๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงองค์เทพไทรังสรรค์
ซึ่งเป็นปะตาระกาหลาทรงธรรม์ สถิตกระยาหงันเปรมปรีดิ์
เผอิญให้เร่าร้อนในวิญญาณ์ ประหนึ่งว่าเพลิงกาฬจุดจี้
เล็งไปในพื้นปัถพี ทั้งสี่ทวีปโลกา
แจ้งว่าโฉมยงองค์ยุขัน จะมีคู่ผูกพันเสนหา
กับองค์ประวะลิ่มโสภา นครไกลกันสุดจะคิด
จำกูจะไปช่วยแก้ไข จึ่งจะได้ภิรมย์สมสนิท
คิดแล้วสำแดงแผลงฤทธิ์ ลงมาสถิตยังเวียงไชย ฯ

ฯ เชิด ๘ คำ ฯ

๏ เข้าในปราสาทแก้วแววฟ้า ใครจะเห็นกายาก็หาไม่
ถึงแท่นบรรทมภิรมย์ใจ ท้าวไทอุรังยิดภูมี
จึ่งหยิบสมุดข้างที่มา เขียนเป็นตำราปักษี
เรื่องราวกล่าวคุณมากมี แล้ววางข้างที่ทันใด
ครั้นแล้วจึ่งเข้าดลจิต องค์ท้าวอุรังยิดเป็นใหญ่
ให้ดูตำราที่วางไว้ แล้วกลับไปวิมานสำราญองค์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวอุรังยิดพิศวง
ครอบครองสมบัติจัตุรงค์ กับองค์มเหสีโสภา
ประกอบด้วยไอศูรย์สมบัติ พูนสวัสดิ์ใสโสมนัสา
ทั้งม้ารถคชพลโยธา พระสนมซ้ายขวาอเนกนันต์
มีพระราชโอรสสององค์ พระพี่ทรงนามยุดาหวัน
อันองค์พระอนุชานั้น ทรงนามยุขันฤทธิรอน
ทรงโฉมประโลมลานสวาดิ องอาจดั่งราชไกรสร
เป็นที่เสนหาพระบิดร ลือเดชขจรทั้งไตรภพ
ทุกกรุงประเทศเขตขัณฑ์ ออกพระนามนั้นกลัวทั่วจบ
มีสุวรรณมาลามานอบนบ ตามขนบพระราชบรรณา[๑]
ท้าวทรงทศพิธราชธรรม์ ไพร่ฟ้าขอบขัณฑ์ก็หรรษา
เป็นสุขทั่วทุกนครา เหตุมาด้วยเทพดลใจ
เสด็จอยู่บนแท่นสุวรรณรัตน์ พูนสวัสดิ์ภิรมย์ผ่องใส
เห็นสมุดข้างที่วางไว้ จะใคร่ทรงเล่นให้สำราญ
หยิบมาทัศนาฉับพลัน พลิกขึ้นไม่ทันที่จะอ่าน
เห็นตัวลิขิตพินิจนาน งามปานอักษรสุราลัย
ตำราว่านกหัสรัง อยู่ยังอุเรเซนกรุงใหญ่
ในเศียรมีวิเชียรอำไพ เรืองฤทธิไกรประเสริฐนัก
เหาะเหินเดินได้ในภพ จนจบทวีปอาณาจักร
อันตัวสกุณานั้นน่ารัก แหลมหลักพูดจาภาษาคน
ปีกหางอย่างสีมณีพราย เลิศลายสลับประดับขน
นกนี้มีสวัสดิ์มงคล งามพ้นที่สุดจะรำพัน
แม้นกระษัตริย์องค์ใดได้เลี้ยง กรุงนั้นพ่างเพียงเมืองสวรรค์
คุ้มได้สารพัดไภยัน สิ้นตำรานั้นแต่เท่านี้ ฯ

ฯ ร่าย ๒๔ คำ ฯ

๏ พระเร่งชื่นชมโสมนัส จะใคร่ได้นกหัสรังสี
วางตำราลงไว้ทันที ภูมีออกพระโรงรัตนา ฯ

ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ

๏ พร้อมด้วยเสนาพฤฒามาตย์ เฝ้าแหนเดียรดาษนักหนา
ยุดาหวันยุขันกุมารา เฝ้าพระบิดาอยู่เคียงกัน
ท้าวมีพจนารถประภาษไป เราได้ตำราฉบับสวรรค์
ว่าปักษีดีพ้นจะรำพัน อยู่เขตขัณฑ์อุเรเซนพระบูรี
เราจะใคร่ได้สกุณา มาไว้เป็นเฉลิมกรุงศรี
ใครจะอาสาไปครั้งนี้ จึ่งจะได้สกุณีดั่งจินดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์ผู้ใหญ่พร้อมหน้า
ทั้งทหารพลเรือนเสนา หมอบเฝ้าดาษดาพรั่งพรู
ได้ฟังพระราชบัญชา ต่างคนก้มหน้านิ่งอยู่
ขัดสนจนใจเป็นพ้นรู้ ไม่มีผู้ใดอาสาไป ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงองค์ยุขันศรีใส
เห็นเสนาดาดาษไม่อาจใจ ภูวไนยถวิลจินดา
กูจะรับพระราชโองการ พระภูบาลพิภพนาถา
จึ่งจะได้ไปยังพนาวา เที่ยวหาปักษาดั่งใจจง
ทั้งจะได้พบองค์พระสิทธา ร่ำเรียนวิชาดั่งประสงค์
เกิดในเชื้อกระษัตริย์เอกองค์ ให้ทรงศิลปศาสตร์เชี่ยวชาญ
คิดแล้วถวายอภิวาท พระบิตุรงค์ธิราชรังสรรค์
ลูกจะขออาสาพระทรงธรรม์ ไปยังอุเรเซนธานี
เที่ยวหาหัสรังดั่งจินดา เกลือกว่าจะพบพระฤๅษี
จะได้เรียนพระเวทฤทธี สามปีลูกนี้จะกลับมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์ทรงพิภพนาถา
ได้ฟังโอรสทูลมา ปรีดาชื่นบานสำราญใจ
มิเสียทีที่เจ้าเป็นสุริย์วงศ์ อาจองไม่มีใครเปรียบได้
ควรครองสวรรยาราชัย เป็นหลักในพื้นพสุธา
จึ่งเอื้อนโอษฐ์พจนารถ ขอบใจสายสวาดิเป็นนักหนา
เจ้าจะไปเที่ยวในอรัญวา ตามแต่ปรารถนาเถิดลูกรัก
จงเที่ยวแสวงหาในพงพี กว่าจะได้ปักษีมีศักดิ์
แม้นไปอย่าให้ช้านัก ดวงจักษุพ่อจงกลับมา
แล้วสั่งให้เตรียมพลสกลไกร ไปด้วยลูกน้อยเสนหา
อีกทั้งม้ารถคชา อย่าช้ารีบรัดจัดไว้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
ทูลสนองบัญชาพระภูวไนย ลูกมิให้ยากใจแก่โยธา
อันกรุงอุเรเซนพระเวียงไชย อยู่ไกลกว่าไกลเป็นหนักหนา
แต่ลูกผู้เดียวจะทูลลา ผ่านฟ้าจงทราบฤทัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุรังยิดเป็นใหญ่
ตรัสแก่โอรสยศไกร เจ้าจะไปแต่องค์เดียวเอกา
บิดานี้ปรารมภ์ใจ ทางไกลกันดารนักหนา
ไปเดียวเปลี่ยวใจลูกยา ในป่าสัตว์ร้ายก่ายกอง
บิดาจะให้ยุดาหวัน ไปเป็นเพื่อนกันทั้งสอง
ลัดเลาะเสาะไปดั่งใจปอง เที่ยวท่องสัญจรนอนไพร
ถึงจะมีสัตว์ร้ายไภยัน จะได้ช่วยป้องกันแก้ไข
จึ่งสั่งยุดาหวันทันใด จงไปด้วยองค์อนุชา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันรับสั่งใส่เกศา
จึ่งทูลสนองพระบัญชา ผ่านฟ้าอย่าร้อนฤทัย
ลูกจะขออาสาไปด้วย สู้ม้วยชีวิตตักษัย
เป็นเพื่อนอนุชาที่กลางไพร แม้นมิได้ไม่กลับมาธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุรังยิดเรืองศรี
ฟังพระโอรสทูลคดี เปรมปรีดิ์เป็นพ้นพรรณนา
แล้วพระจึ่งมีบรรหาร สั่งโหราจารย์พร้อมหน้า
เร่งหาศุภฤกษ์ยาตรา อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โหรารับสั่งใส่เกศี
จับกระดานคูณหารทันที พลิกสมุดคัมภีร์เทียบทาน
ดูปูมประดิทินสิ้นจบ เวียนลบสับสนอลหม่าน
เห็นดีไม่มีเหตุการณ์ กราบกรานแล้วทูลพระทรงธรรม์
พรุ่งนี้เวลาอุษาโยค เป็นมหาสิทธิโชคเฉิดฉัน
ฤกษ์ยามงามจบครบครัน แม้นว่าจรจรัลไปแห่งใด
จะมีลาภอุดมสมคิด จะได้ที่เชยชิดพิสมัย
ไพรีจะอัปราชัย จงทราบใต้ฝ่าธุลีพระบาทา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวอุรังยิดรุ่งฟ้า
ได้ฟังทั้งสี่โหรา จึ่งตรัสแก่ลูกยาทั้งสององค์
โหรว่าพรุ่งนี้ดีนัก ลูกรักจะพบสบประสงค์
จะได้หัสรังดั่งใจจง สององค์เจ้าไปสวัสดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระพี่น้องทั้งสองศรี
ได้ฟังบัญชาพระภูมี ชื่นชมยินดีปรีดา
ยอกรถวายอภิวาท องค์พระบิตุราชนาถา
ออกจากพระโรงรจนา มาเฝ้าสมเด็จพระชนนี
มาถึงปราสาทพระมารดร ยอกรประณตบทศรี
ทูลว่าพระจอมโมลี ได้ตำราข้างที่ท้าวนิทรา
เรื่องราวนกหัสรังสี นั้นมีฤทธีเป็นหนักหนา
อยู่ยังอุเรเซนนครา พระจินดาจะใคร่ได้สกุณา
ไม่มีผู้ใดจะอาสา เสนาน้อยใหญ่ไม่อาจหาญ
ลูกรักทูลรับพระโองการ จะไปยังสถานอุเรเซน
พระบิตุรงค์จึ่งให้พระเชษฐา ไปด้วยเกลือกว่าจะเกิดเข็ญ
ถึงจะแสนลำบากยากเย็น ได้เห็นหน้ากันทั้งสองรา
พรุ่งนี้ลูกน้อยจะคลาไคล ทั้งองค์ภูวไนยเชษฐา
ได้ปักษีแล้วจะกลับมา ไม่ช้าแต่ในสามปี ฯ

ฯ โอ้ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
ได้ฟังลูกยาพาที ปิ่มประหนึ่งชีวีจะบรรลัย
ยอกรกอดสองโอรสราช สุดสวาดิพ่อคิดเป็นไฉน
เจ้าจึ่งอาจองทะนงใจ รับอาสาไปทั้งสองรา
ปักษีอยู่ถึงอุเรเซน แม่เห็นจะไม่สมปรารถนา
จะพากันดั้นด้นอรัญวา รู้ว่าหนทางนั้นอย่างไร
อยู่ใกล้ฤๅไกลไม่แจ้งเหตุ จะทุเรศไปจากกรุงใหญ่
พระชนนีเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ไห้อาลัยถึงลูกยา
จะมีแต่อาดูรพูนโศก แสนวิโยคถึงลูกเสนหา
ว่าพลางนางร่ำโศกา กัลยาไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระกุมารเรืองศรี
จึ่งทูลสมเด็จพระชนนี จงดับความโศกีร่ำไร
จำเป็นจำลูกจากบาท จงโอวาทประสิทธิ์ประสาทให้
ดับความวิโยคอาลัย จะเป็นลางไปในอรัญวา
ตัวลูกดั่งราชไกรสร จะไว้เกียรติยศให้ขจรในทิศา
อันความมอดมรณา อย่าว่าแต่ไปทางไกล
นิ่งอยู่ในขัณฑเสมา เวรามาทันก็ม้วยไหม้
ถึงเทวัญในชั้นสุราลัย ก็ไม่พ้นความมรณา
พระองค์ค่อยอยู่จงดี ครองหมู่สาวศรีซ้ายขวา
จงระงับดับโศกโศกา ไม่ช้าลูกจะกลับมาเวียงไชย ฯ

ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อเอยเมื่อนั้น องค์พระชนนีเป็นใหญ่
ได้ฟังโอรสยศไกร ว่ากล่าวต้องในทางธรรม์
นางค่อยคลายโทรมนัสา กอดสองลูกยาแล้วรับขวัญ
แม่แจ้งอยู่สิ้นทุกสิ่งอัน สุดที่จะกลั้นโศกี
ว่าพลางอำนวยอวยพร ให้ถาวรเป็นสุขทั้งสองศรี
อันศัตรูหมู่ราชไพรี พ่ายแพ้ฤทธีพระลูกยา
จงได้นกหัสรังสี สมที่จำนงปรารถนา
ให้เรืองเดชทุกประเทศพารา ปรากฏยศฐาทั้งธาตรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระองค์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ยอกรรับพรพระชนนี ใส่ศีโรตม์แล้วก็อำลา
ไปยังห้องสุวรรณรูจี สองศรีเป็นสุขหรรษา
พระเสด็จเข้าที่ไสยา นิทราหลับไหลในราตรี ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นเอยครั้นรุ่ง พวยพุ่งอรัญแรงแสงศรี
สององค์เสด็จจรลี เข้าที่สระสรงสุธาธาร ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ น้ำหอมออมอบตรลบกลิ่น ทรงสุคนธ์รวยรินหอมหวาน
สอดใส่สนับเพลาโอฬาร ภูษิตชัชวาลเพริศพราย
ใส่ฉลองพระองค์ทรงประพาส พื้นตาดประเสริฐเฉิดฉาย
ทับทรวงดวงเดชเพชรพราย รัดพระองค์ลวดลายพื้นสุวรรณ
ทองกรธำมรงค์รจนา ล้วนค่าควรเมืองเรืองฉัน
ทรงมงกุฏเพชรแพรวพรรณ ทัดอุบะสุวรรณแกมมณี
ทรงกฤชกุดั่นฤทธิรอน งามดั่งไกรสรทั้งสองศรี
แล้วชวนพระอนุชาธิบดี จรลีขึ้นเฝ้าพระบิดา ฯ

ฯ เพลง ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งถวายอัญชุลี พระบิตุเรศชนนีนาถา
กราบลงแทบบาทบาทา ลูกจะทูลลาพระทรงไชย ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระชนกชนนีเป็นใหญ๋
เห็นสองโอรสยศไกร เข้าไปถวายบังคมลา
สองกระษัตริย์อำนวยอวยพร ให้เรืองฤทธิรอนทุกทิศา
อันตรายอย่าได้บีฑา ปรารถนาสิ่งใดให้สมคิด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพี่น้องชื่นชมภิรมย์จิต
กราบลงแทบบาทพระทรงฤทธิ์ รับพรประสิทธิ์แล้วอำลา
สองกระษัตริย์เสด็จยุรยาตร ลงจากปราสาทเลขา
บ่ายพักตร์ตรงทิศบูรพา ไคลคลาเข้าในพนาวา ฯ

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ ทั้งสองยอกรขึ้นอภิวาท เทวราชเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
เชิญช่วยโปรดข้าทั้งสองรา อย่าให้มีไภยันอันตราย
อุเรเซนนั้นอยู่ทิศใด เทพไทจงนำผันผาย
ให้ได้สกุณีเพริศพราย สมหมายด้วยเดชเทวัญ ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงปะตาระกาหลารังสรรค์
สถิตอยู่ในวิมานพรายพรรณ เห็นสองทรงธรรม์ไคลคลา
มีความเมตตาอาลัย จะช่วยให้สำเร็จปรารถนา
จึ่งบันดาลให้เป็นมรคา น้ำท่าผลาหารอุดมมี
แล้วช่วยป้องกันอันตราย สัตว์ร้ายมิให้กรายทั้งสองศรี
กว่าจะถึงอุเรเซนบูรี ให้จรลีสำราญในอุรา[๒]

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ชี้ชวนกันชมพนมมาศ เดียรดาษด้วยพันธุ์พฤกษา
ร่มรื่นบังผืนมรคา บังแสงสุริยาตรัสไตร
พระพายพากลิ่นสุมามาลย์ ฟุ้งซ่านอ่อนอบทั้งป่าใหญ่
ดั่งรสสุคนธามาลัย ค่อยสำราญพระทัยทั้งสองรา
พระเด็ดพุ่มพวงรุกขชาติ ให้พระนุชนาฏขนิษฐา
พระน้องเก็บผลผกา ถวายพระเชษฐาทรงธรรม์
จำปาการะเกดแย้มยวน ลำดวนสุกรมนมสวรรค์
มะลิซ้อนซ่อนกลิ่นพิกุลกัน พุทธชาดอังชันกรรณิการ์
สร้อยฟ้ากาหลงประยงค์แย้ม แก้วแกมสมมิตกฤษณา
สารภีส่งกลิ่นรำเพยพา ผ่านฟ้าเพลิดเพลินจำเริญใจ
ครั้นถึงป่าระหงดงชัฏ เลี้ยวลัดหามรคาใหญ่
ชมปักษรสานต์สำราญใจ ชี้บอกภูวไนยพี่ยา
กระชาสังอังชันเค้าคุ่ม กระลุมพูจับจอมภูผา
กระตั้วเต้นไต่ไม้ไปมา สาลิกาแก้วพลอดอยู่ในไพร
โกญจามยุราประสานเสียง สำเนียงเสนาะแจ่มใส
ให้วังเวงวิเวกอาลัย สองไทรีบเสด็จจรลี ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ ครั้นพ้นหิมวาป่าใหญ่ แลไปแต่ล้วนคีรีศรี
โตรกเตรินเนินเขายาวรี ไม่มีมรคาจะคลาไคล
เป็นคูเขื่อนคั่นกั้นกาง จะมีหนทางก็หาไม่
สององค์เลียบลัดคลาไคล แนวไพรบรรพตคีรี
ทั้งแสงทินกรก็ร้อนกล้า บาทาชอกช้ำบทศรี
เดินยากลำบากแสนทวี พระพี่น้องค่อยบทจรไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง ซึ่งบรรพตาสูงใหญ่
สีเขียวเลื่อมลายอำไพ จับแสงสุริย์ใสอร่ามพราย
จึ่งองค์ยุขันอนุชา ทูลพระเชษฐาโฉมฉาย
หยุดพักสักหน่อยให้ค่อยคลาย บ่ายแสงทินกรจึ่งจรไป
สองพระองค์เสด็จเข้าหยุดพัก ที่ริมหลักเสาประโคนใหญ่
ยุขันเหลือบแลแปรไป เห็นจารึกสักไว้ก็ทรงพลัน ฯ

ฯ ช้า ๖ คำ ฯ

๏ ในอักษรหลักปักหิมเวศ แต่ประถมพรหเมศสาปสรร
ใครมาถึงหลักที่ปักนั้น ให้แยกกันดำเนินเดินดง
จะไปสองคนนั้นไม่ได้ จะมอดม้วยบรรลัยเป็นผุยผง
ด้วยคำสาปสรรเป็นมั่นคง จำเพาะแต่องค์เดียวจร
จึ่งจะพบอาศรมพระรักขิต เธอสถิตอยู่ในสิงขร
ไปตามมรคาพนาดร จะได้ศิลป์ศรนั้นทรงไป
จึ่งจะไปถึงเมืองอุเรเซน ที่จะเป็นอันตรายนั้นหาไม่
แม้นไปสองคนไม่พ้นภัย คนหนึ่งบรรลัยม้วยมิด ฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นอ่านสิ้นอักษรศรี ภูมีเร่าร้อนในดวงจิต
ให้รันทดพระทัยทรงฤทธิ์ สุดคิดก็ทรงโศกา ฯ

ฯ โอด ไห้ ฯ

๏ กลุ้มกลัดอัดอั้นตันใจ ชลนัยน์นองเนตรทั้งซ้ายขวา
ยุดาหวันจึ่งมีวาจา แก่องค์อนุชาวิลาวัณย์
เราจะไปด้วยกันกระไรได้ อักษรว่าไว้เป็นกวดขัน
เจ้าผู้คู่ชีพชีวัน จอมขวัญจะคิดประการใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันได้ฟังละห้อยไห้
ชะรอยกรรมจำพรากจากไกล ขืนไปจะม้วยวายชนม์
จำเป็นจำแยกมรคา อย่าให้วิบัติขัดสน
อาสาพระปิ่นภูวดล ทั้งสองคนให้ได้ราชการ
พี่จะไปด้วยกันนั้นไม่ได้ พระเชษฐาจงไปทูลสาร
ให้ทราบใต้เบื้องบทมาลย์ แม้นสำเร็จการจะกลับมา ฯ

ฯ โอ้ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันได้ฟังขนิษฐา
พี่จะไปฉันใดอนุชา เจ้าจะอยู่เอกาที่ในไพร
ที่จะให้พี่กลับไปพารา พระบิตุเรศมารดาจะติได้
จะว่าพี่ไม่มีอาลัย ทอดทิ้งเจ้าไว้พงพี
ถึงชีวิตจะมอดวอดวาย สู้ตายไม่ไปกรุงศรี
จะสัญจรนอนป่าพนาลี ตามเวรพี่เถิดน้องรัก
ทุกข์ถึงแต่องค์พระเยาวเรศ แสนเทวษพ่างเพียงอกหัก
เช้าเย็นเราเคยเห็นพักตร์ ที่เหน็ดเหนื่อยนักก็ค่อยคลาย
พระนุชจะจรแต่องค์เดียว จะเปล่าเปลี่ยวประพรั่นขวัญหาย
พระโศกแสนศัลย์บรรยาย ฟูมฟายชลเนตรโศกี ฯ

ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันโศกเศร้าหมองศรี
ได้ฟังพี่ยาพาที ภูมีวิโยคจาบัลย์
เวราสิ่งใดมาจำจาก แสนวิบากที่กลางไพรสัณฑ์
พี่น้องเราเคยเห็นหน้ากัน วันนี้จะพรากพรัดไป
สองพระองค์ทรงโทรมนัสศัลย์ ดั่งชีวันจะม้วยตักษัย
แสนเทวษโศกาอาลัย มิได้จะนิราศคลาดคลา
แล้วระงับดับความโศกี สองศรีตริตรึกปรึกษา
จวนจะสิ้นแสงพระสุริยา จำเป็นจำเราจะคลาไคล
ยุขันยอกรอภิวาท พระเชษฐาธิราชเป็นใหญ่
มิใคร่จะจากจรไป แข็งใจดำเนินเดินมา
ต่างแยกมรคาพนาสัณฑ์ พ่างเพียงชีวันจะสังขาร์
ให้อาวรณ์ร้อนเร่าให้อุรา ดั่งหนึ่งว่าชีวันจะบรรลัย ฯ

ฯ โอ้ ร่าย ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุดาหวันรัศมีศรีใส
เดินพลางทางโศกาลัย เข้าในพนมพนาวา
พระเร่งอาดูรพูนโศก แสนวิโยคเศร้าสร้อยละห้อยหา
รำลึกตรึกถึงพระน้องยา อนิจจาจะเป็นประการใด
เดินพลางทางเหลียวหลังมา ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล
ได้ยินเสียงนกร้องก้องไพร แว่วไปว่าเสียงอนุชา
หยุดยั้งยืนฟังสำเนียง ใช่เสียงพระนุชเสนหา
ตะลึงไปมิใคร่จะลีลา พระอตส่าห์ฝืนจิตคลาไคล
มาได้สิบห้าราตรี ไม่รู้ที่แห่งหนตำบลไหน
เสวยแต่ผลไม้ที่ในไพร มิได้พบเอมโอชโภชนา ฯ

ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวจะรังหงูบูหรา
ครอบครองเขตขัณฑเสมา ฝูงประชามิได้เดือดร้อน
กับองค์ประไหมสุหรี เป็นที่ร่วมทุกข์สโมสร
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร ถาวรกระเษมเปรมปรา
มีราชบุตรียุพยง ทรงนามนวลนางกัญจะหนา
เฉิดโฉมประโลมโลกา นางในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน
พระบิตุรงค์แลองค์ชนนี สงวนราชบุตรีเฉลิมขวัญ
ให้อยู่ในปรางค์สุวรรณ แสนสาวกำนัลดาษดา
เย็นเช้าขึ้นเฝ้าสองกระษัตริย์ พูนเพิ่มพิพัฒน์หรรษา
ท้าวถนอมมิให้เคืองวิญญาณ์ ชันษาพึ่งได้สิบห้าปี
ท้าวไร้โอรสยศยง ที่จะสืบพระวงศาในกรุงศรี
โรคาเบียดเบียนยายี ภูมีเสวยสวรรคต ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประไหมสุหรีครวญคร่ำกำสรด
ทั้งพระบุตรีมียศ โศการันทดสลดใจ
ทั้งหมู่แสนสาวพระกำนัล ก็โศกศัลย์รัญจวนหวนไห้
เสนาประชากรทั้งเวียงไชย มิได้สุขกระเษมเปรมปรา ฯ

ฯ โอด ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่เสนีจึ่งปรึกษา
จะถวายพระเพลิงราชา ตามจารีตกษัตราเลิศไกร
จึ่งกะเกณฑ์กันทันที จะตั้งที่พระเมรุกว้างใหญ่
จึ่งแจกกฎหมายรายไป ก็ได้พร้อมกันทันที
จึ่งเชิญพระศพเข้าเมรุทอง เถือกถ่องแอร่มแจ่มศรี
หยุดยั้งไว้เจ็ดราตรี มีการมโหรสพครบครัน ฯ

ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีโศกศัลย์
ทั้งพระบุตรีดวงจันทร์ แสนสนมกำนัลมากมี
จึ่งเสด็จไปยังพระเมรุทอง อันกุก่องจำรัสรัศมี
จึ่งถวายพระเพลิงภูมี โศกีครวญคร่ำร่ำไร
ครั้นแล้วจึ่งดับอัคคี องค์ประไหมสุหรีศรีใส
เสด็จคืนเข้ายังวังใน โศกาอาลัยไม่เว้นวาย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนามาตยาทั้งหลาย
พราหมณ์ชีบีกูมากมาย ทุกนายใหญ่น้อยประชุมกัน
ปรึกษาว่าราชเวียงไชย ไม่มีใครจะผ่านไอศวรรย์
เกลือกจะมีศัตรูหมู่ไภยัน มาเบียดเบียนเขตขัณฑเสมา
จำเราจะเสี่ยงพิไชยรถ ให้เที่ยวทั่วทศทิศา
แม้นผู้ใดเรืองฤทธา ควรครองสวรรยาธานี
จึ่งจะรับเข้ามาอภิเษก กับองค์เอกพระธิดาโฉมศรี
ไพร่ฟ้าจะผาสุกเปรมปรีดิ์ ไพรีจะเกรงพระเดชา
ปรึกษาพร้อมเสร็จสำเร็จแล้ว ชวนกันคลาดแคล้วพร้อมหน้า
เข้ายังปราสาทรจนา ก้มเกล้าวันทานางทรามวัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีศรีใส
เห็นสี่มหาเสนาใน พฤฒามาตย์ผู้ใหญ่เข้ามา
จึ่งมีพระราชเสาวนีย์ ปราศรัยพราหมณ์ชีพร้อมหน้า
เหตุการณ์สิ่งใดท่านจึ่งมา ฤๅพาราเกิดเสี้ยนไพรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาทั้งสี่
ก้มเกล้ากราบทูลทันที พระเสาวนีย์จึ่งทรงพระเมตตา
บัดนี้พร้อมกันเห็นเหตุ ด้วยนคเรศว่างนานหนักหนา
ไม่มีผู้ผ่านพารา เห็นว่าจะเกิดจลาจล
จำจะเสี่ยงพิไชยรัถา ไปเที่ยวแสวงหาทุกแห่งหน
ถ้าใครควรเป็นปิ่นภูวดล กับองค์นิรมลพระธิดา
จะรับเข้ามาอภิเษก เป็นเอกอัครบรมนาถา
พระนครจะกระเษมเปรมปรา พระชายาจะโปรดประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีศรีใส
ได้ฟังทั้งสี่เสนาใน ทรามวัยจึ่งมีวาจา
ทั้งนี้ก็สุดแต่ท่าน เห็นสมควรการไปภายหน้า
อันตัวเรานี้นะเสนา ดั่งเกศาขาดออกจากกาย
ที่จะคิดการเวียงไชย ตามแต่ใจท่านทั้งหลาย
จะบำรุงอาณาราษฎร์ให้สบาย จึ่งจะคลายเดือดร้อนทั้งธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาทั้งสี่
โหราพฤฒาพราหมณ์ชี ถวายอัญชุลีแล้วออกมา
ครั้นถึงซึ่งท้องพระโรงไชย จึ่งให้แต่งราชรัถา
เทียมสินธพชาติอาชา องอาจกล้าหาญชาญชัย
ทั้งเครื่องสักการะบูชา คันธรสมาลาแจ่มใส
แตรสังข์ปี่พาทย์ฆ้องไชย ทั้งพหลพลไกรมากมี
เครื่องสูงไสวพร้อมพรั่ง ตั้งตามกระบวนถ้วนถี่
มาตยาพฤฒาพราหมณ์ชี คับคั่งยังที่พระโรงไชย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โหราธิบดีน้อยใหญ่
ครั้นได้ฤกษ์งามยามไชย ก็ให้ลั่นฆ้องสามที
แล้วเคลื่อนพิไชยรัถา ออกจากพารากรุงศรี
จึ่งยอกรถวายอัญชุลี พร้อมกันแล้วมีวาจา
เดชะตั้งสัตย์อธิษฐาน จะไปหาผู้ผ่านแหล่งหล้า
แม้นใครรุ่งเรืองฤทธา สมควรสวรรยาราชัย
ขอให้สินธพอาชา พาราชรัถาไปจงได้
แม้อยู่แห่งหนตำบลใด ให้ตรงไปดั่งใจจินดา
ครั้นเสร็จสิ้นคำอธิษฐาน ขับพาชีชาญใจกล้า
ตรงทางข้างทิศบูรพา พฤฒาทั้งปวงก็ตามไป ฯ

ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ


[๑] ต้นฉบับว่า “ตามขนบพระราชประเพณี” แต่สัมผัสไม่ส่งตามบังคับ ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “ตามขนบพระราชบรรณา”

[๒] ต้นฉบับว่า “ให้จรลีสำราญบานใจ” แต่สัมผัสไม่ส่งตามบังคับ ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “ให้จรลีสำราญในอุรา”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ