๓
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์ยุดาหวันศรีใส |
แรมรอนนอนป่าพนาลัย | ก็ได้หลายราษราตรี |
มิได้วายโศกโศกา | ถึงพระอนุชาเรืองศรี |
จนเข้าแดนจะรังหงูบูรี | ภูมีทอดทัศนาไป |
เห็นปราการตระหง่านงามสะอาด | ดั่งเอาหิรัญลาดยาวใหญ่ |
เชิงเทินสะอ้านทวายไชย | งามวิไลเพลิดเพลินเป็นขวัญตา |
ป้อมบันไดค่ายคูหอรบ | บรรจบครบเพริศพริ้งงามสง่า |
แล้วแลเห็นบรรณศาลา | พระยินดีปรีดาเป็นพ้นคิด |
จึ่งเสด็จยุรยาตรเข้าสำนัก | หยุดพักแต่พอสบายจิต |
เอนองค์ลงประทับนิ่งพินิจ | ทรงฤทธิ์เคลิ้มจิตนิทรา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดเอยบัดนั้น | โหราพราหมณ์ชีพร้อมหน้า |
ซึ่งตามราชรถไคลคลา | สินธพอาชาพาไป |
ตามแถวแนวริมรัถยา | เวียนรอบนครากรุงใหญ่ |
ครั้นมาถึงศาลาลัย | รถไชยตรงเข้าไปทันที |
เกยพระบาทบาทา | องค์ยุดาหวันโฉมศรี |
โหราพฤฒามาตย์พราหมณ์ชี | ให้ประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน ฯ |
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงนามยุดาหวัน |
สดับเสียงดนตรีนี่นัน | จึ่งผันฟื้นตื่นจากนิทรา |
แลเห็นโหราพฤฒามาตย์ | เดียรดาษทั้งราชรัถา |
มาประทับเกยกับบาทา | พระราชาฉงนสนเท่ห์ใจ |
จึ่งปราศรัยไถ่ถามเสนา | ท่านมาทั้งนี้จะไปไหน |
ฤๅเที่ยวประพาสพนาลัย | ไยไม่เห็นองค์กษัตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีพราหมณ์ชีพร้อมหน้า |
พากันกราบลงแทบบาทา | แล้วทูลกิจจาทั้งปวงไป |
ด้วยเจ้าพาราสวรรคต | พระราชโอรสนั้นหาไม่ |
มีแต่พระธิดายาใจ | ไม่มีผู้ใดครองพารา |
จึ่งเสี่ยงพิไชยราชรถทรง | มาพบองค์บรมนาถา |
ขอเชิญเสด็จพระผ่านฟ้า | ครองไอศวรรยาราชัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันยิ้มแย้มแจ่มใส |
พระจึ่งดำรัสตรัสไป | แก่เสนาในบรรดามา |
เรามีธุระใหญ่หลวง | เป็นห่วงด้วยราชปักษา |
พระบิตุรงค์ทรงไชยใช้มา | ให้ไปพาราอุเรเซน |
เจ็ดเดือนเจ็ดวันทั้งวันนี้ | ลำบากอินทรีย์แสนเข็ญ |
เสวยแต่ผลไม้ทุกเช้าเย็น | มิได้เห็นถิ่นฐานบ้านเมือง |
ทั้งพรัดกับองค์อนุชา | แสนโศกโศกาไม่ปลดเปลื้อง |
จะรับเราเข้าไปบูรีเรือง | ยังขุ่นเคืองเร่าร้อนอาวรณ์ใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนามาตยาน้อยใหญ่ |
ก้มเกล้ากราบทูลไปทันใด | พระองค์จงได้เมตตา |
แก่อาณาประชาราษฎร | ได้ความเดือดร้อนถ้วนหน้า |
พระองค์ทรงนครา | ประยูรวงศ์พงศาก็ไม่มี |
ยังแต่พระอัครชายา | กับราชธิดาโฉมศรี |
เคยสนองครองบาทพระภูมี | จึ่งดลจิตพาชีให้ตรงมา |
ขอเชิญพระองค์ทรงเดช | เข้าไปปกเกศเกศา |
จะได้ยกจัตุรงค์โยธา | ตามพระอนุชาชาญชัย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันรัศมีศรีใส |
ได้ฟังมหาเสนาใน | สมดั่งพระทัยจินดา |
จึ่งเยื้อนมธุรสวาที | รับคำเสนีพร้อมหน้า |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องไคลคลา | ขึ้นมหาราชรถทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาธิบดีน้อยใหญ่ |
ครั้นเสด็จขึ้นทรงรถไชย | ให้ประโคมดุริยางค์ดนตรี |
ปีพาทย์ฆ้องกลองแตรสังข์ | ประดังสรรพสำเนียงอึงมี่ |
จึ่งเคลื่อนจัตุรงค์โยธี | คืนเข้าบูรีทันใด ฯ |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงพระโรงรูจี | ประทับเกยมณีศรีใส |
จึ่งทูลเชิญพระองค์ทรงไชย | เข้าในพระโรงรัตน์มณี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้รุ่งรัศมี |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี | ยังที่พระโรงรจนา ฯ |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ สถิตนั่งเหนืออาสน์บรรจง | อลงกตด้วยมณีมีค่า |
เสนาเกลื่อนกลาดดาษดา | คับคั่งยังหน้าพระโรงไชย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่ |
เข้าไปยังปราสาททันใด | ทูลประไหมสุหรีโสภา |
ซึ่งเสี่ยงพิไชยรถทรง | พบองค์พระผู้ปิ่นนาถา |
บรรทมอยู่ยังบรรณศาลา | เชิญเสด็จเข้ามาพระโรงไชย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
ได้ฟังมหาเสนาใน | ชื่นชมภิรมย์ใจกัลยา |
นางจึ่งเสด็จยุรยาตร | ลงจากปราสาทเลขา |
แสนสาวกำนัลตามมา | ถึงพระโรงรจนาทันที ฯ |
ฯ เพลง ๔ คำ ฯ
๏ เสด็จนั่งเหนือแท่นทิพรัตน์ | ไพบูลย์พูนสวัสดิ์แจ่มศรี |
จึ่งปราศรัยยุดาหวันทันที | เจ้านี้เชื้อวงศ์พงศ์ใคร |
เหตุไรมาอยู่ที่ศาลา | มีธุระกิจจาจะไปไหน |
ฤๅเสียบูรีเวียงไชย | จึ่งสัญจรมาในพารา ฯ |
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันเฉิดโฉมเสนหา |
จึ่งก้มเกล้าถวายวันทา | ทูลสนองวาจานางเทวี |
พระบิดาข้าผ่านโภไคย | กรุงไกรอุรังยิดเรืองศรี |
มีพระทัยจำนงสกุณี | ข้านี้จึ่งรับอาสามา |
กับพระอนุชาวิลาวัณย์ | ทรงนามยุขันเสนหา |
มาถึงกึ่งกลางพนาวา | มรคาต้องแยกกันไป |
ข้าจึ่งสัญจรดอนดง | หลงเข้ามาในกรุงใหญ่ |
ครั้นเห็นบรรณศาลาลัย | จึ่งเข้าอาศัยนิทรา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีเสนหา |
ได้ฟังยุดาหวันทูลมา | นางโสมนัสาพันทวี |
ด้วยหน่อเนื้อเชื้อวงศ์พงศ์กระษัตริย์ | ควรครองสมบัติในกรุงศรี |
คิดแล้วจึ่งกล่าววาที | แม่นี้ไร้ราชบุตรา |
ไม่มีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | จะครอบครองเขตขัณฑ์ไปภายหน้า |
มีแต่พระราชธิดา | จึ่งเสี่ยงรัถาให้คลาไคล |
เป็นบุพเพนิวาสทั้งสองรา | จึ่งพบพระลูกยาพิสมัย |
แม่จะให้เจ้าครองราชัย | สืบสุริย์วงศ์ไปในพารา |
แล้วนางจึ่งมีเสาวนีย์ | แก่หมู่มนตรีซ้ายขวา |
จะอภิเษกทั้งสองพระลูกยา | ตรวจตราเร่งรัดฉับไว |
อีกทั้งโรงราชพิธี | สำหรับที่จะตั้งการใหญ่ |
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งนั้นไซร้ | จัดแจงแต่งไว้ให้ครบการ ฯ |
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาผู้ใหญ่ใจหาญ |
รับสั่งแล้วก้มกราบกราน | คลานออกท้องพระโรงไชย |
ให้เร่งรัดจัดโรงพิธี | ก็ครบที่ตามตำแหน่งน้อยใหญ่ |
ครั้นแล้วเสร็จสรรพฉับไว | เข้าไปกราบทูลนางเทวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมารดาโฉมศรี |
จึ่งสั่งโหราธิบดี | ให้หาฤกษ์พิธีแต่งการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โหราผู้ใหญ่ใจหาญ |
รับพระเสาวนีย์นงคราญ | จึ่งคูณหารไปตามตำรา |
แล้วกราบทูลองค์นางเทวี | พรุ่งนี้ฤกษ์ดีเป็นหนักหนา |
ได้ทั้งศุภวารเวลา | จงทราบบาทานางเทวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี |
ได้ฟังโหราธิบดี | นางเสด็จจรลีเข้ามา |
ครั้นถึงปรางค์รัตน์มณี | องค์พระบุตรีเสนหา |
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงกัลยา | ให้แต่งองค์พระธิดาทรามวัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงพระบุตรีศรีใส |
รับพระเสาวนีย์อรไท | มาแต่งองค์ทรามวัยพระธิดา ฯ |
ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ
๏ บ้างเข้าชำระสระสรง | ผัดผ่องนวลผจงโอ่อ่า |
ให้ทรงภูษิตรจนา | สไบตาดโสภาใยยอง |
ลางนางเข้าสอดสังวาลวรรณ | พาหุรัดกุดั่นกุก่อง |
ทองกรกาบเกี้ยวกระหนกกรอง | แสงประเทืองเรืองรองธำมรงค์ |
แล้วทรงมงกุฎรูจี | ทรงศรีเลิศลักษณ์นวลหง |
กุณฑลแก้วแพรวพรรณบรรจง | กรรเจียกบรรจงอลงการ์ |
ครั้นเสร็จแล้วองค์พระชนนี | ให้พระบุตรีเสนหา |
ทรงสีวิการจนา | ประทับท่าอยู่ที่ข้างใน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่ |
ทูลเชิญองค์พระภูวไนย | ให้ชำระสระสรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี |
ได้ฟังเสนาธิบดี | เสด็จเข้าที่สรงวาริน ฯ |
ฯ โทน ๒ คำ ฯ
๏ พระทรงมูรธาภิเษกสนาน | สุคนธ์ธารเฟื่องฟุ้งจรุงกลิ่น |
สนับเพลาเป็นรูปนาคินทร์ | ภูษาพื้นนิลใยยอง |
รัดพระองค์เลื่อมลายชายไหว | ละไมด้วยชายแครงแสงส่อง |
ฉลององค์ยงยิ่งเครือกรอง | สร้อยสนกุก่องสังวาลวรรณ |
ทับทรวงเรืองรุ่งไพจิตร | ตาบทิศเพริศแพร้วแก้วกุดั่น |
ทองกรพาหุรัดพรายพรรณ | บรรจงธำมรงค์อลงการ์ |
ทรงมงกุฎเพชรเก็จกาบ | แสงระยาบระยับจับเวหา |
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | มาทรงยานุมาศทอง |
อันสีวิกาพระธิดา | ก็เรียบเรียงกันมาเป็นแถวถ่อง |
จึ่งให้เคลื่อนจัตุรงค์เนืองนอง | คับคั่งทั้งท้องสนามไชย ฯ |
ฯ กลองโยน ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
ทั้งนางนักสนมกรมใน | ก็ไปยังโรงราชพิธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี |
ครั้นถึงพระโรงอันรูจี | ประทับเกยมณีฉับพลัน |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องไคลคลา | กับองค์พระธิดาสาวสวรรค์ |
ขึ้นยังแท่นทิพสุวรรณ | บังคมคัลสมเด็จพระมารดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พราหมณ์ชีบีกูกระมาหนา |
ครั้นได้ศุภวารเวลา | ถวายอาเศียรพาทด้วยภักดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ได้ฤกษ์โหราให้เบิกไชยศรี |
จึ่งจุดเทียนไชยเข้าทันที | ส่งแว่นมณีเวียนไป ฯ |
ฯ มโหรี ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถ้วนคำรบเจ็ดรอบ | ครบตามระบอบคัมภีร์ไสย |
โหรารับแว่นมาทันใด | แล้วดับเทียนไชยมิได้ช้า |
โบกควันแล้วมาจุณเจิม | เฉลิมพักตร์อวยพรด้วยหรรษา |
ศรีสวัสดิ์ทั้งสองกษัตรา | อย่ามีโรคาอันตราย ฯ |
ฯ สาธุการ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จสมโภชสองศรี | องค์พระชนนีโฉมฉาย |
จึ่งพาสองกระษัตริย์นาดกราย | ผันผายมาปราสาทมณี ฯ |
ฯ เพลง ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี |
ครั้นสิ้นแสงสนธยาราตรี | ภูมีรัญจวนป่วนใจ |
ถึงองค์กัญจะหนานารี | ฤดีดาลจิตพิสมัย |
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล | เข้าไปในห้องนางกัลยา ฯ |
ฯ ชมโฉม ๔ คำ ฯ
๏ พระเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รัตน์ | วิจิตรแจ่มจำรัสเลขา |
นั่งชิดพิศโฉมกัลยา | โสภาเลิศลักษณ์วิไลวรรณ |
โฉมโฉลาเยาวรูปประโลมใจ | ดั่งนางในชั้นฟ้ากระยาหงัน |
ผิวพักตร์ผ่องศรีฉวีวรรณ | ดั่งบุหลันหมดเมฆไม่ราคี |
ขาวเหลืองเรืองรองผ่องผัด | ดั่งบัวระบัดรับแสงพระสุริย์ศรี |
พิศวงด้วยทรงเทวี | จึ่งมีมธุรสไปทันใด ฯ |
ฯ ชาตรี ๖ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | มารศรีผู้ยอดพิสมัย |
กุศลสร้างแต่ปางก่อนไกล | จึ่งได้มาร่วมภิรมยา ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งโฉมนวลนางกัญจะหนา |
ชายเนตรเห็นองค์พระราชา | กัลยาขวยเขินสะเทิ้นใจ |
ครั้นสดับบัญชาพระทรงยศ | ดั่งสุหร่ายทิพรสเย็นใส |
บังคมก้มพักตร์ไม่ดูไป | ทรามวัยทรุดองค์ลงทันที ฯ |
ฯ โอ้โลม ๔ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องรัก | นงลักษณ์จงเมตตาพี่ |
มาถนอมกล่อมเกลี้ยงด้วยไมตรี | ถอยหนีเสียได้ไม่เจรจา |
ว่าพลางลดองค์ลงแนบน้อง | ประคองถนอมขนิษฐา |
เชิญสถิตแท่นที่กับพี่ยา | แก้วตาอย่าตัดไมตรี |
เพราะเคยคู่จึ่งได้มาประคอง | นวลละอองจงไว้อาลัยพี่ |
เหมือนบำรุงทางราชไมตรี | มารศรีอย่าสลัดตัดรอน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ