๑๗

๏ ครั้นเอยครั้นรุ่ง พวยพุ่งรุ่งแรงแสงสี
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี เข้าที่สนานสำราญกาย ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ สอดใส่สนับเพลาเชิงงอน เห็นงามบวรเฉิดฉาย
เฉิดฉินภูษิตพิศพราย พิศเพริศเลิศลายบรรจง
กรรเจียกฉลององค์เครือคด เครือคาบเลี้ยวลดกระหนกหง
กระหนกหันสายกุดั่นรัดองค์ รัดเอวเยียรยงมณีแนม
มณีนิลตาบทิศเด่นดวง เด่นดอกทับทรวงงามแอร่ม
งามอร่ามเรืองรับประดับแกม สลับกันวาวแววทองกร
ทองกาบธำมรงค์ร่วงรุ้ง รองรายพรายพุ่งประภัสสร
ประภัสแสงมงกุฎขจายจร ขจายจับทินกรเฟื่องฟ้า
เฟื่องฟุ้งกลิ่นอุบะตันหยง ทรงกฤชฤทธิรงค์แกล้วกล้า
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาดคลา มายังเกยแก้วแววไว
พระเสด็จทรงราชรัถา พรั่งพร้อมโยธาแน่นไสว
ฆ้องกลองก้องสนั่นทั้งเวียงไชย ให้เคลื่อนพิชัยราชรถ ฯ

ฯ บาทสกุณี ๑๒ คำ ฯ

๏ รถเอยราชรถเพชร ทับทิมแกมแนมเก็จมุกดาหมด
แสงแจ่มศรีจับสลับรถ ตระการแก้วแวววาววิเชียรพราย
เรียงสัตว์รูปสิงห์สะพรั่งพักตร์ แอ่นงอนอ่อนจำรัสเฉิดฉาย
ตาอ้อยร้อยแอบกระจังราย กระหนกธงสะบัดปลิวงาม
กงกำแปรกแก้วประกับแกม ชวลิตรุ่งแจ่มแววอร่าม
ช่อห้อยช้อยระหงบรรจงงาม สามยอดสอดเยี่ยมทินกร
เครื่องสูงงามไสวใสสว่าง แลกระจ่างเลื่อมลายประภัสสร
ปี่หองกลองแห่บทจร เร่งรีบพลากรคลาไคล ฯ

ฯ เชิด ๘ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง ยังด่านบูรีเป็นใหญ่
จึ่งให้หยุดพลสกลไกร ด้วยที่จะได้รบราน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันฤทธิไกรใจหาญ
เสด็จออกพลับพลาโอฬาฬาร ปรึกษากิจการไพรี
จัตุรงค์ยอบกายถวายกร ทูลสลอนจะขอจับปะรังศรี
พอได้ยินเสียงโยธี สะเทือนธรณีไตรภพ
แจ้งว่าท้าวปะรังยกมา โยธาลั่นเลื่อนเกลื่อนกลบ
ตรัสสั่งเสนาด้วยปรารภ เตรียมครบพยุหสาตรา
เราจะยกออกไปต่อตี กับท้าวปะรังศรีริษยา
เหล่าแขกเข้มแข็งแรงรา ให้ออกอาสาฆ่าฟัน ฯ

ฯ ยานี ๘ คำ ฯ

๏ ได้เอยได้ฟัง เสนารับสั่งแล้วผายผัน
จัดแจงแต่งตามกระบวนพลัน บุกบั่นไม่ท้อต่อตี
ม้าทวนล้วนคล่องว่องไว ลุยไล่ใหญ่น้อยไม่ถอยหนี
เห็นเหี้ยมเตรียมตนจะรันตี ขึ้นขี่ม้าเบียดเยียดยัด
โล่หลาวธนูดาบดั้ง ขึงขังเข้มแข็งแกล้งหัด
เตรียมรถเรืองศรีมณีรัตน์ สำหรับองค์จักรพรรดิชัยชาญ
ม้ารถพาชีเทียบสรรพ เสนาก็กลับมาทูลสาร
เตรียมจบครบสิ้นทุกประการ ภูบาลจงทราบพระทัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันได้ฟังก็ผ่องใส
จึ่งยุรยาตรคลาไคล ไปเข้าที่สรงพระคงคา ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ สรงสุธารสตระการกลิ่น รวยรินเฟื่องฟุ้งด้วยบุปผา
แล้วทรงสนับเพลาเพราตา ภูษาพื้นทองยองใย
ฉลององค์ทรงสวมเกราะแก้ว วาวแววระยับจับแสงใส
สอดใส่สังวาลตระการใจ ทองกรวิไลพาหุรัด
ธำมรงค์เรืองงามอร่ามพลอย เจ็ดยอดดั่งจะย้อยจากหัตถ์
ทรงชฎาพริ้งพรายรีบไรรัตน์ หัตถ์จับพระแสงศรไปรถทรง ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เสด็จขึ้นทรงรถให้เร่งยก เทียมด้วยพลาหกระเหิดหง
ผงกผงาดเงยหน้าวราทรง ดั่งภุชงค์ชูเศียรชลาลัย
หมายมาดองอาจเผ่นโผน ก้องโกญจนาทหวาดไหว
ดั่งไกรสรพารถอโณทัย ลอยไปด้วยฤทธีกำลัง
โยธาแห่แหนแน่นอัด เป็นขนัดกันมาหน้าหลัง
รถแล้วด้วยแก้วเป็นกระจัง เทพนั่งประณมชูกร
ทับทิมทำเอกโอภา เป็นรูปนาคาชูหงอน
เนาวรัตน์รับรองอันบวร มังกรเกี่ยวแก้วแกมเครือ
ครุฑอัดยืนหยัดสัประยุทธ์ ภุชงค์ฉุดชูสุบรรณฟั่นเฝือ
กระจกเป็นกระจังใจเจือ กระหนกเหนือบัลลังก์แลลาน
ดุมล้อแลเลื่อมรูจี รัศมีจับแสงสุริย์ฉาน
โห่ร้องก้องไปในดงดาน มินานถึงที่สนามรบ ฯ

ฯ เชิด ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ปะรังศรีได้ยินก็แจ้งจบ
เสียงสนั่นลั่นก้องแผ่นภพ เมฆหมอกมืดกลบกลัดไป
อันองค์ยุขันกุมาร ฤทธิ์เดชเชี่ยวชาญเป็นไฉน
ดั่งองค์ทรงสวัสดิ์หัสนัยน์ ท้าวไทตริตรึกนึกประจญ
จึ่งคิดขึ้นได้ทันที แก้วของกูนี้ได้เหาะหน
พอเหลือบแลไปเห็นภูวดล ทรงฤทธิ์งามพิกลดั่งดารา
ทรงโฉมประเสริฐเพริศพริ้ง เย่อหยิ่งกระไรหนักหนา
ชะโงกเยี่ยมที่รถรัถยา ราชาจึ่งสั่งไปทันที
ให้เลื่อนราชรถบทจร พาพลนิกรชัยศรี
ให้ใกล้ยุขันธิบดี กูจะออกฤทธีกล่าวความ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันลือฤทธิ์ชาญสนาม
เห็นท้าวปะรังไม่ครั่นคร้าม เป็นบ้าสงครามตามมา
ให้เร่งรถแก้วแพรวพราย บุกบั่นเข้าไปประจัญหน้า
ร้องตรัสถามไปมิได้ช้า พระราชาเสด็จออกมาไย
ข้าเห็นเหนื่อยพักตร์หนักหนา เหื่อไหลโซมหน้าไม่ผ่องใส
ประสงค์จำนงสิ่งใด หรือเอานกมาไหว้ถวายเรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ได้เอยได้ฟัง ท้าวปะรังได้ฟังทางเยาะเย้า
แล้วจึ่งกล่าวคำเป็นลำเนา ตามเค้าข้อความแต่หลังมา
อันเรายกพลมาครั้งนี้ จะต่อตีด้วยจิตริษยา
องอาจให้ราชสารา หยาบช้าว่าให้ส่งสกุณี
แล้วว่าใจความเป็นข้อใหญ่ ให้เราถวายทั้งกรุงศรี
แม้นเรามิง้อจะต่อตี บุษหรีบูรีจะเป็นอรธาน
ท่านนี้ดูหมิ่นเรานักหนา มิหนำซ้ำฆ่าเหล่าทหาร
สุปิหลันอันปรีชาชาญ เป็นยอดทหารบูรีเรา
สังหารผลาญชีพให้ดับจิต จะคิดสักนิดเป็นไรเล่า
ทำทะนงลบลู่ดูเบา ไหนเจ้าจะได้คืนไปเวียงไชย
ไม่รู้หรือว่าพระกาฬ ห้าวหาญเหาะเหินดำเนินได้
ทั่วทุกนคเรศประเทศใด ยกมาเท่าไรไม่คณนา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ตะหลาหรันทหารทำตกใจ ตำมะหงงไยไพแล้วให้หน้า
ทั้งสามเย้ยหยันจำนรรจา อยู่ริมรัถาพระทรงธรรม์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ยุขันแย้มสรวลสำรวลพลาง ทางตรัสประภาษสรวลสันต์
ดูราท้าวปะรังทรงธรรม์ จริงอยู่สารนั้นเราให้ไป
ใจความให้ส่งหัสรัง ทำไมจึ่งไม่ส่งให้
ข้อหนึ่งแม้นขึงดึงไป ไม่ให้ดั่งราชสารตรา
หรือว่าท่านมาวันนี้ จะถวายบูรีก็ให้ว่า
ข้อซึ่งสุปิหลันมรณา อหังการ์มิได้รอรั้ง
กลับว่าเราทำย่ำยี ออกมาต่อตีอีกกระมัง
อวดว่าตัวดีมีกำลัง เป็นไรจึ่งพลั้งวอดวาย
ยังตัวท่านมาอวดว่าเหาะเหิน ฉุกเฉินเมื่อปลายจะฉิบหาย
เรานี้ดั่งองค์พระนารายณ์ เพริศพรายว่ายฟ้าลงมาดิน
ประสงค์อาสาพระบิตุเรศ เหตุด้วยหัสรังษิน
ผู้ใดมิได้มาดูหมิ่น ข้ามสายชลสินธุ์ตลอดมา
ตัวท่านเป็นโจรปล้นวิ่ง ช่วงชิงหัสรังปักษา
เราไม่ทันรู้กายา หาไม่จะม้วยชีวี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ได้เอยได้ฟัง ท้าวปะรังตอบไปถ้วนถี่
แต่ล้วนไม่ชั่วอวดตัวดี เจ้าอย่าพาทีอาจอง
หากว่าเราคิดถึงบิดา ชีวาจึ่งไม่ม้วยเป็นผุยผง
ให้พวกเสนานั้นไปส่ง ถึงดงทุเรศฝั่งน้ำ
มาตรแม้นดีมาจะดีต่อ แม้นมิงอนง้อก็พอปล้ำ
รี้พลจะป่นลงเป็นตำ เพราะทำให้เราอัประมาณ
จงเร่งอภิวาทวันทา จอมจักรพัตรามหาศาล
ทุกประเทศมาประณมกราบกราน เกียรติยศฟุ้งซ่านลือขจร
ยังแต่ตัวเจ้าเหมือนลูกชาย จงน้อมเศียรถวายบังคมกร
ด้วยเราทรงฤทธีรานรอน ยอกรอยู่สิ้นทุกพารา
นกนั้นฆ่าเสียทำฤทธี ได้ดวงมณีในเกศา
ทรงฤทธิ์เหาะเหินดำเนินฟ้า อนิจจายุขันไม่เข้าใจ
ว่าแล้วคายแก้วออกให้ดู ยุขันยังรู้หรือหาไม่
อวดอ้างที่กลางสนามไชย เห็นแล้วหรือไม่กุมารา ฯ

ฯ ร่าย ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันแย้มสรวลสำรวลว่า
นี้หรือแก้วดีมีฤทธา เหมือนแก้วยอดชฎาเราหายไป
ของเราก็มีเหมือนกัน แข็งขันเดินบนเวหาได้
คายแก้วใส่ฝ่าพระหัตถ์ไว้ ว่าไปกับท้าวปะรังพลัน
จงเร่งแลดูดวงมณี ของเราก็มีเฉิดฉัน
มาเราจะลองฤทธิ์กัน ต่อหน้าพลขันธ์บัดนี้
แม้นท่านเหาะเหินดำเนินได้ เราไซร้จะประณตบทศรี
ท่ามกลางพหลมนตรี แล้วจะกรีธาทัพกลับไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองทหารชำนาญศึกใหญ่
บังเลื่อมกายาอาชาไนย ทั้งตัวหายไปทันที
ชักม้าวู่วามเข้าลามลวน ตำมะหงงแย้มสรวลเอาทวนจี้
ตะหลาหรันรันลงได้สองที ปะรังศรีเหลียวคว้างไม่เห็นใคร
ตะหลาหรันชักม้าขยับทวน รำเย้ยแล้วสวนเข้ามาใหม่
ทำเยี่ยมผงกให้ตกใจ เอะใครทำไมให้หลากนัก
มาทิ่มจี้กูได้เป็นหลายหน ไม่เห็นผู้เห็นคนมาประจักษ์
ฝ่ายองค์ยุขันทรงลักษณ์ ร้องทักไถ่ถามไปทันที
ท่านท้าวนั่งอยู่บนรถไชย เหลียวคว้างหาใครเมื่อตะกี้
หรือใครออกมาแต่ธานี มเหสีกระมังหรือธิดา
หรือคิดสะดุ้งด้วยสงคราม มิต่อตีก็ตามเราไม่ว่า
กริ่งใจจงถวายพารา หรือจะให้ธิดาก็ตามที
แม้นว่ามิยอมพร้อมใจ เราไซร้จักรพรรดิเรืองศรี
เหาะได้ด้วยดวงมณี ปะรังศรีมาแข่งฤทธิไกร ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้ากรุงอุรังฆารเป็นใหญ่
ได้ฟังยุขันชาญชัย ชื่นชมพระทัยเป็นพ้นคิด
ทีนี้สมความปรารถนา มันจะม้วยมรณาดับจิต
ไม่รู้ว่ากูเรืองฤทธิ์ จึ่งคิดอาจองทะนงนัก
คิดแล้วจึ่งมีวาจา ว่าแก่ยุขันทรงศักดิ์
อย่าอวดฤทธิไกรให้เกินพักตร์ ทีนี้เราจักได้เห็นกัน
ตัวเจ้ายังเยาว์ดรุณราช อาจหาญเข้ามาถึงเขตขัณฑ์
เจ้าเหาะไปก่อนเป็นสำคัญ จึ่งจะเห็นแม่นมั่นเหมือนสัญญา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฤทธิ์ทุกทิศา
ได้ฟังท้าวปะรังตอบมา ผ่านฟ้ากระเษมเปรมใจ
แล้วมีวาจาประภาษ แก่หมู่อำมาตย์น้อยใหญ่
จงเป็นที่พยานกันไว้ เราจะเหาะให้เห็นฤทธา
ว่าแล้วเอาดวงวิเชียรรัตน์ ชูขึ้นเหนือหัตถ์เบื้องขวา
เหาะทะยานผ่านขึ้นเมฆา ด้วยฤทธีจินดาสกุณี ฯ

ฯ เชิด ฯ

๏ เลื่อนลอยอยู่บนนภากาศ โอภาสจำรัสรัศมี
ดั่งองค์ท้าวอมรินทร์บดี จรลีจากรัตน์พิมานมา
แล้วจึ่งกล่าวสิงหนาทวาที แก่ท้าวปะรังศรีนาถา
ซึ่งท่านอวดว่ามีฤทธา เหาะตามเรามาจงฉับไว
จึ่งจะเห็นประจักษ์ว่าศักดา ชีวาจะไม่ม้วยตักษัย
หรือว่าไม่มีฤทธิไกร ท้าวไทจงเร่งอัญชุลี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวปะรังเรืองศรี
ได้ฟังวาจาพระภูมี โกรธคืออัคคีประลัยกัลป์
กูก็มีศักดาอานุภาพ ปราบได้ทุกประเทศเขตขัณฑ์
ฤทธีย่อมมีเหมือนกัน จะสาอะไรนั่นกับเท่านี้
คิดแล้วชูดวงจินดา คิดว่ามีเดชเรืองศรี
จะทะยานผ่านเหาะด้วยฤทธี ภูมีโลดโผนอยู่บนรถ
ไม่เหมือนจินตนาของท้าวไท จิตใจระย่อท้อทด
อันเดชศักดาวรายศ เสื่อมคลายหายหมดไม่มีฤทธิ์
ท้าวเร่งมหัศอัศจรรย์ หวาดหวั่นครั่นคร้ามขามจิต
ตัวกูครั้งนี้จะม้วยมิด ด้วยฤทธิ์ยุขันชาญชัย ฯ

ฯ เย้ย ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
จึ่งมีพจนารถไปทันใด เยาะเย้ยไยไพหยาบคาย
ดูก่อนท่านท้าวคนงม เซ่อซมหน้าเฝื่อนไม่เหมือนหมาย
ตั้งตนอวดฤทธิ์ไม่คิดอาย เป็นชายเหมือนกันอย่าดูเบา
แม้นเราชั่วช้าจะมาไย ถึงในแดนนิเวศเขตเขา
ท่านเป็นผู้ใหญ่ซิงมเงา โง่เปล่าอวดว่ามีฤทธา
แก้วเราท้าวอมไว้ในโอษฐ์ เฉาโฉดกระไรเป็นหนักหนา
หลับอยู่บนแท่นไสยา เราเข้าไปหาถึงห้องใน
จึ่งล้วงเอาดวงมณีมา ราชาจะรู้ก็หาไม่
เอาแก้วไม่มีฤทธิไกร ใส่โอษฐ์ท้าวไว้แล้วออกมา
หมายว่าจะล้างชีวิต แล้วคิดเอ็นดูเป็นหนักหนา
ยังแค่นจะต่อฤทธา อันจะพ้นมรณานั้นไม่มี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ว่าแล้วลงจากอากาศ องอาจดั่งไกรสรศรี
ท่านอวดว่ามีฤทธี ไม่อายฝูงผีที่ในไพร
เหาะเหินเดินฟ้าว่ากล้าฤทธิ์ จะเห็นจริงสักนิดก็หาไม่
จะเอาหน้าไปไว้ที่แห่งใด จงเงยพักตร์ขึ้นไหว้เราเถิดรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ได้เอยได้ฟัง ท้าวปะรังดั่งจะสิ้นสังขาร์
พระพักตร์ดำดั่งนํ้าหมึกทา ราชาไม่เป็นสมประดี
อัปยศอดอายในกลางสนาม มีความเศร้าสร้อยหมองศรี
เสียแรงกูเรืองฤทธี เสื่อมสูญดังนี้เสียน้ำใจ
อนิจจาอกเอ๋ยน่าอดสู จะรู้สึกสักนิดก็หาไม่
ชั่วโฉดช่างโหดเบาใจ นิทรากระไรไม่ตื่นตน
จนเขาเข้าล้วงเอาดวงมณี มิได้แจ้งเหตุเภทผล
ยุขันนี้เลิศเหลือคน เวทมนตร์ประสิทธิ์ฤทธิ์จังงัง
ชายใดอย่าได้ดูเยี่ยงเรา ดีแล้วช่างเขลาประมาทหลัง
มณีอมไว้ไม่ระวัง ดั่งนี้หรือนับว่าตนเป็นคนดี
เป็นชายอย่าเพ่อมาหมิ่นชาย หมายตัวว่าเลิศประเสริฐศรี
ท้าวปะรังอับอายแก่เสนี อันแก้วดวงนี้จะไว้ไย
ปาทิ้งลงมาตรงหน้ารถ พระทัยรันทดละห้อยไห้
เหมือนเขาลักล้วงเอาดวงใจ ไปได้ไหนกูจะคืนคง
จำเป็นจำตอบพจนารถ ดูรายุขันสูงส่ง
เรามิได้ผูกมัดรัดองค์ ทิ้งลงคงคาชลาลัย
ความจริงสิ่งนี้เป็นมั่นคง เราให้ไปส่งถึงทางใหญ่
หากว่าเสนามันนอกใจ อย่าใส่ไคล้มุสาพาที
มาตรแม้นจะม้วยชีวงคต เราก็ไม่ประณตบทศรี
ท่านอย่าหยาบช้าพาที เรานี้ไม่กลัวมรณา
เจ้าเป็นคนคุมสดมภ์เมือง ลักแก้วรุ่งเรืองเป็นโจรป่า
อย่าทำเย่อหยิ่งอวดฤทธา ตามแต่เวราจะเป็นไป
เสียศรีมิให้เสียศักดิ์ เป็นกระษัตริย์แก้วหารักชีวิตไม่
ถึงว่าเขาพระสุเมรุไกร เพลิงกาฬลามไหม้ก็เหมือนกัน
เราจะขอกลับเข้าไปบูรี สั่งพระมเหสีบุตรขวัญ
เสนีเสนาข้าขอบขัณฑ์ สามวันเราจึ่งจะกลับมา ฯ

ฯ ร่าย ๒๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันตอบไปด้วยหรรษา
ท้าวไทจะไปพารา ให้คงสัจจาสัญญากัน
ตัวเราจะกลับทัพไชย ถึงนัดเมื่อไรจะผายผัน
ว่าพลางต่างองค์จรจรัล บ่ายหน้าพลขันธ์กลับไป ฯ

ฯ กราว ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ