๒๐
๏ เมื่อนั้น | ยุขันลือฤทธิ์ทุกทิศา |
แต่เนาในสุวรรณพลับพลา | ได้เจ็ดทิวาราตรี |
พักพลพหลโยธา | ก็ค่อยผาสุกกระเษมศรี |
ให้เร่าร้อนฤทัยพระภูมี | จะใคร่เห็นบุษหรีเยาวมาลย์ |
จึ่งปราศรัยท้าวตะรังธิบดี | แต่เรานี้มาอยู่พนัสถาน |
ได้เจ็ดราตรีทิวาวาร | จำจะยกทวยทหารเข้าไป |
ยังในอุรังฆารพารา | ผ่านไอศวรรยาเป็นใหญ่ |
จะได้ปูนบำเหน็จเสนาใน | ที่ได้เหนื่อยพักหนักหนา |
จึ่งสั่งตำมะหงงตะหลาหรัน | จงจัดพลขันธ์ซ้ายขวา |
เราจะยกเข้าในพระพารา | ให้ทันเพลาพรุ่งนี้ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงตะหลาหรันทั้งสองศรี |
ก้มเกล้ากราบงามสามที | พากันจรลีออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เร่งรัดจัดพวกพลขันธ์ | ได้พร้อมมูลกันถ้วนหน้า |
ให้ผูกสินธพอาชา | ประดับเครื่องรจนาเพริศพราย |
อันเหล่าทหารอาสา | แต่งตัวโอ่อ่าเฉิดฉาย |
นุ่งห่มประกวดลวดลาย | เสร็จแล้วผันผายเข้ามา |
ครั้นถึงจึ่งกราบบังคม | ทูลพระบรมนาถา |
อันซึ่งพหลโยธา | พร้อมตามบัญชาพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเลิศลบจบสมัย |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องคลาไคล | ไปเข้าที่สรงสาคร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ชำระสนานสำราญสกนธ์ | ทรงสุคนธาทิพเกสร |
สนับเพลาเพราพริ้งงามงอน | มังกรเกี้ยวเลี้ยวคาบดวงมณี |
ภูษิตพิศพื้นพรายแสง | ยกแย่งเชิงสุบรรณปักษิน |
ฉลององค์ลายทรงข้าวบิณฑ์ | เฉิดฉินชายไหวไหวแวม |
ชายแครงครุยกรองทองประสาร | ตาบทิศชัชวาลงามแอร่ม |
ทับทรวงเคียงคั่นทับทิมแนม | มรกตแกมดวงมุกดาราย |
ทองกรกาบเก็จเนาวรัตน์ | ธำมรงค์เรืองจำรัสแสงฉาย |
ทรงมงกุฎเพริศพริ้งพรรณราย | กรรเจียกจอนกระจายอร่ามเรือง |
ทรงอุบะประกันกระสันกลิ่น | รวยรินเกสรฟุ้งเฟื่อง |
ทรงกฤชฤทธิ์แรงแสงประเทือง | ย่างเยื้องมาขึ้นอัสดร ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ อันท้าวตะรังอูธิบดี | นั้นขี่อาชามาก่อน |
นำพวกพหลพลจร | คลายคลี่นิกรจรลี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ม้าเอยม้านิมิต | งามวิจิตรองอาจดั่งราชสีห์ |
เชื้อชาติสินธพพาชี | พ่วงพีหางยาวเท้ารัด |
ลำพองร้ายกาจอาจหาญ | เผ่นโผนโจนทะยานดั่งจักรพัด |
กำลังแล่นกลมดั่งลมพัด | สูงใหญ่ยืนหยัดตระหง่านงาม |
ดำขลับสรรพสารพางค์กาย | ผูกเครื่องเพชรพรายลายอร่าม |
เบาะอานด้วยแก้วแวววาม | พู่ห้อยพลอยพลามจงกลกาฬ |
เครื่องสูงชุมสายรายเรียบ | งามระเบียบธงไชยธงฉาน |
ปี่หองกลองดังเป็นกังวาล | ม้าทหารเรียงริ้วเป็นทิวไป |
เสียงเท้าม้าเพียงแผ่นดินลั่น | เสียงพลสนั่นหวั่นไหว |
เร่งรีบโยธาคลาไคล | เข้าในนิเวศฉับพลัน ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นมาถึงทวารา | ผ่านฟ้าเหลือบแลแปรผัน |
ชมกำแพงแหล่งล้อมป้อมสุวรรณ | เขื่อนขัณฑ์มั่นคงอลงการ์ |
หอรบนางเรียงป้อมราย | ค่ายคูขอบขัณฑ์แน่นหนา |
ปราสาทสูงเยี่ยมเมฆา | พระปรัศว์ซ้ายขวาล้วนบรรจง |
โรงรถคชาพาชีชาติ | โรงแสงสวาทดูระหง |
ทิมดาบสามชั้นเป็นหลั่นลง | ถนนตรงราบรื่นรัถยา |
พระเร่งชื่นบานสำราญใจ | กับอาชาไนยใจกล้า |
เร่งรีบพหลโยธา | มาตามมรคาฉับพลัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชนชาวบุรีผายผัน |
ทุกตรอกซอกธารแน่นนันต์ | ชวนกันมาลอบแลดู |
บ้างกระซิบไถ่ถามกันไปมา | ว่าทรงอิทธิฤทธาไม่มีคู่ |
ครั่นคร้ามเดชาพระโฉมตรู | ฟุบเพียรแฝงดูพระทรงธรรม์ |
ครั้นเห็นพลพวกอาชาไนย | บ้างกระหนกตกใจไม่มีขวัญ |
ครั้นเห็นพระองค์ทรงธรรม์ | งามดั่งเทวัญในโสฬส |
แกล้งแปลงเพศมาแต่เมืองฟ้า | จึ่งรุ่งเรืองฤทธาปรากฏ |
รูปทรงส่งศรีเกียรติยศ | หมดทั้งพหลโยธี |
ต่างกราบวันทาพระภูธร | บ้างถวายพระพรอึงมี่ |
มาเป็นหลักปักผืนธรณี | อย่ามีไภยันอันตราย |
เราท่านทั้งหลายจะได้สุข | ซึ่งว่าคนพ้นทุกข์จะค่อยหาย |
ถ้วนหน้าประชาหญิงชาย | จะชื่นชมสบายทั้งพารา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันพริ้งเพริศเลิศเลขา |
ครั้นถึงท้องพระโรงรจนา | ลงจากอาชาทันใด |
พระเสด็จยังแท่นทิพรัตน์ | ไพบูลย์พูนสวัสดิ์แจ่มใส |
ท้าวพระยาคั่งคับกันไป | ทั้งเสนาในราชธานี |
โหราพฤฒามาตย์ราชครู | พร้อมหมู่จัตุสดมภ์ทั้งสี่ |
พระปรีชาผาสุกแสนทวี | จึ่งสั่งเสนีทันใด |
จงจัดแจงแต่งที่รจนา | ให้ท้าวตะรังอูอาศัย |
จะได้พักพหลพลไกร | กว่าจะกลับคืนไปพารา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
เร่งรัดจัดกันเป็นโกลา | พร้อมตามบัญชาพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ท้าวนางเฒ่าแก่เป็นใหญ่ |
จึ่งสั่งสาวสรรกำนัลใน | พนักงานของใครประจำการ |
อีกทั้งเครื่องทรงเครื่องเสวย | เบิกเผยมาสิ้นทุกถิ่นฐาน |
เตรียมให้พร้อมทุกพนักงาน | คอยพระผู้ผ่านภพไตร |
เสร็จแล้วเฒ่าแก่ทั้งหลาย | ทั้งเท้าขรัวนายผู้ใหญ่ |
ก็ออกมายังท้องพระโรงไชย | เฝ้าไทธิราชบดี |
ครั้นถึงจึ่งกราบบังคม | นบนิ้วประณมเหนือเกศี |
เชิญเสด็จทรงธรรม์พันปี | เข้าปราสาทมณีให้สำราญ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงฟังกระเษมสานต์ |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทมาลย์ | เข้าในสถานปราสาทไชย |
พระสถิตเหนืออาสน์รจนา | พร้อมหมู่กัลยาอยู่ไสว |
หมอบกลาดดาษดากันไป | พนักงานของใครก็เข้ามา |
บ้างอยู่งานพัดวาลชนี | รูปทรงส่งศรีโอ่อ่า |
บ้างชม้ายชายดูพระผ่านฟ้า | สบตาขวยเขินสะเทิ้นใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสร้อยสุณีศรีใส |
ครั้นรู้ว่าองค์พระทรงไชย | เสด็จในปราสาทรจนา |
จึ่งมีพระเสาวนีย์ | แก่พระบุตรีเสนหา |
มาจะไปเฝ้าพระราชา | แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ |
ทั้งนี้ก็เพราะบิดา | เมื่อเวลาแล้วจะทำไฉน |
จงก้มหน้าเป็นข้าช่วงใช้ | ว่าแล้วทรามวัยก็โศกา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีเสนหา |
จึ่งกราบถวายบังคมลา | เข้ามาที่สรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ชำระสนานสำราญสกนธ์ | ลูบไล้สุคนธ์เรืองศรี |
ทรงปรัดผัดพักตร์รูจี | กวดเกล้าเกศีโสภา |
ทรงภูษาพื้นทองยองใย | สไบสีทับทิมโอ่อ่า |
สร้อยสนสังวาลตระการตา | ทองกรรจนาพรายพรรณ |
สอดใส่ธำมรงค์ทั้งซ้ายขวา | งามดั่งนางฟ้ากระยาหงัน |
เสร็จแล้วย่างเยื้องจรจรัล | บังคมคัลสมเด็จพระชนนี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสร้อยสุณีมเหสี |
จึ่งพาพระราชบุตรี | มายังปรางค์มณีทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าในปราสาท | นางมิได้อภิวาทบังคมไหว้ |
คลานหมอบยอบตัวอยู่แต่ไกล | ชลนัยน์คลอเนตรนางกัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมเสนหา |
เห็นสองกระษัตริย์โสภา | เข้ามาเฝ้าองค์พระทรงไชย |
พระวินิจพิศโฉมพระบุตรี | ทรงศรีสมบูรณ์ผ่องใส |
อรชรอ้อนแอ้นวิไล | นางในไตรจักรไม่เทียมทัน |
พิศพักตร์ดั่งดวงจันทรา | เสนหารัญจวนป่วนปั่น |
จะใคร่แนบสุดาวิลาวัณย์ | แล้วทรงธรรม์หยุดยั้งชั่งใจ |
จึ่งกล่าวมธุรสวาที | แก่สร้อยสุณีศรีใส |
อันพระสามีที่บรรลัย | เพราะมิได้อยู่ในยุติธรรม |
กับพระบิตุรงค์ทรงธรรม | ก็รักใคร่กันสนิทไม่เดียดฉันท์ |
ควรหรือเป็นได้ไม่เป็นธรรม | คบกันกับอ้ายพรานไพร |
เรามาอาศัยอยู่ในสวนศรี | ออกชิงเอาสกุณีไว้ได้ |
แล้วฆ่าปักษาให้บรรลัย | เวรานั้นไซร้ติดตามมา |
จึ่งสิ้นชีวันม้วยมิด | ด้วยโลภหลงปลงจิตริษยา |
จะใคร่ได้ดวงจินดา | ชีวาจึ่งม้วยบรรลัย ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสร้อยสุณีศรีใส |
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย | ทรามวัยจึ่งทูลสนองพลัน |
ทั้งนี้ก็เพราะเวรากรรม | มาจำดลจิตให้ผิดกัน |
จึ่งม้วยมุดสุดสิ้นชีวัน | ด้วยมิได้เป็นธรรมประเพณี |
จะขอเอาพระเดชเดชา | ปกเกล้าเกศาข้าสองศรี |
จะได้สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ | กว่าชีวีจะม้วยบรรลัย |
อันนางสิบสองพระกำนัล | ขอถวายทรงธรรม์เป็นใหญ่ |
พระองค์จงผ่านราชัย | ให้สุขสวัสดิ์สถาวร |
ว่าแล้วชวนองค์พระธิดา | กลับมาปราสาทสายสมร |
ไม่วายโศกาอาวรณ์ | ถึงพระภูธรที่มรณา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรำจวนหวนหา |
ครั้นค่ำย่ำแสงสนธยา | ถวิลถึงสุดายาใจ |
จึ่งเข้าที่ชำระสระสรง | สำอางเอี่ยมอ่าองค์ผ่องใส |
ทรงสุคนธาธารตระการใจ | ลูบไล้ไปทั่วกายา |
ทรงภูษาษิตพิศพรรณ | ลวดลายสุวรรณเลขา |
พระเสด็จย่างเยื้องลีลา | มายังปราสาทนางเทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งสถิตเหนืออาสน์ | อันโอภาสแจ่มจัดรัศมี |
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์พาที | เป็นไฉนด่วนหนีพี่มา |
ยังมิได้สนทนาพาที | ด้วยแก้วพี่ผู้ยอดเสนหา |
หรือไม่ควรนวลน้องจะเจรจา | เจ้าจึ่งกลับมาปราสาทไชย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีศรีใส |
ครั้นเห็นพระองค์ทรงไชย | เสด็จมาในแท่นไสยา |
ให้ประหวั่นพรั่นจิตโฉมฉาย | ทั้งกลัวทั้งอายเป็นหนักหนา |
เคลื่อนองค์ลงจากที่ไสยา | คลานก้มพักตราไม่ดูไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันยิ่งคิดพิสมัย |
เห็นดวงสุดายาใจ | ถอยองค์ลงไปจากแท่นทอง |
จึ่งมีมธุรสวาจา | แก้วตาอย่าเคืองขุ่นหมอง |
พี่แสนพิศวาสนาฏน้อง | นวลละอองจงฟังพี่พาที |
พี่อุตส่าห์ฝ่าดงพงไพร | เพราะจะใคร่ได้ดวงสุดาพี่ |
จึ่งมาพบพรานป่าในพงพี | แจ้งข่าวมารศรีพี่ชื่นใจ |
จึ่งเข้ามาในอุทยาน | จะใคร่เห็นเยาวมาลย์ผู้พิสมัย |
คะนึงถึงพุ่มพวงดวงใจ | พี่มิได้หลับไหลในราตรี |
เมื่อจวนจะแจ้งแสงฉาน | ท้าวไทผู้ผ่านกรุงศรี |
ยกรี้กรีพลมนตรี | ไปลอบลักสกุณีเข้าเวียงไชย |
แล้วเอาพี่ไปทิ้งลงคงคา | เพียงจะสิ้นชีวาตักษัย |
เพราะสวาดินาฏน้องดังดวงใจ | จึ่งรีบยกพลไกรนั้นมา |
พี่ได้ให้เสนามาทูลสาร | ว่าขานด้วยสกุณปักษา |
พระบิดาหุนหันโกรธา | จึ่งสิ้นชีวาม้วยมิด |
แม้นพี่บรรลัยในสงคราม | ที่ไหนโฉมจะเห็นจิต |
จะขอชมให้สมอารมณ์คิด | จะเบี่ยงบิดไปไยไม่เข้ายา ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีเสนหา |
ได้ฟังทรงธรรม์บัญชา | กัลยาจึ่งเอื้อนพาที |
พระเอยพระเจ้า | พระจงโปรดเกล้าเกศี |
น้องกลัวเดชาพระภูมี | พันปีจงทรงพระเมตตา |
เป็นเชลยที่จะเชยชมชิด | ไม่ควรสนิทเสนหา |
จะเป็นค่าช่วงใช้ใต้บาทา | ปรานีน้องเถิดพระภูวไนย |
พระจงเสด็จไปเชยชม | ฝูงนางนักสนมน้อยใหญ่ |
ล้วนทรงโฉมประโลมละลานใจ | ดั่งนางในช่อชั้นดุษฎี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์ผู้มิ่งมารศรี |
อันพระสนมนารี | พี่มิได้มีจิตเจตนา |
พี่สู้มาทำณรงค์ยงยุทธ์ | เพราะจะได้แนบนุชเสนหา |
ปรานีพี่เถิดนะแก้วตา | กัลยาอย่าสลัดตัดใจ |
ว่าพลางเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์สุวรรณอันผ่องใส |
นั่งแนบแอบองค์อรไท | พระลูบไล้ไปทั่วกายา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระเอยพระทรงเดช | พระไม่โปรดเกศเกศา |
กระนี้หรือพระองค์ว่าเมตตา | มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ |
นางสลัดปัดกรพระทรงฤทธิ์ | เบี่ยงบิดค้อนขวักผลักไส |
วางข้าอย่ายุดน้องไว้ | จะไปไหนพ้นพระราชา |
พระองค์จงค่อยยับยั้ง | น้องยังตระหนกตกประหม่า |
จึ่งจะเห็นว่าทรงพระเมตตา | จะได้รองบาทาสืบไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ สุดเอยสุดสวาดิ | นุชนาฏอย่าคิดสงสัย |
พี่รักเจ้าเท่าเทียมฤทัย | อย่าประหวั่นพรั่นใจกัลยา |
ถ้าห้ามสิ่งอื่นไม่ขืนขัด | จะห้ามความปฏิพัทธ์หรรษา |
สุดที่พี่จะฟังกัลยา | ด้วยความเสนหามายวนใจ |
ว่าพลางโอบอุ้มวนิดา | ขึ้นแท่นไสยาพิสมัย |
พระกรสอดกอดเกี่ยวประทับไว้ | สุขกระเษมเปรมใจปรีดา |
โปรดเทวาพลาหก | ผันผกพยับทั้งเวหา |
พยุระบุบั่นลั่นฟ้า | เมฆาเกลื่อนกลุ้มโปรยปราย |
อสุนีครื้นครั่นสนั่นเสียง | เปรี้ยงเปรี้ยงคะนองฟาดสาย |
พระพิรุณร่วงโรยโปรยปราย | กระจายต้องโกสุมปทุมา |
ระบัดบานก้านกลีบชื่นชุ่ม | ภุมรินเชยรสบุปผา |
สององค์สุขกระเษมเปรมปรา | ดั่งได้ฟากฟ้าสุราลัย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีศรีใส |
ได้ร่วมรักองค์พระทรงไชย | มิได้นิราศคลาดคลา |
นางแสนพิศวาสเป็นสุดคิด | ชื่นชมภิรมย์จิตหรรษา |
ใหลหลงด้วยองค์พระราชา | กัลยาเพลิดเพลินจำเริญใจ |
ลืมองค์สมเด็จพระบิดา | ที่ม้วยมรณาตักษัย |
ลืมความโศกาอาลัย | ทรามวัยสุขกระเษมเปรมปรีดิ์ |
กราบกับตักภูวไนย | แล้วนางทูลไปถ้วนถี่ |
อันหัสรังสกุณี | น้องนี้พิศวาสเพียงขาดใจ |
เมื่อพระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์ | สังหารชีวิตให้ตักษัย |
เพียงน้องจะพินาศขาดใจ | ร่ำไรไห้รักสกุณา |
แม้นรู้ประจักษ์แต่เดิมที | ที่ไหนชีวีจะสังขาร์ |
น้องจะวอนองค์พระบิดา | ขอชีวาไว้มิให้ตาย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเพราเพริศเฉิดฉาย |
รับขวัญแล้วตอบภิปราย | สายสวาดิของพี่ดั่งดวงใจ |
แต่ได้แจ้งข่าวปักษา | ว่าม้วยมรณาตักษัย |
ดั่งพี่จะสิ้นชีวาลัย | ให้คั่งแค้นแน่นใจพันทวี |
ความพี่เสียดายเป็นนักหนา | จะหาไหนได้เหมือนปักษี |
รู้จักเจรจาพาที | ทั้งในธรณีไม่มีทัน |
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า | คลึงเคล้าเยาวยอดกระเษมสันต์ |
แสนสำราญบานใจใครจะทัน | บรรทมหลับไหลในราตรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะยุหงัดพรานป่าพนาลี |
ครั้นรู้ว่าพระองค์ทรงธรณี | สิ้นชีพชีวีบรรลัย |
ยุขันเสด็จเข้าพารา | ผ่านไอศุริยาเป็นใหญ่ |
พรานป่าตระหนกตกใจ | กลัวชีวาลัยจะมรณา |
จึ่งชวนกันกับบ่าวสองคน | ด้นดั้นเข้าไพรพฤกษา |
บุกชัฏลัดลอดอรัญวา | ให้พ้นแดนพาราเวียงไชย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยตื่นจากนิทรา |
จึ่งมีมธุรสวาที | เจ้าพี่ผู้ยอดเสนหา |
พี่จะไปพระโรงรจนา | แก้วตาค่อยอยู่จงดี |
สั่งแล้วยุรยาตรคลาดคลา | จากห้องไสยานางโฉมศรี |
สระสรงทรงเครื่องแล้วจรลี | สถิตที่พระโรงรจนา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พร้อมหมู่เสนาพฤฒามาตย์ | เฝ้าแหนเดียรดาษแน่นหนา |
จึ่งมีพระราชบัญชา | ปราศรัยท้าวตะรังทันใด |
แต่จากพารามาช้านาน | ช่วยรบรานทำการศึกใหญ่ |
ก็ปราบได้ไพรีมีชัย | ท่านจงกลับไปพระบุรี |
แล้วประทานมงกุฎสังวาล | เครื่องบรรณาการถ้วนถี่ |
อันตำมะหงงเสนี | ตะลาหรันผู้มีปรีชา |
ประทานเจียดกระบี่เงินทอง | สิ่งของแพรพรรณเสื้อผ้า |
อันเหล่าทหารโยธา | บรรดาที่มีฝีมือนั้น |
ประทานเครื่องอุปโภคมากมาย | ทั้งไพร่ทั้งนายตามหลั่น |
เงินตราผ้าผ่อนทุกสิ่งอัน | พร้อมกันกระเษมเปรมปรา |
อันนายประมงนั้นไซร้ | ก็พระราชทานให้หนักหนา |
ส่วยสาอากรนานา | ทั้งข้าหญิงชายครบครัน |
ตึกร้านบ้านเรือนไร่นา | โคกระบือช้างม้าทุกสิ่งสรร |
เงินทองเสื้อผ้าสารพัน | พระทรงธรรม์เบิกบานสำราญนัก ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวตะรังอูมีศักดิ์ |
ทั้งนายประมงอันจงรัก | ภักดีต่อองค์พระราชา |
จึ่งกราบถวายบังคมคัล | อัญชุลีก้มเกล้าเกศา |
รับประทานสิ่งของนานา | ยินดีปรีดาเป็นพ้นไป |
ท่านท้าวตะรังอูภูบาล | ทูลสนองโองการขานไข |
ตัวข้าจะทูลลาไป | ถ้ามีเหตุภัยสิ่งใดมา |
ให้เสนาไปแจ้งคดี | ข้าจะยกโยธีมาอาสา |
จะสนองรองเบื้องบาทา | กว่าจะสิ้นชีวาบรรลัย |
ทูลแล้วถวายบังคมลา | ออกมาจากพระโรงศรีใส |
แล้วยกพหลพลไกร | กลับไปยังราชธานี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเลิศฟ้าราศี |
เสวยรมย์สมสุขเปรมปรีดิ์ | ด้วยองค์บุษหรีเยาวมาลย์ |
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร | ถาวรเป็นสุขกระเษมสานต์ |
ลืมองค์ประวะลิ่มนงคราญ | เจ้าลิขิตกุมารชาญชัย |
คลึงเคล้าเฝ้าชมสมสวาดิ | จะนิราศคลาดคลาก็หาไม่ |
อยู่เย็นเป็นสุขสนุกใจ | ประมาณได้สักหลายเดือนตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ