๑๐
๏ มาถึง | อาศรมฤๅษีที่ในป่า |
เข้าไปอภิวาทวันทา | พระดาหลีผู้มีฤทธิไกร ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องค์พระอาจารย์เป็นใหญ่ |
ครั้นเห็นพระกุมารชาญชัย | เข้ามากราบไหว้ก็อัศจรรย์ |
รูปร่างละไมวิไลเลิศ | ทรงเครื่องเพราเพริศเฉิดฉัน |
กุมารนี้ลักษณ์วิลาวัณย์ | หน่อเนื้อเขตขัณฑ์แดนใด |
พระฤๅษีจึ่งมีบัญชาถาม | เจ้าเป็นหน่อนามบูรีไหน |
ขัดสนกังวลสิ่งไร | จะไปไหนจึ่งมาถึงศาลา ฯ |
ฯ ฝรั่ง ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมเสนหา |
จึ่งบังคมคัลวันทา | องค์พระอาจารย์แล้วจึ่งทูลไป |
ข้าชื่อยุขันเรืองฤทธิ์ | อยู่ยังอุรังยิดกรุงใหญ่ |
พระบิดาจะให้เรียนศิลป์ไชย | พร้อมทั้งไตรเพทให้ครบครัน |
จึ่งอตส่าห์บุกป่าฝ่าดง | ตรงเข้ามาหาถึงเขตขัณฑ์ |
จึ่งได้พบองค์พระทรงธรรม์ | หลานขวัญขอรองบาทา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์ยินดีเป็นหนักหนา |
ที่จะอยู่ด้วยปู่ในศาลา | รํ่าเรียนวิชาเป็นไรมี |
ว่าแล้วพระบรมสมมิต | บวชให้เป็นศิษย์พระฤๅษี |
แล้วให้นุ่งหนังพยัคฆี | พระภูมีสั่งสอนให้แจ้งใจ |
หมวดมุ่นชฎาห่อเกศ | บริกรรมตามเพทวิสัย |
แล้วพระดาบสยศไกร | บอกให้รํ่าเรียนวิชา |
ทั้งสะกดบังกายล่องหน | ผ้าพยนต์ผูกแก้ด้วยคาถา |
ทั้งจังงังบังเหลื่อมกายา | สารพัดวิชาก็รู้ครบ |
มีตบะเดชาสิงหนาท | เข้าไหนก็ขยาดกลัวจบ |
กระษัตริย์ใดไม่ประเสริฐเลิศลบ | จบศิลปศาสตร์สาตรา |
วันหนึ่งจึ่งมีบัญชาการ | เรียกองค์พระกุมารเสนหา |
ปู่จะเข้าไปในพารา | เยี่ยมสีกาประวะลิ่มหลานรัก ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ว่าแล้ว | พระมหาดาหลีอันมีศักดิ์ |
นุ่งผ้าคากรองหนังพยัคฆ์ | ทรงสะพักชักลูกประคำไป |
แล้วเสร็จออกจากอาศรมพลัน | ส่งย่ามให้ยุขันบวชใหม่ |
พระดาบสสองราก็คลาไคล | เข้าในนิเวศฉับพลัน ฯ |
ฯ ฝรั่งถอน ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงทวารวังใน | จึ่งว่าไปกับองค์ยุขัน |
ตัวเจ้าอย่าเพ่อจรจรัล | หยุดอยู่นั้นนะหลานรัก |
ตาจะเข้าไปก่อนอย่าร้อนใจ | แล้วจะให้มารับทรงศักดิ์ |
จะไปบอกแก่องค์นงลักษณ์ | สั่งแล้วนักสิทธิ์ก็ไคลคลา ฯ |
ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งพระพี่เลี้ยงสันหยา |
เห็นพระอาจารย์เข้ามา | กัลยาชื่นชมยินดี |
จึ่งไปทูลองค์พระธิดา | ว่าองค์พระมหาฤๅษี |
เข้ามาถึงปราสาทรูจี | เชิญเสด็จเทวีไปวันทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมประวะลิ่มก็หรรษา |
จึ่งจัดเครื่องสักการะบูชา | เสร็จแล้วกัลยาก็ออกไป |
นิมนต์ให้นั่งเหนืออาสน์ | แล้วนางอภิวาทกราบไหว้ |
ถวายเครื่องบูชามาลัย | ทรงพัชนีไกวโบกลม ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์เชี่ยวชาญสร้างสม |
พิศพักตร์หลานรักทรามชม | เห็นกุมารขำคมก็พิศดู |
ถามว่าลูกหลานของใคร | นวลละอองผ่องใสไม่มีคู่ |
นามกรชื่อไรน่าเอ็นดู | ถิ่นฐานนั้นอยู่แห่งใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีบอกแจ้งแถลงไข |
ชื่อเจ้าลิขิตชาญชัย | เขาให้เมื่อไปอุทยาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฟังวาที | พระมุนีปรีดิ์เปรมกระเษมสานต์ |
ศิษย์ปู่คนหนึ่งก็สะคราญ | มาด้วยอยู่ทวารชั้นใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มยินดีจะมีไหน |
จึ่งสั่งสันหยาให้คลาไคล | เร่งไปนิมนต์เข้ามาพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยารับสั่งขมีขมัน |
จึ่งออกไปยังทวารพลัน | บังคมคัลแล้วก็ทูลไปทันที |
พระบุตรีให้นิมนต์เข้าไป | จะถวายดอกไม้พระฤๅษี |
มิได้สำคัญว่าพันปี | นารีแปลกองค์พระทรงฤทธิ์ ฯ |
ฯ นกเอี้ยง ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฤๅษียุขันกระสันจิต |
เห็นนางนางมิได้เพ่งพิศ | พระทรงฤทธิ์จึ่งมีวาที |
ควรฤๅมาแปลกดั่งเปลี่ยนกาย | โฉมฉายพิศดูให้ถ้วนถี่ |
รู้จักกันที่สวนมาลี | มารศรีลืมพี่ฤๅทรามวัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยานารีศรีใส |
ได้ฟังพระสุรเสียงพระภูวไนย | จำได้สำคัญมั่นคง |
นางเร่งขวยเขินสะเทิ้นจิต | ด้วยไม่ทันพินิจพิศวง |
จึ่งกราบลงยังแทบบาทบงสุ์ | เชิญพระโฉมยงไคลคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฤๅษียุขันก็หรรษา |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องลีลา | มากับสันหยาผู้ร่วมใจ |
พระสถิตเหนืออาสน์อันบรรจง | กับองค์พระอาจารย์เป็นใหญ่ |
พระเร่งกระสันรัญจวนใจ | นัยน์เนตรไม่วางนวลน้อง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มโฉมศรีไม่มีสอง |
เห็นพระเสด็จขึ้นบนแท่นทอง | สถิตที่เป็นสองกับอาจารย์ |
นางเร่งพินิจพิศวง | ทรงโฉมประโลมสงสาร |
ชายเนตรสบเนตรพระภูบาล | นงคราญเมียงม่ายอายพักตรา |
ยอกรบังคมพระทรงศักดิ์ | ทั้งอายทั้งรักเป็นหนักหนา |
แล้วชม้ายชายเนตรชำเลืองมา | ดูพระยอดฟ้ายาใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลิขิตเฉิดโฉมพิสมัย |
บังคมพระเชษฐาชาญชัย | แล้วเมินพักตร์ไปไม่ทักทาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันผู้เฉิดโฉมฉาย |
พิสมัยเอิบอาบซาบกาย | เคลิ้มคล้ายขับอ้างนางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าดวงยิหวายาใจ | เป็นไฉนไม่แลดูพี่ |
เบือนพักตร์เสียไยไม่พาที | มารศรีชายเนตรมาบ้างรา ฯ |
ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ
๏ ลิขิตว่าให้อะไรนี้ | เซ้าซี้ไปเจียวเขาจะว่า |
โอ้ลืมไปเสียแล้วนะแก้วตา | ขอสมาเสียเถิดเจ้าดวงใจ |
ตะลึงไปดูนางไม่วางเนตร | พระทรงเดชรัญจวนครวญใคร่ |
ลืมกลัวพระอาจารย์ชาญชัย | เคลิ้มจิตพิสมัยนางเทวี ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ ส่วนพระนักสิทธิ์ผู้กิจกล้า | หลับตาสาธยายอยู่อึงมี่ |
ไม่แจ้งแห่งกลคดี | ฤๅษีจึ่งถามพระธิดา |
สวดมนต์กำหนดนั้นทดถอย | หรือค่อยจำเริญวัตถา |
ลืมหลงตรงไหนให้ว่ามา | จวนแล้วเพลาจะคลาไคล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มก้มเกล้าเฉลยไข |
หลานน้อยค่อยเรียนเพียรไป | มิได้เว้นวางสักราตรี |
สาธะยายเวทมนตร์ปรนนิบัติ | พลางสอนเจ้าหัสรังสี |
จะฟั่นเฟือนเคลื่อนไปก็ไม่มี | พระมุนีจงทราบพระบาทา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์ชาญชิดกิจกล้า |
ได้ฟังหลานน้อยเจรจา | พระดาบสอำนวยอวยชัย |
จึ่งว่านัดดาอยู่จงดี | ตานี้จะลาไปป่าใหญ่ |
สั่งเสร็จชวนศิษย์คลาไคล | ลงไปจากปรางค์นางเทวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งองค์ยุขันฤๅษี |
ตามพระอาจารย์จรลี | ภูมีหยุดยั้งเหลียวหลังมา |
ตะลึงจิตมิใคร่คลาไคล | แต่กลัวภัยพระบรมนาถา |
แล้วเกรงพระนักสิทธิ์ฤทธา | จำเป็นจำลีลาไป ฯ |
ฯ แขก ๔ คำ ฯ
๏ เดินพลางคำนึงถึงเทวี | มิใคร่จรลีไปได้ |
พระแข็งขืนอารมณ์ข่มใจ | จนไปใกล้อรัญกุฎี |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งโฉมประวะลิ่มมารศรี |
ครั้นเห็นพระมหามุนี | กับฤๅษียุขันคลาไคล |
แลตามจนสุดสายตา | กัลยาทอดถอนฤทัยใหญ่ |
นางคิดจะใคร่ตามไป | อดสูกำนัลในนารี |
แล้วเสด็จเข้าที่ไสยา | พักตราสร้อยเศร้าหมองศรี |
นางแสนโศกศัลย์พันทวี | อยู่ในที่ศรีไสยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องค์พระอาจารย์ฌานกล้า |
ครั้นถึงอาศรมศาลา | ชำระกายาอินทรีย์ |
แล้วเข้าที่สังวัธยายเวท | บริกรรมตามเพทฤๅษี |
เป็นสุขทุกทิวาราตรี | พระมุนีเอนกายสบายใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรัศมีศรีใส |
ปรนนิบัติอาจารย์ชาญชัย | มิได้คลาดคลาสักราตรี |
พระเสด็จเข้าไปในศาลา | นวดฟั้นบาทาพระฤๅษี |
จึ่งทูลว่าข้าอยู่ในบูรี | พบสตรีหนึ่งพึงใจ |
เขาแกล้งทำเป็นปริศนา | แป้งขาวทามาข้าสงสัย |
อยู่มาทาดำมอมไป | โปรดให้รู้กลกระษัตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระอาจารย์จึ่งแจ้งถ้วนถี่ |
อันแป้งขาวล้วนนวลดี | เปรียบสีบุหลันเรืองไร |
อันทาดำนั้นว่าเดือนดับแล้ว | หลานแก้วเร่งไปให้จงได้ |
เท่านี้ซิว่าไม่เข้าใจ | ตาเห็นว่องไวในปัญญา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมเสนหา |
ได้ฟังยินดีปรีดา | ก้มเกล้าวันทาพระมุนี |
ทูลว่าหลานน้อยจะขอลา | ไปแก้ปัญหานางโฉมศรี |
พระองค์ค่อยอยู่จงดี | ข้านี้จะกลับไปพารา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องค์พระดาบสพรตกล้า |
ได้ฟังพระกุมารทูลลา | พระสิทธาอำนวยอวยชัย |
จงไปเป็นมิ่งมงกุฎสิงคาร | ในสถานอุรังยิดกรุงใหญ่ |
ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย | เจ้าเร่งไปเถิดอย่าอยู่ช้า ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันฤทธิรงค์วงศา |
รับพรกรกราบกับบาทา | ลาเพศออกจากพระมุนี |
พระรับอำนวยอวยพร | พระภูธรเปลื้องเครื่องฤๅษี |
แล้วเสด็จลงสรงวารี | สระศรีสุขุมมุจลินท์ |
น้ำพุพุ่งจากบรรพต | เป็นฟองฝอยย้อยหยดไม่รู้สิ้น |
ฉ่าฉานช่วงพรายสายวาริน | มัจฉาโลดโดดดิ้นไคลคลา |
ลางหมู่ผุดฟู่พ่นน้ำ | บ้างโบกหางดำประจำท่า |
บ้างลอยล่องเล่นฟองชลธา | แฝงไม้บุษบาบัวบัง ฯ |
๏ บัวขาวขาวล้วนแลสลอน | ฝักอ่อนซ้อนซับสลับฝั่ง |
ภุมรินบินเกลื่อนเป็นเรือนรัง | เสียงปีกบินดั่งดุจดนตรี |
ฝูงหงส์ลงลอยตามชลา | ปักษาแซ่ซ้องในสระศรี |
ฟังเพราะเสนาะเสียงสกุณี | ภูมีสุขกระเษมเปรมใจ ฯ |
ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ
๏ สรงเสร็จเสด็จโดยถวิล | ขึ้นจากมุจลินท์สระใหญ่ |
ทรงเครื่องเรืองรัตน์อำไพ | เสกใส่วิทยาอาคม |
ทรงภูษาพรรณรายลายเครือวัลย์ | กรรเจียกเฉิดฉันงามสม[๑] |
ฉลององค์ทรงรัดเอวกลม | เป็นสองริ้วปลิวลมระยับตา |
ทรงผ้าโพกเวียนเศียรเกล้า | ริ้วขาววาวแววพระเวหา |
ขลิบทองผ่องแผ้วพักตรา | เลื่อมพรายลายตาดูระยับ |
สังวาลประพาฬรัดโอบองค์ | สะอิ้งทรงพลอยเพชรเสร็จสรรพ |
ทองกรอร่ามงามระยับ | ธำมรงค์สลับเพชรพราย |
กรขวาคว้าจับธนูศร | เหน็บกฤชฤทธิรอนเฉิดฉาย |
ทักษิณดุษฎีอภิปราย | ถวายนมัสการจรลี |
พอสิ้นแสงสีทินกร | ก็มาถึงนครกรุงศรี |
จึ่งร่ายพระเวทฤทธี | ภูมีกำบังกายา |
ผู้ใดมิได้เห็นองค์ | ตรงไปยังปราสาทเลขา |
ขึ้นบนปรางค์รัตน์รจนา | พระราชาเอากรเคาะบัญชรไชย |
เรียกเจ้าลิขิตขนิษฐา | พี่มาถึงแล้วไปอยู่ไหน |
จงเผยบานพระแกลแก้วแววไว | รับพี่เข้าไปด้วยน้องอา ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าลิขิตขนิษฐา |
ได้ยินเสียงสำเนียงพระพี่ยา | จึ่งบอกกับสันหยาทันใด |
ว่าพระเชษฐามาแล้ว | จงเผยแกลแก้วแสงใส |
ออกรับพระองค์ทรงไชย | ภูวไนยอยู่นอกบัญชร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยาพี่เลี้ยงสายสมร |
นางจึ่งเร่งรีบบทจร | เผยสิงหบัญชรมิได้ช้า |
นั่งลงถวายอภิวาท | ทูลพระภูวนาถด้วยหรรษา |
เชิญเสด็จลีลาศยาตรา | เข้ามายังห้องบรรทมใน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย |
จึ่งเสด็จลีลาคลาไคล | เข้าในบัญชรรัตนา |
พระกุมกรสันหยาทรามวัย | เจ้าจะด่วนไปไหนขนิษฐา |
โฉมยงจงได้เมตตา | จะทิ้งพี่ยาไม่ปรานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางสันหยามารศรี |
สะเทิ้นเขินใจนางเทวี | สะบัดกรภูมีเสียทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระเอยพระพันปี | มาทำฉันนี้ก็เป็นได้ |
น้องเป็นแต่ข้าช่วงใช้ | ภูวไนยจงทรงพระเมตตา |
มาถึงปรางค์รัตน์มณี | ที่ทางมิใช่กลางป่า |
จะให้ข้าอยู่เพื่อนพระผ่านฟ้า | ข้ากลัวอาญานางเทวี |
ขอเชิญเสด็จจรจรัล | ยังห้องสุวรรณนางโฉมศรี |
แม้นรู้ว่าองค์พระภูมี | เสด็จอยู่ที่นี่จะน้อยใจ ฯ |
ฯ ชาตรี ๖ คำ ฯ
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์ช่างแปรแก้ไข |
เจ้าเป็นต้นยลกลนัย | จึ่งได้มาพบนางเทวี |
แม้นพี่อยู่ในมไหศวรรย์ | จะจัดสรรเงินทองให้โฉมศรี |
นี่สัญจรนอนดงพงพี | ไม่มีสิ่งใดสนองคุณนาง |
แต่ตัวพี่จะแทนไมตรีน้อง | ช่วยบำรุงประคองทั้งสองข้าง |
ว่าพลางอิงแอบแนบนาง | เอวบางผลักมือพี่เสียไย |
กรสอดเกี่ยวพัลวัน | กระเษมสันต์ด้วยความพิสมัย |
เริงรื่นชื่นบานสำราญใจ | อยู่ในประถมราษราตรีฯ |
ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางสันหยามารศรี |
ร่วมภิรมย์สมสู่ด้วยภูมี | เทวีเบิกบานสำราญใจ |
จึ่งกราบทูลองค์พระทรงฤทธิ์ | ให้สถิตห้องทองผ่องใส |
แม้นช้านักพระน้องจะหมองใจ | เชิญเสด็จคลาไคลบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันเพราเพริศเฉิดโฉมศรี |
บทจรกุมกรจรลี | สันหยาชี้ห้องพระธิดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระเข้าในห้องแก้วแพรวพราย | เฉิดฉายล้วนสุวรรณเลขา |
ฉากปรุกุดั่นเป็นหลั่นมา | ถึงแท่นไสยาพรายพรรณ |
สลับล้วนเนาวรัตน์เฉิดฉิน | เป็นรูปนาคินทร์แข็งขัน |
สิงห์อัดยัดเหยียบยืนยัน | ครุฑประจันยืนเหยียบนาคี |
ล้วนฉลุปรุช่อต่อก้าน | รูปหงส์บินทะยานผ่านหนี |
ม่านทองป้องปิดรูจี | แสงศรีอัจกลับสว่างไฟ |
โคมเวียนเทียนที่ประจำยาม | ดั่งดวงเดือนอร่ามแจ่มใส |
พระวิสูตรกางกั้นชั้นใน | พระเสด็จไปบนแท่นทอง |
เห็นศรีเสาวภาคย์บรรทมใน | เลิศลักษณ์วิไลไม่มีสอง |
ข้างที่ล้วนพวงมาลีกรอง | กลิ่นตรลบอบนองทั้งกายา |
พระเขนยเคยหนุนเกศแก้ว | วาวแววจับพักตร์ขนิษฐา |
ยี่ภู่ปูลาดรจนา | พิศโฉมพระธิดาไปทั่วองค์ ฯ |
ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายว่านกหัสรังสี | เห็นพระภูมีพิศวง |
ร้องกระแอมออกไปแต่ในกรง | ใครหนออาจองเข้ามาใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระได้ยินเสียงสำเนียงนก | นิ่งตกตะลึงหลงใหล |
ดูดูดวงจิตคิดว่าใคร | กระแอมเล่นก็ได้เป็นไรมี |
พระหิ้วกรงหัสรังออกไป | แขวนไว้เสียให้ลับกับที่ |
แล้วมาขึ้นแท่นนางเทวี | พระภูมีพิศวงงงงวยใจ ฯ |
ฯ ชาตรี ๔ คำ ฯ
๏ พิศพักตร์งามพักตร์วิไลเลิศ | พิศเกศงามประเสริฐศรีใส |
พิศขนงดั่งวงศรไชย | ปรางเปรียบนางในดุสิตา |
พิศโอษฐ์ดั่งจะเอื้อนเยื้อนยิ้ม | จิ้มลิ้มพริ้มพรายดั่งเลขา |
พระฉวีดั่งสีทองทา | ศอสมอังสาเรียบรัด |
พิศถันดั่งดวงปทุมมาศ | นวลละอองผ่องผาดแจ่มจำรัส |
พระกรอ่อนระทวยรวยรัด | นิ้วหัตถ์ดั่งกลึงเกลาเหลาประจง |
พระลูบโลมโฉมน้องประคองชื่น | ตื่นเถิดนิ่มเนื้อนวลหง |
หลับสนิทนิทราไม่รู้องค์ | พี่มาหาโฉมยงถึงแท่นทอง |
จงลุกขึ้นสนทนาพาที | มารศรีอย่าเคืองขุ่นหมอง |
แต่ปลอบปลุกนิ่มเนื้อนวลละออง | ประคองกรกอดองค์กัลยา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มเฉิดโฉมเสนหา |
ฟื้นกายชายเนตรชำเลืองมา | เห็นพระยอดฟ้ายาใจ |
นางประหวั่นครั่นคร้ามขามจิต | ให้คิดพิศวงหลงใหล |
นางสลัดปัดกรภูวไนย | ลดองค์ลงไปจากไสยา |
แฝงม่านเหลือบเล็งเพ่งพิศ | ประโลมจิตด้วยความเสนหา |
ดั่งเทวัญในชั้นดุสิตา | กัลยารัญจวนป่วนใจ |
พิศพักตร์งามพักตร์ผ่องไพบูลย์ | ดั่งแสงสูรย์ส่องตรัสจำรัสไข |
พระวิลาสผาดผ่องอำไพ | เนตรนัยน์ดั่งนิลมณีแนม |
พระขนงดั่งวงจันทร์คล้อย | ช้อยชายจำหลักหลักแหลม |
พระโอษฐ์ดั่งสีทับทิมแกม | พระนาสิกดูแฉล้มรจนา |
พระกรดั่งงวงไอยเรศ | ขององค์ตรีเนตรเจ้าตรึงษา |
แต่ชม้ายชายดูพระผ่านฟ้า | กัลยาพิศวาสจะขาดใจ ฯ |
ฯ โอ้โลม ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
จึ่งมีพจนารถประภาษไป | แก้วตายาใจจงปรานี |
พี่บุกป่าฝ่าดงพงไพร | หวังจะได้พบยอดสุดาพี่ |
ควรฤๅนิ่งได้ไม่ปรานี | มารศรีขัดเคืองด้วยสิ่งใด |
ว่าพลางพระเสด็จไคลคลา | จากอาสน์รจนาศรีใส |
นั่งแนบแอบองค์อรไท | พระลูบไล้ไปทั่วกายา ฯ |
ฯ ช้า ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มเนื้อเสนหา |
ได้ฟังสุนทรวาจา | ดั่งอำมฤตฟ้ายาใจ |
นางจึ่งเยื้อนตอบพจมาน | พระมาทำหักหาญแต่โดยได้ |
รุกรานเข้ามาถึงห้องใน | จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี |
แม้นทราบถึงองค์พระทรงฤทธิ์ | เห็นชีวิตจะม้วยเป็นผี |
ตัวน้องนี้เป็นกระษัตรี | มีแต่จะได้อัประมาณ ฯ |
ฯ โอ้โลม ฯ
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์ยอดยงสงสาร |
พี่แสนเสนหามาช้านาน | นงคราญจงได้เมตตา |
สู้เอาชีวิตมาเปลี่ยนสวาดิ | ให้นุชนาฏเห็นความเสนหา |
พี่แสนลำบากเวทนา | ควรฤๅแก้วตามาตัดใจ |
ถึงพระบิตุเรศชนนี | จะผลาญพี่ให้ม้วยตักษัย |
ก็ตามบุญกรรมได้ทำไว้ | พี่ไม่ไปจากแท่นไสยา |
ว่าพลางตระโบมโลมเล้าน้อง | นวลละอองจงฟังพี่ว่า |
พี่อาวรณ์ร้อนเร่าในอุรา | กัลยาไม่เล็งเห็นใจ ฯ |
ฯ ช้า ร่าย ๘ คำ ฯ
๏ พระเอยพระผ่านฟ้า | มาทำหยาบช้าแต่โดยได้ |
นางสลัดปัดกรภูวไนย | ค้อนควักผลักไสไม่ไยดี |
พระเป็นกระษัตริย์เลิศปาง | ฤๅจะไร้ร้างองค์มเหสี |
แกล้งกล่าวพจนาวาที | น้องนี้ไม่ไว้วางใจ |
จะมาร่วมภิรมย์สมสนิท | ชมชิดยียวนด่วนได้ |
แล้วจะปลดลดร้างห่างไกล | ภูวไนยจะกลับไปพารา |
เชยชมพระสนมนารี | เปรมปรีดิ์เป็นบรมสุขา |
น้องนี้จะมีแต่เวทนา | อับอายไพร่ฟ้าทั้งเวียงไชย ฯ |
ฯ โลม ๘ คำ ฯ
๏ แสนเอยแสนเฉลียว | เลี่ยงเลี้ยวผันแปรแก้ไข |
แม้นพี่มีอัครวิไล | จะมาไยให้ยากลำบากกาย |
พยายามข้ามพระมหาสมุทร | เพราะแสนสุดสวาดิโฉมฉาย |
เจ้าไม่เล็งเห็นจิตพี่ชาย | สายสวาดิจึ่งตัดไมตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ว่าเอยว่าพลาง | อิงแอบแนบนางโฉมศรี |
ผลักพี่เสียไยไม่ไยดี | มารศรีจงได้เมตตา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระเอยพระเจ้า | พระจงโปรดเกล้าเกศา |
ซึ่งพระองค์ว่าทรงพระเมตตา | ตัวข้ายังแหนงแคลงใจ |
แม้นพระเสนหาดั่งว่านั้น | ทรงธรรม์จงค่อยอัชฌาศัย |
น้องประหวั่นพรั่นจิตเป็นพ้นไป | ภูวไนยจงได้ปรานี ฯ |
ฯ โอ้โลม ๔ คำ ฯ
๏ สุดเอยสุดสวาดิ | นุชนาฏจงได้เอ็นดูพี่ |
อันความเสนหานารี | ดั่งดวงชีวีของพี่ยา |
แต่วันได้เห็นโฉมน้อง | ในพลับพลาทองอันเลขา |
รสรักอักอ่วนในอุรา | ประหนึ่งว่าจะสิ้นสมประดี |
ให้อาวรณ์รักสลักจิต | ดั่งชีวิตจะม้วยลงกับที่ |
ควรฤๅแก้วตาไม่ปรานี | ให้พี่ได้ความทรมาน |
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า | โฉมเฉลาเยาวยอดสงสาร |
ประคองกรอุ้มองค์เยาวมาลย์ | สู่สถานบนแท่นที่ไสยา |
ชมพลางแนบปรางเยาวลักษณ์ | จุมพิตพักตร์นางพลางหรรษา |
กรกอดเกี่ยวกระหวัดตรึงตรา | ดั่งหนึ่งลัดามาลีกรอง |
ภุมรินบินลงประจงบัว | เกลือกกลั้วเสาวคนธ์กระเษมสอง |
เชยต้องโกสุมปทุมทอง | นวลละอองต้องแสงอโณทัย |
กลีบกลัดระบัดเบิกบาน | รับแสงสุริย์ฉานแจ่มใส |
สองพระองค์ชื่นบานสำราญใจ | อยู่ในแท่นที่ศรีไสยาฯ |
ฯ กล่อม ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มเสนหา |
ได้ภิรมย์ชมรสกรีฑา | ด้วยพระยอดฟ้ายาใจ |
มีความยินดีเป็นที่สุด | วรนุชแสนสนิทพิสมัย |
อิงแอบแนบองค์พระทรงไชย | ดั่งได้อำมฤตมาโรยริน |
เอิบอาบซาบสิ้นพระวรกาย | เทวีคลี่คลายหายถวิล |
รื่นเริงบันเทิงด้วยภูมินทร์ | เทพินทร์ไม่นิราศคลาดคลา |
ไพบูลย์พูนสวัสดิ์มนัสใน | เพลิดเพลินจำเริญใจเป็นหนักหนา |
งวยงงในองค์พระผ่านฟ้า | กัลยาชื่นบานสำราญใจ ฯ |
ฯ ช้า ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
ได้ร่วมรักองค์อัครวิไล | ดั่งได้สมบัติในเมืองฟ้า |
แสนสนิทพิศวาสนาฏน้อง | โลมลูบประคองหรรษา |
แรกเริ่มรสรักกรีฑา | เสนหาเพลิดเพลินเจริญใจ |
กรกุมกอดเกี่ยวพัลวัน | แนบกันเชยชิดพิสมัย |
เฟื่องฟุ้งจรุงละลานใจ | สองกระษัตริย์มิได้นิทรา ฯ |
ฯ พระทอง ๖ คำ ฯ
๏ เชยนางพลางชมห้องแก้ว | วาวแวววิจิตรเลขา |
สัพยอกหยอกเย้ากันไปมา | เจ้าบอกพี่ตรงหน้าเพดานบน |
สุกดวงช่วงอยู่ไม่รู้ดับ | วับวับดั่งจะย้อยเป็นฝอยฝน |
ดั่งปราสาทนิรมิตประดิษฐ์ยนต์ | คนทำฤๅเทพรจนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มน้อยเสนหา |
ยอกรกราบทูลพระภัสดา | สร้างมาแต่ปางบุราณกาล |
ล้วนแล้วด้วยแก้วเนาวรัตน์ | รุ่งเรืองจำรัสแสงฉาน |
ประกอบด้วยเพชรชัชวาล | ดาษดาเพดานเป็นดาวราย |
ทำเป็นพระจันทร์พระอาทิตย์ | แต้มติดกลีบเมฆไม่รู้หาย |
ตรงมือน้องชี้ที่พรายพราย | แก้วลายวิจิตรบรรจง ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันรับขวัญนวลหง |
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงแก้วอนงค์ | แนบกับทรวงทรงแล้วตรัสไป |
มิเสียทีที่เกิดในสมบัติ | ไพบูลย์พูนสวัสดิ์จะหาไหน |
ทั้งทรงโฉมประโลมละลานใจ | นางในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางประวะลิ่มสาวสวรรค์ |
ครั้นรุ่งแจ้งแสงพระสุริยัน | อภิวันท์ทูลองค์พระภูมี |
น้องรักจะขอบังคมลา | ไปแจ้งแก่สันหยาสาวศรี |
ทูลแล้วเสด็จจรลี | เทวีออกจากห้องทอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งเรียกพี่เลี้ยงใหญ่ | ร่วมรู้ดูใจกันแค่สอง |
จึ่งมีวาจาปรองดอง | พี่เอ๋ยช่วยน้องป้องกัน |
ห้ามเสียอย่าให้ใครเข้าเฝ้า | สิ้นทั้งแก่เฒ่าสาวสรร |
ว่าน้องประชวรโรคัน | พร้อมกันปากเสียงอย่าอึงไป |
พนักงานเครื่องสุคนธา | สั่งอย่าให้ใครเข้ามาใกล้ |
เครื่องสรงเครื่องเสวยที่เคยใช้ | ไว้นักงานพี่ทุกประการ |
อย่าให้ใครแจ้งอนุสนธิ์ | พี่ช่วยผ่อนปรนแถลงสาร |
ทั้งนางสาวสรรพนักงาน | อย่าให้ใครผ่านเข้ามา |
พี่ไปกราบทูลพระพันปี | ทั้งพระชนนีนาถา |
ว่าน้องประชวรโรคา | มิได้มาเฝ้าพระภูวไนย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงจึ่งทูลเฉลยไข |
แม่อย่าประหวั่นพรั่นใจ | พี่มิให้ระคายราคี |
เชิญเสด็จเข้าไปในแท่นทอง | อย่ามาใกล้ห้องจะหมองศรี |
อันราชกิจทั้งนี้ | ไว้นักงานพี่อย่าร้อนใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มยิ้มแย้มแจ่มใส |
แล้วเสด็จลีลาคลาไคล | คืนเข้าห้องในไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งพระพี่เลี้ยงสันหยา |
เร่งรีบยุรยาตรคลาดคลา | ออกมาจากห้องมณี |
จึ่งจัดแจงแต่งที่ฉับพลัน | กั้นม่านสุวรรณอันเรืองศรี |
ทำด้วยจงรักภักดี | แล้วไปสั่งนารีสิ้นทั้งนั้น |
ทั่วทุกพนักงานสาวศรี | เทวาว่าฉะนี้อย่าหุนหัน |
อย่าเฝ้าแหนเลยเหมือนเคยนั้น | แม่จอมขวัญประชวรจะกวนใจ |
แต่งพระสุวรรณภาชน์เป็นสองที่ | เราพี่เลี้ยงจะผ่อนให้ |
สั่งสิ้นนางลีลาไป | เฝ้าไทสองกระษัตริย์ฉับพลัน ฯ |
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงกราบบาทบงสุ์ | พระองค์ทรงภพรังสรรค์ |
ทั้งประไหมสุหรีวิไลวรรณ | แล้วทูลกิจให้แจ้งการ |
อันโฉมพระราชบุตรี | ไม่มีความสุขกระเษมสานต์ |
เศร้าซูบอินทรีย์เยาวมาลย์ | พระอาหารนั้นน้อยถอยไป |
จึ่งมิได้มาเฝ้าพระทรงศักดิ์ | ที่จะเป็นไรหนักหามิได้ |
แม้นค่อยสบายพระทัย | จึ่งจะได้มากราบบังคมคัล ฯ |
ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองกระษัตริย์ผู้ผ่านไอศวรรย์ |
ได้ฟังพี่เลี้ยงมารำพัน | หวาดหวั่นพระทัยถึงลูกยา |
จึ่งตรัสสั่งสันหยาทันใด | ให้ไปเรียกแพทย์มารักษา |
อย่าเพ่อให้ลูกรักขึ้นมา | เกลือกว่าโรคาจะกลับกลาย |
เอ็งเร่งลงไปอย่าอยู่ช้า | บำรุงรักษาโฉมฉาย |
ห้ามอย่าให้ต้องแดดนาย | หายแล้วจงให้ขึ้นมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยารับฟังใส่เกศา |
ก้มเกล้าถวายบังคมลา | รีบกลับลงมาทันใด |
ครั้นมาถึงห้องไสยาสน์ | พี่เลี้ยงมิอาจเข้าไปได้ |
ยืนแฝงทวารอยู่แต่ไกล | ส่งสุรเสียงให้แจ้งการ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมประวะลิ่มยอดสงสาร |
ได้ยินเสียงพี่เลี้ยงเยาวมาลย์ | นงคราญจึ่งเสด็จออกมา |
ครั้นถึงจึ่งถามทันใด | ไปเฝ้าพระบรมนาถา |
เพ็ดทูลเป็นไฉนนะพี่ยา | พระราชาคอยฟังอยู่ห้องใน |
มาเข้าไปเฝ้าพระพันปี | ในที่ไสยาพิสมัย |
สันหยามิใคร่จะเข้าไป | อรไทจูงกรลีลา |
ครั้นถึงซึ่งแท่นทิพอาสน์ | บังคมบาทพระยอดเสนหา |
พี่เลี้ยงเมียงมองพักตรา | กัลยาขวยเขินสะเทิ้นใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
แลเห็นสันหยาผู้ร่วมใจ | ก็แจ้งในกิริยาอาการ |
พระทำเฉยแล้วเปรยพจนารถ | ตรัสประภาษพี่เลี้ยงด้วยคำหวาน |
ให้โฉมประวะลิ่มเยาวมาลย์ | ยกพานสลามาให้กิน |
พี่ขอบใจสายสมรเยาวลักษณ์ | ภักดีต่อองค์โฉมฉิน |
ไปเฝ้าพระองค์ทรงธรณินทร์ | ปิ่นเกล้าท้าวตรัสประการใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สันหยานารีศรีใส |
นางยิ่งขวยเขินสะเทิ้นใจ | อรไทผินพักตร์บังคมคัล |
ทูลว่าตัวข้าขึ้นไปเฝ้า | พระปิ่นเกล้าบรมรังสรรค์ |
ทูลว่าประชวรโรคัน | พระทรงธรรม์กำชับมากมาย |
ให้เสวยอาหารจงพลัน | แม้นว่าโรคันยังไม่หาย |
ให้อยู่รักษากว่าจะคลาย | แดดนายอย่าให้ต้องกายา |
จะมิขึ้นไปเฝ้าก็แล้วไป | เห็นสมพระทัยปรารถนา |
แม้นมีเหตุเภทภัยสิ่งใดมา | สันหยาจะเป็นหนังหน้าไฟ |
ทูลแล้วถวายบังคมลา | ออกมาจากห้องพิสมัย |
แลชม้ายชายดูพระภูวไนย | อรไทเร่งรีบดำเนินมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ประวะลิ่มนิ่มนวลเสนหา |
แสนสนิทพิศวาสพระราชา | กัลยาเพลิดเพลินจำเริญใจ |
จนนางโฉมยงทรงครรภ์ | ผ่องแผ้วผิวพรรณแจ่มใส |
มิได้ขึ้นเฝ้าพระภูวไนย | กลัวจะแจ้งพระทัยพระบิดา |
แต่คลึงเคล้าเฝ้าแอบแนบชิด | ด้วยความแสนสนิทเสนหา |
หยอกหยิกซิกซี้กันไปมา | ไม่คลาดคลาจากแท่นไพชยนต์[๒] ฯ |
ฯ กล่อม ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยุขันยอดฟ้าเวหาหน |
ภิรมย์สมสู่ด้วยนิรมล | ผาสุกเป็นพ้นคณนา |
ละโบมชมโฉมน้องรัก | ไล้ลูบจูบพักตร์หรรษา |
เป็นบรมสุโขโอฬาร์ | ได้สามเดือนตราไม่แพร่งพราย |
ครั้นโฉมประวะลิ่มทรงครรภ์ | คิดพรั่นกลัวภัยฤทัยหาย |
จะอยู่ไปบัดนี้หน้าที่ตาย | วุ่นวายจะไม่ได้คืนวัง |
พระบิตุเรศชนนีจะคอยหา | เห็นผิดสัญญาจะคลุ้มคลั่ง |
จะมิไปก็ให้พะว้าพะวัง | รักสุดกำลังที่จะไป |
ครั้นจะไปข้างหน้าข้างหลังหาย | ดั่งจะตีตัวตายเสียก่อนไข้ |
ครั้นว่าจะพานางไป | เห็นทรามวัยจะไม่ปรานี |
อยู่ไปเห็นไม่เป็นตัวเลย | อกเอยมิหนีก็จำหนี |
จะให้ลิขิตอยู่ด้วยเทวี | แต่ตัวของพี่จะลาไป |
แล้วจึงจะกลับมารับน้อง | ไปครองนิเวศกรุงใหญ่ |
บัดนี้ถึงที่กำหนดไว้ | แม่อินทรีใหญ่จะพาจร |
แม้นแม่ปักษามาถึง | ผัวจึ่งจะจากดวงสมร |
คิดพลางทางแนบนอน | กรกอดประวะลิ่มนิ่มนวลจันทร์ ฯ |
ฯ กล่อม ๑๖ คำ ฯ
[๑] ต้นฉบับว่า “กรรเจียกเฉิดฉันสร้อยสน” แต่สัมผัสไม่รับกับคำกลอนบทก่อน ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “กรรเจียกเฉิดฉันงามสม”
[๒] ต้นฉบับว่า “ไม่คลาดคลาจากแท่นทองทรง” แต่สัมผัสไม่ส่งตามบังคับ ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “ไม่คลาดคลาจากแท่นไพชยนต์”