๑๒
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงโฉมประวะลิ่มนิ่มนวลศรี |
ต้องสะกดหลับหมดทุกนารี | สุริย์ศรีส่องแสงจึ่งฟื้นองค์ |
กรเกี่ยวกระหวัดรัดเขนย | ตามเคยแนบชิดพิศวง |
ลืมเนตรคว้าหาไม่เห็นองค์ | โฉมยงฉงนสนเท่ห์ใจ |
ผันแปรแลลอดสอดหา | พระยอดฟ้าของน้องไปอยู่ไหน |
นางคะนึงนิ่งนึกในใจ | หรือไปหาพี่เลี้ยงกัลยา ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ คิดพลางนางเสด็จจรลี | เทวีเดินย่องมองหา |
ในห้องพี่เลี้ยงกัลยา | ไม่พบพระยอดฟ้าก็ตกใจ |
เที่ยวหาไปทั่วทุกตำหนัก | จะพบพระยอดรักก็หาไม่ |
พ่างเพียงจะพินาศขาดใจ | อรไทไม่เป็นสมประดี |
จึ่งปลุกนวลนางสันหยา | พี่จงช่วยหาพระโฉมศรี |
หายไปแต่ในราตรี | ตรัสพลางเทวีทรงโศกา ฯ |
ฯ โอด ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งโฉมนวลนางสันหยา |
ได้ฟังเยาวมาลย์กล่าวมา | กัลยาอย่าตระหนกตกใจ |
จึ่งพากันรีบดำเนินมา | ยังห้องไสยาพิสมัย |
พี่เลี้ยงแลเห็นผ้าสไบ | ธำมรงค์สอดใส่ที่นิ้วนาง |
ทั้งอักษรอยู่ที่บัญชรไชย | อรไทข้อนทรวงเข้าผางขาง |
ครวญคร่ำร่ำร้องทั้งสองนาง | พ่างเพียงจะม้วยมรณา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มแลเห็นพระภูษา |
ทั้งอักษรธำมรงค์อลงการ์ | ฟูมฟายชลนาแล้วอ่านพลาง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ในลิขิตศุภลักษณ์อักษรศรี | ว่าตัวพี่จำไปไกลร้าง |
ขอฝากพระน้องกับสองนาง | อันนกพันอย่างพี่เอาไป |
จะถวายสมเด็จพระบิตุรงค์ | จะกลับมารับอนงค์ให้จงได้ |
เจ้าดวงยิหวาอย่าน้อยใจ | ว่าพี่ไกลแก้วกัลยา |
จงบอกป่วยอยู่แต่ปราสาทศรี | สายสุดสวาดิพี่อย่าโหยหา |
ให้เชื่อจิตจึ่งให้อนุชา | อยู่ด้วยกัลยาวิลาวัณย์ ฯ |
ฯ โอ้ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นแจ้งในลักษณ์อักษร | ยอกรข้อนทรวงเข้าโศกศัลย์ |
โอ้พระโฉมยงทรงธรรม์ | ครั้นจะบอกกลัวว่ามิให้ไป |
พระทูลกระหม่อมจอมจิต | ไม่คิดถึงน้องเลยตัดได้ |
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นทรวงใน | ชะรอยกรรมทำไว้ได้จำเป็น |
ไม่ควรเลยที่จะพรากไปจากห้อง | ความรักประคองให้น้องเห็น |
อิงแอบแนบเคล้นทุกเช้าเย็น | ควรฤๅมาเป็นเช่นนี้ไป |
ผ้าสไบพระเอาไปต่างองค์ | ภูษาธำมรงค์นั้นไว้ให้ |
ยกขึ้นทูลเกล้าแล้วร่ำไร | พระจอมไตรเมื่อไรจะกลับมา |
เมียจะไว้ชีพคอยท่าสิบห้าวัน | พ้นนั้นจะเที่ยวไปตามหา |
กว่าน้องจะม้วยมรณา | จะให้คนเห็นหน้าไปไยมี |
โอ้พระยอดรักของเมียเอ๋ย | ไม่เอ็นดูเมียเลยพระโฉมศรี |
ปกเกล้าน้องมาไม่ถึงปี | เห็นมีครรภ์แล้วพระมาหนีไป |
ทำให้ไพร่ฟ้าเขาดูถูก | จะนินทาว่าลูกหาพ่อไม่ |
พระจงกลับมาพาเมียไป | ละไว้ให้ได้เวทนา |
หรือว่าเมียนี้มีสิ่งชั่ว | พระกลัวอับอายจะขายหน้า |
เอาไปไว้ล้างบาทา | เมตตาเมียเถิดพระจอมไตร |
นางทรงอาดูรพูนเทวษ | น้ำเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
นางสะอึกสะอื้นอาลัย | สลบไปกับที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ โอด ๑๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงตกใจเป็นนักหนา |
แม่เอ๋ยเป็นไรฉะนี้นา | กายาละมุนละไมไป |
เอาน้ำบุหงามาลูบพักตร์ | วักลูบให้นางพลางร้องไห้ |
นางฟื้นสมประดีขึ้นทันใด | จึ่งโลมเล้าเอาใจนางกัลยา |
เจ้าอย่าโศกาอาวรณ์ | จงกลั้นไว้ก่อนฟังพี่อา |
เกลือกจะรู้ถึงองค์พระบิดา | จะพากันตายเสียทั้งวังใน |
แม้นเธอจะละแม่เสียจริง | ไหนจะทิ้งอนุชาไว้ให้ |
พระผู้ประเสริฐเลิศไกร | หรือจะให้เสียสัตย์สัญญา |
พี่เห็นจะไม่ทิ้งเสียได้ | พระพรรณนาไว้เป็นนักหนา |
จงฟังอักษรพระผ่านฟ้า | อย่าทรงโศกานักจะไม่มิด ฯ |
ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ
๏ พี่เอยพี่สันหยา | พี่ว่าดังนี้ก็แจ้งจิต |
จะให้กลั้นโศกศัลย์นั้นพ้นคิด | พระทรงฤทธิ์เธอมาสลัดไว้ |
เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจเป็นนักหนา | น้องจะกลั้นชลนาไว้กระไรได้ |
เห็นที่บรรทมยิ่งตรมใจ | สุดอาลัยน้องแล้วนะพี่อา |
ทีนี้ที่นอนจะเยือกเย็น | มิได้เห็นพระยอดเสนหา |
เคยบรรทมชมชิดนิทรา | อนิจจามาทิ้งน้องไว้ |
มิเคยพรัดกำจัดมาจำพราก | แสนวิบากไม่ออกปากได้ |
จะกลั้นจิตให้ม้วยมิดไป | อยู่ไยให้ทนเวทนา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้งเอยครั้งนี้ | ชีวีจะม้วยสังขาร์ |
กลิ้งเกลือกเสือกพร่ำโศกา | กัลยาซอนซบสลบไป ฯ |
ฯ โอด ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยาตกใจจะมีไหน |
จึ่งเข้าประคองพระองค์ไว้ | แล้วลูบไล้สุคนธวารี |
นางค่อยดำรงพระองค์ได้ | จึ่งรำพันทูลไปถ้วนถี่ |
แม้นว่าพระไปถึงธานี | เห็นทีจะมารับดอกทรามวัย |
จงระงับดับความโศกา | อยู่ท่ากว่าจะสิ้นสงสัย |
แม้นพระไม่กลับมาเวียงไชย | เจ้าข้าจึ่งบรรลัยเสียด้วยกัน ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มสาวสวรรค์ |
ได้ฟังพระพี่เลี้ยงแจ่มจันทร์ | กัลยาค่อยได้สมประดี |
จึ่งเรียกลิขิตอนุชา | เข้ามาใกล้พี่เถิดโฉมศรี |
นางลูบปฤษฎางค์พลางโศกี | เทวีกำสรดระทดกาย |
ทรงโศกาอาดูรพูนเทวษ | ชลเนตรเป็นเลือดไม่เหือดหาย |
องค์อ่อนนอนนิ่งไม่ติงกาย | โฉมฉายพ่างเพียงจะวายชนม์ |
นางแสนโศกศัลย์รำพันไห้ | สลบไปแล้วฟื้นถึงสามหน |
น้ำเนตรไหลซาบอาบสกนธ์ | นิรมลเพียงจะสิ้นชีวา |
จิตใจไม่เป็นสมประดี | เทวีรัญจวนครวญหา |
ปิดงำความไว้ในปรางค์ปรา | แต่ละห้อยคอยหาทุกราตรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นกอินทรีราชปักษี |
หายเหนื่อยแล้วว่ากับภูมี | พระสุริย์ศรีส่องแสงแล้วแต่งกาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเพราเพริศเฉิดโฉมฉาย |
แต่งองค์ทรงเครื่องพรรณราย | แล้วผันผายขึ้นทรงนกอินทรี |
ปักษายืนหยัดสะบัดขน | แล้วโผผินบินบนพระไทรศรี |
หมายมุ่งอาศรมพระมุนี | ก็ถึงที่พระบรรณศาลาลัย |
จึ่งร่อนลงยังปัถพี | ปักษีจึ่งกล่าวแถลงไข |
ตัวแม่จะลากลับไป | ดวงใจค่อยอยู่จงดี |
แม้นมีทุกข์ภัยไปเมื่อหน้า | แม่จะมาช่วยองค์พระโฉมศรี |
สั่งแล้วปักษินอินทรี | ก็โบยบินยังเมฆีกลับไป ฯ |
ฯ เชิด ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย |
ครั้นเห็นสกุณากลับไป | ภูวไนยเศร้าสร้อยวิญญาณ์ |
พระองค์เสด็จจรลี | หิ้วกรงรังสีปักษา |
ครั้นถึงอาศรมศาลา | เข้าไปวันทาพระทรงพรต ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระมหาสิทธาดาบส |
ป้องหน้าดูองค์พระทรงยศ | จำได้ดาบสก็ดีใจ |
เออหายทุกข์แล้วหลานกูมา | สมดั่งปรารถนาหรือหาไม่ |
ได้หัสรังสีแล้วหรือไร | เป็นไฉนจงเล่าให้ตาฟัง ฯ |
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทูลไปดั่งใจหวัง |
นี่แลชื่อนกหัสรัง | ได้ดั่งพระองค์บอกไป |
พบขุนยักษามหาสมุทร | ไปพบอินทรีจึ่งข้ามได้ |
หลานเอาพระเดชปกเกศไป | ได้ทั้งลูกสาวท้าวเรเซน |
บัดนี้หลานหนีนางมา | ให้อนุชาไว้เป็นเพื่อนเข็ญ |
ชายแสงสุริยาเพลาเย็น | จึ่งเห็นอาศรมพระอาจารย์ |
แม่นกส่งข้าลงที่นี่ | ปักษีกลับไปไพรสาณฑ์ |
หลานจึ่งเข้ามานมัสการ | เล่าพลางภูบาลโศกา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องค์พระอาจารย์ณานกล้า |
ได้ฟังหลานรักกล่าวมา | จึ่งปลอบโยนนัดดาทันใด |
เจ้าอย่าแสนโศกเศร้าสร้อย | หลานน้อยจะได้ครองกรุงใหญ่ |
จงระงับโศกาอาลัย | ไม่ช้าจะได้บูรีรมย์ |
เอานกไปถวายพระบิดา | แล้วจึ่งกลับมาสู่สม |
ให้ท้าวสว่างที่เตรียมตรม | บรรทมเสียก่อนจึ่งค่อยไป |
ตาจะชุบมิ่งม้าอัสดร | ไปเป็นเพื่อนภูธรในป่าใหญ่ |
จะทรงเดินทางกลางไพร | ทั้งจะไม่ลำบากกายา |
ว่าแล้วจึ่งองค์พระมุนี | ออกจากกุฎีด้วยหรรษา |
จึ่งกองกูณฑ์พิธีกระตาลา | โอมอ่านวิทยาทันที ฯ |
ฯ ตระ ๑๐ คำ ฯ
๏ แสงเพลิงรุ่งโรจน์โชตนา | ด้วยอาคมพระมหาฤๅษี |
เกิดเป็นมิ่งม้าพาชี | ฤทธีประเสริฐเลิศไกร |
ครั้นแล้วจึ่งดับอัคคี | พระฤๅษีชื่นชมผ่องใส |
แล้วจูงมิ่งม้าอาชาไนย | มาให้ยุขันมิทันช้า ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันใสโสมนัสา |
กรลูบอัสดรทั่วกายา | อาชาเริงแรงสำแดงฤทธิ์ |
ทั้งเบาะอานพานหน้าเข็มขัดรัด | งามจำรัสวิเชียรไม่เพี้ยนพิศ |
ดั่งม้าทรงองค์พระอาทิตย์ | ทรงฤทธิ์ชื่นบานสำราญใจ |
ก้มเกล้าวันทาพระอาจารย์ | มายังสถานที่อาศัย |
หิ้วกรงสกุณาคลาไคล | เข้าในอาศรมมิได้ช้า ฯ |
ฯ ช้า ๖ คำ ฯ
๏ เอนองค์อิงเขนยเผยกรงแก้ว | กอดรังสีแล้วพระโหยหา |
คิดถึงอนงค์องค์ยุพา | กรก่ายพักตราเข้าจาบัลย์ |
โอ้รังสีน้อยของพ่ออา | ป่านฉะนี้มารดาจะโศกศัลย์ |
จะร่ำกินชลนาไม่วายวัน | ขวัญข้าวเจ้าจะคิดถึงพี่ยา |
ใครเลยจะประคองสนองนวล | ให้ค่อยคลายรัญจวนที่ครวญหา |
ยามเสวยจะเสวยแต่ชลนา | ยามเข้าไสยาจะบ้าใจ |
จะมีแต่อาดูรพูนเทวษ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
โอ้ว่าอนิจจามาจำไกล | ทำไฉนเจ้าจะเห็นในอุรา |
เวรใดจึ่งจากเจ้าทั้งรัก | ได้แต่ทรงพักตร์ขนิษฐา |
ชมพลางต่างแก้วกัลยา | เจ้าดวงยิหวาไม่เห็นเลย |
เจ้าจะชมแต่น้องต่างผัว | จะยังชั่วนิดหนึ่งเจ้าพี่เอ๋ย |
ยาหยีจะไม่มีความเสบย | ใครเลยจะแอบแนบเคล้า |
จะได้ความทุกข์ทรมา | จะเพ้อพลอดกอดคว้าหาเปล่า |
โอ้สงสารวันเมื่อพี่จากเจ้า | จะโศกเศร้าไปจนรุ่งราง ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ ลับดวงบุหลันสุริยันส่อง | แสงทองรัศมีสีกระจ่าง |
สรงพักตร์แล้วทรงเครื่องพลาง | หิ้วกรงพันอย่างคลาไคล ฯ |
ฯ เพลง ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งกราบพระมุนี | จงรักภักดีจะมีไหน |
หลานรักจักขอลาไป | พระจงอวยชัยสวัสดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งพระมหาฤๅษี |
ได้ฟังหลานรักพาที | ชื่นชมยินดีเป็นพ้นไป |
พระอัยกาอำนวยอวยสวัสดิ์ | จงพิพัฒน์สมบูรณ์อย่ารู้ไข้ |
เป็นมหิทธิมหาเดโชชัย | ให้เป็นใหญ่อยู่ในแผ่นดิน |
ทั่วทุกธานินทร์อรินทร์ราช | จงอยู่ในอำนาจของเจ้าสิ้น |
นึกไหนให้ได้ดั่งใจจินต์ | ล้วนศิลปศาสตร์จงชาญชัย ฯ |
ฯ ช้า ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย |
ก้มเกล้ารับพรทันใด | ด้วยใจยินดีปรีดา |
แล้วกราบอำลาพระนักสิทธิ์ | พระทรงฤทธิ์เศร้าสร้อยละห้อยหา |
หิ้วกรงรังสีไคลคลา | มาทรงมิ่งม้าอาชาไนย ฯ |
ฯ โทน เสมอ ๔ คำ ฯ
๏ เข้าในป่าระหงดงชัฏ | เลี้ยวลัดหามรคาใหญ่ |
บุหงาทรงกลิ่นตระการใจ | สกุไณเซ็งแซ่แจจัน |
พระชมหมู่วิหคตะโกนก้อง | ร่อนร้องอยู่ในไพรพนาสัณฑ์ |
นกแก้วจับแก้วพลอดกัน | เหมื่อนแจ่มจันทร์กับพี่จำนรรจา |
เมื่อยามบรรทมชมชิด | เชยชื่นสนิทเสนหา |
เบญจวรรณไต่หว้าอยู่เอกา | เหมือนวันพี่จากมากับอินทรี |
สาลิกาจับแก้วแล้วส่งเสียง | เหมือนสุรเสียงสำเนียงมารศรี |
คับแคจับคอยอยู่มากมี | เหมือนคับแค้นทรวงพี่ด้วยจำไกล |
สีชมพูจับไผ่เพรียกร้อง | เหมือนสีสไบน้องที่โหยไห้ |
สัตวาจับสนแล้วบินไป | เหมือนพี่ว่าวอนไว้ทุกสิ่งอัน |
กระสังจับโศกแล้วโหยหวน | เหมือนพี่จากนิ่มนวลมาโศกศัลย์ |
พระไม่วายโศกาจาบัลย์ | ด้นดั้นมาในพนาลัย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เดินไพรมาได้หลายวันวาร | ถึงธารที่ทางไม่จำได้ |
พระทัยให้ฟั่นเฟือนไป | ด้วยเวราทำไว้แต่หลังมา |
แลเห็นต้นไทรที่ริมธาร | ใบก้านชอุ่มสาขา |
จึ่งชักมิ่งม้าอาชา | เข้าอาศัยใต้ร่มไทร ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ เอนองค์ลงกับอัศวราช | ภูวนาถไม่วายโหยไห้ |
กอดนกประทับอุระไว้ | พระม่อยหลับไปในราตรี ฯ |
ฯ ช้า ปี่ ๒ คำ ฯ