๒๙
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันทรงเดชเชษฐา |
ทั้งองค์ยุขันอนุชา | จึ่งสั่งเสนามนตรี |
ให้เคลื่อนพิไชยรถทรง | ตรงเข้าในราชกรุงศรี |
รถสองนางตามจรลี | บุษหรีอุ้มหัสรังไป |
สาวสรรกำนัลพรั่งพร้อม | ดั่งดวงดาวล้อมแขไข |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | ตามมรคาลัยเคียงกัน ฯ |
ฯ พญาเดิน ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หญิงชายชาวในเขตขัณฑ์ |
พากันมานั่งคั่งคัล | พร้อมกันทั้งสองข้างมรคา |
คอยหมอบยอบดูพระภูมี | เห็นโฉมบุษหรีกัญจะหนา |
งามทั้งสององค์ทรงลักขณา | ลางคนก็ว่าถามไป |
มเหสีพระพี่กับพระน้อง | ทั้งสองจะเห็นเป็นไฉน |
ไหนใครจะงามกว่าใคร | บ้างว่าข้าไซร้พิศดู |
เห็นข้างพระน้องจะงามกว่า | ดั่งจันทราวันเพ็งเปล่งอยู่ |
ลางคนว่าไปข้าไม่รู้ | เห็นงามทั้งคู่คล้ายคลึง |
เพริศพริ้งยิ่งเทพนิมิต | สิ้นทั้งอุรังยิดไม่มีถึง |
อวยชัยให้พรอื้ออึง | เสียงดั่งแมลงผึ้งภู่บิน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมฉิน |
กับองค์อนุชาธิบดินทร์ | ลีลาศพยุหบาตรคลาไคล |
ตามแถวรัถยาสถลมารค | ถึงเกยประทับราชรถใหญ่ |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | เข้าในปราสาทรจนา |
พอพระบิตุราชมาตุรงค์ | ประวะลิ่มโฉมยงเสนหา |
นั่งพรั่งพร้อมกันจำนรรจา | ทั้งสี่กษัตราก็เข้าไป ฯ |
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงยอกรประณม | พร้อมพรั่งบังคมอยู่ไสว |
นกหัสรังเห็นก็ดีใจ | โผไปประณตบทบงสุ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลหง |
ครั้นเห็นปักษีอันยิ่งยง | บินตรงเข้ามาหาทรามวัย |
จึ่งอุ้มหัสรังปักษา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
อนิจจาเจ้าม้วยบรรลัย | แม่ไม่รู้เลยนะลูกรัก |
แต่พระบิดาพาหนี | แม่แสนโศกีเพียงอกหัก |
เช้าค่ำพร่ำคิดคะนึงนัก | เพียงจักสิ้นชีพชีวา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งหัสรังปักษา |
กราบทูลสนองพระวาจา | เมื่อพระบิดาพาไป |
อาศัยอยู่ในสวนศรี | ใกล้รุ่งราตรีประจุสมัย |
ท้าวปะรังมาชิงเอาข้าไป | ลูกรํ่าไห้รักพระบิดา |
ครั้นเข้าไปถึงธานี | จะประหารชีวีให้สังขาร์ |
พระแม่บุษหรีขึ้นมา | ขอข้าเลี้ยงไว้หลายราตรี |
องค์ท้าวปะรังศรีอาธรรม์ | จึ่งใช้กำนัลสาวศรี |
ไปลวงพระราชบุตรี | พาข้าไปที่พระโรงไชย |
สังหารผลาญชีพชีวา | ลูกจะมีโทษาก็หาไม่ |
ข้าแสนโศกาอาลัย | ร่ำไรถึงองค์พระชนนี |
เป็นไฉนจึ่งเสด็จมาได้ | ถึงในกลางไพรพนาศรี |
อันพระอัยกาอัยกี | อยู่ดีหรือมีทุกข์ภัย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนารีศรีใส |
จึ่งตอบสุบรรณไปทันใด | กลัวภัยพระผู้ปิ่นธรณี |
ชวนกันลอบหนีจากพารา | ทั้งลิขิตสันหยาสาวศรี |
จึ่งได้พบองค์พระภูมี | แม่นี้ค่อยคลายโศกา ฯ |
ฯ ช้า ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวอุรังยิดรุ่งฟ้า |
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ทัศนาสองนางสว่างใจ |
กัญจะหนากับองค์ยุดาหวัน | สมกันไม่หาเปรียบได้ |
บุษหรียุขันชาญชัย | งามดั่งเทพไทนิรมิต |
กัญจะหนาประวะลิ่มบุษหรี | จะเป็นศรีในกรุงอุรังยิด |
นึกอยู่ในพระทัยคิด | ทรงฤทธิ์เบิกบานสำราญใจ |
แล้วพระเชยชมปักษา | ในพื้นพสุธาไม่หาได้ |
เหมือนกับแผนซึ่งมีไว้ | มิได้ผิดเพี้ยนลักขณา |
จึ่งมีวาจาปราศรัย | ทั้งสองทรามวัยสุณิสา |
พรากพรัดกำจัดพารา | อตส่าห์ติดตามสามี |
บิตุเรศมารดาจะเลี้ยงเจ้า | ขวัญข้าวอย่าหม่นหมองศรี |
เป็นปิ่นอนงค์นารี | ในธานีอุรังยิดกรุงไกร |
แล้วถามประวะลิ่มกัลยา | ปักษานี้ได้มาแต่ไหน |
หรือเกิดสำหรับภพไตร | ทรามวัยจงแจ้งกิจจา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มเสนหา |
บังคมก้มเกล้าวันทา | ทูลฉลองบัญชาไปทันใด |
พาณิชแล่นมาในสายสินธุ์ | บินลงจับท้ายเภตราใหญ่ |
เห็นงามเลิศลบภพไกร | จับได้พาไปยังพารา |
ถวายสมเด็จพระบิตุรงค์ | ทรงฤทธิ์ประสิทธิ์ให้ข้า |
รู้พลอดสารพันจำนรรจา | ยิ่งกว่าปักษาในพงไพร |
แต่ได้มาไว้ในนคร | จะมีความเดือดร้อนก็หาไม่ |
ไพร่ฟ้าประชากรทั้งเวียงไชย | ได้ความผาสุกทุกนิรันดร์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพรังสรรค์ |
ได้ฟังศรีสะใภ้วิไลวรรณ | บรรยายในข้อสกุณา |
มีพระทัยชื่นชมโสมนัส | ตรัสแก่พระโอรสา |
ทั้งนี้เพราะบุญของลูกยา | จะได้ดวงจินดาฤทธี |
จึ่งองค์พระตาระกาหลา | แกล้งเขียนเลขาไว้ข้างที่ |
สมดั่งจินดาครานี้ | บูรีจะกระเษมเปรมปรา |
ทั้งสองพระโอรสเรืองเดช | ดั่งดวงนัยน์เนตรซ้ายขวา |
จะปกป้องครองขัณฑเสมา | ไพร่ฟ้าจะได้พึ่งสืบไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มเยาวยอดพิสมัย |
นางจึ่งดำริตริไตร | คนึงนึกก็ได้ท่วงที |
นางจึ่งยอกรขึ้นวันทา | อภิวันท์กัญจะหนามารศรี |
กล่าวคำปราศรัยเป็นไมตรี | แลดูบุษหรีแล้วนิ่งไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีศรีใส |
นางคิดประหวั่นพรั่นใจ | ด้วยพี่นางไม่จำนรรจา |
โกรธจริงหรือจะนิ่งดูที | ข้อนี้สงสัยเป็นหนักหนา |
ครั้นจะมิง้องอนเจรจา | เห็นจะโกรธามากไป |
คิดพลางคลานเข้าไปหา | ครั้นมาใกล้แล้วบังคมไหว้ |
โฉมนางประวะลิ่มทรามวัย | ปราศรัยด้วยรสวาจา |
อันความสุจริตในใจพี่ | ต่อพระน้องบุษหรีเป็นหนักหนา |
พี่ได้เห็นใจแต่ไรมา | เสนหาพี่ไว้แต่ในใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีศรีใส |
ฟังพระพี่นางสว่างใจ | ดั่งได้อำมฤตชโลมทา |
นางจึ่งกราบลงแล้วทูลสนอง | ตัวน้องผู้เป็นขนิษฐา |
จะรองบาทวรนาฏพี่ยา | ชีวาจะไว้ใต้ธุลี |
มิได้คิดคดประทุษร้าย | ยากเย็นเป็นตายแก่พระพี่ |
เป็นความสัจจาพาที | ภักดีกว่าจะม้วยมรณา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุเรศชนนีนาถา |
ฟังสองศรีสะใภ้ให้สัจจา | ผ่านฟ้าชื่นชมในพระทัย |
จึ่งตรัสกับสองลูกรัก | ยากนักไม่หาเปรียบได้ |
ชาติเชื้อสุริย์วงศ์องค์นางใน | ชื่นจิตชูใจของบิดา |
พระตรัสกับประวะลิ่มลูกแก้ว | ได้หัสรังแล้วดั่งปรารถนา |
จะเล็งเรียบหาเปรียบสกุณา | ในพื้นพสุธาไม่เห็นมี |
ให้มาใกล้พ่อจะขอชม | ได้ฟังลิ้นลมปักษี |
น่ารักน่าเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ยังควรฆ่าตีให้ม้วยมิด |
ปีกหางอย่างเขียววิเชียรช่วง | ดั่งดวงแก้วปรับประดับติด |
งามจริงยิ่งเทพนิรมิต | เพ่งพิศไม่อิ่มนัยนา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนกหัสรังปักษา |
นิ่งสดับฟังบัญชา | ปักษาชื่นชมภิรมย์ใจ |
ทรงพระเมตตาปรานี | จะเหมือนท้าวปะรังศรีก็หาไม่ |
จะได้อยู่เย็นเป็นสุขใจ | จำจะพลอดให้พระองค์ฟัง |
คิดแล้วประคองปีกไหว้ | พูดพลอดฉอดไปดั่งใจหวัง |
นัดดาชื่อว่าหัสรัง | ได้ฟังบัญชาก็ยินดี |
มีความชื่นชมภิรมย์จิต | จะได้ฝากชีวิตรังสี |
ทั้งแม่ประวะลิ่มเทวี | พระชนนีเคยเลี้ยงรักษามา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระองค์ทรงฟังก็หรรษา |
เรียบร้อยถ้อยคำสกุณา | เสนหาแสนสันต์พันทวี |
จึ่งว่าเจ้าอย่าทุกข์ร้อน | เจ้าอย่าอาวรณ์หมองศรี |
อยู่ด้วยประวะลิ่มชนนี | เป็นที่วางใจแต่ไรมา |
อัยกาอัยกีนี้เล่า | แสนพิศวาสเจ้าก็หนักหนา |
กรงแก้วกรงทองรจนา | จะให้เจ้าเป็นผาสุกใจ |
แล้วว่าทั้งสองพระลูกรัก | จงพาเยาวลักษณ์พิสมัย |
ไปปราสาทให้สำราญบานใจ | ด้วยนางไกลบิตุเรศชนนี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันทรงสวัสดิ์รัศมี |
ทั้งองค์อนุชาธิบดี | ถวายวันชุลีบังคมลา |
ต่างพาอัคเรศจรลี | ไปที่ปราสาทเลขา |
แสนสนุกสุขกระเษมเปรมปรา | ด้วยฝูงกัลยาอเนกนันต์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุรังหวันเพราเพริศเฉิดฉัน |
จำเริญวัยใหญ่ขึ้นทุกคืนวัน | ชันษานั้นได้สามปี |
นรลักษณ์พักตราน่าชม | อุดมรูปทรงส่งศรี |
ดั่งดวงเนตรบิตุเรศชนนี | เป็นที่จำเริญวิญญาณ์ |
เย็นเช้าขึ้นเฝ้ามิได้ขาด | พระอัยกาธิราชนาถา |
แสนพิศวาสกุมารา | ทุกหน้าพระสนมนารี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดเรืองศรี |
จึ่งดำริตริตรึกคดี | กับประไหมสุหรีกัลยา |
เราจะมอบราชัยไอศวรรย์ | ให้องค์ยุขันขนิษฐา |
อันยุดาหวันพี่ยา | กับองค์กัญจะหนาเทวี |
ได้ครองจะรังหงูเวียงไชย | ก็จะกลับไปกรุงศรี |
อันองค์ลิขิตฤทธี | ให้เป็นที่อุปราชเวียงไชย |
แต่จะให้มณีจินดา | แก่สองพระลูกยาพิสมัย |
ฤทธาอานุภาพเกรียงไกร | จะได้ไว้ปราบหมู่ไภรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
ก้มเกล้ากราบทูลทันที | พระดำริดั่งนี้ดีนัก |
อันองค์ยุขันผู้น้อง | ควรครองไพร่ฟ้าอาณาจักร |
ด้วยได้ลำบากยากนัก | ปิ้มจักม้วยมอดมรณา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพนาถา |
ได้ฟังองค์อัครชายา | ปรีดาเป็นพ้นพันทวี |
จึ่งเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ออกมาพระโรงไชยศรี |
สถิตเหนือบัลลังก์รูจี | พร้อมหมู่มนตรีมาตยา |
สองพระโอรสราชสุริย์วงศ์ | ทั้งองค์ลิขิตขนิษฐา |
จึ่งมีมธุรสวาจา | แก่พระลูกยาทั้งสองไป |
บิตุรงค์นี้ชราภาพแล้ว | พ่อจะเษกลูกแก้วให้เป็นใหญ่ |
อันยุดาหวันชาญชัย | เจ้าก็ได้ไอศูรย์ศฤงคาร |
ในกรุงจะรังหงูพระนคร | ถาวรเป็นสุขกระเษมสานต์ |
พ่อจะให้อนุชาชัยชาญ | อยู่ครองสถานธานี |
อันลิขิตกุมาราราช | จะให้เป็นอุปราชในกรุงศรี |
บำรุงไพร่ฟ้าประชาชี | จะได้มีเกียรติยศชั่วกัลปา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันเฉิดโฉมเสนหา |
ถวายบังคมคัลวันทา | ทูลสนองบัญชาไปทันใด |
ซึ่งพระองค์ตรัสมาทั้งนี้ | พระคุณพ้นที่จะเปรียบได้ |
จะให้ลูกกลับคืนไปเวียงไชย | มีใจโสมนัสยินดี |
พระชนนีขององค์กัญจะหนา | จะโศกาเศร้าสร้อยหมองศรี |
เมื่อลูกจะมาจากธานี | ก็มีความอาวรณ์ร้อนใจ |
ด้วยไร้ญาติประยูรสุริย์วงศ์ | จำดำรงพิภพกรุงใหญ่ |
จะรํ่าลาบาทบงสุ์พระทรงไชย | กลับไปยังกรุงนครา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ทรงภพนาถา |
ได้ฟังโอรสทูลมา | พระจึ่งบัญชาตรัสไป |
เจ้าจะกลับคืนไปพระนคร | บิดรไม่ขัดอัชฌาศัย |
เสร็จการอนุชาจึ่งคลาไคล | ไม่ช้าสักสิบราตรี |
จึ่งมีพระราชบรรหาร | สั่งโหราจารย์ทั้งสี่ |
จงดูฤกษ์ผานาที | จะอภิเษกพระลูกยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โหรเฒ่ารับสั่งใส่เกศา |
จึ่งพิเคราะห์ดูไปในตำรา | ชั้นโชคเวลานาที |
เทียบทานในปูมประดิทิน | ขับไล่เสร็จสิ้นถ้วนถี่ |
พร้อมกันกราบเกล้าอัญชุลี | ทูลพระภูมีฉับพลัน |
ยังสามราตรีดีนัก | จะเษกพระลูกรักจอมขวัญ |
ปลอดห้วงอันตรายไภยัน | พระทรงธรรม์จงทราบบาทา ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวอุรังยิดนาถา |
ครั้นแจ้งแห่งคำโหรา | ยินดีปรีดาเป็นพ้นคิด |
แล้วพระจึ่งสั่งเสนี | ให้จัดแจงแต่งที่อันไพจิตร |
ประดับด้วยแก้วเก้าชวลิต | เรืองรองวิจิตรรจนา |
เครื่องสำหรับราชาภิเษก | เอกอัครองค์โอรสา |
ให้พร้อมทันฤกษ์ยามเวลา | อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ ฯ |
ฯ ยานี ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี |
ก้มเกล้ากราบงามสามที | จรลีออกจากพระโรงคัล |
หมายไปทุกกระทรวงซ้ายขวา | เร่งรัดตรวจตราขมีขมัน |
มิช้าก็พร้อมเพรียงกัน | ตามพระทรงธรรม์บัญชา |
บ้างก็มาแต่งปราสาทรูจี | ตั้งบายศรีแก้วทองทั้งซ้ายขวา |
สุจหนี่ปูลาดสะอาดตา | เพดานดาราพรายพรรณ |
อีกทั้งน้ำกลดน้ำสังข์ | ตั้งเป็นอันดับหลายหลั่น |
พราหมณ์ชีบีกูทั้งนั้น | ก็พร้อมกันเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพนาถา |
ครั้นจวนศุภฤกษ์เวลา | ให้พระลูกยาสรงวารี ฯ |
ฯ โทน ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทรงสวัสดิ์รัศมี |
จึ่งชวนลิขิตฤทธี | มาเข้าที่สนานกายา |
พระทรงมูรธาภิเษกสรง | ประจงกลิ่นคันธรสบุปผา |
ทรงสุคนธารทิพโอฬาร์ | สนับเพลารจนาพรายพรรณ |
ภูษิตวิจิตรยิ่งยง | ก้านกระหนกเครือหงอันเฉิดฉัน |
ชายแครงชายไหววิไลวรรณ | รัดพระองค์กุดั่นจินดาดี |
ทรงพระมหาสังวาลเพชรรัตน์ | แจ่มจำรัสทัดเทียมพระสุรีย์ศรี |
ตาบทิศวิจิตรรูจี | แสงมณีระยับพรรณราย |
พาหุรัดกาบเก็จเพชรคั่น | ทับทิมแนมแกมกันเฉิดฉาย |
ทองกรเป็นรูปมังกรกราย | งามดั่งพระนารายณ์อวตาร |
ธำมรงค์ร่วงรุ้งพลุ่งพล่าน | งามระยับจับแสงสุรีย์ฉาน |
มงกุฎเกศเพชรรัตน์ชัชวาล | กุณฑลธารห้อยพวงสุมาลี |
ครั้นเสร็จเสด็จไคลคลา | มาท้องพระโรงไชยศรี |
สองกระษัตริย์ถวายวันชุลี | ด้วยใจยินดีปรีดา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประโหมสุหรีเสนหา |
จึ่งให้สองชายา | สระสรงคงคาสำอางองค์ ฯ |
ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มแน่งน้อยนวลหง |
ทั้งองค์บุษหรีโฉมยง | ก็เข้าที่สรงกายา |
ชำระสรงสนานสำราญองค์ | ทรงสุคนธ์ธารทิพบุปผา |
ผัดผ่องละอองพักตรา | ดั่งจันทราหมดเมฆไม่ราคี |
ภูษาพื้นสุวรรณงามระยับ | สไบตาดสอดสรรพทับทิมศรี |
สร้อยสนสังวาลรูจี | ตาบมณีลวดลายรจนา |
ทองกรธำมรงค์รุ่งเรือง | แสงประเทืองจำรัสพระเวหา |
ทรงมงกุฎสำหรับพระธิดา | แล้วยาตรามาเฝ้าพระชนนี ฯ |
ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดเรืองศรี |
จึ่งพาสองโอรสจรลี | มายังที่มหาปราสาทไชย ฯ |
ฯ ฝรั่ง ๒ คำ ฯ
๏ องค์ประไหมสุหรีโฉมยง | ก็พาองค์สุณิสาศรีใส |
ไปยังพิมานอำไพ | พร้อมสนมนางในแน่นนันต์ |
อีกราชสุริย์วงศ์น้อยใหญ่ | ก็ตามไปพริบพร้อมเป็นหลั่นหลั่น |
ราชกูลขุนนางสิ้นทั้งนั้น | ชวนกันไปตามพระภูมี |
ครั้นถึงจึ่งให้พระลูกยา | สถิตแท่นรจนามณีศรี |
ฝ่ายใต้เศวตฉัตรรูจี | กับสองเทวีกัลยา |
นวลนางบุษหรีฝ่ายซ้าย | ประวะลิ่มโฉมฉายเป็นฝ่ายขวา |
อันองค์ลิขิตอนุชา | นั่งที่ฝ่ายหน้าอันดับไป |
องค์พระบิตุรงค์มารดร | สถิตแท่นบวรสุกใส |
อีกทั้งยุดาหวันชาญชัย | ทั้งสนมกรมในกัลยา |
ราชครูประโรหิตทั้งนั้น | นั่งเรียงเคียงกันแน่นหนา |
พราหมณ์ชีบีกูก็เข้ามา | ถวายอาเศียรพาททันที ฯ |
ฯ ลำลำ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฤกษ์ | โหราให้เบิกบายศรี |
จึ่งลั่นฆ้องชัยเภรี | ประดังเสียงดนตรีขึ้นพร้อมกัน |
จุดเทียนเวียนแว่นสิบเอ็ดรอบ | ชอบโชคจุณเจิมเฉลิมขวัญ |
โหราพฤฒามาตย์ทั้งนั้น | พร้อมกันอำนวยอวยชัย |
ให้พระเดชฟุ้งเฟื่องเรืองขจร | ทั่วทั้งพระนครน้อยใหญ่ |
ปราศจากคันอันตภัย | ให้ศัตรูบรรลัยด้วยฤทธี ฯ |
ฯ มโหรี ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บิตุรงค์ทรงภพเรืองศรี |
จึ่งประทานมณีจินดาดี | แก่สองศรีราชบุตรา |
ดวงหนึ่งนั้นให้ยุขัน | แก้วยุดาหวันเชษฐา |
อวยชัยให้พรนานา | จงรุ่งเรืองฤทธาปรากฏไป |
ทั้งสี่องค์จงจำเริญสวัสดี | พิพัฒน์สมบูรณ์แจ่มใส |
ให้เรืองเดชทุกประเทศกรุงไกร | อย่ามีผู้ใดต้านทาน |
แล้วมอบเวนไอศูรย์สมบัติ | สารพัดเวียงวังคลังสถาน |
ทั้งเสนามนตรีบริวาร | โปรดประทานให้องค์พระลูกยา |
พร้อมทั้งรถรัถหัตถี | กุญชรพาชีตัวกล้า |
ทั้งเหล่าทหารชาญศักดา | พระราชามอบเสร็จสำเร็จการ ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรียอดสงสาร |
จึ่งมอบเวนแสนสาวบริการ | แก่สองนงคราญลูกรัก |
ทั้งสามองค์จงเสวยสวรรยา | บำรุงไพร่ฟ้าอาณาจักร |
จงจำเริญสวัสดีมีศักดิ์ | เป็นหลักในพื้นพสุธา |
ปราศจากอันตรายภัยเภท | เรืองเดชปราบได้ทุกทิศา |
อันเหล่าศัตรูหมู่พารา | ให้อัปราพ่ายแพ้ฤทธิไกร |
ครั้นเสร็จสมโภชพระลูกยา | พระบิตุรงค์มารดาให้เป็นใหญ่ |
เสด็จยังมหาปราสาทไชย | ต่างองค์ต่างไปพิมานจันทร์ ฯ |
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงนามยุดาหวัน |
สถิตเหนือปรางค์รัตน์สุวรรณ | พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน |
คิดถึงพระนิเวศเขตขัณฑ์ | ไม่มีใครป้องกันกรุงใหญ่ |
เกลือกจักมีเหตุเภทภัย | จะกลับไปยังราชธานี |
คิดแล้วจึ่งมีวาจา | แก่พระอนุชาเรืองศรี |
น้องรักผู้ร่วมชีวี | แต่พี่มาจากพระเวียงไชย |
ช้านานประมาณได้หลายเดือน | มิได้เยี่ยมเยือนกรุงใหญ่ |
พี่ยาจะลากลับไป | ยังพิไชยจะรังหงูพารา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันได้ฟังพระเชษฐา |
ให้สลดรันทดวิญญาณ์ | จึ่งตอบวาจาไปทันที |
พระเชษฐาเสด็จคลาไคล | กลับไปยังราชกรุงศรี |
บำรุงไพร่ฟ้าประชาชี | น้องตรึกคดีเห็นควรนัก |
ด้วยกรุงพิไชยจะรังหงู | ไม่มีผู้ครอบครองอาณาจักร |
น้องคิดว่าจะพานงลักษณ์ | กับพระลูกกลับไคลคลา |
ไปถวายประณตบทบาท | พระจอมราชอุเรเซนนาถา |
ไม่ช้าจะกลับมาพารา | พระเชษฐาจงไปธานี |
ด้วยว่าพระราชมารดา | ก็ทรงพระชราอยู่กรุงศรี |
เกลือกว่าโรคาจะยายี | พระพี่จะได้พยาบาล ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันสุริย์วงศ์ห้าวหาญ |
ฟังพระอนุชาชัยชาญ | ภูบาลเห็นต้องทำนองใน |
จึ่งว่าพระศรีอนุชา | จะพาองค์กัลยากรุงใหญ่ |
พี่จะพักอยู่ท่าดวงใจ | ไปอย่าช้านักจงกลับมา |
ว่าแล้วต่างองค์จรจรัล | ไปปราสาทสุวรรณเลขา |
ยับยั้งอยู่หลายเดือนมา | ในพาราอุรังยิดธานี ฯ |
ฯ ช้า ๖ คำ ฯ