดา |
อาสาไปหาหัสรัง | ได้แล้วไม่หวังจะมาหา |
จะนับมันไปไยว่าลูกยา | ชั่วช้าทำได้ถึงเพียงนี้ |
นานไปจะได้เห็นกัน | ทั้งอ้ายยุดาหวันผู้เป็นพี่ |
ขอบนํ้าใจมันขยันดี | มันมิมาบ้างก็แล้วไป |
ตรัสแล้วเสด็จผายผัน | ออกพระโรงสุวรรณอันสุกใส |
สั่งเสนาพลันทันใด | ซึ่งกองตระเวนได้นางมา |
เงินตราผ้าผ่อนประทานให้ | ตามแต่นํ้าใจปรารถนา |
หมดสิ้นทั้งนั้นบรรดามา | มากน้อยไม่ว่าจงเอาไป |
แล้วสั่งให้จัดเรือนบ้าน | ให้มะยุหงัดนายพรานอาศัย |
ให้เมียให้ทั้งข้าไท | เครื่องใช้เครื่องสอยครบครัน ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กองตระเวนพรานป่าพนาสัณฑ์ |
ครั้นได้รับประทานรางวัล | พร้อมกันกราบเกล้าวันชุลี |
เงินทองผ้าผ่อนตามควร | ชวนกันปรีดิ์เปรมกระเษมศรี |
นายพรานก็ถวายวันชุลี | ไปยังที่อยู่สำราญใจ ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ