๒๗
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงไทองค์ปะตาระกาหลา |
สถิตเหนือวิมานรัตนา | ยังยอดบรรพตาคีรี |
ครั้นเห็นยุขันฤทธิรงค์ | มาตามองค์เชษฐาเรืองศรี |
กรีธาพหลโยธี | มาแรมอยู่พนาวา |
จำกูจะช่วยพระทรงธรรม์ | ให้พบกันกับองค์พระเชษฐา |
คิดแล้วจึ่งเทพเทวา | ลงมายังราชเวียงไชย ฯ |
ฯ กราว ๖ คำ ฯ
๏ ดลใจยุดาหวันโฉมยง | ซึ่งดำรงนคเรศเป็นใหญ่ |
ให้ออกมาประพาสพนาลัย | จะได้พบพระศรีอนุชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์ยุดาหวันเชษฐา |
เสวยรมย์สมสุขเปรมปรีดา | ด้วยองค์กัญจะหนาเทวี |
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร | ถาวรเป็นสุขกระเษมศรี |
ว่าขานกิจการธานี | ไม่มีราคีฉันทา |
พระสถิตเหนือแท่นทิพอาสน์ | ให้ร้อนราชฤทัยเป็นนักหนา |
รำลึกตรึกถึงพระน้องยา | อนิจจาจะเป็นประการใด |
เจ้าจะไปถึงเมืองอุเรเซน | แสนลำบากยากเย็นเป็นไฉน |
หรือพระนุชสุดสิ้นชีวาลัย | ทำไฉนพี่จะแจ้งกิจจา |
พระเร่งเร่าร้อนอาวรณ์เทวษ | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา |
พระมิได้สนิทนิทรา | จนสุริยาพุ่งพ้นยุคนธร ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ จึ่งมีมธุรสวาที | แก่พระมเหสีสายสมร |
พี่แสนรำคาญรานรอน | อาวรณ์ถึงองค์อนุชา |
จำจะออกไปเที่ยวพนาลัย | จึ่งจะได้พบองค์ขนิษฐา |
พี่ไปไม่ช้าจะกลับมา | แก้วตาคอยอยู่สำราญใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางกัญจะหนาศรีใส |
ก้มเกล้ากราบทูลพระภูวไนย | น้องจะไปตามเสด็จพระพันปี |
แม้นประสบพบองค์อนุชา | จะได้พากันไปกรุงศรี |
กราบบาทพระราชชนนี | พระภูมีจงทรงพระเมตตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันเฉิดโฉมเสนหา |
ได้ฟังอัคเรศทูลมา | พระแสนเสนหาดั่งดวงใจ |
ครั้นจะขืนขัดทัดทาน | เยาวมาลย์จะเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
จึ่งตรรัสแก่องค์อัครวิไล | มาจะไปทูลลาพระมารดร |
ว่าแล้วเสด็จลีลาศ | ยุรยาตรดั่งราชไกรสร |
กับองค์กัญจะหนาบังอร | บทจรขึ้นเฝ้าพระชนนี ฯ |
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงก้มเกล้าบังคม | ยอกรประณมเหนือเกศี |
ทูลว่าลูกน้อยทั้งสองนี้ | จะไปเที่ยวพงพีสำราญใจ |
จะได้แสวงหาอนุชา | พบแล้วจะพาไปกรุงใหญ่ |
ไม่ช้าจะกลับมาเวียงไชย | พระองค์จงได้ปรานี ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมารดาโฉมศรี |
ได้ฟังกัลยาพาที | เทวีสลดระทดใจ |
จึ่งตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ | ทั้งสองลูกรักพิสมัย |
เจ้าไปจากราชเวียงไชย | อย่าให้ช้านักจงกลับมา |
ครองหมู่ไพร่ฟ้าประชาชี | ชนนีจะนับวันท่า |
ตัวแม่แก่เฒ่าชรา | จะได้พึ่งบุญญาทั้งสององค์ |
ว่าแล้วอำนวยอวยไชย | เจ้าไปให้ได้ดั่งประสงค์ |
จงพบอนุชาโฉมยง | ดั่งจิตจำนงเจตนา |
ให้จากอันตรายภัยเภท | จงเรืองเดชขจรทุกทิศา |
ว่าพลางกอดองค์พระธิดา | โศกาเพียงจะสิ้นชีวี ฯ |
ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้รุ่งรัศมี |
ทั้งองค์กัญจะหนานารี | จึ่งทูลคลี่คลายธิบายมา |
พระองค์จงระงับดับใจ | ไม่ช้าจะได้เห็นหน้า |
เกลือกจะมาประชวรโรคา | เป็นห่วงลูกยาทั้งสองไป |
ทูลแล้วถวายบังคมลา | องค์พระมารดาเป็นใหญ่ |
ชวนองค์กัญจะหนาทรามวัย | กลับไปปราสาทรัตนา ฯ |
ฯ ทยอย ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นสุริโยทัยไขสว่าง | กระจ่างแจ่มแจ้งพระเวหา |
อ่าองค์ทรงเครื่องรจนา | ลีลาออกท้องพระโรงไชย ฯ |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งสั่งมหาเสนา | ให้เตรียมโยธาน้อยใหญ่ |
ทั้งรถประเทียบข้างใน | พรุ่งนี้จะไปอรัญวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
ถวายบังคมคัลวันทา | ออกมาสั่งกันทันใด ฯ |
ฯ ยานี ๒ คำ ฯ
๏ ขุนช้างผูกคชสาร | ล้วนชำนาญหาญเหี้ยมศึกใหญ่ |
ขุนม้าเร่งผูกมโนมัย | อาชาไนยรนร้องลำพองฤทธิ์ |
ขุนรถเทียมราชรัถา | รจนาด้วยวิเชียรไพจิตร |
ขุนพลสรรทหารชาญชิด | เคยผลาญประจามิตรมีชัย |
พร้อมพรั่งจัตุรงค์สี่หมู่ | พรั่งพรูธงทิวปลิวไสว |
ตามกระบวนพยุหบาตรประพาสไป | เตรียมไว้รับเสด็จพระภูวไนย |
ครั้นเสร็จก็กลับเข้ามา | วันทาทูลแจ้งแถลงไข |
อันซึ่งพหลพลไกร | จัดไว้เสร็จแล้วตามโองการ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันปรีดิ์เปรมกระเษมสานต์ |
พระเสด็จย่างเยื้องบทมาลย์ | เข้าที่สรงสนานกายา ฯ |
ฯ โทน ๒ คำ ฯ
๏ ขัดสีอินทรีย์ธุลีผง | ทรงสุคนธารทิพบุปผา |
สอดทรงสนับเพลาเพราตา | ภูษิตรจนาโขมพัตถ์ |
ชายแครงเครือสุวรรณพรายแพรว | วาวแววชายไหวปลายสะบัด |
ทับทรวงลายดวงเนาวรัตน์ | ตาบทิศจำรัสทับทิมพราย |
สอดสายสังวาลมรกต | รัดพระองค์เครือคดวิเชียรฉาย |
พาหุรัดบวรมังกรลาย | ธำมรงค์เพชรพรายอรชร |
ทรงมงกุฎแก้วอลังการ | ห้อยพวงกุสุมาลย์เกสร |
เหน็บกฤชอันเรืองฤทธิรอน | ดั่งดวงทินกรจำรัสฟ้า |
จึ่งชวนอัคเรศเทวี | พระสนมสาวศรีซ้ายขวา |
เสด็จยุรยาตรคลาดคลา | มายังเกยสุวรรณบรรจง ฯ |
ฯ สร้อยมาลี ๑๐ คำ ฯ
๏ พระเสด็จขึ้นทรงรัถา | รถประเทียบกัลยานวลหง |
จึ่งสั่งให้เคลื่อนจัตุรงค์ | เข้าในแดนดงพนาวัน ฯ |
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
๏ รถเอยรถแก้ว | พรายแพรวจับแสงสุริย์ฉัน |
มรกตทับทิมแกมกัน | พื้นสุวรรณระยับพรรณราย |
เรืองรุ่งพุ่งวาบปลาบตา | เครื่องสูงรจนาหลากหลาย |
บังสูรย์มยุรฉัตรเพริศพราย | อภิรุมชุมสายไสวมา |
ทรงที่บัลลังก์แก้วแพรวพรรณ | ลายล้วนสุวรรณเลขา |
ธงทิวปลิวไกวไสวมา | กรีธาพหลพลจร ฯ |
ฯ โทน ๖ คำ ฯ
๏ เดินเอยเดินไป | เข้าในพนัสสิงขร |
ชมพันธุ์พฤกษาอรชร | พระพายพาเกสรมาลี |
ให้รอรถทรงพระผ่านฟ้า | เคียงประเทียบกัญจะหนามารศรี |
พระชี้ชวนชมหมู่สกุณี | เพรียกพร้องอึงมี่ทั้งพงไพร |
นกแก้วจับแก้วส่งเสียง | มองเมียงหาคู่พิสมัย |
นกลางจับลางลิงไกว | ระวังไพรจับไพรพนาวัน |
ยูงจับยูงฟ้อนอยู่เป็นเหล่า | นกเขาจับเขาขานขัน |
สัตวาจับหว้าพลอดกัน | เบญจวรรณจับวันน่าดู |
เค้าโมงจับโมงเมียงหมาย | ส่งเสียงเกริ่นกรายหาคู่ |
ปักษาเพรียกพร้องพรั่งพรู | ลางหมู่บ้างบินหนีไป |
อันฝูงสาวสรรกัลยา | ปรีดาภิรมย์ผ่องใส |
ด้วยไม่เคยเห็นพนาลัย | มีใจสุขกระเษมเปรมปรา |
พระเสด็จมาหลายราตรี | ข้ามคีรีห้วยหุบเหวผา |
เล็งลอดสอดหาอนุชา | ในสุมทุมพุ่มป่าพนาลัย |
เทเวศร์ดลใจให้ไคลคลา | จะรู้จักมรคาก็หาไม่ |
เร่งรัดพหลพลไกร | เกลือกใกล้ถึงหลักศิลา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทรงฤทธิ์ทุกทิศา |
พระเสด็จออกหน้าพลับพลา | พร้อมหมู่เสนาพลไกร |
ได้ยินเสียงฆ้องกลองก้องมา | เพียงสุธาจะหวั่นไหว |
พระเร่งคิดอัศจรรย์ใจ | ผู้ใดยกแสนยากร |
ออกมาแนวพนาวาส | หรือจะเที่ยวประพาสสิงขร |
หรือจะยกพหลพลจร | มารบนครบูรีใด |
คิดแล้วจึ่งมีพจนารถ | แก่ราชปักษาศรีใส |
เจ้าจงเร่งรีบคลาไคล | ไปในเบื้องบูรพ์ทิศพลัน |
กระษัตริย์องค์ใดเสด็จมา | กรีพลโยธาทัพขันธ์ |
จงดูให้รู้สำคัญ | แล้วจึ่งจรจรัลกลับมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งหัสรังราชปักษา |
ประณมปีกรับรสพจนา | บินมายังอรัญบรรพต |
จับลงบนปลายพฤกษา | มิให้โยธาปรากฏ |
ครั้นใกล้รถองค์พระทรงยศ | จึ่งมีพจนารถถามไป |
ดูก่อนพระองค์ทรงธรณี | จะยกพลมนตรีไปข้างไหน |
หรือมาประพาสพนาลัย | ข้าไซร้ใคร่แจ้งคดี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันผู้เฉิดโฉมศรี |
ได้ยินสุรเสียงพาที | ภูมีเหลียวแลแปรไป |
เห็นหัสรังสกุณา | จับอยู่บนพฤกษาใหญ่ |
จึ่งบอกกัญจะหนาทรามวัย | เจ้าจงแลไปตรงนี้ |
สกุณาจับกิ่งรุกขชาติ | พูดจาประหลาดนะโฉมศรี |
ปีกหางงามอย่างจินดาดี | แกมสีสลับน่าพึงใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางกัญจะหนาศรีใส |
แลเห็นปักษาอำไพ | งามวิไลเลิศลํ้าสกุณา |
จึ่งทูลโฉมยงทรงศักดิ์ | น้องมีความรักเป็นนักหนา |
พระองค์จงทรงพระเมตตา | คล้องราชปักษาตัวนี้ |
ให้น้องไปเลี้ยงยังพารา | ช่างรู้เจรจาถ้วนถี่ |
งามสรรพสารพางค์ทั้งอินทรีย์ | ไม่มีที่จะเปรียบเทียบทัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หัสรังปรีชากล้าหาญ |
เห็นพระองค์ไม่ตอบพจมาน | สกุณานกล่าวสารว่าไป |
เป็นไฉนจึ่งไม่บรรหาร | จะนำข่าวสารไปทูลไข |
พระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร | ภูวไนยคอยฟังกิจจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันสุริย์วงศ์นาถา |
ได้ฟังสุบรรณเจรจา | จึ่งมีบัญชาไปทันที |
ผู้ใดใช้ให้มาไถ่ถาม | นามกรชื่อไรนะปักษี |
ถิ่นฐานรวงรังสกุณี | อยู่ที่ด้าวแดนบูรีใด |
เรายกนิกรออกมา | เที่ยวหาอนุชาพิสมัย |
พรัดกันที่ศิลาไชย | ยังมิได้ประสบพบพาน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หัสรังว่องไวใจหาญ |
ได้ฟังตรึกไตรพจมาน | ซึ่งว่าขานเห็นต้องทำนองใน |
แล้วจะเป็นสมเด็จพระเชษฐา | ของพระบิดาเป็นใหญ่ |
จำจะบอกให้แจ้งประจักษ์ใจ | คิดแล้วตอบไปทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ตัวเอยตัวข้า | ชื่อว่านกหัสรังสี |
พระองค์ผู้ทรงธรณี | มีนามยุขันชาญชัย |
ผ่านกรุงอุรังฆารนคเรศ | เสด็จมาหิมเวศป่าใหญ่ |
เที่ยวหาพระเชษฐาเรืองไชย | พลัดพรากจากไปช้านาน |
ได้ยินเสียงรี้พลโยธา | จึ่งใช้ให้ข้ามาฟังสาร |
บัดนี้สมเด็จพระภูบาล | อยู่ยังสถานเชิงคีรี |
พระองค์ผู้ทรงนามกรใด | บอกให้แจ้งใจปักษี |
จะได้กลับไปทูลพระภูมี | ตามที่ภูวไนยใช้มา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันเฉิดโฉมเสนหา |
ได้ฟังหัสรังกล่าวมา | แจ้งนามอนุชาผู้ร่วมใจ |
ดั่งได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า | ปรีดาภิรมย์ผ่องใส |
ดั่งหนึ่งมอดม้วยบรรลัย | ปักษีชุบให้เป็นมา |
พระยินดีด้วยได้หัสรัง | ทั้งจะได้พบองค์ขนิษฐา |
จึ่งกล่าวสุนทรวาจา | แก่ราชปักษาไปทันที |
เรานี้ทรงนามยุดาหวัน | เชษฐายุขันโฉมศรี |
พลัดพรากจากไปหลายปี | มีแต่โศกีอาวรณ์ |
เจ้าจงไปแจ้งกิจจา | แก่องค์อนุชาชาญสมร |
เราจะหยุดพหลพลนิกร | อยู่เชิงสิงขรที่นี้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งหัสรังปักษี |
ได้ฟังพระองค์ทรงธรณี | มีความยินดีปรีดา |
ประคองปีกถวายอภิวันท์ | องค์ยุดาหวันนาถา |
แล้วบินโบยมาโดยนภา | ถึงที่ประทับฉับไว |
ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม | ประคองปีกประณมแถลงไข |
กราบทูลพระองค์ผู้ทรงไชย | ซึ่งยกพลไกรมานี้ |
คือองค์ยุดาหวันฤทธิรงค์ | มาตามหาองค์พระโฉมศรี |
อยู่ในไพรพงพนาลี | เชิญเสด็จลีลาคลาไคล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทรงโฉมพิสมัย |
รู้ว่าพระเชษฐาชาญชัย | ยกพวกพลไกรออกมา |
พระเร่งชื่นชมโสมนัส | ไพบูลย์พูนสวัสดิ์หรรษา |
จึ่งชวนหัสรังสกุณา | ไปรับพระเชษฐาชาญชัย |
แล้วเสด็จลงจากพลับพลา | เสนาแห่ห้อมมาไสว |
เร่งรีบลีลาคลาไคล | มาในพนาอารัญ ฯ |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ มาเอยมาถึง | จึ่งพวกพหลพลขันธ์ |
เยียดยัดอัดแอแจจัน | พี่ยานั้นเสด็จบนรถไชย |
จึ่งวิ่งขึ้นไปกราบบาท | พระเชษฐาธิราชเป็นใหญ่ |
สะอื้นโศกาอาลัย | มิได้ทูลพิดกิจจา ฯ |
ฯ โอด ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นจะรังหงูบูหรา |
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกา | สวมกอดอนุชาแล้วร่ำไร |
โอ้ดวงนัยนาของพี่ | ดั่งสิ้นชีวีแล้วเกิดใหม่ |
คิดว่าเจ้าม้วยบรรลัย | ในพงพนัสกันดาร |
ด้วยสัตว์จัตุบาทอเนกเนือง | จึ่งมิได้เรื่องราวข่าวสาร |
แต่แสนทุกข์ทนทรมาน | จึ่งจากราชฐานมาเดินไพร |
หวังจะได้พบองค์พระน้องรัก | พอปักษีมาแจ้งแถลงไข |
ดั่งได้สมบัติหัสนัยน์ | มีใจโสมนัสปรีดา |
แต่เจ้าพรากพรัดกำจัดไกล | ยากเย็นเป็นไฉนขนิษฐา |
ไปถึงอุเรเซนนครา | หรือว่าผาสุกประการใด ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอนุชาธิราชเป็นใหญ่ |
ค่อยคลายโศกาอาลัย | ทูลองค์ภูวไนยพระพี่ยา |
แต่น้องนิราศบาทบงสุ์ | ไปตรงเบื้องบูรพ์ทิศา |
เช้าค่ำพร่ำแสนโศกา | มิได้ผาสุกสักราตรี |
ได้ไปพบองค์พระรักขิต | พระประสิทธิ์แสงศรอันเรืองศรี |
จึ่งชุบลิขิตฤทธี | เป็นเพื่อนจรลีที่ในดง |
แล้วไปพบนางมะยุมา | อสุรศักดิ์ยักษานั้นให้ส่ง |
ถึงนางอินทรีฤทธิรงค์ | พาข้ามคงคาสมุทรไทย |
ไปถึงอุเรเซนพระนคร | จะได้ความเดือดร้อนก็หาไม่ |
จนได้ธิดายาใจ | ลอบลักรักใคร่กัลยา |
จึ่งได้หัสรังปักษี | สมที่จำนงปรารถนา |
คลี่คลายเนื้อความแต่ต้นมา | จนได้ผ่านพาราเวียงไชย |
บัดนี้ประวะลิ่มกัลยา | กับโอรสาศรีใส |
ทั้งลิขิตสันหยาคลาไคล | หนีไปอุรังยิดพระบิดา |
แม้นว่ากัลยาไปถึงเมือง | จะแจ้งเรื่องหัสรังปักษา |
สองพระองค์จะทรงพระโกรธา | จะว่าไม่คืนกลับไปพระเวียงไชย |
น้องจึ่งรีบยกโยธี | พานางบุษหรีศรีใส |
จะเร่งพลให้ถึงกรุงไกร | ยังมิได้พบองค์พระพี่ยา |
จึ่งยกจัตุรงค์พยุหบาตร | ออกเที่ยวประพาสพฤกษา |
พอได้ยินเสียงโยธา | ใช้ให้ปักษาออกไป |
แต่พระจากน้องไปในไพรสณฑ์ | ได้ทุกข์ทนทรมานเป็นไฉน |
ลำบากยากเย็นเป็นประการใด | จึ่งได้เสวยสวรรยา ฯ |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งองค์ยุดาหวันเชษฐา |
ตอบคำพระศรีอนุชา | พี่ยาจรจากพระนุชไป |
จนใกล้จะรังหงูพารา | พบบรรณศาลาเข้าอาศัย |
พอเจ้าเมืองศวรรย์นั้นบรรลัย | ไม่มีโอรสกุมารา |
มีแต่ธิดาดวงสวาดิ | จึ่งเสี่ยงพิไชยราชรัถา |
รับพี่ไปครองนครา | กับองค์กัญจะหนาเทวี |
ไม่วายโศกาอาดูร | พูนเทวษถึงองค์โฉมศรี |
ทั้งองค์พระชนกชนนี | ป่านนี้จะเป็นประการใด |
เราจะกลับคืนไปนคร | ชุลีกรสองกระษัตริย์เป็นใหญ่ |
เอาหัสรังสีอำไพ | ไปถวายสมเด็จพระบิดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปะรังศรีนาถา |
รับรสพจนารถบัญชา | องค์พระพี่ยาด้วยยินดี |
จึ่งยอกรประณตบทบงสุ์ | โฉมยงกัญจะหนามารศรี |
ทูลเชิญสองกระษัตริย์ธิบดี | ไปที่สุวรรณพลับพลาไชย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันสุริย์วงศ์เป็นใหญ่ |
จึ่งมีบรรหารไปทันใด | ให้เคลื่อนพลไกรยาตรา |
สองสถิตรถแก้วแพรวพรรณ | พลขันธ์แห่แหนแน่นหนา |
รถประเทียบองค์สุดา | ตามเสด็จรัถาพระภูวไนย ฯ |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงสุวรรณพลับพลา | ลงจากรัถาศรีใส |
สามกระษัตริย์เสด็จคลาไคล | ขึ้นไปยังอาสน์รจนา ฯ |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีเสนหา |
สถิตในสุวรรณพลับพลา | ออกมาเฝ้าองค์พระทรงไชย |
ครั้นถึงจึ่งถวายอภิวาท | พระเชษฐาเป็นใหญ่ |
ทั้งองค์กัญจะหนาทรามวัย | ด้วยใจโสมนัสยินดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระจอมภพจะรังหงูบูหรีศรี |
เห็นโฉมยงองค์เทวี | ทรงศรีเสาวภาคย์วิลาวัณย์ |
จิ้มลิ้มพริ้มเพริศเฉิดโฉม | งามประโลมดังเทพรังสรรค์ |
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ | ดั่งบุหลันหมดเมฆอำไพ |
นี้หรือบุตรท้าวปะรังศรี | ที่ทำสงครามศึกใหญ่ |
เอ็นดูนัดดาดวงใจ | ที่ไปด้วยองค์ชนนี |
แต่น้อยก็ได้ทรมาน | แสนรำคาญเคืองข้องหมองศรี |
เมื่อไรจะได้เห็นบุตรี | อุเรเซนทรงศรีสักเพียงไร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ทูลพระเชษฐาทันใด | ให้แจ้งคดีทุกสิ่งอัน |
นี่คือนวลนางบุษหรี | บุตรีท้าวปะรังศรีที่อาสัญ |
ซึ่งฆ่าหัสรังสีม้วยชีวัน | ได้ดวงวิเชียรอันรจนา |
อันมณีจินดาดวงนี้ | มีอิทธิฤทธีแกล้วกล้า |
เหาะเหินเดินได้ในชั้นฟ้า | ทรงศักดาเลิศไกร |
ขอเชิญเสด็จพระเชษฐา | เข้าในนครากรุงใหญ่ |
จะได้พักโยธาเสนาใน | แล้วจึ่งค่อยไปพระบูรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังอนุชาพาที | จึ่งตอบคดีไปพลัน |
ที่จะคืนเข้าปะรังศรี | พักพลโยธีทัพขันธ์ |
พี่เห็นจะช้าเนิ่นวัน | ทั้งสองพระองค์นั้นจะคอยนัก |
ให้แต่มหาเสนา | ไปอยู่รักษาอาณาจักร |
เราเร่งรีบไปด้วยใจภักดิ์ | น้องรักจะเห็นประการใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ได้ฟังพระเชษฐาเรืองไชย | ภูวไนยเห็นชอบทุกสิ่งอัน |
แล้วมีพระราชบัญชา | แก่สี่เสนาคนขยัน |
ท่านจงเร่งรีบจรจรัล | กลับไปเขตขัณฑ์บัดนี้ |
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร | อย่าให้เดือดร้อนหมองศรี |
กว่าเราจะกลับมาธานี | เสนีรีบไปอย่าได้ช้า ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
ก้มเกล้าถวายบังคมลา | ออกมาทั้งสี่เสนีใน |
จัดแจงพวกพลนิกร | ตามเสด็จภูธรไปกรุงใหญ่ |
แล้วแบ่งรี้พลสกลไกร | ที่จะไปรักษาพระบูรี |
ครั้นเสร็จตามมีพระบัญชา | จึ่งมหาเสนาทั้งสี่ |
ชวนกันเผ่นขึ้นพาชี | รีบเร่งจรลีกลับไป ฯ |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ มาเอยมาถึง | ยังพระนครกรุงใหญ่ |
ทั้งสี่มหาเสนาใน | ก็ตรึกไตรตามราชบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันทรงเดชเชษฐา |
ครั้นสี่มหาเสนา | กลับไปพาราเวียงไชย |
จึ่งมีพระราชบัญชาการ | ให้เตรียมทวยหาญน้อยใหญ่ |
อันพลอนุชาชาญชัย | ให้บรรจบพลเราที่ยกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
มาจัดพหลโยธา | ตามราชบัญชาทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ปฐม ๒ คำ ฯ
๏ ตั้งเป็นปีกกาซ้ายขวา | ทัพหลังทัพหน้าแข็งขัน |
พลทั้งฝ่ายบรรจบกัน | เสร็จแล้วผายผันเข้ามา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ กราบทูลพระองค์ทรงไชย | อันพวกพลไกรซ้ายขวา |
พร้อมตามพยุหบาตรยาตรา | เตรียมท่าเสร็จแล้วพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาธิราชเป็นใหญ่ |
ชวนองค์อนุชาผู้ร่วมใจ | ไปเข้าที่สรงสาคร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สองกระษัตริย์ชำระสนาน | สุคนธารกลั้วกลิ่นเกสร |
สอดใส่สนับเพลาเชิงงอน | ภูษิตบวรพรายพรรณ |
แล้วทรงชายไหวชายแครง | สีแสงพรรณรายฉายฉัน |
ฉลององค์เครือคดพื้นสุวรรณ | ทับทรวงดวงกุดั่นพรายตา |
ตาบทิศวิจิตรแสงระยับ | แจ่มจัดจำรัสพระเวหา |
พาหุรัดทองกรรจนา | ธำมรงค์ควรค่าภพไตร |
แล้วทรงพระมหามงกุฎแก้ว | กรรเจียกจรพรายแพรวแสงใส |
ทรงอุบะสุวรรณอำไพ | ทรงกฤชฤทธิไกรศักดา |
ชวนสององค์เทวี | มาทรงรถมณีมีค่า |
สองรถองค์อัครชายา | รถสนมซ้ายขวาอันดับไป |
ให้เคลื่อนจัตุรงค์โยธา | มาในมรคาป่าใหญ่ |
ที่ปะตาระกาหลาแต่งไว้ | เมื่อจากเวียงไชยทั้งสององค์ |
รีบรัดพหลโยธา | เข้าในป่าไม้ไพรระหง |
ประทับรอนผ่อนแรงจัตุรงค์ | มาในไพรระหงพนาลี ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ แต่เดินไพรได้สามเดือนตรา | ถึงแดนพารากรุงศรี |
ให้หยุดนิกรโยธี | อยู่ที่ปลายด่านเวียงไชย ฯ |
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ