๒๖
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
เผอิญให้เคลิบเคลิ้มลืมไป | ในองค์ประวะลิ่มกัลยา |
เพราะนางตั้งสัจอภิวันท์ | ไหว้องค์อสัญแดหวา |
นักสนมกำนัลกัลยา | ดลใจให้มาหลงลืมไป |
ต่อนางไปถึงอุรังยิด | ยุขันจึ่งคิดขึ้นมาได้ |
ช้านานภูบาลมิได้ไป | พระทัยประหนึ่งสักชีวัน |
รำลึกตรึกถึงพระลูกรัก | ประวะลิ่มเยาวลักษณ์เฉลิมขวัญ |
คิดแล้วเสด็จจรจรัล | มายังสุวรรณปราสาทไชย ฯ |
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
๏ ถึงห้องสุวรรณกัลยา | จะแจ้งว่าหนีไปก็หาไม่ |
เห็นบัญชรปิดคิดแคลงใจ | เงียบไปมิได้พาที |
เป็นไฉนฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ย | ทรงศักดิ์ผลักเผยบัญชรศรี |
ไม่เห็นประวะลิ่มนารี | พี่เลี้ยงลิขิตก็หายไป |
เห็นอักษรปิดไว้ข้างที่ | ภูมีสิ้นความสงสัย |
หยิบเอาอักษรที่ปิดไว้ | ภูวไนยอ่านดูทันที ฯ |
ฯ ช้า ๖ คำ ฯ
๏ ในลักษณะสารไปนานแล้ว | น้องแก้วเคืองขัดตัดรอนพี่ |
ว่าจะไปอุรังยิดธานี | รำพันพาทีเขียนไว้ |
อ่านยังไม่สิ้นสารสนอง | ขุ่นหมองเคืองขัดอัชฌาศัย |
ตรัสเรียกหมู่นางกำนัลใน | สาวใช้ซึ่งอยู่ด้วยเทวี |
บอกว่าประวะลิ่มหนีไป | เขียนอักษรไว้ข้างที่ |
ไม่บอกให้แจ้งคดี | มาอยู่ทั้งนี้ระวังใคร |
นางพากันหนีไปช้านาน | จะทูลพิดกิจการก็หาไม่ |
ไม่กลัวอาญานี้ว่าไร | เราไซร้จะฆ่าให้ม้วยมิด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลก็พรั่นจิต |
ได้ฟังพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | จึงคิดถึงนางเทวี |
บัญชาตรัสว่าหนีไป | สาวใช้ปิ่มจะล้มลงกับที่ |
จะเพ็ดทูลแก้ไขไฉนดี | ชีวิตจึ่งจะไม่ม้วยมรณ์ |
แล้วจึ่งประณมบังคมคัล | ทูลองค์ยุขันทรงศร |
อันฝูงกำนัลนิกร | บห่อนจะไม่กลัวภัย |
ราชกิจไม่คิดดูแคลน | ค่ำเช้าเฝ้าแหนหาขาดไม่ |
ตั้งแต่โฉมศรีเจ้าหนีไป | มิได้จะรำลึกตรึกตรา |
เผอิญให้เคลิ้มไคล้ใจจิต | ข้าน้อยวิปริตเป็นนักหนา |
จึ่งไม่แจ้งอรรถสัจจา | ต่อตรัสมาจึ่งทราบคดี |
พระองค์จะลงโทษทัณฑ์ | หํ้าหั่นก็ม้วยเป็นผี |
เป็นความสัจจังข้าทั้งนี้ | พันปีจงทรงพระเมตตา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันทรงโทรมนัสา |
ได้ฟังกำนัลทูลมา | ตรึกตราก็แจ้งในพระทัย |
มั่นคงองค์ปะตาระกาหลา | ช่วยกัลยากำบังให้ |
ประจักษ์ทักแท้แน่ใจ | ภูวไนยเคลื่อนคลายโกรธา |
จึ่งว่าประวะลิ่มหนีไป | เราไม่ถือโทษโทษา |
ตรัสแล้วดำเนินเดินมา | สร้อยเศร้าวิญญาณ์พระภูมี |
ครั้นถึงเสด็จเข้าสู่ห้อง | แนบน้องวรนุชบุษหรี |
ยื่นอักษรนั้นทันที | ของพี่ประวะลิ่มเจ้าเขียนไว้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีศรีใส |
รับอักษรนั้นมาทันใด | ทรามวัยคลี่อ่านสารพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ในลักษณ์ประวะลิ่มนิ่มนวลสมร | ชุลีกรบาทบงสุ์องค์ยุขัน |
ทรวงร้อนดั่งนอนอัคคีควัน | ขอลาจรจรัลทุเรศรัก |
จะอยู่ไปในกรุงปะรังศรี | ในทรวงประวะลิ่มนี้ดั่งศรปัก |
ครั้นจะทรมานไปนานนัก | เกรงศักดิ์พระเจ้าอุเรเซน |
เห็นแต่พระจอมอุรังยิด | จะปกปิดเคืองแค้นที่แสนเข็ญ |
คับที่อยู่สุขทุกเช้าเย็น | คับใจนี้ฉันเห็นเป็นสุดคิด |
บุษหรีพี่นี้รักดั่งดวงเนตร | จำทุเรศด้วยพี่ช้ำระกำจิต |
แม้นไม่วอดวายม้วยมิด | ชีวิตพี่มิตายจะกลับมา |
ลิขิตสันหยาขอลาด้วย | เพื่อนม้วยกันในไพรพฤกษา |
แจ้งในสารขอประทานชีวา | ซึ่งมิได้อำลาบาทบงสุ์ ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นสารศรี | บุษหรีเร่งคิดพิศวง |
สุนทรเพราะพริ้งยิ่งยง | บรรจงลิขิตพิศดาร |
ซึ่งว่ากลัวภัยอุเรเซน | น้องไม่เห็นด้วยเลยที่ว่าขาน |
พระองค์ทรงฤทธิ์ชัยชาญ | อุเรเซนหรือจะทานศักดา |
น้อยใจเจ้าไปอุรังยิด | หากแกล้งประดิษฐ์คิดว่า |
รักน้องดั่งดวงแก้วแววตา | คำนี้ก็ว่าเป็นคำคม |
กลัวภัยกับในอักษรว่า | น้องนี้พิจารณาไม่เห็นสม |
แกล้งกล่าวประดิษฐ์คิดคม | ว่ากล่าวไม่สมกับต้นปลาย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเคืองข้องหมองไหม้ |
พระทัยไม่มีความสบาย | เห็นว่าอันตรายจะเกิดมี |
แม้นนางไปถึงพระบิตุเรศ | จะแจ้งเหตุนกหัสรังสี |
จะว่าแกล้งหนักหน่วงเป็นท่วงที | พันปีจะทรงพระโกรธา |
จำจะไปหาพระดาวบส | พระองค์ทรงพรตอยู่ในป่า |
ให้ชุบดวงแก้วจินดา | กลับเป็นสกุณาคืนคง |
จึ่งว่ากับบุษหรีนงลักษณ์ | เยาวลักษณ์นิ่มเนื้อนวลหง |
พี่จะเอาจินดาฤทธิรงค์ | ออกไปหาองค์พระมุนี |
ทำเป็นพิธีชุบมณีรัตน์ | ขึ้นเป็นนกหัสรังสี |
จึ่งจะไปอภิวันท์พระพันปี | เห็นทีจะคลายโกรธา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อเอยเมื่อนั้น | บุษหรีเยาวยอดเสนหา |
ได้ฟังเศร้าสร้อยวิญญาณ์ | รักดวงจินดาพรรณราย |
จะชุบให้คืนเป็นปักษี | ภูมีจะเอาไปถวาย |
รังสีมีแต่จะเสื่อมคลาย | นางคิดเสียดายแสนทวี |
จึ่งทูลสมเด็จพระผ่านฟ้า | เดิมดวงจินดาเป็นปักษี |
มอดม้วยด้วยราชไพรี | ฝ่ายพี่ประวะลิ่มก็แจ้งใจ |
จะไปทูลบรมนาถ | ว่าปักษีพินาศม้วยตักษัย |
จะแจ้งกับบาทบงสุ์พระทรงไชย | ซึ่งเกิดเหตุเภทภัยแต่หลังมา |
แล้วจะชุบกลับเป็นไปถวาย | ต้นปลายเห็นกระจายกันนักหนา |
ตรึกไตรดูในพระปัญญา | น้องว่าไม่แกล้งแต่งกล |
เห็นเป็นยักย้ายกลายกลับ | จะว่าเท็จสับปลับก็เห็นสม |
ถวายไยให้เคืองในอารมณ์ | พิเคราะห์ดูให้สมต้นปลาย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเพราเพริศเฉิดฉาย |
ฟังเหตุอัคเรศบรรยาย | แจ้งว่าเสียดายจินดานัก |
นางจึ่งกล่าวเพทุบาย | แยบคายเหน็บแนมแหลมหลัก |
ครั้นจะสลัดตัดรัก | นงลักษณ์จะละห้อยน้อยใจ |
คิดแล้วปลอบน้องประคองพักตร์ | เยาวลักษณ์สุดแสนพิสมัย |
ครั้นจะแหนหวงหนักหน่วงไว้ | ยิ่งจะเคืองใต้ฝ่าธุลี |
อันดวงมณีศรีสวัสดิ์ | จะชุบคืนเป็นหัสรังสี |
จะสาบสูญไปเมื่อไรมี | จะทำให้มณีเป็นสามดวง |
ดวงหนึ่งเป็นราชปักษี | สองดวงเป็นมณีโชติช่วง |
ตำราว่าไว้พี่ไม่ลวง | แต่ดวงหนึ่งเราจะเอาไว้ |
ว่าพลางสะท้อนถอนจิต | ไม่วายขุ่นคิดที่หม่นไหม้ |
พระพักตร์สร้อยเศร้าอาลัย | เสด็จไปสระสรงชลธาร |
สรงประถมทั่วท้องละอองกระสินธุ์ | ฝอยฟุ้งจรุงกลิ่นหอมหวาน |
เสด็จสรงทรงรดสุคนธ์ธาร | ผ่องผัดชัชวาลละออองค์ |
ทรงภูษาษิตพิศเพริศ | สุวรรณพรายฉายเฉิดก่องกง |
ชฎารามงามพริ้งยิ่งยง | งอนรับจับทรงอลงการ์ |
ทรงสุวรรณกรรถอบรอบรัด | แจ่มจัดด้วยมณีมีค่า |
ทับทรวงเด่นดวงบุษรา | สังวาลจินดาแสงพราย |
ทองกรเป็นรูปมังกรเกี่ยว | เลื้อยเลี้ยวลายเลิศเฉิดฉาย |
ธำมรงค์ทรงเสร็จเพชรกระจาย | จับแสงสุริย์ฉายพรายฟ้า |
ทรงมงกุฎแก้วแววระยับ | พรอยแพรวพรายจับพระเวหา |
ทรงศรเหน็บกฤชฤทธา | ทัดอุบะจินดาพรายพรรณ |
แล้วเสด็จขึ้นแท่นอลงการ์ | หยิบดวงจินดาฉายฉัน |
เสด็จออกยังเกยสุวรรณ | ระเห็จหันเหาะขึ้นนภาลัย ฯ |
ฯ เชิด ๒๔ คำ ฯ
๏ ครั้นใกล้ศาลาอาศรม | พระโคดมทรงพรตเป็นใหญ่ |
เห็นตระหนักด้วยหลักธงชัย | ครั้นจะเหาะไปถึงกุฎี |
ท้าวเป็นฤๅษีชีดง | จะสูงกว่าพระองค์ไม่ควรที่ |
คิดแล้วเหาะลงปัถพี | ภูมีดำเนินเดินไป ฯ |
ฯ เพลง ๔ คำ ฯ
๏ ถึงอาศรมเห็นพระอาจารย์ | ชมฌานยังหาลืมตาไม่ |
ลดองค์ลงคลานเข้าไป | นิ่งอยู่มิได้จำนรรจา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระนักสิทธิ์เรืองฤทธิ์แกล้วกล้า |
ชักประคำหลับเนตรภาวนา | สำรวมวิญญาณ์ระงับใจ |
แจ้งไปในฌานอาจารย์เจ้า | ว่ายุขันนั้นเข้ามาอยู่ใกล้ |
ลืมเนตรขึ้นเห็นพระภูวไนย | ท้าวไทชื่นชมปรีดา |
จึ่งกล่าวประพฤติปราศรัย | นี่มีกิจสิ่งใดออกมาหา |
ประวะลิ่มลิขิตกับลูกยา | สันหยาพี่เลี้ยงทรามวัย |
เข้าไปอยู่ในปะรังศรี | รูปนี้คิดถึงหาลืมไม่ |
ผาสุกทุกข์ร้อนประการใด | เหตุใหญ่แล้วกระมังจึ่งซังมา |
ราศีไม่มีความสบาย | ทายเสียก่อนอีกไม่พักว่า |
พิศพักตร์ก็เศร้าโรยรา | มาหาด้วยเหตุประการใด ฯ |
ฯ ร่าย ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันประณมบังคมไหว้ |
ทูลว่าประวะลิ่มทรามวัย | ครั้นเข้าไปถึงพระพารา |
ครองครองไพร่ฟ้าอาณาจักร | เป็นปิ่นปักอนงค์ในซ้ายขวา |
บุษหรีเป็นซ้ายถัดมา | อยู่เป็นสุขสำราญใจ |
บัดนี้ประวะลิ่มกับลิขิต | หนีไปอุรังยิดกรุงใหญ่ |
ทั้งองค์ลูกยาก็พาไป | จะขัดแค้นสิ่งใดก็ไม่มี |
เขียนอักษรไว้ให้แจ้งเหตุ | ว่ากลัวบิตุเรศเรืองศรี |
องค์ท้าวอุเรเซนธิบดี | จะยกมาฆ่าตีให้ม้วยมิด |
จึ่งพากันลอบลี้หนีไป | กรุงไกรพระเจ้าอุรังยิด |
นางจะทูลพระองค์ทรงฤทธิ์ | แจ้งกิจด้วยแก้วสกุณี |
จะกริ้วโกรธว่าไม่เอาไปถวาย | พระฤๅสายจงโปรดเกศี |
ช่วยแปลงมหาจินดาดี | เป็นมณีสามดวงพรรณราย |
ภาคหนึ่งเป็นราชปักษี | เจรจาพาทีได้หลากหลาย |
ปีกหางซ้อนซับสลับลาย | จะเอาไปถวายพระบิดา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระนักสิทธิ์ฟังกิจยุขันว่า |
เอ็นดูประวะลิ่มกัลยา | ได้ว่านัดดาแต่เดิมที |
ยังควรให้เป็นเช่นนี้ได้ | เป็นน่าน้อยใจของฤๅษี |
ชะรอยเจ้าเลี้ยงนางไม่ดี | จึ่งมีความแค้นเคืองใจ |
ซึ่งว่ากลัวภัยอุเรเซน | จะเป็นดั่งว่านั้นหาไม่ |
รักผัวแล้วจะกลัวสิ่งใด | ชีวิตบรรลัยไม่ไกลกัน |
เคืองแค้นสามีจึ่งหนีไป | แน่ใจอยู่แล้วเป็นแม่นมั่น |
เห็นจะขุ่นหมองข้องเคืองครัน | รักกันอยู่แล้วจะไปไย |
จะชุบแก้วให้เป็นปักษี | รูปนี้จะขัดก็หาไม่ |
พิธีนี้ยากเหลือใจ | คนอื่นจะได้นั้นอย่าคิด |
เอ็นดูประวะลิ่มทรามวัย | จะได้ชมนกไปอุรังยิด |
ว่าแล้วจับแก้ววินิจ | พระนักสิทธิ์ออกหน้าอาศรมพลัน ฯ |
ฯ ตระ ๑๒ คำ ฯ
๏ จึ่งตั้งกองกูณฑ์พิธี | อัคคีรุ่งแรงแสงฉัน |
จึ่งอ่านพระเวทพิธีดัน | แก้วนั้นแตกออกเป็นสามดวง |
ดวงหนึ่งโยนเข้าในกองเพลิง | เถกิงกูณฑ์รุ่งโรจน์โชติช่วง |
แล้วเอาภูษาตราพวง | คลุมดวงมณีนั้นลงไว้ |
ซ้ำอ่านพระเวทคาถา | เสกเป่าภูษามิให้ไหม้ |
อัคคีรุ่งโรจน์โชติไป | ผ้านั้นจะไหม้ก็ไม่มี |
เดชะอาคมอุดมชงัด | พูนเกิดเป็นหัสรังสี |
ผ้านั้นพัวพันสกุณี | ปักษีพูดอยู่ในไฟ ฯ |
ฯ สาธุการ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นแล้วก็บินออกมา | เข้าหายุขันบังคมไหว้ |
แล้วเอามณีที่ผ่าไว้ | โยนเข้าในไฟทั้งสองดวง |
เป่าด้วยพระเวทคาถา | ชุบดวงจินดาโชติช่วง |
รัศมีเรืองรองทั้งสองดวง | ร่วงรุ้งดั่งแสงทินกร |
เสร็จแล้วหยิบแก้วออกมาพลัน | ยื่นให้ยุขันทรงศร |
จึ่งพานัดดาบทจร | เข้าอาศรมสอนรำพันไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นกหัสรังศรีใส |
ครั้นรอดชีวิตก็ดีใจ | คลึงเคล้าถามไถ่พระบิดา |
ถึงแม่ประวะลิ่มนงลักษณ์ | ลูกคิดถึงนักเจ้าพ่อจ๋า |
ชีวิตลูกม้วยมรณา | กลับรอดมาลูกดีใจ |
ฝ่ายท้าวปะรังศรีทำแค้น | พ่อได้ทดแทนฤๅไฉน |
บุตรีมีโฉมประโลมใจ | ได้เห็นฤๅไม่พระบิดา ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันหยิบลูบจูบปักษา |
บอกว่าปะรังศรีมรณา | ฟ่อฆ่าเสียแล้วให้ม้วยมิด |
อย่าว่าแต่องค์บุตรี | สิ้นทั้งธานีก็เป็นศิษย์ |
เพราะแก้วตัวดีมีฤทธิ์ | ประจามิตรมิได้ทนทาน |
ประวะลิ่มสันหยาพาลิขิต | มาติดตามหาในไพรสาณฑ์ |
อยู่ด้วยบาทบงสุ์พระทรงญาณ | พ่อมารับนงคราญเข้าธานี |
รู้ว่าเจ้าม้วยมรณา | มารดาโศกเศร้าหมองศรี |
อยู่ด้วยกันนานประมาณปี | บัดนี้นางหนีพ่อไป |
กับเจ้าลิขิตสันหยา | ลูกแก้วแววตาพิสมัย |
เขียนเป็นอักษรบอกไว้ | จะไปอุรังยิดพระบูรี |
พ่อจึ่งเอาดวงมณีรัตน์ | ของเจ้านกหัสรังสี |
มากราบไหว้คุณพระมุนี | ชุบรอดชีวีลูกรัก |
พ่อจะพาเจ้าไปอุรังยิด | ตามติดชนนีมีศักดิ์ |
แม้นนางเห็นเจ้าเยาวลักษณ์ | จะแสนสวาดิรักทวีไป ฯ |
ฯ โอ้ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หัสรังได้ฟังก็ร้องไห้ |
พระองค์จะพาลูกไป | เหมือนฆ่าลูกให้ม้วยมิด |
จะทำลูกเช่นท้าวปะรังศรี | ฆ่าเอามณีกายสิทธิ์ |
อยู่กับคนอื่นดั่งปืนพิษ | ไม่เหมือนทรงฤทธิ์กับมารดา |
อย่าถวายลูกเลยพระปิ่นเกล้า | พ่อเจ้าจงโปรดเกศา |
ทูลพลางหัสรังโศกา | พาลูกไปหาพระชนนี ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันปลอบหัสรังสี |
พ่อจะถวายเจ้าเมื่อไรมี | มณีผ่าออกเป็นสามดวง |
ดวงนี้ชุบเป็นตัวเจ้า | ทั้งสองเล่าก็โชติช่วง |
จะถวายผ่านฟ้าจินดาดวง | ตัวเจ้าพ่อจะหวงแหนไว้ |
พระปลอบโลมเล้าสกุณา | ให้คลายโศกาหม่นไหม้ |
พระอาจารย์ประทานผลไม้ | ให้องค์ยุขันสกุณี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันผู้รุ่งรัศมี |
ตรึกไตรจะไปพระบูรี | จึ่งยอกรชุลีพระอัยกา |
หลานจะลากลับไปปะรังศรี | พระมุนีจงโปรดเกศา |
ด้วยโฉมประวะลิ่มโสภา | นัดดาให้คิดปรารมภ์ใจ |
จะเร่งเตรียมพหลพลนิกร | รีบร้อนตามไปยังกรุงใหญ่ |
จะเอาหัสรังสกุไณ | ไปถวายสมเด็จพระบิดา |
ทูลแล้วถวายบังคมคัล | ลาองค์พระนักธรรม์แกล้วกล้า |
ทรงแก้วแล้วอุ้มสกุณา | เหาะขึ้นฟากฟ้าสุราลัย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ลอยลิ่วปลิวไปในอากาศ | โอภาสจับแสงสุริย์ใส |
ด้นดั้นขึ้นชั้นเมฆาลัย | หมายมุ่งกรุงไกรพระบูรี ฯ |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พอพระสุริยงสดงคต | ทรงยศถึงกรุงปะรังศรี |
เหาะลงยังเกยแก้วมณี | จรลีเข้าในปราสาทไชย |
พระเสด็จขึ้นแท่นทองทรง | อลงกตด้วยมณีศรีใส |
พร้อมแสนสุรางค์นางใน | พระผ่องใสโสมนัสปรีดา ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางบุษหรีเสนหา |
เห็นพระองค์ทรงศักดิ์เสด็จมา | กัลยากระเษมเปรมใจ |
แล้วนางเชยชมปักษา | ไยไม่พูดจาปราศรัย |
แม่ทุกข์ถึงเพียงจะบรรลัย | รํ่าไรไม่เป็นสมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งหัสรังราชปักษี |
ประณมก้มเกล้าอัญชุลี | ทูลสนองเทวีด้วยปรีดา |
ลูกได้ทูลทัดขัดห้าม | ไม่ฟังความขืนส่งให้ทาสา |
พาลูกไปถวายพระอัยกา | สังหารชีวาให้บรรลัย |
ลูกมิได้ผูกเวรเวรา | แก่องค์เจ้าตาที่ตักษัย |
ก็เพราะผลกรรมได้ทำไว้ | จำให้มอดม้วยด้วยอาญา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บุษหรีได้ฟังปักษา |
กอดจูบลูบชมสกุณา | นางโสมนัสาพันทวี |
บรรยายเนื้อความแต่หลัง | ให้สกุณาฟังถ้วนถี่ |
ถึงแม่ประวะลิ่มนารี | ให้แจ้งคดีแก่หลังมา |
บัดนี้ไปอยู่อุรังยิด | ทรงฤทธิ์จะพาเจ้าไปหา |
แม้นได้พบพานกับมารดา | เจ้าอย่าลืมข้าจงจำไว้ |
แล้วนางจึ่งสั่งกำนัล | ให้หยิบกรงสุวรรณศรีใส |
ที่เคยใส่มาแต่กรุงไกร | มาตั้งไว้ปราสาทรจนา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันสุริย์วงศ์อสัญหยา |
ตรึกอยู่แต่ที่จะไคลคลา | กรีธาทัพขันธ์ไปธานี |
จึ่งมีมธุรสสุนทร | ดวงสมรวรนุชบุษหรี |
บัดนี้หัสรังสกุณี | ชุบรอดชีวีคืนมา |
พี่จะรีบยกแสนยากร | บทจรเข้าไพรพฤกษา |
แม้นประสบพบองค์พระพี่ยา | จะได้พากันไปเวียงไชย |
กราบท้าวทั้งสองกษัตรา | ถวายดวงจินดาศรีใส |
เจ้าจงลีลาคลาไคล | ขึ้นไปเฝ้าองค์พระมารดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมบุษหรีเสนหา |
ถวายบังคมคัลวันทา | ออกมาจากห้องอันรูจี ฯ |
ฯ เพลง ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าอภิวาท | แทบบาทพระมารดรโฉมศรี |
ทูลว่าพระองค์ทรงธรณี | จะกรีพหลพลโยธา |
จะไปอุรังยิดกรุงไกร | ทั้งจะได้ตามองค์พระเชษฐา |
พบแล้วจะเสด็จไปพารา | ลูกรักจะทูลลาไป |
ตามเสด็จองค์พระทรงเดช | ไปยังนคเรศกรุงใหญ่ |
ทูลพลางโศกาอาลัย | ด้วยจะไกลสมเด็จพระชนนี ฯ |
ฯ โอด ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมารดาโฉมศรี |
ได้ฟังลูกรักพาที | เทวีพ่างเพียงจะขาดใจ |
นางแสนโศกาอาดูร | พูนทุกข์เทวษโหยไห้ |
โอ้ว่าลูกน้อยกลอยใจ | เจ้าไม่เคยไกลพระมารดา |
เช้าเย็นให้เห็นพักตร์เจ้า | ค่อยบรรเทาความโทรมนัสา |
พระบิตุรงค์ม้วยชีวา | แม่ได้เห็นหน้าแต่เทวี |
คิดหวังตั้งใจไม่ไกลเจ้า | ขวัญข้าวผู้มิ่งมีศรี |
ควรฤๅจะจากพระชนนี | เทวีโศกาอาวรณ์ ฯ |
ฯ โอด ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ รํ่าพลางนางกอดลูกรัก | ยอกรลูบพักตร์แล้วสั่งสอน |
สุดสวาดิจะจากมารดร | สายสมรจงจำคำแม่ไป |
เจ้าจงยำเยงเกรงกลัว | ฝากตัวสองกระษัตริย์เป็นใหญ่ |
บำรุงอย่าให้เคืองใจ | ท้าวไทดั่งชนกชนนี |
ผัวรักเจ้าอย่าทะนงจิต | จงคิดถ่อมตัวว่าเป็นทาสี |
ปรนนิบัติรักษาพระภูมี | อย่าให้ราคีระคายใจ |
อย่าคิดรังเกียจเดียดฉันท์ | พระสนมกำนัลน้อยใหญ่ |
แม้นพระเสนหานางใด | จงห้ามใจอย่าได้ฉันทา |
เจ้าจงรักษานวลสงวนศักดิ์ | ลูกรักจงฟังแม่ว่า |
สวัสดีจะมีทุกเวลา | ควรด้วยกษัตราธิบดี |
เจ้าไปเป็นสุขทุกนิรันดร์ | จอมขวัญของแม่จำเริญศรี |
โรคันอันตรายอย่าราคี | แม่นี้จะได้พึ่งบุญญา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางบุษหรีเสนหา |
รับคำสมเด็จพระมารดา | ใส่เหนือเกศานางเทวี |
แล้วกราบถวายบังคมลา | มายังปราสาทโฉมศรี |
จัดนางกำนัลนารี | ที่จะตามสมเด็จพระทรงธรรม์ |
ครั้นเสร็จแล้วกลับเข้ามา | ยังห้องไสยาเฉิดฉัน |
ยอกรถวายอภิวันท์ | พระองค์ทรงธรรม์ด้วยปรีดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์กล้า |
จึ่งเสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ออกมายังท้องพระโรงไชย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งมีพระราชบัญชา | แก่มหาเสนาผู้ใหญ่ |
เราจะเที่ยวป่าพนาลัย | ติดตามภูวไนยพระพี่ยา |
ตำมะหงงคุมพลสกลไกร | ยกไปเป็นกระบวนทัพหน้า |
ตะหลาหรันให้จัดโยธา | ทั้งประเทียบรัถาให้พร้อมไว้ |
พรุ่งนี้จะยกยาตรา | เข้าในหิมวาป่าใหญ่ |
อยู่หลังท่านจงระวังระไว | เราไปเห็นจะช้าเนิ่นนาน ฯ |
ฯ ยานี ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับราชบรรหาร |
ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | คลานออกจากท้องพระโรงไชย |
จึ่งจัดรี้พลโยธา | ถือเครื่องสาตราน้อยใหญ่ |
สำหรับเดินป่าพนาลัย | หอกดาบหน้าไม้ครบครัน |
อีกเหล่าพรานป่าพนาดร | เคยเที่ยวซอกซอนไพรสัณฑ์ |
กะเกณฑ์เสร็จสรรพพร้อมกัน | คอยเสด็จทรงธรรม์ยาตรา |
แล้วเตรียมพิไชยราชรถ | อลงกตด้วยมณีมีราคา |
เลื่อนมาประทับกับเกยชาลา | คอยเสด็จผ่านฟ้าจะคลาไคล |
ครั้นเสร็จก็กลับเข้ามา | น้อมเกล้าวันทาแถลงไข |
อันซึ่งพหลพลไกร | เตรียมไว้เสร็จแล้วพระราชา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันชาญฤทธิ์ทุกทิศา |
จึ่งเสด็จลีลาศคลาดคลา | มายังปราสาทรูจี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสถิตเหนือแท่นไสยาสน์ | กับองค์อัครราชเฉลิมศรี |
สัพยอกหยอกเย้าเปรมปรีดิ์ | ภูมีสนิทนิทรา ฯ |
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นรุ่ง | พระสุริยาพวยพุ่งพระเวหา |
พระตื่นจากที่ศรีไสยา | ลีลามาสรงวาริน ฯ |
ฯ โทน ๒ คำ ฯ
๏ สองกระษัตริย์ขัดสีธุลีกาย | ปทุมทองโปรยปรายกระแสสินธุ์ |
ชำระหมดหมองมลทิน | สุคนธากลั้วกลิ่นขจายจร |
สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง | เครือหงส์คาบก้านเกสร |
ชายไหวปลายกนกนิกร | ชายแครงงามงอนพรรณราย |
ทรงสุวรรณกรรถอบแวววาม | กัญจุกาเรืองวิเชียรฉาย |
เจียระบาดพื้นทองพรรณราย | รัดพระองค์สอดสายสังวาลวรรณ |
ทับทรวงดวงเด่นตาบทิศ | ชวลิตพรายเพริศเฉิดฉัน |
ทองกรเป็นรูปมังกรพัน | พาหุรัดกุดั่นมุกดาดวง |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรแพร้ว | มงกุฎแก้วสุริย์กานต์รุ้งร่วง |
กรรเจียกกุดั่นเด่นดวง | ทัดพวงสุวรรณมาลัย |
ทรงพระแสงศรสิทธิ์ฤทธิรอน | ดั่งดวงทินกรแสงใส |
ชวนองค์อัคเรศคลาไคล | กำนัลในพริบพร้อมตามมา |
ขึ้นยังเกยแก้วสุวรรณมาศ | เสด็จทรงพิไชยราชรัถา |
แล้วรถบุษหรีศรีโสภา | รถสนมซ้ายขวาเป็นหลั่นไป |
ให้เคลื่อนจัตุรงค์ลีลา | ดาดาษโดยกระบวนทัพใหญ่ |
ออกจากอุรังฆารกรุงไกร | เข้าในอรัญบรรพต ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ รถเอยรถทรง | งามวิจิตรกำกงอลงกต |
งามแปรกแอกงอนอ่อนชด | งามงอนชั้นลดบัลลังก์ลอย |
งามเสากาบเก็จเพชรคั่น | งามกนกเครือวัลย์ช่อห้อย |
งามมุกสุกพลามอร่ามพลอย | งามยอดแสงย้อยรวิวรรณ |
งามสินธพชาติผาดผาย | งามสารถีกรายคมสัน |
งามเครื่องบังแสงสุริยัน | งามแห่ดั่งคันระเบียบจร |
งามเสียงแตรสังข์ประโคมครื้น | งามพื้นเรียบรายด้วยทรายอ่อน |
งามดวงรุกขชาติอรชร | พรานนำพลจรคลาไคล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ สองกระษัตริย์เสด็จพลางทางประพาส | ภิรมย์เรียงเคียงราชรัถาใหญ่ |
ล่วงเขาเข้าเขตลำเนาไพร | ชมพลมิ่งไม้ในดงดอน |
เกดแก้วกรรณิการ์มหาหงส์ | ช่อห้อยย้อยลงทรงเกสร |
เป็นระเบียบเรียบข้างทางจร | ต้นระบัดใบอ่อนสะอาดตา |
พระเคียงรถเด็ดดอกรุกขชาติ | ยื่นให้สายสวาดิเสนหา |
หอมจิตคิดถึงวนิดา | ประวะลิ่มโสภายาใจ |
แม้นแก้วตามาด้วยได้เป็นสาม | ตามแนวหิมวาป่าใหญ่ |
จะเพลิดเพลินจำเริญฤทัย | ชมมิ่งไม้ตามแนวเนินคีรี |
สาลิกาการเวกกระเหว่าหวาน | เสียงประสานร่อนร้องอยู่อึงมี่ |
มยุเรศฟ้อนรำทำที | หงส์เยื้องจรลีน่าดู |
ไกรสรกาสรคชสาร | กวางฟานละมั่งเมียงเคียงคู่ |
ชะมดเม่นเต้นตามกันพรั่งพรู | ระมาดหมูนรสิงห์กิเลนลา |
มฤคีลางเหล่าเคล้าคู่ | คณาสัตว์ดั่งจะรู้ภาษา |
เหมือนจะถามว่าไยพระราชา | จึ่งจะให้กัลยามาเดินไพร |
พระอาวรณ์ร้อนเร่าวิญญาณ์ | ไปตามทางมรคาป่าใหญ่ |
มาถึงที่หลักศิลาไชย | เนินไสลธารท่าวาริน |
มิ่งไม้พิศดอกออกผล | เสาวคนธ์เกสรขจรกลิ่น |
รื่นรมย์ลมชวยรวยริน | พื้นดินเลื่อนลาดอาบตา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๘ คำ ฯ
๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ | ตรัสสั่งอำมาตย์ซ้ายขวา |
ให้หยุดพหลโยธา | ตั้งประทับพลับพลาที่ชายไพร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาอำมาตย์ผู้ใหญ่ |
รับสั่งพระองค์ทรงไชย | บังคมไหว้แล้วออกไปทันที |
เกณฑ์ไปแก่นายทวยหาญ | ให้เร่งจัดการเป็นหน้าที่ |
ตราตรวจทุกหมวดเสนี | ตามบัญชีได้เสร็จมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นายหมวดน้อยใหญ่ซ้ายขวา |
เร่งรัดบ่าวไพร่เป็นโกลา | ตัดไม้เกี่ยวคาวุ่นวาย |
บรรดาโดยเกณฑ์เป็นขนาด | ตั้งราชพลับพลากว้างใหญ่ |
ทั้งที่ข้างหน้าข้างใน | แทบใกล้ร่มโศกริมธาร |
พร้อมเสร็จที่สรงที่เสวย | ทิมเกยม้ารถคชสาร |
มีระเนียดเรียดรอบขอบธาร | เสร็จการโดยราชบัญชา ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันพริ้งเพริศเลิศเลขา |
ชวนองค์บุษหรีศรีโสภา | เสด็จยาตราคลาไคล |
ขึ้นยังสุวรรณพลับพลา | อันเป็นที่ผาสุกผ่องใส |
พร้อมฝูงสนมกำนัลใน | ประไพพักตร์ผ่องศรีโสภา ฯ |
ฯ ช้า ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นพระสุริยาอัสดง | ลดลงลับเหลี่ยมภูผา |
สระศรีธรจรแจ่มเมฆา | ปักษาเพรียกพร้องหากัน |
พระชวนวรนุชสุดสวาดิ | เข้าที่ไสยาสน์ภิรมย์ขวัญ |
แสนสวาดินาฏน้องดวงจันทร์ | ฟังสกุณาขานขันสนั่นดง |
แสงบุหลันเรืองรองส่องสว่าง | กระจ่างจับพุ่มไม้ไพรระหง |
อำมฤตพรอยพรมพนมดง | บุหงาส่งกลิ่นฟุ้งละเวงวัน |
แซ่เสียงโพระดกดุเหว่าหวาน | แจ้วเจื้อยเฉื่อยฉานขานขัน |
ระวังไพรร่อนร้องระวังวัน | ฟังวันวังเวงวิเวกใจ |
ดั่งเพลินพิณพาทย์ระนาดฆ้อง | กึกก้องสำเนียงเสียงใส |
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร | เรไรหริ่งเรื่อยในดงดาน |
คิดถึงกาลเมื่อเดินหิมวา | กับพระเชษฐาน่าสงสาร |
แสนเวทนามาช้านาน | ได้ทุกข์ทรมานทั้งสองรา ฯ |
ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ
๏ คิดแล้วยอกรขึ้นประณม | บังคมประณมตาระกาหลา |
ขอให้พบองค์พระพี่ยา | จะสมโภชบูชาทุกประการ |
อีกทั้งขับไม้มโหรี | ดุริยางค์ดนตรีเสียงหวาน |
ฆ้องกลองแตรสังข์กังสดาล | พร้อมการบูชาเทพไท |
ครั้นเสร็จบวงสรวงเทเวศร์ | กับองค์อัคเรศศรีใส |
ระรื่นชื่นบานสำราญใจ | หลับไปทั้งสองกษัตรา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นรุ่ง | แสงอุทัยพวยพุ่งพระเวหา |
จึ่งเสด็จจากที่ไสยา | สระสรงคงคาสำราญใจ |
แล้วเสด็จออกพลับพลา | พร้อมหมู่เสนาน้อยใหญ่ |
แต่ประทับพหลพลไกร | ประทมไพรมาได้สามทิวา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ