๒๓

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงองค์ยุขันโฉมศรี
ครอบครองสวรรยาธานี กับองค์บุษหรีเยาวมาลย์
ไม่มีเภทภัยบีฑา ปรีดาผาสุกกระเษมศสานต์
อยู่ทุกทิวาราตรีกาล พร้อมหมู่บริวารกำนัลใน
ว่าขานกิจการพารา ทั่วฝูงประชาผ่องใส
ดับเข็ญ่ให้เย็นทั้งเวียงไชย ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
วันนั้นเร่าร้อนอาวรณ์จิต คิดถึงประวะลิ่มขนิษฐา
ทั้งองค์ลิขิตอนุชา อนิจจาจะเศร้าเปล่าใจ
จะมีแต่อาดูรพูนโศก แสนวิโยคครวญคร่ำร่ำไห้
ซูบผอมตรอมจิตเป็นนิจไป จะปรึกษากันได้สามคน
ตั้งแต่จะนับวันท่า เห็นช้าจะคอยระเหระหน
ไม่มีความสุขแต่ทุกข์ทน ด้วยไม่แจ้งเหตุผลประการใด
คิดแล้วจึ่งมีวาที แก่องค์บุษหรีศรีใส
พี่ไม่สบายฤทัย มาจะไปประพาสอุทยาน ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น บุษหรีเยาวยอดสงสาร
น้อมเศียรรับรสพจมาน แล้วทูลสนองสารไปทันที
พระองค์จะเสด็จสวนขวัญ ชมพรรณมิ่งไม้กระเษมศรี
ก็เป็นเทศกาลมาลี ขอเชิญภูมีไคลคลา
แล้วนางจึ่งสั่งกำนัล จงจัดแจงกันให้พร้อมหน้า
พนักงานของใครเร่งตรวจตรา อย่าช้าเร่งรัดบัดนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางกำนัลสาวศรี
อภิวาทรับราชเสาวนีย์ ออกมาจากที่แล้วสั่งกัน
จัดแจงแต่งเครื่องไว้สรรพเสร็จ จะเสด็จประพาสสะตาหมัน
บัดใจก็พร้อมเพรียงกัน เตรียมท่าทรงธรรม์จะยาตรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงฤทธิ์ทุกทิศา
จึ่งเสด็จยุรยาตรคลาดคลา ออกมายังท้องพระโรงไชย
จึ่งมีพระราชบัญชา ยังหมู่เสนาน้อยใหญ่
เราจะไปยังสวนมาลัย เร่งเตรียมพลไกรบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
จัดรี้พลมนตรี ทั้งรถมณีรัตนา
อีกสีวิกาสุวรรณมาศ เครื่องแห่โดยขนาดทั้งซ้ายขวา
แตรสังข์ปี่หองกลองชวา คอยท่ารับเสด็จภูวไนย
ครั้นเสร็จเสนีก็เข้ามา ทูลแจ้งกิจจาแถลงไข
อันซึ่งพหลพลไกร เตรียมไว้เสร็จแล้วพระราชา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันทรงฤทธิ์ทุกทิศา
จึ่งเสด็จยุรยาตรคลาดคลา มาเข้าที่สรงคงคาลัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ทรงสุคนธาทิพรวยรื่น กลั้วกลิ่นคันธรสผ่องใส
ภูษิตพื้นดำอำไพ สังวาลวิไลอร่ามเรือง
ตาบทิศวิจิตรด้วยไพฑูรย์ จำรูญล้วนมณีสีเหลือง
ทองกรกาบเก็จเพชรประเทือง ดั่งเครื่องทรงบรมพรหมา
สอดทรงธำมรงค์รวยรุ่ง พวยพุ่งจำรัสพระเวหา
ทรงมหามงกุฎรจนา ทัดอุบะบุหงาตระการใจ
พระทรงกริชแก้วบรรจง ชวนองค์อัคเรศศรีใส
มายังเกยสุวรรณอำไพ ภูวไนยขึ้นทรงรถมณี
โฉมนางบุษหรีเยาวมาลย์ ทรงสีวิการเรืองศรี
พร้อมทั้งกำนัลขันที อึงมี่ตามเสด็จยาตรา
กลิ้งกลดบดบังพระสุรีย์ใส เรียบเรียงเคียงไปทั้งซ้ายขวา
แห่แหนโดยขนาดยาตรา เสนาพรั่งพร้อมตามไป

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ มาเอยมาถึง ยังในอุทยานสถานใหญ่
ลงจากรถแก้วแววไว พระทรงไชยเสด็จลีลา
กับองค์อัคเรศโฉมยง ฝูงอนงค์นางในซ้ายขวา
เข้าในสวนศรีด้วยปรีดา ชมพรรณพฤกษามากมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พิกุลบุนนาคกระดังงา โยทะกาประยงค์สักขี
การะเกดฝ้ายเทศมะลุลี จำปีนางแย้มแกมกัน
สารภีจำปากาหลง ชงโคสุกรมนมสวรรค์
สัตตบุษย์พุดซ้อนมะลิวัลย์ กุหลาบสุพรรณกรรณิการ์
พระน้าวหน่วงพวงผลรุกขชาติ ยื่นให้สายสวาดิเสนหา
สัพยอกหยอกเย้ากันไปมา ทางชมบุปผาเปรมปรีดิ์
หวนจิตคิดถึงวนิดา ประวะลิ่มกัลยาโฉมศรี
เมื่อเข้ามาสวนมาลี เปรมปรีดิ์สำราญบานใจ
พี่แลลอดสอดนัยนาดู สบเนตรโฉมตรูพิสมัย
คิดพลางสะท้อนถอนฤทัย พระมิให้ปรากฏแก่นารี
แล้วพระหยอกเย้านางสาวสรร ยื้อยุดฉุดกันกระเษมศรี
เก็บดอกสร้อยฟ้าสารภี ให้ฝูงนารีกัลยา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ลิขิตขนิษฐา
สถิตอยู่บนเรือนยายตา เห็นเสด็จมาชมมาลี
แหวกช่องมองทอดทัศนา เห็นพระเชษฐาเรืองศรี
เป็นปิ่นปักเกศธเรษตรี มีอานุภาพมหึมา
ชื่นชมโสมนัสเปรมปรีดิ์ จรลีลงจากเคหา
ลัดแลงแฝงไม้ให้ลับตา ออกมาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
ครั้นถึงจึ่งวิ่งเข้ากอดบาท พระเชษฐาธิราชรังสรรค์
สะอื้นโศกาจาบัลย์ ไม่ทันทูลกิจนั้นประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
ครั้นเห็นลิขิตฤทธิไกร จำได้ว่าองค์อนุชา
สวมสอดกอดประคองน้องรัก ทรงศักดิ์แสนโสมนัสา
จึ่งมีพจนารถวาจา ถามพระอนุชาทันใด
พี่ให้อยู่ด้วยเยาวเรศ หรือเหตุการณ์เป็นไฉน
ใครพาข้ามฝั่งสมุทรไทย จึ่งมาได้ถึงยังพารา
อันองค์ประวะลิ่มสายสมร ยังถาวรทุกข์ทนบ่นหา
หรือว่ากระเษมเปรมปรา ลูกยาในครรภ์ประการใด
บิตุเรศชนนีนงคราญ แจ้งเหตุเภทพาลหรือหาไม่
น้องจงแถลงให้เเจ้งใจ เป็นไฉนจึ่งมาทั้งนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลิขิตผู้เฉิดโฉมศรี
ก้มเกล้ากราบทูลพระภูมี แต่วันพระพี่หนีมา
นางทรงอาดูรพูนโศก วิโยคเศร้าสร้อยละห้อยหา
ไม่สรงไม่เสวยโภชนา พักตราหมองคล้ำดำไป
จนครรภ์เจ็ดเดือนตรา จะขึ้นเฝ้าบิดาก็หาไม่
คิดกันจะหนีจากเวียงไชย กลัวภัยพระผู้ทรงธรณี
พอราชปักษาบินไป เยี่ยมองค์อรไทโฉมศรี
เห็นทรงโศกศัลย์พันทวี สกุณีมีความเมตตา
จึ่งพาพี่นางกับข้านี้ อีกทั้งนารีสันหยา
บินข้ามสายชลคงคา จนมาถึงรุกขพระไทร
ปักษินบอกว่าพระทรงฤทธิ์ อยู่ด้วยนักสิทธิ์เป็นใหญ่
นางรีบลีลาคลาไคล เข้าไปวันทาพระอาจารย์
เธอบอกว่าองค์พระเชษฐา กลับไปพาราราชฐาน
จะเอาหัสรังสกุณาน ไปถวายพระผู้ผ่านธรณี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ แล้วจะกลับมารับโฉมยง นางอยู่ด้วยองค์พระฤๅษี
ข้ากับสันหยานารี ปรนนิบัติเทวีทุกเวลา
จะประสูติพระราชโอรส ทรงโฉมปรากฏเป็นนักหนา
คล้ายองค์สมเด็จพระพี่ยา อัยการักใคร่พันทวี
แล้วพบมะยุหงัดนายพราน หนีจากราชฐานกรุงศรี
แจ้งว่าเชษฐาธิบดี ครอบครองบูรีเวียงไชย
พระอาจารย์ให้นำมรคา พาน้องเข้ามากรุงใหญ่
แจ้งข่าวพี่นางทรามวัย มาอยู่ในไพรกันดาร
สั่งให้ขอประทานโทษา ซึ่งพรานป่าสามารถอาจหาญ
เหมือนเห็นแก่องค์พระอาจารย์ จงทราบบทมาลย์พระภูมี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์ยุขันเรืองศรี
ได้ฟังอนุชาพาที ภูมีทอดถอนฤทัย
อนิจจาโฉมยงนงคราญ มาได้ความทรมานในป่าใหญ่
ตัวพี่ก็ปิ่มจะบรรลัย หากได้นายประมงจึ่งรอดมา
พี่ตรงไปเมืองฉะนะตัน จึ่งได้พลขันธ์อาสา
ยกเข้าประชิดติดพารา ฆ่าท้าวปะรังม้วยมิด
อันหัสรังสกุณา นั้นสิ้นชีวาดับจิต
พี่ได้มณีอันมีฤทธิ์ ทศทิศไม่ต้านทานทัน
แล้วมีพจนาวาที แก่องค์บุษหรีเฉิดฉัน
นี่คืออนุชาวิลาวัณย์ ร่วมทุกข์สุขกันสองคน
บัดนี้ประวะลิ่มโฉมงาม ติดตามมาในไพรสณฑ์
พี่จะยกเสนีรี้พล ไปรับนิรมลมาธานี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์บุษหรี
จึ่งบังคมคัลอัญชุลี ทูลพระภูมีไปทันใด
น้องไม่รังเกียจเดียดฉันท์ พระทรงธรรม์อย่าคิดสงสัย
แล้วเรียกอนุชามาทันใด ลูบไล้ไปทั่วกายา
นรลักษณ์พักตราน่าชม สมทั้งรูปทรงยศฐา
....................[๑] มาเดินป่ากันดารลำบากใจ
อันพระพี่นางกัลยา ได้ความเวทนาอยู่ป่าใหญ่
พระองค์จงยกพลไกร ไปรับทรามวัยเข้ามา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันพริ้งเพริศเลิศเลขา
ได้ฟังอัคเรศทูลมา ผ่านฟ้าสำราญบานใจ
จึ่งชวนบุษหรีนงลักษณ์ กับพระน้องรักพิสมัย
เสด็จย่างเยื้องคลาไคล ไปที่ประทับพลับพลา
สามองค์เจรจาปราศรัย ด้วยใจชื่นชมหรรษา
แล้วเสวยเอมโอชโภชนา พระสุริยาบ่ายคล้อยจะคลาไคล ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองเฒ่าตกใจจะมีไหน
เห็นเจ้าลิขิตฤทธิไกร เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
แล้วทรงโศกาอาลัย ภูวไนยวิโยคโศกศัลย์
เห็นจะเป็นสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ พลัดพรากจากกันนานมา
สองเฒ่ายินดีเป็นพ้นนัก เราจะได้พึ่งพักไปวันหน้า
บุญตัวเราแล้วนะท่านตา จะได้ผาสุกเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันผู้เฉิดโฉมศรี
เสร็จเสวยโภชนาสาลี จึ่งชวนบุษหรีนงคราญ
ทั้งองค์ลิขิตอนุชา มาจะไปพาราราชฐาน
แล้วเสด็จย่างเยื้องบทมาลย์ ทรงรถสีวิการรูจี
อันองค์พระราชอนุชา ขึ้นทรงมิ่งม้าไชยศรี
แล้วสีวิกานางเทวี คลายคลี่นิกรโยธา
ครั้นถึงจึ่งประทับกับเกยมาศ เสด็จลงจากราชรัถา
ชวนน้องลิขิตไคลคลา มายังท้องพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ อนุชาธิราชเรืองศรี
พรุ่งนี้จะยกโยธี ออกไปดุษฎีพระนักธรรม์
รับองค์ประวะลิ่มโฉมศรี ป่านนี้จะวิโยคโศกศัลย์
เจ้ามาก็ช้าหลายวัน กัลยาจะเศร้าเปล่าใจ
แล้วมีพระราชบัญชา แก่หมู่เสนาน้อยใหญ่
เร่งรัดพหลพลไกร เราจะไปวันรุ่งพรุ่งนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศี
ออกจากพระโรงทันที เร่งรัดรี้พลโยธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ตรวจตราตามกระบวนน้อยใหญ่ ทั้งพิไชยราชรัถา
อีกทั้งประเทียบรจนา เตรียมท่าคอยรับพระภูวไนย
เสร็จสรรพก็กลับเข้ามา วันทาทูลแจ้งแถลงไข
อันซึ่งพหลพลไกร เตรียมไว้พร้อมแล้วพระภูมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเลิศฟ้าราศี
เสด็จย่างเยื้องจรลี มาเข้ายังที่ข้างใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งมีวาจาสุนทร ดวงสมรผู้ยอดพิสมัย
พรุ่งนี้พี่จะไปพนาลัย รับองค์อรไทเข้ามา
จงจัดอนงค์นารี กำนัลขันทีซ้ายขวา
เฒ่าแก่ชาวแม่จัดมา อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์บุษหรี
รับราชบัญชาพระภูมี จรลีออกจากห้องใน
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงซ้ายขวา ให้ฝูงกัลยาน้อยใหญ่
ทั้งเฒ่าแก่เตรียมให้พร้อมไว้ ตามเสด็จภูวไนยให้ทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี
เร่งรัดจัดกันเป็นโกลี ได้พร้อมตามมีพระบัญชา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางบุษหรีเสนหา
จึ่งเสด็จยุรยาตรคลาดคลา เข้ามายังที่บรรทมใน
จึ่งทูลองค์พระทรงธรรม์ อันเหล่ากำนัลน้อยใหญ่
น้องให้จัดสรรกันไว้ ภูวไนยจงทราบบทมาลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงทรงฟังกระเษมสานต์
ครั้นค่ำย่ำสนธยากาล พระภูบาลเข้าที่บรรทมใน
กับองค์บุษหรีเยาวเรศ พระทรงเดชแสนสนิทพิสมัย
เบิกบานสำราญฤทัย นิทราหลับไหลทั้งสองรา
ภาณุมาศพวยพุ่งรุ่งแรง แสงทองจำรัสเวหา
พระพลิกฟื้นตื้นจากไสยา จึ่งมีพจนาไปทันที
วันนี้พี่จะไปพนาลัย ดวงใจอย่าเศร้าหมองศรี
ไม่ช้าสักเจ็ดราตรี จะกลับมาบูรีเวียงไชย
สั่งแล้วเสด็จยุรยาตร ลีลาศจากห้องพิสมัย
ชวนองค์ลิขิตฤทธิไกร ไปเข้าที่สรงสาคร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ สองกระษัตริย์ชำระสนาน กลิ่นสุมาลย์ธารปรุงด้วยเกสร
ทรงสุคนธาทิพย์ขจายจร สนับเพลาเชิงงอนงามวิไล
ภูษิตพิศสีนิลระยับ ชายแครงครุยสลับชายไหว
ทับทรวงดวงเด่นอำไพ ตาบทิศวิจิตรใจจำหลักลาย
ทองกรกาบเก็จเพชรรัตน์ ธำมรงค์เรืองจำรัสแสงฉาย
ทรงมงกุฎเพชรรัตน์พรรณราย กรรเจียกแก้วแพรวพรายรจนา
ทัดอุบะตันหยงส่งกลิ่น หอมประทิ่นเที่ยงทับบุปผา
พระกรทรงศรศักดา งามสง่าดั่งองค์อมรินทร์
อนุชาทรงกฤชฤทธิไกร เลิศล้ำอำไพเฉิดฉิน
ครั้นเสร็จสองกระษัตริย์ธิบดินทร์ ภูมินทร์เสด็จจรจรัล
ครั้นถึงเกยแก้วรูจี ทรงรถมณีฉายฉัน
อันองค์อนุชาวิลาวัณย์ นั้นทรงมโนมัยไปหน้ารถ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ รถเอยราชรถแก้ว งอนพริ้งงามแพร้วด้วยมรกต
แปรกบังเรือนช้อยชด ดุมรถลั่นเลื่อนสะเทือนดง
โตรกตั้งแต้มติดวิจิตรลอย สามยอดแต่งย้อยงามระหง
เรียงสัตว์รูปสิงห์เยียรยง ธงฉานธงไชยไสวปลาย
เทียมสินธพสรรค์ดั่งท้าวราช เผ่นผงาดผาดผันผาย
สารถีระยับกราย รถประเทียบเรียบรายเรียงรัน
เสียงฆ้องซ้องขานเนรนาด สุทธาวาสสะเทือนไหวหวั่น
ผงคลีกลาดกลุ้มบังตะวัน เร่งรีบพลขันธ์ไคลคลา
เข้าในป่าระหงดงดาน ข้ามธารผ่านห้วยเหวผา
มิได้พักพหลโยธา มาในแนวป่าพนาลัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ มาใกล้พระบรรณศาลา พระมหานักสิทธิ์เป็นใหญ่
เห็นถิ่นฐานสะอาดเป็นพ้นไป มิ่งไม้ร่มรื่นพสุธา
ผลิดอกออกช่อทรงผล แสนสนุกพ้นหนักหนา
พระสั่งให้หยุดพลโยธา ตั้งที่ประทับพลับพลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ


[๑] ต้นฉบับหายไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ