๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงองค์ยุดาหวันศรีใส
แรมรอนนอนป่าพนาลัย ก็ได้หลายราษราตรี
มิได้วายโศกโศกา ถึงพระอนุชาเรืองศรี
จนเข้าแดนจะรังหงูบูรี ภูมีทอดทัศนาไป
เห็นปราการตระหง่านงามสะอาด ดั่งเอาหิรัญลาดยาวใหญ่
เชิงเทินสะอ้านทวายไชย งามวิไลเพลิดเพลินเป็นขวัญตา
ป้อมบันไดค่ายคูหอรบ บรรจบครบเพริศพริ้งงามสง่า
แล้วแลเห็นบรรณศาลา พระยินดีปรีดาเป็นพ้นคิด
จึ่งเสด็จยุรยาตรเข้าสำนัก หยุดพักแต่พอสบายจิต
เอนองค์ลงประทับนิ่งพินิจ ทรงฤทธิ์เคลิ้มจิตนิทรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดเอยบัดนั้น โหราพราหมณ์ชีพร้อมหน้า
ซึ่งตามราชรถไคลคลา สินธพอาชาพาไป
ตามแถวแนวริมรัถยา เวียนรอบนครากรุงใหญ่
ครั้นมาถึงศาลาลัย รถไชยตรงเข้าไปทันที
เกยพระบาทบาทา องค์ยุดาหวันโฉมศรี
โหราพฤฒามาตย์พราหมณ์ชี ให้ประโคมดนตรีขึ้นพร้อมกัน ฯ

ฯ ตระ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงนามยุดาหวัน
สดับเสียงดนตรีนี่นัน จึ่งผันฟื้นตื่นจากนิทรา
แลเห็นโหราพฤฒามาตย์ เดียรดาษทั้งราชรัถา
มาประทับเกยกับบาทา พระราชาฉงนสนเท่ห์ใจ
จึ่งปราศรัยไถ่ถามเสนา ท่านมาทั้งนี้จะไปไหน
ฤๅเที่ยวประพาสพนาลัย ไยไม่เห็นองค์กษัตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีพราหมณ์ชีพร้อมหน้า
พากันกราบลงแทบบาทา แล้วทูลกิจจาทั้งปวงไป
ด้วยเจ้าพาราสวรรคต พระราชโอรสนั้นหาไม่
มีแต่พระธิดายาใจ ไม่มีผู้ใดครองพารา
จึ่งเสี่ยงพิไชยราชรถทรง มาพบองค์บรมนาถา
ขอเชิญเสด็จพระผ่านฟ้า ครองไอศวรรยาราชัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันยิ้มแย้มแจ่มใส
พระจึ่งดำรัสตรัสไป แก่เสนาในบรรดามา
เรามีธุระใหญ่หลวง เป็นห่วงด้วยราชปักษา
พระบิตุรงค์ทรงไชยใช้มา ให้ไปพาราอุเรเซน
เจ็ดเดือนเจ็ดวันทั้งวันนี้ ลำบากอินทรีย์แสนเข็ญ
เสวยแต่ผลไม้ทุกเช้าเย็น มิได้เห็นถิ่นฐานบ้านเมือง
ทั้งพรัดกับองค์อนุชา แสนโศกโศกาไม่ปลดเปลื้อง
จะรับเราเข้าไปบูรีเรือง ยังขุ่นเคืองเร่าร้อนอาวรณ์ใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนามาตยาน้อยใหญ่
ก้มเกล้ากราบทูลไปทันใด พระองค์จงได้เมตตา
แก่อาณาประชาราษฎร ได้ความเดือดร้อนถ้วนหน้า
พระองค์ทรงนครา ประยูรวงศ์พงศาก็ไม่มี
ยังแต่พระอัครชายา กับราชธิดาโฉมศรี
เคยสนองครองบาทพระภูมี จึ่งดลจิตพาชีให้ตรงมา
ขอเชิญพระองค์ทรงเดช เข้าไปปกเกศเกศา
จะได้ยกจัตุรงค์โยธา ตามพระอนุชาชาญชัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันรัศมีศรีใส
ได้ฟังมหาเสนาใน สมดั่งพระทัยจินดา
จึ่งเยื้อนมธุรสวาที รับคำเสนีพร้อมหน้า
จึ่งเสด็จย่างเยื้องไคลคลา ขึ้นมหาราชรถทันใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาธิบดีน้อยใหญ่
ครั้นเสด็จขึ้นทรงรถไชย ให้ประโคมดุริยางค์ดนตรี
ปีพาทย์ฆ้องกลองแตรสังข์ ประดังสรรพสำเนียงอึงมี่
จึ่งเคลื่อนจัตุรงค์โยธี คืนเข้าบูรีทันใด ฯ

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงพระโรงรูจี ประทับเกยมณีศรีใส
จึ่งทูลเชิญพระองค์ทรงไชย เข้าในพระโรงรัตน์มณี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันผู้รุ่งรัศมี
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี ยังที่พระโรงรจนา ฯ

ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ

๏ สถิตนั่งเหนืออาสน์บรรจง อลงกตด้วยมณีมีค่า
เสนาเกลื่อนกลาดดาษดา คับคั่งยังหน้าพระโรงไชย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่
เข้าไปยังปราสาททันใด ทูลประไหมสุหรีโสภา
ซึ่งเสี่ยงพิไชยรถทรง พบองค์พระผู้ปิ่นนาถา
บรรทมอยู่ยังบรรณศาลา เชิญเสด็จเข้ามาพระโรงไชย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีศรีใส
ได้ฟังมหาเสนาใน ชื่นชมภิรมย์ใจกัลยา
นางจึ่งเสด็จยุรยาตร ลงจากปราสาทเลขา
แสนสาวกำนัลตามมา ถึงพระโรงรจนาทันที ฯ

ฯ เพลง ๔ คำ ฯ

๏ เสด็จนั่งเหนือแท่นทิพรัตน์ ไพบูลย์พูนสวัสดิ์แจ่มศรี
จึ่งปราศรัยยุดาหวันทันที เจ้านี้เชื้อวงศ์พงศ์ใคร
เหตุไรมาอยู่ที่ศาลา มีธุระกิจจาจะไปไหน
ฤๅเสียบูรีเวียงไชย จึ่งสัญจรมาในพารา ฯ
๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันเฉิดโฉมเสนหา
จึ่งก้มเกล้าถวายวันทา ทูลสนองวาจานางเทวี
พระบิดาข้าผ่านโภไคย กรุงไกรอุรังยิดเรืองศรี
มีพระทัยจำนงสกุณี ข้านี้จึ่งรับอาสามา
กับพระอนุชาวิลาวัณย์ ทรงนามยุขันเสนหา
มาถึงกึ่งกลางพนาวา มรคาต้องแยกกันไป
ข้าจึ่งสัญจรดอนดง หลงเข้ามาในกรุงใหญ่
ครั้นเห็นบรรณศาลาลัย จึ่งเข้าอาศัยนิทรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประไหมสุหรีเสนหา
ได้ฟังยุดาหวันทูลมา นางโสมนัสาพันทวี
ด้วยหน่อเนื้อเชื้อวงศ์พงศ์กระษัตริย์ ควรครองสมบัติในกรุงศรี
คิดแล้วจึ่งกล่าววาที แม่นี้ไร้ราชบุตรา
ไม่มีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ จะครอบครองเขตขัณฑ์ไปภายหน้า
มีแต่พระราชธิดา จึ่งเสี่ยงรัถาให้คลาไคล
เป็นบุพเพนิวาสทั้งสองรา จึ่งพบพระลูกยาพิสมัย
แม่จะให้เจ้าครองราชัย สืบสุริย์วงศ์ไปในพารา
แล้วนางจึ่งมีเสาวนีย์ แก่หมู่มนตรีซ้ายขวา
จะอภิเษกทั้งสองพระลูกยา ตรวจตราเร่งรัดฉับไว
อีกทั้งโรงราชพิธี สำหรับที่จะตั้งการใหญ่
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งนั้นไซร้ จัดแจงแต่งไว้ให้ครบการ ฯ

ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาผู้ใหญ่ใจหาญ
รับสั่งแล้วก้มกราบกราน คลานออกท้องพระโรงไชย
ให้เร่งรัดจัดโรงพิธี ก็ครบที่ตามตำแหน่งน้อยใหญ่
ครั้นแล้วเสร็จสรรพฉับไว เข้าไปกราบทูลนางเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระมารดาโฉมศรี
จึ่งสั่งโหราธิบดี ให้หาฤกษ์พิธีแต่งการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โหราผู้ใหญ่ใจหาญ
รับพระเสาวนีย์นงคราญ จึ่งคูณหารไปตามตำรา
แล้วกราบทูลองค์นางเทวี พรุ่งนี้ฤกษ์ดีเป็นหนักหนา
ได้ทั้งศุภวารเวลา จงทราบบาทานางเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
ได้ฟังโหราธิบดี นางเสด็จจรลีเข้ามา
ครั้นถึงปรางค์รัตน์มณี องค์พระบุตรีเสนหา
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงกัลยา ให้แต่งองค์พระธิดาทรามวัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงพระบุตรีศรีใส
รับพระเสาวนีย์อรไท มาแต่งองค์ทรามวัยพระธิดา ฯ

ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ

๏ บ้างเข้าชำระสระสรง ผัดผ่องนวลผจงโอ่อ่า
ให้ทรงภูษิตรจนา สไบตาดโสภาใยยอง
ลางนางเข้าสอดสังวาลวรรณ พาหุรัดกุดั่นกุก่อง
ทองกรกาบเกี้ยวกระหนกกรอง แสงประเทืองเรืองรองธำมรงค์
แล้วทรงมงกุฎรูจี ทรงศรีเลิศลักษณ์นวลหง
กุณฑลแก้วแพรวพรรณบรรจง กรรเจียกบรรจงอลงการ์
ครั้นเสร็จแล้วองค์พระชนนี ให้พระบุตรีเสนหา
ทรงสีวิการจนา ประทับท่าอยู่ที่ข้างใน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่
ทูลเชิญองค์พระภูวไนย ให้ชำระสระสรงวารี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี
ได้ฟังเสนาธิบดี เสด็จเข้าที่สรงวาริน ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ พระทรงมูรธาภิเษกสนาน สุคนธ์ธารเฟื่องฟุ้งจรุงกลิ่น
สนับเพลาเป็นรูปนาคินทร์ ภูษาพื้นนิลใยยอง
รัดพระองค์เลื่อมลายชายไหว ละไมด้วยชายแครงแสงส่อง
ฉลององค์ยงยิ่งเครือกรอง สร้อยสนกุก่องสังวาลวรรณ
ทับทรวงเรืองรุ่งไพจิตร ตาบทิศเพริศแพร้วแก้วกุดั่น
ทองกรพาหุรัดพรายพรรณ บรรจงธำมรงค์อลงการ์
ทรงมงกุฎเพชรเก็จกาบ แสงระยาบระยับจับเวหา
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาดคลา มาทรงยานุมาศทอง
อันสีวิกาพระธิดา ก็เรียบเรียงกันมาเป็นแถวถ่อง
จึ่งให้เคลื่อนจัตุรงค์เนืองนอง คับคั่งทั้งท้องสนามไชย ฯ

ฯ กลองโยน ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีศรีใส
ทั้งนางนักสนมกรมใน ก็ไปยังโรงราชพิธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี
ครั้นถึงพระโรงอันรูจี ประทับเกยมณีฉับพลัน
จึ่งเสด็จย่างเยื้องไคลคลา กับองค์พระธิดาสาวสวรรค์
ขึ้นยังแท่นทิพสุวรรณ บังคมคัลสมเด็จพระมารดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พราหมณ์ชีบีกูกระมาหนา
ครั้นได้ศุภวารเวลา ถวายอาเศียรพาทด้วยภักดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ได้ฤกษ์โหราให้เบิกไชยศรี
จึ่งจุดเทียนไชยเข้าทันที ส่งแว่นมณีเวียนไป ฯ

ฯ มโหรี ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถ้วนคำรบเจ็ดรอบ ครบตามระบอบคัมภีร์ไสย
โหรารับแว่นมาทันใด แล้วดับเทียนไชยมิได้ช้า
โบกควันแล้วมาจุณเจิม เฉลิมพักตร์อวยพรด้วยหรรษา
ศรีสวัสดิ์ทั้งสองกษัตรา อย่ามีโรคาอันตราย ฯ

ฯ สาธุการ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จสมโภชสองศรี องค์พระชนนีโฉมฉาย
จึ่งพาสองกระษัตริย์นาดกราย ผันผายมาปราสาทมณี ฯ

ฯ เพลง ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี
ครั้นสิ้นแสงสนธยาราตรี ภูมีรัญจวนป่วนใจ
ถึงองค์กัญจะหนานารี ฤดีดาลจิตพิสมัย
ยุรยาตรนาดกรคลาไคล เข้าไปในห้องนางกัลยา ฯ

ฯ ชมโฉม ๔ คำ ฯ

๏ พระเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รัตน์ วิจิตรแจ่มจำรัสเลขา
นั่งชิดพิศโฉมกัลยา โสภาเลิศลักษณ์วิไลวรรณ
โฉมโฉลาเยาวรูปประโลมใจ ดั่งนางในชั้นฟ้ากระยาหงัน
ผิวพักตร์ผ่องศรีฉวีวรรณ ดั่งบุหลันหมดเมฆไม่ราคี
ขาวเหลืองเรืองรองผ่องผัด ดั่งบัวระบัดรับแสงพระสุริย์ศรี
พิศวงด้วยทรงเทวี จึ่งมีมธุรสไปทันใด ฯ

ฯ ชาตรี ๖ คำ ฯ

๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดพิสมัย
กุศลสร้างแต่ปางก่อนไกล จึ่งได้มาร่วมภิรมยา ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งโฉมนวลนางกัญจะหนา
ชายเนตรเห็นองค์พระราชา กัลยาขวยเขินสะเทิ้นใจ
ครั้นสดับบัญชาพระทรงยศ ดั่งสุหร่ายทิพรสเย็นใส
บังคมก้มพักตร์ไม่ดูไป ทรามวัยทรุดองค์ลงทันที ฯ

ฯ โอ้โลม ๔ คำ ฯ

๏ น้องเอยน้องรัก นงลักษณ์จงเมตตาพี่
มาถนอมกล่อมเกลี้ยงด้วยไมตรี ถอยหนีเสียได้ไม่เจรจา
ว่าพลางลดองค์ลงแนบน้อง ประคองถนอมขนิษฐา
เชิญสถิตแท่นที่กับพี่ยา แก้วตาอย่าตัดไมตรี
เพราะเคยคู่จึ่งได้มาประคอง นวลละอองจงไว้อาลัยพี่
เหมือนบำรุงทางราชไมตรี มารศรีอย่าสลัดตัดรอน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ