๑๘
๏ มาเอยมาถึง | ปราสาทมณีศรีใส |
เห็นนางสร้อยสุณีทรามวัย | ลดองค์ลงใกล้นางกัลยา |
ยอกรกอดแนบอุราไว้ | กำสรดพระทัยเป็นหนักหนา |
ฟูมฟองนองเนตรโศกา | โอ้กรรมเวราของเราแล้ว |
พี่นี้ไว้ใจว่าฤทธา | ด้วยมหาจินดาดวงแก้ว |
เขาล้วงเอาไปจากโอษฐ์แล้ว | ถึงในแท่นแก้วเราบรรทม |
สะกดกำบังอย่างไร | เขาล้วงเอาได้ไม่เห็นสม |
เมียขวัญสาวสรรหลับระงม | แก้วในโอษฐ์อมหายไป |
เป็นกรรมวิบากจะจากกัน | ยังอีกสามวันจะตักษัย |
บัดนี้พี่ผลัดทุเลาไว้ | มาบอกเจ้าจะให้แจ้งการ ฯ |
ฯ โอ้ช้า ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสร้อยสุณียอดสงสาร |
ได้ฟังบัญชาพระภูบาล | เยาวมาลย์เพียงจะสิ้นชีวาลัย |
โอ้ว่าอนิจจาพระทูลเกล้า | ไฉนเล่ามากล่าวเหตุใหญ่ |
ว่าพลางนางทรงโศกาลัย | แซ่ไปทั้งสนมนารี |
พระธิดาเข้ากอดบาทบงสุ์ | ทุ่มทอดองค์ทรงกันแสงศรี |
เพียงนางจะม้วยชีวี | โศกีกลิ้งเกลือกเสือกไป |
บางนางสยายเกศเข้าเช็ดบาท | ธิราชปิ่นเกล้าผู้เป็นใหญ่ |
โศกาสะอื้นอาลัย | มี่อึงคะนึงไปพร้อมกัน |
ทั้งหมู่แสนสุรโยธา | ไพร่ฟ้าคร่ำคราญป่วนปั่น |
ทั่วทั้งนิเวศเขตขัณฑ์ | โศกศัลย์ไม่เป็นสมประดี |
พระองค์ทรงฤทธิ์ห้าวหาญ | ทุกทั่วกลัวลานถอยหนี |
พระมาพลาดพลั้งลงครั้งนี้ | เพราะดวงมณีเขาได้ไป |
แม้นไม่ไปลักสกุณี | พาราไหนจะมีกุลีใหญ่ |
ผลที่จะอัปราชัย | จึ่งให้คิดผิดไปสิ้นทั้งปวง |
จะได้ทุกข์ร้อนทุกเวลา | ทั่วทุกแหล่งหล้าเมืองหลวง |
ทุกนิเวศเขตขัณฑ์จะโทรมทรวง | ไพร่ฟ้าทั้งปวงจะพรัดพราย |
นับวันไปแล้วพระคุณเอ๋ย | ที่เสบยจะเสื่อมสูญหาย |
พระเป็นหลักโลกขจรจาย | ร่มโพธิ์เคยคลายที่ร้อนรน |
นคเรศปะรังดั่งเมืองสวรรค์ | เปรียบชั้นวิมานในเวหน |
เป็นที่พึ่งพาประชาชน | ทีนี้จะร้อนรนไปทั่วกัน |
ครั้งฝันโหรทายพระพิโรธ | กริ้วโกรธตะบึงขึงขัน |
ว่าพลางโศกาจาบัลย์ | สะอื้นร่ำรำพันเพียงม้วยมรณ์ ฯ |
ฯ โอด ๒๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวปะรังเหลือทุกข์ดั่งถูกศร |
โลมเล้าเยาวยอดบังอร | อนาทรกำสรดระทดองค์ |
หนักหน่วงห่วงใยใหญ่หลวง | ร้อนรุ่มกลุ้มทรวงดั่งเพลิงสง |
รังรึงดังหนึ่งระนังองค์ | เห็นหมู่อนงค์กำนัลใน |
บ้างกลิ้งเกลือกเสือกองค์ลงโศกี | เสียงมี่ดั่งห่าฝนใหญ่ |
ท้าวยิ่งระทดสลดใจ | ชลนัยน์ไหลอาบพระพักตรา |
จำเป็นแล้วพี่จะจำตาย | ม้วยมอดวอดวายสังขาร์ |
ค่อยอยู่ปกป้องกันเถิดรา | อตส่าห์รักษาครองกาย |
สมัครรักกันให้จงดี | อย่าให้มีชอกช้ำระส่ำระสาย |
ตัวพี่นับวันจะเสื่อมคลาย | สูญหายภิรมย์ชมเชย |
เสียดายจัตุรงค์มนตรี | สุดที่จะวิตกนะอกเอ๋ย |
ทั้งอาชากุญชรบัลลังก์เกย | เคยได้ทรงเล่นเป็นอัตรา |
เสียดายปรางค์เปรียบเทียบสวรรค์ | เป็นลดหลั่นชั้นเฉิดเลิศเวหา |
ย่อมแก้วกำกงอลงการ์ | นับวันจะราโรยไป |
แสนสาวสนมอยู่สะพรั่ง | รั้ววังเราจะหม่นหมองไหม้ |
เสียดายแท่นแก้วแววไว | ท้าวไทเร่งคิดให้อาดูร |
เสียดายสวนแก้วอุทยาน | เคยสุขสำราญจะเสื่อมสูญ |
เสียดายท้องพระโรงอันจำรูญ | ประดับแก้วไพฑูรย์อันรูจี |
โอ้ว่าบูรีปะรังเอ๋ย | ใครเลยจะบำรุงกรุงศรี |
เคยได้สุขกระเษมเปรมปรีดิ์ | แต่นี้จะแลลับแล้ว |
ยิ่งคิดก็ยิ่งระทดใจ | นํ้าพระเนตรหลั่งไหลดั่งพวงแก้ว |
โศกแสนเสียดายไม่รู้แล้ว | กอกมิ่งเมียแก้วเข้าร่ำไร |
แล้วคิดจะพานิรมล | หนีไปให้พ้นตักษัย |
สามองค์จะลงกำปั่นไป | ประเทศไกลฝากฝังเป็นรังรวง |
แล้วกลับคิดถึงความละอายนัก | จะเสียยศเสียศักดิ์ให้หนักหน่วง |
อายแก่เทวัญทั้งปวง | ไพร่ฟ้าจะล่วงนินทา |
จะว่าพี่ย่อหย่อนในสงคราม | จะมีความอัปยศไปภายหน้า |
ตามบุญตามกรรมได้ทำมา | ว่าพลางทางทรงโศกาลัย |
บุษหรีลูกรักเจ้าพ่ออา | บิดาจะม้วยตักษัย |
เจ้าจงอยู่ครองเวียงไชย | ให้เป็นสวัสดิ์สถาพร |
บำรุงพระสนมนารี | ให้เปรมปรีดิ์มีสุขสโมสร |
นับเดือนจะเลื่อนทิวากร | บิดรจะแลลับตา ฯ |
ฯ ๓๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ยิน | พระบุตรีเพียงจะสิ้นสังขาร์ |
มีความแสนโศกโศกา | ด้วยถ้อยคำพระบิดามาร่ำไร |
บุษหรีเข้ากอดเอาพระบาท | พระบิตุรงค์ธิราชแล้วร้องไห้ |
มเหสีสาวสรรกำนัลใน | เสียงเซ็งแซ่ไปทั้งปรางค์ปรา |
เมียขอทูลห้ามพระภูวไนย | อย่ายกออกไปฟังเมียว่า |
นิ่งอยู่แต่ในพระพารา | จะรบรากับเขาทำไมมี |
จงอยู่ด้วยเมียอีกสามวัน | อย่าหมายมั่นออกจากปะรังศรี |
สุดแท้แต่เราไม่ต่อตี | ไพรีจะมาทำไมเรา |
ต่างคนต่างแล้วกันไป | จะขึ้งโกรธอะไรอยู่อีกเล่า |
ฟังเมียบ้างเถิดจะบรรเทา | อยู่เฝ้ารั้ววังคอยฟังการ |
ช่างเถิดซึ่งความติฉิน | ชีวินไม่ม้วยสังขาร |
ยกไปไยเล่าไม่เข้าการ | รุกรานรบพุ่งกันไปไย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | ท้าวปะรังโศกสร้อยละห้อยไห้ |
ชลเนตรคลอเนตรนองใน | สะอื้นไห้แล้วพระมีบัญชา |
โอ้กรรมวิบากแก่ตัวเราเอ๋ย | ใครเลยจะช่วยชีวิตข้า |
จะตายจากเมียรักลูกยา | สาวสนมซ้ายขวากำนัลใน |
ยิ่งคิดยิ่งแสนให้โศกสร้อย | นํ้าพระเนตรหยดย้อยหลั่งไหล |
ไม่เสวยไม่สรงคงคาลัย | ทุกข์ไปจนกำหนดวันสัญญา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ รำลึกถึงองค์พระอาจารย์ | วิทยาเชี่ยวชาญเป็นหนักหนา |
พระมหามุนีผู้ปรีชา | จะหามาให้ช่วยซึ่งความร้อน |
จึ่งบอกเมียขวัญทันใด | จะแก้ไขกับพระอาจารย์ก่อน |
เกลือกพระจะช่วยไม่ม้วยมรณ์ | ภูธรตรัสสั่งกำนัลใน |
เร่งให้เสนีไปนิมนต์ | พระมุนีที่บนเขาใหญ่ |
เข้ามาบัดนี้จงเร็วไว | แถลงไขให้แจ้งที่ความทุกข์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กำนัลนารีไม่มีสุข |
รับสั่งแล้วไปด้วยใจทุกข์ | ยังหมู่มุขมนตรีเสนีใน ฯ |
ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งสั่งเสนา | พระบัญชาให้ไปเขาใหญ่ |
นิมนต์พระอาจารยชาญชัย | แจ้งในความร้อนให้รีบมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีที่เคยออกไปหา |
ทุกข์ใจหน้าไม่เป็นตา | มีรับสั่งมาก็ค่อยคลาย |
ให้ไปนิมนต์พระฤๅษี | เสนีก็รีบผันผาย |
เดินป่าฝ่าฝนทนแดดชาย | ตะวันบ่ายถึงวัดริมคีรี |
เห็นออกอยู่หน้าพระอาศรม | เข้าไปประณมเหนือเกศี |
เล่าให้แจ้งใจพระมุนี | ตามความซึ่งมีทุกประการ |
อันองค์ท่านท้าวปะรังศรี | ยังแต่ชีวีจะสังขาร |
ให้มานิมนต์พระอาจารย์ | ไปคิดอ่านแก้ทุกข์ที่รุมรัง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์ชาญชิดวิทยาขลัง |
ฟังเสนาเล่าถึงท้าวปะรัง | ดุจดั่งชีวิตจะทำลาย |
เอ็นดูอนิจจาสานุศิษย์ | เคยปราบประจามิตรมามากหลาย |
ยังไม่เสียทีอันตราย | ครั้งนี้มาพ่ายแพ้ฤทธิ์ |
รู้ข่าวแล้วจำจะเข้าไป | เอ็นดูท้าวไทสานุศิษย์ |
จากที่จงกรมพระสมมิศร | ฤๅสิทธ์ครองหนังพยัคฆา |
เสร็จสรรพจับไม้ท้าวตาลปัตรน้อย | ลูกประคำห้อยตะพายบ่า |
กับเสนีในไคลคลา | รีบรัดเข้ามาในเวียงไชย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงขึ้นบนพระโรงรัตน์ | เห็นจอมกระษัตริย์เข้านั่งใกล้ |
ท้าวปะรังวันทาโศกาลัย | แล้วเล่าความให้อาจารย์ฟัง |
แต่ต้นจนฆ่าสกุณี | ได้แก้วดวงดีดั่งใจหวัง |
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธีมีกำลัง | เหาะเหินเดินดั่งนํ้าใจนึก |
ใส่โอษฐ์อมไว้กลัวจะหาย | คนร้ายลอบมาเพลาดึก |
สาวศรีกำนัลอยู่ครันครึก | ใครจะรู้สึกก็ไม่มี |
มันสะกดหลับหมดทั้งตัวโยม | หักโหมเข้าไปในที่ |
ลักล้วงเอาดวงมณีดี | ในโอษฐ์ข้านี้เอาไป |
เอาแก้วอื่นใส่ไว้ให้แทน | มั่นแม่นชีวิตจะตักษัย |
ตื่นขึ้นเห็นอยู่สำคัญใจ | ยกไปขันแข่งฤทธากัน |
ยุขันมันเหาะไปลอยลิบ | หายฉิบแลลับพยับกั้น |
กลับมาถึงข้าจะเหาะพลัน | จิตใจไม่พรั่นเปรมปรีดิ์ |
จะจับจะโจนโผนผัน | หกหันวนเวียนอยู่กับที่ |
ทั้งอายทั้งแค้นแสนทวี | นัดกันพรุ่งนี้จะยกไป |
น่าที่ชีวิตจะวายชนม์ | ทุกข์ทนพ้นที่จะแก้ไข |
แม้นได้แก้วเราที่เอาไป | มิได้ย่อท้อต่อไพรี ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์ได้ฟังปะรังศรี |
มีความโศกศัลย์พันทวี | แล้วพระมุนีจึ่งว่าไป |
ซึ่งจะคิดหักหาญรานรอน | คิดเอาแก้วก่อนให้จงได้ |
อ่านเวทกลับเพศของท้าวไท | เป็นหัสนัยน์ทรงช้างเอราวัณ |
เห็นว่างงงวยด้วยเราแล้ว | ให้บูชาแก้วรังสรรค์ |
ฉวยได้ใส่โอษฐ์เหาะพลัน | ยุขันจะอัปราชัย ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวปะรังฟังชอบอัชฌาศัย |
นบนอบแล้วตอบทันใด | จะทำไปตามคำพระอาจารย์ |
พระองค์จงช่วยนิมิตให้ | เป็นกุญชรไชยคชสาร |
แต่ในบัดนี้อย่าทันนาน | โปรดปรานอย่าให้ช้าที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์จึ่งสั่งปะรังศรี |
ให้หาธูปเทียนบัตรพลี | บายศรีสามชั้นสรรบรรจง |
ท้าวปะรังตรัสสั่งกำนัลใน | จงหาให้ทันครบประสบประสงค์ |
ธูปเทียนราชวัตรฉัตรธง | บายศรีตั้งลงเป็นประธาน ฯ |
ฯ สาธุการ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระสมมิศรโยคีฤๅษีสาร |
จึ่งจุดธูปเทียนนมัสการ | เข้าฌานอ่านเวทวิทยา |
จึ่งเอาไม้เท้าอันมีฤทธิ์ | นิรมิตเป็นคชสารกล้า |
เสกด้วยเคยประสิทธิ์ฤทธา | เกิดเป็นคชาเอราวัณ |
เผือกพู่หูหางงามสรรพ | เครื่องประดับยวดยิ่งทุกสิ่งสรร |
ประทับยังเกยแก้วแพรวพรรณ | สี่ท้าวยืนยันบัลลังก์ ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ แล้วพระอาจารย์อ่านเวท | วิเศษอาคมอุดมขลัง |
กลับเพศทรงเดชท้าวปะรัง | เขียวทั้งรูปทรงดั่งองค์อินทร์ |
รัศมีพวยพุ่งรุ่งเรือง | ทรงเครื่องประดับสำหรับศิลป์ |
งามเปรียบเทียบทัดอมรินทร์ | เสร็จสิ้นแล้วพลันมิทันนาน |
ทรงเอราวัณนิรมิต | พระนักสิทธิ์ทรงท้ายคชสาร |
ไม่มีรี้พลบริวาร | ออกจากสถานพระเวียงไชย ฯ |
ฯ โทน ๖ คำ ฯ
๏ ช้างเอยช้างนิรมิต | ขาวผ่องไพจิตรสูงใหญ่ |
หางหูพริ้งพร้อมละม่อมละไม | เครื่องประดับสรรพไปด้วยมณี |
ช่วงหางพานหน้าสกนธ์รัตน์ | เรืองจำรัสด้วยแก้วแดงแสงศรี |
สองหูพู่งามจามรี | ใบโพธิ์มณีศรีพราย |
พาท้าวตรงไปไม่รอรั้ง | คอตั้งหูชันผันผาย |
เดินในไพรพนมร่มสบาย | ตะวันบ่ายไปถึงพลับพลาไชย ฯ |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีรี้พลน้อยใหญ่ |
เห็นพระอินทราสุราลัย | ทรงกุญชรไชยเอราวัณ |
มิได้รู้กลว่าเป็นยลใน | หมายใจว่าองค์รังสรรค์ |
บรรดาโยธาทั้งเหล่านั้น | เห็นสำคัญด้วยถือสังข์ไชย |
ชวนกันวันทาทั้งสิ้น | ว่าพระอินทร์เธอมาอวยพรให้ |
มิได้ว่าขานประการใด | ชื่นชมดีใจพร้อมกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวปะรังครั้นเห็นกระเษมสันต์ |
เชื่อว่าพระอินทร์สิ้นทั้งนั้น | ขับเอราวัณตรงเข้าไป |
เห็นยุขันออกหน้าพลับพลาทอง | เสนาเนืองนองอยู่ไสว |
พระอาจารย์กล่าวสารร้องไป | ยุขันชาญชัยธิบดี |
จงตั้งคำนับรับพร | องค์อมรินทรรังสี |
จึ่งจะได้มีชัยแก่ไพรี | สงครามครั้งนี้อย่าไว้ใจ |
ตัวเจ้ายังเยาว์กว่าท้าวปะรัง | ครั้งนี้เขาตั้งศึกใหญ่ |
พระองค์ทรงภพตรึงไตร | มารอรั้งสั่งให้ทำพิธี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันฤทธิรงค์เรืองศรี |
เห็นท้าวอมรินทร์ก็ยินดี | มิได้กินแหนงแคลงพระทัย |
หมายใจว่าจะรดน้ำสังข์ตั้งพิธี | ภูมีชื่นชมผ่องใส |
ยังไม่ว่าขานประการใด | ภูวไนยจึ่งตรัสแก่เสนี |
อมรินทร์จะอวยพรให้ | จะมีชัยชนะปะรังศรี |
จะรดน้ำสังข์ตั้งพิธี | ให้เป็นศรีสวัสดิ์เวียงไชย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตะหลาหรันผู้มีอัชฌาศัย |
กลศึกนึกแหนงแคลงใจ | จึ่งกราบทูลไปทันที |
พระองค์จงคิดหนักหน่วง | เกลือกจะเป็นคนลวงประรังศรี |
พระจงถามแยบคายร้ายดี | พิธีจะทำประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ได้ฟังตะหลาหรันอันคู่ใจ | ภูวไนยเห็นชอบทุกสิ่งอัน |
พระจะไหว้วันทาก็หาไม่ | คิดได้ด้วยคำตะหลาหรัน |
จึ่งร้องตอบไปด้วยใจพลัน | ขอบใจทรงธรรม์เสด็จมา |
อันซึ่งปะรังศรีนี้ไซร้ | เหมือนกำอยู่ในหัตถา |
ยังแต่ชีวิตจะมรณา | กำหนดจะยกมาวันพรุ่งนี้ |
จะย้ายยักหักหาญประการใด | ไม่ประหวั่นพรั่นใจเท่าเกศี |
เมตตามาช่วยทำพิธี | ภูมีจะทำประการใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปะรังศรีนิรมิตคิดแก้ไข |
ตอบว่าดวงแก้วอันแววไว | ซึ่งได้ในเศียรสกุณี |
ยังไมได้บูชามหาวิเศษ | ไม่ชนะฤทธิ์เดชปะรังศรี |
จงแจ้งรีบรัดบัดนี้ | เอาดวงแก้วมณีนั้นออกมา |
จะอุทิศประสิทธิ์พรให้ | จะหล่อหลั่งสังข์ไชยให้วัตถา |
ให้รุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งฤทธา | เร่งเร็วอย่าช้าจะลาไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเลิศลบจบสมัย |
ได้ฟังดำรัสหัสนัยน์ | ตรัสไปกับทหารตัวดี |
ตะลาหรันผู้มีปรีชาไว | สงสัยทูลไว้ถ้วนถี่ |
ยังจะรู้แยบคายว่าร้ายดี | ท่วงทีจะเห็นประการใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตะหลาหรันผู้มีอัชฌาศัย |
กับตำมะหงงคนรู้คู่ใจ | จึ่งกราบทูลไปทันที |
ข้าผู้เป็นทหารชาญชิด | จะลองฤทธิ์ประจญปะรังศรี |
จะให้เห็นจริงจังในครั้งนี้ | ท่วงทีซึ่งแกล้งแปลงมา |
ครั้นทูลแล้วพลันมิทันนาน | ทั้งสองคนทหารแกล้วกล้า |
ถวายบังคมพระราชา | ออกยืนตรงหน้ากุญชรไชย ฯ |
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
๏ จึ่งอ่านอาคมอุดมเวท | โดยชำนาญฤทธิ์เดชแก้ไข |
ถ้วนครบคำรบแล้วเป่าไป | ปะรังศรีมิได้รู้กล |
คชสารก็กลับเป็นไม้เท้า | อมรินทร์ดิ้นด่าวลงกลางหน |
กับอาจารย์จองครองอยู่สองคน | ลุกขึ้นซุกซนหนีพลัน |
พวกพลทั้งนั้นชวนกันโห่ | บ้างไล่ทิ้งวิ่งโร่เสียงสนั่น |
หนีบุกซุกไปไล่ไม่ทัน | ตำมะหงงตะหลาหรันก็กลับมา ฯ |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ กราบทูลยุขันไล่รันรุก | ปะรังศรีหนีซุกเข้าป่า |
ได้อายสองหนคณนา | โยธาตามทิ้งวิ่งหนีไป ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันยิ้มแย้มแจ่มใส |
จึ่งมีพจนารถประภาษไป | บุษหรีเห็นไม่พ้นมือกัน |
ทหารของเราแต่ละคน | ปะรังศรีหรือจะพ้นอาสัญ |
ผลัดไปแต่ในสามวัน | ถึงกำหนดนั้นวันพรุ่งนี้ |
แม้นมิออกมาเหมือนว่ากัน | จะยกเข้าหํ้าหั่นปะรังศรี |
จะหลบลี้หนีได้เมื่อไรมี | ตรัสแล้วเข้าที่บรรทมใน |
ฯ ๖ คำ ฯ