๒๔

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงพระอาจารย์ฌานกล้า
ได้ยินเสียงพลโยธา กึกก้องเข้ามาถึงกุฎี
พระดาบสจึ่งเข้าฌาณดู ก็รู้ว่ายุขันเรืองศรี
กับองค์ลิขิตฤทธี ยกพลมนตรีออกมา
พระมุนีชื่นชมภิรมย์นัก บอกแก่หลานรักเสนหา
บัดนี้องค์พระภัสดา จะใกล้มาถึงกุฎี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มเนื้อนวลศรี
ทั้งนางสันหยานารี ชื่นชมยินดีเป็นพ้นไป
ดั่งได้เห็นองค์พระสามี เทวียิ้มแย้มแจ่มใส
แล้วก็ลาพระอาจารย์ชาญชัย กลับไปยังบรรณศาลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
ครั้นรุ่งรังสีพระสุริยา ตื่นจากนิทราบรรทมใน
เข้าที่ชำระสระสรง สำอางองค์ให้ผ่องใส
แล้วชวนอนุชาผู้ร่วมใจ เราจะไปอาศรมพระนักธรรม์
อันฝูงสาวสรรกัลยา ที่จัดออกมาแต่เขตขัณฑ์
จงไปให้พร้อมเพรียงกัน สั่งแล้วจรจรัลไคลคลา
ยุรยาตรด้วยบาทภูวไนย ไปกับลิขิตขนิษฐา
อันนางกำนัลกัลยา ตามผ่านฟ้าจรลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง อาศรมพระมหาฤๅษี
จึ่งเสด็จเข้าไปในกุฎี อัญชุลีกราบเกล้าวันทา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระมหาดาบสพรตกล้า
ครั้นเห็นสองราชนัดดา พระอัยกาชื่นชมยินดี
จึ่งปราศรัยไถ่ถามถึงความหลัง เล่าให้ตาฟังจงถ้วนถี่
เจ้ายากแค้นแสนทวี อัยกานี้ปรารมภ์นัก ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันสุริย์วงศ์ทรงศักดิ์
จึ่งกราบทูลไปด้วยใจภักดิ์ หลานรักปิ่มจะม้วยชีวัน
เดชะอานุภาพพระอาจารย์ ทั้งท้าวผู้ผ่านไอศวรรย์
จึ่งไม่อันตรายไภยัน บรรยายแต่ต้นจนปลายมา
พอได้พบกันกับลิขิต พระทรงฤทธิ์ใช้ให้เข้าไปหา
บอกว่าประวะลิ่มกัลยา มาอยู่ด้วยองค์พระทรงไชย
ข้าจึ่งยกนิกรโยธา มารับกัลยาเข้ากรุงใหญ่
บัดนี้โฉมงามทรามวัย อยู่ไหนจึ่งไม่เห็นพักตรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น องค์พระอาจารย์ฌานกล้า
ได้ฟังทรงธรรม์บัญชา จึ่งบอกว่าองค์เทวี
ยังอยู่ในบรรณศาลา กับโอรสาของโฉมศรี
เชิญพระนัดดาจรลี ไปหาเทวียังห้องใน
นางได้แจ้งข่าวพระภัสดา ก็ตั้งแต่โศกาหม่นไหม้
เห็นจะละห้อยน้อยใจ จึ่งไม่มาเฝ้ายังกุฎี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังวาจาพระมุนี ยอกรชุลีบังคมลา
จึ่งยุรยาตรคลาดคลาไคล ไปหาอรไทเสนหา
ครั้นถึงเห็นองค์กัลยา พักตราสร้อยเศร้าแสนทวี
สันหยาพี่เลี้ยงนงคราญ ทั้งองค์พระกุมารโฉมศรี
พระอุ้มโอรสามาทันที ภูมีรับขวัญลูกยา
อนิจจาแสนยากลำบากใจ ไร้ทั้งญาติวงศ์พงศา
ได้มาถึงองค์พระสิทธา หาไม่ชีวาจะบรรลัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเทวีศรีใส
ครั้นเห็นพระองค์ทรงไชย ทรามวัยคั่งแค้นแสนทวี
ยอกรถวายวันทา ชลนานองพักตราโฉมศรี
นางทรงโศกศัลย์พันทวี มิได้ว่าขานประการใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงโฉมพิสมัย
เห็นนางโศกโศกาลัย ภูวไนยจึ่งมีวาจา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดเสนหา
แต่พี่พลัดพรากจากมา ไม่วายโศกาจาบัลย์
ครั้นจะบอกนวลให้แจ้งจิต ดวงใจจะคิดเดียดฉันท์
จึ่งเขียนสัพสารารำพัน จะให้ขวัญตาแจ้งคดี
ซึ่งมิเล่าความตามจริง สิ่งนี้ผิดแล้วนะโฉมศรี
ใช่พี่จะแกล้งจรลี เทวีอย่าละห้อยน้อยใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ทรงเอยทรงฤทธิ์ ช่างคิดผันแปรแก้ไข
พระแกล้งสลัดซัดไว้ ให้ได้เวทนาทุกราตรี
แม้นพระแจ้งความตามสัตย์ น้องก็ไม่ขืนขัดพระโฉมศรี
ว่าจะพาหัสรังสกุณี กลับไปบูรีเวียงไชย
ยังไม่ทันถึงพารา พระได้ครองพาราเป็นใหญ่
แสนสนุกสำราญบานใจ ลืมไปเสียสิ้นทุกสิ่งอัน
เจ้านกหัสรังปักษี ชีวีก็ม้วยอาสัญ
น้องแสนโศกาจาบัลย์ เป็นนิรันดร์ไม่วายชลนา
นี่หากพระอาจารย์ชาญชัย ใช้ลิขิตเข้าไปหา
พระจึ่งเสด็จออกมา หาไม่ไม่กลับไปธานี
ว่าพลางนางทรงกันแสงไห้ ร่ำไรถึงหัสรังสี
รักเจ้าเท่าดวงชีวี แม่ไม่ว่าเจ้าเป็นนก
คิดว่าเหมือนลูกดวงใจ ฟูมฟักรักใคร่เจ้าวิหค
จากไปอย่างใครมาหยิบยก ดวงใจในอกของแม่ไป
โอ้รังสีน้อยของแม่เอ๋ย เมื่อไรเลยจะหาเหมือนเจ้าได้
จะเที่ยวไปจนจบภพไตร ไม่เปรียบเทียบได้เหมือนลูกรัก
เสียดายตายจากชนนี ในทรวงแม่นี้คือศรปัก
บิดาพาไปอาลัยนัก ร่ำรักถึงเจ้าทุกราตรี ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฟังมเหสี
ปลอบนางให้สร่างโศกี แก้วพี่อย่าถวิลจินดา
พี่แสนลำบากยากใจ ดั่งชีวาลัยจะสังขาร์
แต่ไปจากองค์พระสิทธา เร่งรีบอาชาคลาไคล
เผอิญให้ใหลหลงลืมมรคา จะกลับไปพาราไม่จำได้
พอหยุดยั้งยังร่มพระไทร พบอ้ายพรานไพรพนาลี
พาพี่เข้าไปในสวนขวัญ มันไปบอกกับท้าวปะรังศรี
ออกมาแต่ในราตรี พี่นี้หลับไม่รู้กายา
ลักเจ้าสกุณาหนีไป ทั้งกฤชศรไชยแกล้วกล้า
เอาพี่ทิ้งลงในคงคา จะให้ชีวาม้วยมิด
แม้นบรรลัยเสียในสมุทร ที่ไหนวรนุชจะแจ้งจิต
ดั่งพี่จะสิ้นชีวิต ผลสัตย์สุจริตจึ่งรอดมา
รีบยกพหลโยธี จะรบเอาสกุณีปักษา
ท้าวปะรังสังหารมรณา ได้แต่จินดาฤทธิรงค์
รู้ข่าวแก้วตายาใจ ว่าออกมาอยู่ในไพรระหง
พี่จึ่งยกพลจัตุรงค์ ออกมารับองค์ทรามวัย
ไปครองฝูงสนมอนงค์นาง เป็นปิ่นสุรางค์ในกรุงใหญ่
เชิญเจ้าแก้วตายาใจ เข้าไปอุรังฆารพระบูรี ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางประวะลิ่มโฉมศรี
ได้ฟังบัญชาพระภูมี นางค่อยคลี่คลายสบายใจ
จึ่งยอกรประณตบทบงสุ์ กราบลงแล้วทูลสนองไข
แต่พระองค์นิราศคลาดไป น้องไม่มีสุขสักเวลา
จนได้พบองค์พระทรงสวัสดิ์ มีความโสมนัสหรรษา
ทีนี้จะวางวายโศกา จะได้ผาสุกสำราญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมสงสาร
ได้ฟังถ้อยคำเยาวมาลย์ ภูบาลกระเษมเปรมปรา
เชยชมโอรสพิสมัย ดวงใจพ่อสุดเสนหา
แล้วพระองค์จึ่งมีวาจา ปราศรัยสันหยานารี
มิเสียทีที่ร่วมพิสมัย รักใคร่ในองค์พระโฉมศรี
สู้ทนยากลำบากอินทรีย์ ไม่คิดชีวีจะมรณา
ถ้ากลับเข้าไปเวียงไชย จะแทนคุณทรามวัยให้นักหนา
ว่าแล้วก็ชวนองค์กัลยา มาจะไปอาศรมพระมุนี
ตรัสแล้วเสด็จบทจร งามดั่งไกรสรราชสีห์
อุ้มโอรสาจรลี สองนางนารีตามไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งกราบนมัสการ องค์พระอาจารย์เป็นใหญ่
อันฝูงสนมกำนัลใน พรั่งพร้อมไสววันทา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งองค์ลิขิตขนิษฐา
ถวายบังคมคัลวันทา พี่นางกัลยาทรามวัย
แล้วอุ้มเอาองค์พระนัดดา มาใส่บนตักด้วยรักใคร่
แสนพิศวาสเพียงขาดใจ กอดจูบลูบไล้ทั้งกายา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระดาบสทรงพรตแกล้วกล้า
ชื่นชมโสมนัสเปรมปรา ด้วยพระนัดดาทั้งสี่องค์
จึ่งมีวาจาไปพลัน แก่องค์ยุขันสูงส่ง
นัดดาจะสืบสุริย์วงศ์ ทรงภพโดยยุติธรรมา
ขอฝากประวะลิ่มโฉมยง นางไร้ญาติวงศ์พงศา
ได้เห็นแต่เจ้าผู้ภัสดา จงได้เมตตาปรานี
ผิดพลั้งหนักเบาจงผันผ่อน อย่าสลัดตัดรอนมารศรี
อาธรรม์ฉันทานั้นอย่ามี จะได้เป็นศรีพระนคร
จงดำริตริตรึกหน้าหลัง จงฟังคำอัยกาสอน
จะรุ่งเรืองเดชาสถาวร ขจรทั้งพิภพโลกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฤทธิ์ทุกทิศา
น้อมเศียรรับรสพจนา องค์พระสิทธาด้วยยินดี
แล้วจึ่งสนองวาจา พระอัยกาอย่าเคืองบทศรี
อันองค์อัคเรศเทวี มิได้คิดแค้นเคืองใจ
แล้วจึ่งถวายวันทา องค์พระอาจารย์เป็นใหญ่
หลานรักมาจากเวียงไชย ได้หลายราตรีทิวากาล
เกลือกจะมีเหตุเภทภัย ที่ในเวียงไชยราชฐาน
จะขออำลาพระอาจารย์ รับองค์กุมารเข้าไป
กับองค์ประวะลิ่มเยาวเรศ ครอบครองนิเวศกรุงใหญ่
พระองค์จงอยู่สำราญใจ อันตรายสิ่งใดอย่าบีฑา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น องค์พระนักสิทธิ์กิจกล้า
ได้ฟังหลานรักอำลา พระอาจารย์เศร้าสร้อยละห้อยใจ
อาลัยในองค์พระกุมาร จะขืนขัดทัดทานนั้นไม่ได้
แล้วจึ่งอำนวยอวยชัย ให้รุ่งเรืองฤทธิไกรมหึมา
สี่กระษัตริย์จงไปเสวยสุข อย่ามีทุกข์โทรมนัสา
อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา ลือเดชเดชาทุกธานี
แล้วโอวาทประสาทสั่งสอน บังอรประวะลิ่มโฉมศรี
เจ้าจงฝากองค์แก่สามี เทวีอย่าประมาทอาจใจ
อันฝูงพระสนมกำนัล อย่าเคียดขึ้งหุนหันแต่โดยได้
ให้มีจิตเมตตาทุกหน้าไป จะว่าขานสิ่งใดให้ชอบธรรม์
มาตรแม้นผิดพลั้งจงสั่งสอน สายสมรอย่าคิดเดียดฉันท์
ภักดีในองค์พระทรงธรรม์ หลานขวัญจำคำอัยกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มเสนหา
ก้มเกล้ารับคำพระสิทธา ชลนานองพักตร์เทวี
ข้าน้อยได้มาอาศัย ค่อยสบายคลายใจกระเษมศรี
ไม่ได้สนองคุณพระมุนี หลานนี้จะพรากจากจร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันสุริย์วงศ์ทรงศร
ทั้งองค์ลิขิตฤทธิรอน ประณมกรน้อมเกล้าอำลา
องค์ประวะลิ่มโฉมศรี ทั้งพระพี่เลี้ยงสันหยา
ถวายบังคมคัลวันทา องค์พระอาจารย์ชาญชัย
สี่กระษัตริย์ออกจากอาศรม พระมหาโคดมเป็นใหญ่
นางอุ้มลูกยาคลาไคล ตามเสด็จภูวไนยบทจร
ครั้นถึงสุวรรณพลับพลา เสนาพร้อมเฝ้าอยู่สลอน
ตรัสสั่งให้เตรียมพลากร จะคืนเข้านครเวียงไชย ฯ

ฯ ยานี ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งพระองค์ทรงไชย ออกไปเร่งรัดจัดกัน
ตามกระบวนพยุหบาตรยาตรา พร้อมแสนเสนาพลขันธ์
ครั้นเสร็จเข้ามาบังคมคัล จัดสรรเสร็จแล้วพระภูวไนย ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเรืองศรีเป็นใหญ่
จึ่งชวนอัครราชวิไล ทั้งลิขิตชาญชัยอนุชา ฯ

ฯ โทน ๒ คำ ฯ

๏ เข้าที่ชำระสระสรง สำอางองค์เสร็จแล้วทรงภูษา
ทรงเครื่องประดับอลงการ์ สำหรับกษัตรายิ่งยง
ทรงกฤชอันทรงฤทธี จรลีย่างเยื้องดูระหง
องค์พระอนุชาฤทธิรงค์ ขึ้นทรงมิ่งม้าอาชาไนย
อันโฉมเอกอัครไฉยา กับพระกุมาราศรีใส
สันหยาพี่เลี้ยงนางทรามวัย ไปขึ้นรถประเทียบอันเดียวกัน
พระเสด็จขึ้นทรงรถแก้ว เพริศแพร้วพรรณรายฉายฉัน
ให้เคลื่อนจัตุรงค์แน่นนันต์ ฆ้องกลองสนั่นอรัญวา
อภิรุมชุมสายพรายพรรณ บังแสงสุริย์ฉันจำรัสหล้า
ผงคลีเกลื่อนกลุ้มเมฆา ยาตราพหลพลจร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เดินเอยเดินทาง ในหว่างเงาไม้สิงขร
รุกขชาติทรงผลอรชร แก่อ่อนตกกลาดดาษไป
พระชี้ชวนประวะลิ่มโฉมยง กับฝูงอนงค์น้อยใหญ่
ชมพฤกษาสารสำราญใจ ประกอบไปด้วยมิ่งไม้หลายพรรณ
บ้างทรงผลปนผการะย้าย้อย ดั่งแกล้งร้อยกรองติดประดิษฐ์สรรค์
แดงม่วงร่วงเหลืองสลับกัน เป็นพวงพันช้อยช่ออรชร
ประยงค์ปีบจำปากาหลง ลมชวยรวยทรงเกสร
พลับทรวงพลวงว่าอุทุมพร แก่อ่อนสุกห่ามอร่ามเรือง
คณานกผกบินมากินผล ทุกต้นจับอึงคะนึงเนื่อง
บ้างโจนป่ายรายอเนกเนือง ยูงเยื้องลีลาน่าดู
สาลิกาแขกเต้ามยุรา โกญจาจับเรียงเคียงคู่
เบญจวรรณโนรีสีชมพู พระชี้ให้โฉมตรูทัศนา
แรมไพรมาหลายราตรี ข้ามคีรีห้วยธารเหวผา
เร่งรัดพหลพลโยธา มาในป่าพงไพร ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง ยังพระนครกรุงใหญ่
จึ่งชวนอัครราชวิไล เข้าในปราสาทรจนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีเสนหา
รู้ว่าพระองค์เสด็จมา กัลยาตริตรึกนึกใน
แม้นกูมิขึ้นไปเฝ้า ผ่านเกล้าจะขัดอัชฌาศัย
ครั้นจะไปคิดสะเทิ้นใจ ทำไฉนฉะนี้นะอกอา
จะบังคมคัลอัญชุลี องค์พระมเหสีเสนหา
เกลือกนางจะรังเกียจเดียดฉันทา จะว่ากล่าวหยาบช้าประการใด
..................[๑] ด้วยยังมิได้แจ้งใจ
เยาวเรศอาวรณ์ถอนฤทัย แล้วคิดหักใจกัลยา
ก็เพราะผลกรรมได้ทำไว้ เจียมใจไปตามวาสนา
จำเป็นจำไปจะไคลคลา เฝ้าพระยอดฟ้าด้วยภักดี
คิดแล้วเสด็จยุรยาตร มายังปราสาทอันเรืองศรี
ครั้นถึงจึ่งถวายอัญชุลี เทวีแฝงเฝ้าอยู่แต่ไกล ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันลือลบสบสมัย
เห็นองค์บุตรีทรามวัย ปราศรัยด้วยรสวาที
เชิญโฉมสุดายาใจ มานั่งในแท่นทองเรืองศรี
มาหาพี่นางเทวี สนทนาพาทีด้วยกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีเฉิดฉัน
ได้ฟังบัญชาพระทรงธรรม์ กัลยาค่อยคลายฤทัย
จึ่งคลานเข้าไปใกล้อาสน์ นางถวายอภิวาทบังคมไหว้
องค์นางประวะลิ่มทรามวัย คลานก้มพักตร์ไม่จำนรรจา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มเสนหา
เห็นนางถวายวันทา จึ่งมีวาจาไปทันใด
พี่ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ จะรักร่วมชีวันกว่าตักษัย
เจ้าอย่ากินแหนงแคลงใจ มิให้เจ้าได้อนาทร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีดวงสมร
ได้ฟังวาจาอันสุนทร บังอรชื่นชมยินดี
จึ่งทูลสนองพจนา ตัวข้าขอรองบทศรี
ไปกว่าจะม้วยชีวี ไม่มีราคีฉันทา
แล้วอุ้มเอาองค์พระลูกรัก มาวางเหนือตักด้วยหรรษา
แสนพิศวาสกุมารา เสนหาดั่งดวงฤทัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย
เห็นสององค์อัครวิไล รักกันเป็นมิตรไมตรี
พระองค์ชื่นชมโสมนัส พูนสวัสดิ์ปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
จึ่งมีพจนาวาที สั่งนางนารีกำนัล
จงจัดแก้วแหวนเงินทอง ข้าวของบรรจงทุกสิ่งสรร
อีกข้าชายหญิงครบครัน เร่งรัดจัดกันบัดนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลรับสั่งใส่เกศี
มาจัดเครื่องสุวรรณอันอย่างดี มากมีแล้วยกเข้ามา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงฤทธิ์ทุกทิศา
จึ่งประทานสิ่งของนานา แก่นางสันหยาเทวี
แก้วเก้าเนาวรัตน์บรรจง อันยิ่งยงเพชรรัตน์อันเรืองศรี
อีกหมู่ทาสานารี ตามมีความชอบแต่หลังมา
แล้วจัดพี่เลี้ยงทั้งนางนม อันอุดมตระกูลวงศา
ทั้งรูปทรงส่งศรีโสภา ให้เลี้ยงลูกยาธิบดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยาพี่เลี้ยงโฉมศรี
ได้ประทานสิ่งของมากมี เทวีชื่นชมสำราญใจ
คอยบำรุงรักษาพระกุมาร นงคราญฟูมฟักรักใคร่
มิได้อนาทรร้อนใจ ถนอมลูบไล้ทุกเวลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
เสด็จออกพระโรงรจนา พร้อมหมู่มาตยามนตรี
จึ่งจัดเครื่องต้นรจนา ประทานให้อนุชาเรืองศรี
อีกฝูงสนมนารี ที่รูปทรงทรงโสภา
ทั้งเครื่องใช้สอยครบครัน จัดสรรให้ควรด้วยยศฐา
พระตำหนักใหญ่น้อยนานา วัตถาลังการ์มากมี
แล้วมีพระราชบัญชา แก่โหรโหราทั้งสี่
จะสมโภชโอรสธิบดี ให้ต้องที่กำหนดศุภวาร
จงเร่งหาฤกษ์ศุภผล จะให้เป็นมงคลกระเษมสานต์
สักกี่ทิวาราตรีกาล จึ่งจะได้ฤกษ์พานเวลา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โหรเฒ่ารับสั่งใส่เกศา
จับกระดานคูณหารตามตำรา ดูโชคเพลานาที
คูณควรฤกษ์ตำราฤกษ์บน นับมือแกจนถ้วนถี่
จึ่งกราบทูลพลันทันที ยังสามราตรีดีนัก ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงผู้ทรงศักดิ์
พระเร่งชื่นชมภิรมย์นัก ประจักษ์ในถ้อยคำโหรา
แล้วมีพระราชวาที แก่มุขมนตรีถ้วนหน้า
จงจัดแจงแต่งที่ให้โอฬาร์ ทั้งบายศรีซ้ายขวาครบครัน
ให้เสร็จในสามราตรี ส่งให้ตามที่ทุกสิ่งสรร
ทั้งการสมโภชพร้อมกัน ให้ทันฤกษ์ยามเวลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศา
มาสั่งตามมีพระบัญชา พนักงานซ้ายขวาทั้งนั้น
ตำแหน่งของใครให้ตรวจตรา ถ้วนหน้าเร่งรัดจัดสรร
ในสามราตรีทิวาวัน เสร็จสรรพพร้อมกันทันใด
ครั้นแล้วเสนีก็เข้ามา ยังพระโรงรจนาศรีใส
กราบทูลพระปิ่นภพไตร เตรียมไว้เสร็จแล้วพระภูมี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันสุริย์วงศ์เรืองศรี
ได้ฟังเสนาก็ยินดี จึ่งเสด็จจรลีเข้ามา
พระสถิตเหนือแท่นทิพอาสน์ ตรัสแก่นุชนาฏเสนหา
จวนจะได้ศุภฤกษ์เพลา จงแต่งโอรสายาใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเยาวยอดพิสมัย
รับรสพจนารถพระภูวไนย กัลยาให้เชิญพระกุมาร
พระนมพี่เลี้ยงซ้ายขวา เชิญพระโอรสสรงสนาน
วารินกลั้วกลิ่นสุมามาลย์ ซาบซ่านกุหลาบอาบองค์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เสร็จสรงทรงคนธา สนับเพลาภูษาเครือระหง
สร้อยสังวาลยรรยง ตาบเพชรบรรจงกุดั่นพราย
ทองกรเป็นรูปนาคาขด เลี้ยวลดดั่งจะแข่งแสงฉาย
ธำมรงค์ร่วงรุ้งอร่ามพราย ดั่งหน่อนารายณ์ฤทธิรอน
พระเกี้ยววิเชียรแปดทิศ ชวลิตแลเลื่อมประภัสสร
ฉลุลายกระจังกระจายจร อลงกรณ์ล้วนเพชรัตน์ชัชวาล ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วเชิญขึ้นยานุมาศ กาหลพิณพาทย์เสียงประสาน
กึกก้องทั่วท้องสุธาธาร หญิงชายบริวารก็ตามมา
หน้าหลังคั่งคับถนนมารค แห่แหนโดยขนาดทั้งซ้ายขวา
เชิญพระยานุมาศยาตรา มิช้าถึงท้องพระโรงไชย
ประทับเกยมณีชัชวาล เชิญพระกุมารศรีใส
จากยานุมาศทันใด สถิตในอาสน์แก้วอันโอฬาร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พฤฒามาตย์ราชครูมหาศาล
ครั้นได้พิไชยศุภวาร ประโคมขานดุริยางค์ดนตรี
จุดเทียนแล้วติดแว่นแก้ว อันเพริศแพร้วจำรัสรัศมี
ทั้งสามสำรับอันรูจี ประดับด้วยมณีรจนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เวียนเอยเวียนเทียน ให้เวียนแต่ซ้ายมาขวา
ชั้นหนึ่งชีพราหมณ์พฤฒา ชั้นหนึ่งเสนาบดี
ชั้นหนึ่งท้าวนางถัดมา พระบิตุเรศมารดาบุษหรี
เฒ่าแก่กำนัลนารี พี่เลี้ยงนางนมเป็นหลั่นมา
ครั้นเวียนเทียนเสร็จสิ้นเจ็ดรอบ ชอบโชคตามโฉลกในแหล่งหล้า
แล้วจึ่งพราหมณ์เฒ่าพฤฒา รับแว่นมาดับอัคคี
โบกควันเทียนไปให้ต้ององค์ พระกุมารฤทธิรงค์เรืองศรี
เจิมพักตร์ถวายชัยสวัสดี พร้อมกันอึงมี่ทั้งโรงทาน
จงรุ่งเรืองพระเดชเดชา ปราบทั่วโลกาทุกสถาน
ศัตรูหมู่ราชภัยพาล อย่าต่อต้านฤทธิไกร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น บิตุเรศชนนีเป็นใหญ่
ครั้นเสร็จสมโภชพระภูวไนย ผ่องใสโสมนัสพันทวี
จึ่งให้พระนามกุมารา ชื่อว่ายุรังหวันเรืองศรี
จงปรากฏพระยศทั่วธานี จำเริญศรีสวัสดิ์ทุกเวลา
แล้วให้เชิญองค์โอรสราช เข้ายังปราสาทเลขา
พระแสนพิศวาสพระลูกยา ดั่งดวงนัยนาภูมี
พระครอบครองสวรรยาราชัย กับสองทรามวัยมเหสี
อันตรายมิได้ราคี เปรมปรีดิ์เป็นสุขทุกเวลา
คิดถึงพระชนกชนนี ป่านนี้จะละห้อยคอยหา
จะแสนทุกข์ทนเวทนา สัญญาว่าจะมาสามปี
พระจะนับวันท่าเห็นช้านัก ทรงศักดิ์คิดเศร้าหมองศรี
ด้วยท้าวไม่แจ้งแห่งคดี ว่าลูกนี้จะเป็นประการใด
ทั้งองค์สมเด็จพระเชษฐา แต่จะแสนโศกาหม่นไหม้
เป็นกรรมจำพรากพรัดไป ยังไม่รู้เหตุเภทพาล
จำกูจะยกพลไกร ออกไปยังไพรพนัสถาน
เสาะแสวงหาไปในดงดาน กว่าจะพบพานพระพี่ยา
จึ่งจะกลับคืนไปไอศวรรย์ บังคมคัลสองกระษัตริย์นาถา
ถวายแก้วหัสรังสกุณา อันมีฤทธาเลิศไกร
เมื่อเทวัญมากั้นกำบังจิต คิดคิดแล้วลืมไม่นึกได้
ด้วยเหตุประวะลิ่มจะจากไป กรุงไกรอุรังยิดพระบิดา
หลงรักบุษหรีแจ่มจันทร์ ผูกพันสนิทเสนหา
อยู่ในห้องสุวรรณกัลยา ไม่นิราศคลาดคลาสักราตรี ฯ

ฯ ๒๒ คำ ฯ


[๑] ต้นฉบับหายไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ