๒๘
๏ โยธาคั่งคับนับแสน | หยุดอยู่ปลายแดนกรุงใหญ่ |
ยังไม่วู่วามเข้าไป | สั่งให้ปลูกสุวรรณพลับพลา |
เสด็จอยู่พลับพลาอันเดียวกัน | กับองค์ยุดาหวันกัญจะหนา |
ยุขันจึ่งมีวาจา | ว่าพระพี่ยาไปทันใด |
จำเราจะเข้าไปก่อน | เฝ้าพระบิดรในกรุงใหญ่ |
ถวายดวงแก้วแววไว | อย่าให้ท้าวไทโกรธา |
พระพี่กัญจะหนาบุษหรี | สาวศรีกำนัลซ้ายขวา |
อยู่แต่สุวรรณพลับพลา | แล้วจึ่งจะมารับไป |
จึ่งสั่งตำมะหงงตะหลาหรัน | ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ใหญ่ |
อย่าให้มีเหตุเภทภัย | จงระวังระไวตรวจตรา |
ครั้นจะเข้าไปพร้อมกัน | พลขันธ์มากมายนักหนา |
จะตระหนกตกใจในพารา | แต่ข้าจะเข้าไปแจ้งการ |
ถวายแก้วแล้วจะกลับมา | จึ่งจะยกโยธาทวยหาญ |
ครั้นสั่งสำเร็จเสร็จการ | ทั้งสองภูบาลก็แต่งองค์ ฯ |
ฯ ยานี ๑๔ คำ ฯ
๏ ทรงเครื่องอย่างกระษัตริย์รูจี | แสงสีเรืองรองก่องกง |
ทรงแก้วแล้วสั่งโฉมยง | ทั้งอนงค์สาวสรรกัลยา |
หัสรังอยู่ด้วยบุษหรี | ฝากทั้งพี่กัญจะหนา |
แล้วเสด็จออกหน้าพลับพลา | จินดาใส่โอษฐ์แล้วเหาะไป ฯ |
ฯ โทน ๔ คำ ฯ
๏ ลอยลิ่วปลิวไปในอัมพร | ดั่งดวงทินกรแสงใส |
สององค์ทรงเครื่องเรืองไชย | จับไปกับแสงพระสุริยา |
เพียงองค์อสัญเทเวศร์ | อาเพศมาเฉลิมเวหา |
หมายมุ่งกรุงไกรนครา | เหาะตรงลงหน้าพระลานไชย ฯ |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาข้าเฝ้าน้อยใหญ่ |
คับคั่งยังหน้าพระลานไชย | เห็นสองภูวไนยเสด็จมา |
ถ้วนหน้าเข้ากราบบังคมไหว้ | กลัวเกรงฤทธิไกรนักหนา |
หมอบเฝ้าอภิวาทดาษดา | ต่างชมบุญญาพระบารมี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระองค์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
ปราศรัยไถ่ถามเสนี | ได้แจ้งคดีทุกสิ่งอัน |
ว่าพระบิตุรงค์ทรงพระโกรธ | คาดโทษทั้งพี่ยุดาหวัน |
พี่น้องเหลียวหน้าปรึกษากัน | จะฆ่าฟันก็ตามแต่เวรา |
ปรึกษากันแล้วก็คลาไคล | เสนาตามไปนักหนา |
พอองค์สมเด็จพระบิดา | เสด็จออกอยู่หน้าพระโรงไชย |
ก้มคลานเข้ามาด้วยความกลัว | องค์สั่นระรัวหวั่นไหว |
กราบลงตรงพักตร์ท้าวไท | หมอบนิ่งอยู่ไม่จำนรรจา ฯ |
ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดรุ่งฟ้า |
ครั้นเห็นทั้งสองพระลูกยา | ผ่านฟ้าเคืองขัดในพระทัย |
มาเฝ้าเปล่าเปล่าทั้งสองรา | จะเห็นได้นกมาก็หาไม่ |
สมคำประวะลิ่มทูลไว้ | พระทัยคิดจะเอาโทษทัณฑ์ |
จึ่งมีพจนารถตรัสไป | มาแล้วหรือไรยุดาหวัน |
ยุขันคนรวยมาด้วยกัน | นั่นหรือหัสรังที่ได้มา |
ส่งมาให้พ่อจะขอชม | อาสาไปสมปรารถนา |
ก้มหน้าอยู่ไยไม่เจรจา | มิเสียแรงอาสาบิดาไป ฯ |
๏ เมื่อนั้น | ยุขันคร้ามครั่นหวั่นไหว |
บังคมแล้วทูลทันใด | ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา |
ลูกไปถึงเมืองอุเรเซน | แสนลำบากยากเย็นเป็นนักหนา |
ได้รังสีแล้วกลับมา | ถึงป่าแดนเมืองท้าวปะรัง |
ลูกหลับมันจับโบยตี | ปะรังศรีเฉโกโอหัง |
ให้เสนามัดผูกลูกรึงรัง | ไปทุ่มทิ้งลงในฝั่งนที |
เดชะพระเดชสองกระษัตริย์ | เป็นสวัสดิ์ปกเกล้าเกศี |
กำจัดภัยอันตรายในวารี | จึ่งมิได้สุดสิ้นชีวาลัย |
สกุณานั้นฆ่าม้วยมิด | เศียรมีคชสิทธิ์เหาะได้ |
ปะรังศรีโฉดใส่โอษฐ์อมไว้ | ลูกล้วงลักได้ดั่งใจคิด |
จึ่งฆ่าปะรังศรีวายชนม์ | แล้วไปนิมนต์พระนักสิทธิ์ |
ผ่าแก้วดวงดีมีฤทธิ์ | ช่วยรอดชีวิตสกุณา |
ได้แก้วมณีสองดวง | โชติช่วงสว่างเวหา |
เหาะเหินเดินได้ฟากฟ้า | ศักดิ์สิทธิ์ฤทธาแสนทวี |
ทูลแล้วเอาดวงมณีรัตน์ | ทั้งสองแจ่มจัดเรืองศรี |
ถวายพระองค์ทรงธรณี | รัศมีสว่างทั้งโรงธาร ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาพฤฒามหาศาล |
เห็นดวงแก้วรัตน์ชัชวาล | แสงฉานรุ่งเรืองรจนา |
แวววาวดั่งดาวในอัมพร | พร้อมกันยอกรเหนือเกศา |
สรรเสริญพระเดชเดชา | ซ้องสาธุการอวยชัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดพิสมัย |
แสนสวาดิดวงแก้วแววไว | ภูวไนยหายโกรธโกรธา |
รับเอาวิเชียรอำไพ | วางไว้เหนือหัตถ์เบื้องขวา |
พระวินิจพิศเพ่งไปมา | ดั่งว่าดวงแก้วจักรพรรดิ |
รัศมีสีสันพรรณราย | พรอยพรายร่วงรุ้งแจ่มจำรัส |
ใต้ฟ้าจะหาไหนเทียมทัด | พระแสนโสมนัสเปรมปรีดิ์ |
เสด็จจากอาสน์บวร | จูงกรลูกรักทั้งสองศรี |
มานั่งยังแท่นทิพรูจี | ภูมีรับขวัญทั้งสององค์ |
พ่อหวังตั้งใจคอยท่า | คิดว่าไม่พบสบประสงค์ |
เจ้าอตส่าห์บุกป่าฝ่าดง | ได้ดั่งจำนงเจตนา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองโอรสา |
ก้มเกล้าถวายวันทา | แล้วทูลกิจจาทั้งปวงไป |
แต่ลูกออกจากพระบูรี | ไปถึงที่หลักศิลาใหญ่ |
ต้องแยกมรคาพนาลัย | ต่างคนต่างไปไม่พบกัน |
แล้วเล่าแต่ต้นจนปลาย | บรรยายเนื้อความทุกสิ่งสรร |
ต่างองค์ต่างทูลรำพัน | ถึงยากแค้นแสนศัลย์ในพงพี |
อันท้าวฉะนะตันนั้นไซร้ | ทำความชอบไว้ถ้วนถี่ |
อาสาไม่คิดชีวี | จึ่งได้ปะรังศรีกรุงไกร |
อันองค์ลิขิตฤทธิรอน | เป็นเพื่อนสัญจรในป่าใหญ่ |
ร่วมสุขร่วมทุกข์กันสองไท้ | จนได้ปักษีเบญจพรรณ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภพไอศวรรย์ |
ฟังโอรสารำพัน | พระทรงธรรม์กระเษมเปรมปรา |
บอกว่าประวะลิ่มมาอยู่นี่ | ลิขิตเรืองศรีทั้งสันหยา |
มาแจ้งถึงพระลูกยา | ว่ารุ่งเรืองฤทธาพ่อดีใจ |
แม้นแจ้งว่ามาถึงธานี | จะชื่นชมยินดีผ่องใส |
จะให้ไปหาทรามวัย | ให้ขึ้นมาพบพระลูกยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันชื่นชมหรรษา |
ทูลว่าประวะลิ่มหนีมา | กัลยาเขียนลักษณ์อักษรไว้ |
ว่าจะมาเฝ้าเบื้องบทมาลย์ | แจ้งสารอยู่แล้วไม่สงสัย |
ลูกไม่ขึ้งโกรธพิโรธใจ | จะได้พบองค์กัลยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวอุรังยิดนาถา |
ได้ฟังโอรสจำนรรจา | ผ่านฟ้าชื่นชมเปรมปรีดิ์ |
แล้วพระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ | ชวนสองลูกรักเรืองศรี |
เสด็จย่างเยื้องจรลี | เข้าปราสาทมณีทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ถึงประไหมสุหรีมีศักดิ์ | ทั้งสองลูกรักบังคมไหว้ |
องค์พระชนนีก็ดีใจ | ทรามวัยสวมกอดพระโอรส |
ดั่งได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า | พิภพดุสิตาทั้งปวงหมด |
ไถ่ถามเนื้อความพระงามยศ | แจ้งหมดแต่ต้นจนปลายมา |
พระชนนีกอดจูบลูบพักตร์ | สองพระลูกรักเสนหา |
ชื่นชมภิรมย์ปรีดา | แล้วทูลผ่านฟ้าไปทันที |
ทีนี้จะวางวายคลายทุกข์ | จะมีแต่ความสุขกระเษมศรี |
ด้วยพระลูกยามาธานี | ได้ทั้งปักษีเลิศไกร |
อันฝูงพระสนมกำนัล | ก็ชวนกันปรีดาผ่องใส |
ด้วยสองพระองค์ทรงไชย | กลับมาอยู่ไอศูรย์สวรรยา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงเมืองเรืองฤทธิ์ทุกทิศา |
มีพระทัยใสสุดปรีดา | จึ่งบัญชาไปทันใด |
สั่งนางกำนัลกัลยา | ไปหาประวะลิ่มศรีใส |
ทั้งองค์ลิขิตเรืองไชย | ทั้งโอรสให้เอาขึ้นมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางกำนัลรับสั่งใส่เกศา |
กราบกรานแล้วคลานออกมา | ลีลาไปยังนางทรามวัย ฯ |
ฯ ชุบ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงยอกรประณม | บังคมแล้วทูลแถลงไข |
พระบิดาให้เชิญเสด็จไป | ยังปรางค์ปราสาทไชยรจนา |
กับพระโอรสยศยง | ทั้งองค์ลิขิตขนิษฐา |
ขอเชิญเสด็จไปอย่าได้ช้า | พระตรัสว่าให้เร่งคลาไคล ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มศรีใส |
ได้ฟังตระหนกตกใจ | ถามไถ่กำนัลที่ลงมา |
พระบัญชาให้หาวันนี้ | เห็นผิดท่วงทีนักหนา |
หาทั้งโอรสอนุชา | พี่เห็นจะว่าประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางกำนัลยิ้มแย้มแจ่มใส |
ทูลว่ายุขันชาญชัย | มาเฝ้าอยู่ในปราสาททอง |
กับยุดาหวันเชษฐา | เหาะลอยล่องฟ้ามาทั้งสอง |
ถวายดวงแก้วขำลำยอง | สบต้องพระทัยพระบิดา |
จึ่งให้มาหานางโฉมยง | ลิขิตกับองค์โอรสา |
ได้ยินทรงธรรม์จำนรรจา | ว่าไม่ขึ้งโกรธนางทรามวัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มได้ฟังก็ผ่องใส |
จะได้พบองค์พระทรงไชย | ชื่นชมพระทัยเป็นสุดคิด |
นางจะขึ้นเฝ้าพระบิดา | กัลยาร้องเรียกเจ้าลิขิต |
เชษฐามาแล้วพ่อร่วมคิด | พระบิดาให้ลงมาหาไป |
ยุขันจะว่าพากันหนี | ไว้นักงานพี่จะแก้ไข |
พี่ไม่ประหวั่นพรั่นใจ | ทรามวัยจึ่งเรียกพี่เลี้ยงมา |
ตกแต่งลูกน้อยกลอยใจ | เกล้าไรผัดพักตร์โอ่อ่า |
วันนี้จะได้พบพระบิดา | สันหยาอุ้มพระกุมารไป |
โฉมยงทรงสะพักสไบทอง | ชวนน้องลิขิตพิสมัย |
ลงจากปราสาทแก้วแววไว | คลาไคลขึ้นเฝ้าพระบิดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาเอยมาถึง | ปราสาทสุวรรณเลขา |
บังคมปิ่นปักเจ้านครา | ก้มพักตร์วันทาพระสามี |
นางไหว้ทั้งองค์ยุดาหวัน | สำคัญว่าเป็นพระเจ้าพี่ |
ครั้นจะเจรจาพาที | มารศรีขามเขินสะเทิ้นใจ |
แล้วอุ้มโอรสมาใส่ตัก | จับกรลูกรักบังคมไหว้ |
องค์พระอัยกาเรืองไชย | นิ่งอยู่มิได้จำนรรจา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันโฉมเฉิดเลิศฟ้า |
ว่าเจ้าลิขิตอนุชา | อุ้มนัดดามาให้พี่ชาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตรับสั่งพระฤๅสาย |
ดูพี่ประวะลิ่มแล้วยิ้มพราย | พระพี่นางละอายแล้วเมินพักตร์ |
จึ่งอุ้มสมเด็จพระนัดดา | ส่งให้พี่ยาเหนือตัก |
ยุขันกอดจูบลูบพักตร์ | แสนสุดที่รักดั่งดวงตา |
งามละม่อมพร้อมพริ้งจำเริญใจ | ดั่งแขไขจำรัสเวหา |
ชมพลางทางมีวาจา | ว่านางประวะลิ่มทรามวัย |
ทำไมหุนหันชวนกันมา | จะบอกเล่าพี่ยาก็หาไม่ |
พาลูกเต้าเดินดำเนินไพร | หากไม่มีเหตุอันตราย |
ใครจะได้ว่าไรก็ไม่มี | ทำไมจึ่งหนีมาง่ายง่าย |
ทุกข์ถึงคำนึงไม่รู้วาย | โฉมฉายทำไยดั่งนี้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มมารศรี |
นบนอบทูลตอบพระภูมี | ซึ่งเมียลอบหนีพระทรงฤทธิ์ |
เหมือนหนึ่งจะเตือนพระผ่านฟ้า | ให้เสด็จกลับมาอุรังยิด |
ครั้นจะทูลองค์พระทรงฤทธิ์ | คิดเกรงกลัวเคืองพระภูธร |
ด้วยพึ่งครองปะรังศรี | น้องจึ่งลอบหนีมาก่อน |
มาทูลแจ้งกิจจาพระบิดร | หรือไปนครบูรีใด |
อักษรให้ไว้สุจริต | จะพ้องผิดคิดเคืองก็หาไม่ |
มาด้วยเคราะห์ร้ายไม่สบายใจ | รักษาสัจไว้ไม่แชเชือน |
ลิขิตมาด้วยช่วยป้องกัน | คนอื่นหมื่นพันก็ไม่เหมือน |
กำเนิดเกิดมาป่าเป็นเรือน | อนุชาเป็นเพื่อนจรลี |
จากอุเรเซนแล้วมิหนำ | ซํ้ามาจากกรุงปะรังศรี |
ตั้งแต่เดินป่าทั้งตาปี | ชีวีปิ่มม้วยปลดปลง |
หัสรังดั่งดวงเนตรเมีย | พามาฆ่าเสียให้ผุยผง |
ว่าพลางชลนัยน์ไหลลง | โฉมยงคิดถึงสกุณา ฯ |
ฯ โอด ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเพราเพริศเลิศเลขา |
เห็นนางทรงโศกโศกา | จึ่งกล่าววาจาประโลมใจ |
หัสรังซึ่งม้วยมรณา | พระสิทธาช่วยชุบชีวิตให้ |
พูดจารู้ยิ่งนักไป | บุษหรีเลี้ยงไว้ในไพรวัน |
แล้วพี่จะไปรับมา | กัญจะหนาเมียพี่ยุดาหวัน |
พี่จะว่าประวะลิ่มนวลจันทร์ | อันความสามัญฉันทา |
พี่จะขอวรนาฏให้ขาดเด็ด | ให้สำเร็จดั่งใจปรารถนา |
ขอฝากบุษหรีศรีโสภา | ที่จะมาสมัครรักร่วมใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มศรีใส |
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย | ว่าได้นกหัสรังมา |
นางเร่งชื่นชมภิรมย์นัก | ความรักแสนสุดเสนหา |
ดั่งปรรลัยแล้วเกิดมา | กัลยากราบลงด้วยดีใจ |
แล้วนางจึ่งทูลพระทรงเดช | เมียทุเรศทุกข์ทนหม่นไหม้ |
คิดถึงหัสรังจะคลั่งใจ | แม้นได้ลูกรักคืนมา |
พระจะว่าขานประการใด | จะรับใส่ไว้เหนือเกศา |
บุษหรีน้องพี่จะเมตตา | เสนหาเหมือนร่วมอุทรกัน |
สิ่งไรมิได้ขึ้งเคียด | มีใจรังเกียจเดียดฉันท์ |
เมียไม่ว่าอะไรกัน | ข้อนั้นพระองค์อย่าสงกา |
จะสมัครรักใคร่ให้เหมือนน้อง | มิให้ข้องเคืองบาทซ้ายขวา |
แม้นพระองค์ไม่ทรงเมตตา | จะก้มหน้าเลี้ยงแต่พระลูกรัก |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันสุริย์วงศ์ทรงศักดิ์ |
พิศดูประวะลิ่มนิ่มนวลพักตร์ | นงลักษณ์ทรงเบญจกัลยา |
งามฉะอ้อนอ่อนระทวยรวยรับ | งามสรรพ์ดั่งเทพเลขา |
งามศรีสุนทรวาจา | ลักขณาเลิศล้ำกระษัตรี |
อันนางบุษหรีทรงสวัสดิ์ | ไม่งามทัดเทียมทรงนางโฉมศรี |
ดั่งจันทรจรแจ่มในราตรี | ทรงศรีเสาวภาคย์จำเริญใจ |
ควรเป็นเอกอัครอนงค์นาฏ | พระอนุชาธิราชศรีใส |
สมศักดิ์สุริย์วงศ์ทรงไชย | ใต้ฟ้าหาไหนจะเทียมทัน |
แล้วอุ้มเอาองค์พระนัดดา | จูบพิศพักตราแล้วรับขวัญ |
ลักขณาราศีรวิวรรณ | คล้ายกันกับองค์พระธิดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระองค์ทรงภพนาถา |
จึ่งมีพระราชบัญชา | ว่าสองโอรสธิบดี |
เจ้าหายเหนื่อยเมื่อยล้าแล้วคลาไคล | รีบไปรับน้องทั้งสองศรี |
กับทั้งพวกพลมนตรี | จะได้ชมปักษีให้อิ่มใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันบังคมประณมไหว้ |
ชวนโฉมประวะลิ่มทรามวัย | ลาไปปราสาทรจนา |
ยุดาหวันก็ไปที่อยู่ | พร้อมหมู่กำนัลซ้ายขวา |
ลงจากปราสาทยาตรา | ลิขิตสันหยาก็ตามไป ฯ |
ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงพอค่ำย่ำฆ้อง | ชวนน้องเข้าห้องพิสมัย |
เชยชมภิรมย์ฤทัย | ประจงใจเจือใจวนิดา |
ชมปรางเปรมปรางกระสันสม | ชมรสซับซาบนาสา |
แสนสนิทพิศวาสไม่คลาดคลา | จนสุริยาจำรัสตรัสไตร |
จึ่งมีมธุรสวาจา | พี่จะลาเจ้าไปป่าใหญ่ |
รับพวกพหลพลไกร | จะกลับมาเวียงไชยไม่อยู่ช้า |
ว่าพลางเสด็จผายผัน | พอพบยุดาหวันเชษฐา |
ทั้งสองจรจรัลชวนกันมา | เฝ้าพระบิดาทันใด |
ครั้นถึงจึ่งก้มกราบบาท | สองปิ่นภูวนาถเป็นใหญ่ |
แล้วจึ่งทูลองค์พระทรงไชย | ลูกทั้งสองไซร้จะกราบลา |
ไปรับพหลพลนิกร | กับสองบังอรที่อยู่ป่า |
มาในนิเวศนครา | ขอทราบบาทาพระภูมี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สององค์ทรงฟังกระเษมศรี |
จึ่งตอบโอรสทันที | ดีแล้วจงไปรับมา ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุดาหวันยุขันก้มเกศา |
ยอกรกราบบาททั้งสองรา | ลีลาลงจากปราสาทไชย |
ทรงแก้วรังสีพระบิดา | ทั้งไตรโลกโลกาก็เปรียบได้ |
เหาะระเห็จเก็จฟ้าสุราลัย | เวียนไหวไปรอบบูรีรินทร์ ฯ |
ฯ ปะวะหลิ่ม ๔ คำ ฯ
๏ เลื่อนลอยอยู่ในเวหา | ให้ประจักษ์ไพร่ฟ้าประชาสิ้น |
งามดั่งบรมพรหมินทร์ | ทักษิณพระนครแล้วเหาะไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงลงจากเวหา | เข้าในพลับพลาที่อาศัย |
กัญจะหนาบุษหรีก็ดีใจ | ทรามวัยบังคมพระสามี |
สองพระองค์เชยชมภิรมย์รื่น | ชวนชื่นปรีดิ์เปรมกระเษมศรี |
พร้อมแสนสนมนารี | แล้วแจ้งคดีกัลยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งหัสรังราชปักษา |
อยู่ในกรงแลเห็นพระบิดา | บินออกไปหาทันใด |
ประณมปีกทูลความทันที | พระองค์พบชนนีหรือไม่ |
อยู่ดีหรือมีโรคภัย | เป็นไฉนเล่าไปให้ลูกฟัง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันจับจูบลูบหลัง |
แกล้งลวงจะดูหัสรัง | พ่อยังไม่พบกับมารดา |
ชะรอยเดินดงหลงไพร | สาบสูญหายไปกระมังหนา |
พ่อหยอกเล่นดอกอย่าโศกา | บิดาไปพบชนนี |
รู้ความว่าเจ้ากลับเป็นมา | มารดาชื่นชมกระเษมศรี |
ให้มารับเจ้าเข้าบูรี | หัสรังสีน้อยอย่าอาวรณ์ |
แล้วเสด็จออกหน้าพลับพลาไชย | เสนาน้อยใหญ่เฝ้าสลอน |
จึ่งมีมธุรสสุนทร | ให้เตรียมนิกรพลไกร |
จะยกเข้าไปในพารา | ตรวจตราอย่าให้หลงเหลือได้ |
ตำมะหงงจงเร่งสั่งไป | ให้พร้อมแต่ในบัดนี้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี |
บังคมแล้วไปทันที | เสียงมี่เรียกบ่าวฉาวมา |
ฝ่ายข้างเสนายุดาหวัน | ก็สั่งกันพร้อมถ้วนหน้า |
ตำมะหงงสั่งสรรพประดับประดา | สองฝ่ายโยธาพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ | ระเห็จเข้าไปดั่งกังหัน |
กราบทูลพระองค์ทรงธรรม์ | เกณฑ์กันพร้อมแล้วพระภูมี ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเรืองสวัสดิ์รัศมี |
ได้ฟังตำมะหงงเสนี | ภูมีเข้าในพลับพลาไชย |
ฝ่ายยุดาหวันกัญจะหนา | ตบแต่งกายาผ่องใส |
ทั้งสี่กระษัตริย์คลาไคล | นกหัสรังไปกับบิดา ฯ |
ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ
๏ สององค์ทรงรถกุก่อง | รถประเทียบเรียบรองทั้งซ้ายขวา |
รถสนมสาวสรรกัลยา | เกลื่อนกลาดดาษดาพงไพร |
หมู่ทหารโยธาหน้าหลัง | โล่ดั้งธงทิวปลิวไสว |
จึ่งให้พหลสกลไกร | หวั่นไหวทั่วพื้นสุธาธาร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เสด็จออกจากพงดงแดน | เข้าในแว่นแคว้นถิ่นฐาน |
พลางเชยชมพงดงดาน | ไพรสาณฑ์ร่มรื่นชื่นชิด |
บังแสงอโณทัยไตรตรัส | สี่กระษัตริย์ชื่นแช่มแจ่มจิต |
ชี้ชวนนางเพ่งพิศ | สนสักอกนิษฐ์เรียบเรียง |
แคฝอยเป็นรอยช้างชัก | มะกอกมะกักม่วงมันหันเหียง |
เกดกุมกระทุ่มคางเคียง | สกุณาส่งเสียงแซ่ซ้อง |
สาลิกาจับต้นเพกากรอง | กระทาจับคาเถาขันก้อง |
เขาจับเขาคูคู่คะนอง | สร้อยทองจับทองชำเลืองแล |
นกยูงจับยางระคางคน | ตื่นพลกู่ตะเบ็งเซ็งแซ่ |
นกเอี้ยงจับเอียงอยู่อัดแอ | คับแคจับแคสำนักนอน ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ ชมพลางทางเร่งสกลไกร | พ้นไพรพนัสสิงขร |
ล่วงด่านเข้าชานพระนคร | บทจรเข้าในทวารา ฯ |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ