๑๐

๏ มาถึง อาศรมฤๅษีที่ในป่า
เข้าไปอภิวาทวันทา พระดาหลีผู้มีฤทธิไกร ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น องค์พระอาจารย์เป็นใหญ่
ครั้นเห็นพระกุมารชาญชัย เข้ามากราบไหว้ก็อัศจรรย์
รูปร่างละไมวิไลเลิศ ทรงเครื่องเพราเพริศเฉิดฉัน
กุมารนี้ลักษณ์วิลาวัณย์ หน่อเนื้อเขตขัณฑ์แดนใด
พระฤๅษีจึ่งมีบัญชาถาม เจ้าเป็นหน่อนามบูรีไหน
ขัดสนกังวลสิ่งไร จะไปไหนจึ่งมาถึงศาลา ฯ

ฯ ฝรั่ง ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมเสนหา
จึ่งบังคมคัลวันทา องค์พระอาจารย์แล้วจึ่งทูลไป
ข้าชื่อยุขันเรืองฤทธิ์ อยู่ยังอุรังยิดกรุงใหญ่
พระบิดาจะให้เรียนศิลป์ไชย พร้อมทั้งไตรเพทให้ครบครัน
จึ่งอตส่าห์บุกป่าฝ่าดง ตรงเข้ามาหาถึงเขตขัณฑ์
จึ่งได้พบองค์พระทรงธรรม์ หลานขวัญขอรองบาทา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระอาจารย์ยินดีเป็นหนักหนา
ที่จะอยู่ด้วยปู่ในศาลา รํ่าเรียนวิชาเป็นไรมี
ว่าแล้วพระบรมสมมิต บวชให้เป็นศิษย์พระฤๅษี
แล้วให้นุ่งหนังพยัคฆี พระภูมีสั่งสอนให้แจ้งใจ
หมวดมุ่นชฎาห่อเกศ บริกรรมตามเพทวิสัย
แล้วพระดาบสยศไกร บอกให้รํ่าเรียนวิชา
ทั้งสะกดบังกายล่องหน ผ้าพยนต์ผูกแก้ด้วยคาถา
ทั้งจังงังบังเหลื่อมกายา สารพัดวิชาก็รู้ครบ
มีตบะเดชาสิงหนาท เข้าไหนก็ขยาดกลัวจบ
กระษัตริย์ใดไม่ประเสริฐเลิศลบ จบศิลปศาสตร์สาตรา
วันหนึ่งจึ่งมีบัญชาการ เรียกองค์พระกุมารเสนหา
ปู่จะเข้าไปในพารา เยี่ยมสีกาประวะลิ่มหลานรัก ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ว่าแล้ว พระมหาดาหลีอันมีศักดิ์
นุ่งผ้าคากรองหนังพยัคฆ์ ทรงสะพักชักลูกประคำไป
แล้วเสร็จออกจากอาศรมพลัน ส่งย่ามให้ยุขันบวชใหม่
พระดาบสสองราก็คลาไคล เข้าในนิเวศฉับพลัน ฯ

ฯ ฝรั่งถอน ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงทวารวังใน จึ่งว่าไปกับองค์ยุขัน
ตัวเจ้าอย่าเพ่อจรจรัล หยุดอยู่นั้นนะหลานรัก
ตาจะเข้าไปก่อนอย่าร้อนใจ แล้วจะให้มารับทรงศักดิ์
จะไปบอกแก่องค์นงลักษณ์ สั่งแล้วนักสิทธิ์ก็ไคลคลา ฯ

ฯ เสมอ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งพระพี่เลี้ยงสันหยา
เห็นพระอาจารย์เข้ามา กัลยาชื่นชมยินดี
จึ่งไปทูลองค์พระธิดา ว่าองค์พระมหาฤๅษี
เข้ามาถึงปราสาทรูจี เชิญเสด็จเทวีไปวันทา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมประวะลิ่มก็หรรษา
จึ่งจัดเครื่องสักการะบูชา เสร็จแล้วกัลยาก็ออกไป
นิมนต์ให้นั่งเหนืออาสน์ แล้วนางอภิวาทกราบไหว้
ถวายเครื่องบูชามาลัย ทรงพัชนีไกวโบกลม ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระอาจารย์เชี่ยวชาญสร้างสม
พิศพักตร์หลานรักทรามชม เห็นกุมารขำคมก็พิศดู
ถามว่าลูกหลานของใคร นวลละอองผ่องใสไม่มีคู่
นามกรชื่อไรน่าเอ็นดู ถิ่นฐานนั้นอยู่แห่งใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบุตรีบอกแจ้งแถลงไข
ชื่อเจ้าลิขิตชาญชัย เขาให้เมื่อไปอุทยาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังวาที พระมุนีปรีดิ์เปรมกระเษมสานต์
ศิษย์ปู่คนหนึ่งก็สะคราญ มาด้วยอยู่ทวารชั้นใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มยินดีจะมีไหน
จึ่งสั่งสันหยาให้คลาไคล เร่งไปนิมนต์เข้ามาพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยารับสั่งขมีขมัน
จึ่งออกไปยังทวารพลัน บังคมคัลแล้วก็ทูลไปทันที
พระบุตรีให้นิมนต์เข้าไป จะถวายดอกไม้พระฤๅษี
มิได้สำคัญว่าพันปี นารีแปลกองค์พระทรงฤทธิ์ ฯ

ฯ นกเอี้ยง ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฤๅษียุขันกระสันจิต
เห็นนางนางมิได้เพ่งพิศ พระทรงฤทธิ์จึ่งมีวาที
ควรฤๅมาแปลกดั่งเปลี่ยนกาย โฉมฉายพิศดูให้ถ้วนถี่
รู้จักกันที่สวนมาลี มารศรีลืมพี่ฤๅทรามวัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยานารีศรีใส
ได้ฟังพระสุรเสียงพระภูวไนย จำได้สำคัญมั่นคง
นางเร่งขวยเขินสะเทิ้นจิต ด้วยไม่ทันพินิจพิศวง
จึ่งกราบลงยังแทบบาทบงสุ์ เชิญพระโฉมยงไคลคลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฤๅษียุขันก็หรรษา
จึ่งเสด็จย่างเยื้องลีลา มากับสันหยาผู้ร่วมใจ
พระสถิตเหนืออาสน์อันบรรจง กับองค์พระอาจารย์เป็นใหญ่
พระเร่งกระสันรัญจวนใจ นัยน์เนตรไม่วางนวลน้อง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มโฉมศรีไม่มีสอง
เห็นพระเสด็จขึ้นบนแท่นทอง สถิตที่เป็นสองกับอาจารย์
นางเร่งพินิจพิศวง ทรงโฉมประโลมสงสาร
ชายเนตรสบเนตรพระภูบาล นงคราญเมียงม่ายอายพักตรา
ยอกรบังคมพระทรงศักดิ์ ทั้งอายทั้งรักเป็นหนักหนา
แล้วชม้ายชายเนตรชำเลืองมา ดูพระยอดฟ้ายาใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลิขิตเฉิดโฉมพิสมัย
บังคมพระเชษฐาชาญชัย แล้วเมินพักตร์ไปไม่ทักทาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันผู้เฉิดโฉมฉาย
พิสมัยเอิบอาบซาบกาย เคลิ้มคล้ายขับอ้างนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เจ้าดวงยิหวายาใจ เป็นไฉนไม่แลดูพี่
เบือนพักตร์เสียไยไม่พาที มารศรีชายเนตรมาบ้างรา ฯ

ฯ ร่าย ๒ คำ ฯ

๏ ลิขิตว่าให้อะไรนี้ เซ้าซี้ไปเจียวเขาจะว่า
โอ้ลืมไปเสียแล้วนะแก้วตา ขอสมาเสียเถิดเจ้าดวงใจ
ตะลึงไปดูนางไม่วางเนตร พระทรงเดชรัญจวนครวญใคร่
ลืมกลัวพระอาจารย์ชาญชัย เคลิ้มจิตพิสมัยนางเทวี ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ ส่วนพระนักสิทธิ์ผู้กิจกล้า หลับตาสาธยายอยู่อึงมี่
ไม่แจ้งแห่งกลคดี ฤๅษีจึ่งถามพระธิดา
สวดมนต์กำหนดนั้นทดถอย หรือค่อยจำเริญวัตถา
ลืมหลงตรงไหนให้ว่ามา จวนแล้วเพลาจะคลาไคล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มก้มเกล้าเฉลยไข
หลานน้อยค่อยเรียนเพียรไป มิได้เว้นวางสักราตรี
สาธะยายเวทมนตร์ปรนนิบัติ พลางสอนเจ้าหัสรังสี
จะฟั่นเฟือนเคลื่อนไปก็ไม่มี พระมุนีจงทราบพระบาทา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระอาจารย์ชาญชิดกิจกล้า
ได้ฟังหลานน้อยเจรจา พระดาบสอำนวยอวยชัย
จึ่งว่านัดดาอยู่จงดี ตานี้จะลาไปป่าใหญ่
สั่งเสร็จชวนศิษย์คลาไคล ลงไปจากปรางค์นางเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งองค์ยุขันฤๅษี
ตามพระอาจารย์จรลี ภูมีหยุดยั้งเหลียวหลังมา
ตะลึงจิตมิใคร่คลาไคล แต่กลัวภัยพระบรมนาถา
แล้วเกรงพระนักสิทธิ์ฤทธา จำเป็นจำลีลาไป ฯ

ฯ แขก ๔ คำ ฯ

๏ เดินพลางคำนึงถึงเทวี มิใคร่จรลีไปได้
พระแข็งขืนอารมณ์ข่มใจ จนไปใกล้อรัญกุฎี

ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งโฉมประวะลิ่มมารศรี
ครั้นเห็นพระมหามุนี กับฤๅษียุขันคลาไคล
แลตามจนสุดสายตา กัลยาทอดถอนฤทัยใหญ่
นางคิดจะใคร่ตามไป อดสูกำนัลในนารี
แล้วเสด็จเข้าที่ไสยา พักตราสร้อยเศร้าหมองศรี
นางแสนโศกศัลย์พันทวี อยู่ในที่ศรีไสยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น องค์พระอาจารย์ฌานกล้า
ครั้นถึงอาศรมศาลา ชำระกายาอินทรีย์
แล้วเข้าที่สังวัธยายเวท บริกรรมตามเพทฤๅษี
เป็นสุขทุกทิวาราตรี พระมุนีเอนกายสบายใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรัศมีศรีใส
ปรนนิบัติอาจารย์ชาญชัย มิได้คลาดคลาสักราตรี
พระเสด็จเข้าไปในศาลา นวดฟั้นบาทาพระฤๅษี
จึ่งทูลว่าข้าอยู่ในบูรี พบสตรีหนึ่งพึงใจ
เขาแกล้งทำเป็นปริศนา แป้งขาวทามาข้าสงสัย
อยู่มาทาดำมอมไป โปรดให้รู้กลกระษัตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระอาจารย์จึ่งแจ้งถ้วนถี่
อันแป้งขาวล้วนนวลดี เปรียบสีบุหลันเรืองไร
อันทาดำนั้นว่าเดือนดับแล้ว หลานแก้วเร่งไปให้จงได้
เท่านี้ซิว่าไม่เข้าใจ ตาเห็นว่องไวในปัญญา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมเสนหา
ได้ฟังยินดีปรีดา ก้มเกล้าวันทาพระมุนี
ทูลว่าหลานน้อยจะขอลา ไปแก้ปัญหานางโฉมศรี
พระองค์ค่อยอยู่จงดี ข้านี้จะกลับไปพารา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น องค์พระดาบสพรตกล้า
ได้ฟังพระกุมารทูลลา พระสิทธาอำนวยอวยชัย
จงไปเป็นมิ่งมงกุฎสิงคาร ในสถานอุรังยิดกรุงใหญ่
ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย เจ้าเร่งไปเถิดอย่าอยู่ช้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันฤทธิรงค์วงศา
รับพรกรกราบกับบาทา ลาเพศออกจากพระมุนี
พระรับอำนวยอวยพร พระภูธรเปลื้องเครื่องฤๅษี
แล้วเสด็จลงสรงวารี สระศรีสุขุมมุจลินท์
น้ำพุพุ่งจากบรรพต เป็นฟองฝอยย้อยหยดไม่รู้สิ้น
ฉ่าฉานช่วงพรายสายวาริน มัจฉาโลดโดดดิ้นไคลคลา
ลางหมู่ผุดฟู่พ่นน้ำ บ้างโบกหางดำประจำท่า
บ้างลอยล่องเล่นฟองชลธา แฝงไม้บุษบาบัวบัง ฯ
๏ บัวขาวขาวล้วนแลสลอน ฝักอ่อนซ้อนซับสลับฝั่ง
ภุมรินบินเกลื่อนเป็นเรือนรัง เสียงปีกบินดั่งดุจดนตรี
ฝูงหงส์ลงลอยตามชลา ปักษาแซ่ซ้องในสระศรี
ฟังเพราะเสนาะเสียงสกุณี ภูมีสุขกระเษมเปรมใจ ฯ

ฯ ร่าย ๔ คำ ฯ

๏ สรงเสร็จเสด็จโดยถวิล ขึ้นจากมุจลินท์สระใหญ่
ทรงเครื่องเรืองรัตน์อำไพ เสกใส่วิทยาอาคม
ทรงภูษาพรรณรายลายเครือวัลย์ กรรเจียกเฉิดฉันงามสม[๑]
ฉลององค์ทรงรัดเอวกลม เป็นสองริ้วปลิวลมระยับตา
ทรงผ้าโพกเวียนเศียรเกล้า ริ้วขาววาวแววพระเวหา
ขลิบทองผ่องแผ้วพักตรา เลื่อมพรายลายตาดูระยับ
สังวาลประพาฬรัดโอบองค์ สะอิ้งทรงพลอยเพชรเสร็จสรรพ
ทองกรอร่ามงามระยับ ธำมรงค์สลับเพชรพราย
กรขวาคว้าจับธนูศร เหน็บกฤชฤทธิรอนเฉิดฉาย
ทักษิณดุษฎีอภิปราย ถวายนมัสการจรลี
พอสิ้นแสงสีทินกร ก็มาถึงนครกรุงศรี
จึ่งร่ายพระเวทฤทธี ภูมีกำบังกายา
ผู้ใดมิได้เห็นองค์ ตรงไปยังปราสาทเลขา
ขึ้นบนปรางค์รัตน์รจนา พระราชาเอากรเคาะบัญชรไชย
เรียกเจ้าลิขิตขนิษฐา พี่มาถึงแล้วไปอยู่ไหน
จงเผยบานพระแกลแก้วแววไว รับพี่เข้าไปด้วยน้องอา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมเจ้าลิขิตขนิษฐา
ได้ยินเสียงสำเนียงพระพี่ยา จึ่งบอกกับสันหยาทันใด
ว่าพระเชษฐามาแล้ว จงเผยแกลแก้วแสงใส
ออกรับพระองค์ทรงไชย ภูวไนยอยู่นอกบัญชร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยาพี่เลี้ยงสายสมร
นางจึ่งเร่งรีบบทจร เผยสิงหบัญชรมิได้ช้า
นั่งลงถวายอภิวาท ทูลพระภูวนาถด้วยหรรษา
เชิญเสด็จลีลาศยาตรา เข้ามายังห้องบรรทมใน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเฉิดโฉมพิสมัย
จึ่งเสด็จลีลาคลาไคล เข้าในบัญชรรัตนา
พระกุมกรสันหยาทรามวัย เจ้าจะด่วนไปไหนขนิษฐา
โฉมยงจงได้เมตตา จะทิ้งพี่ยาไม่ปรานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางสันหยามารศรี
สะเทิ้นเขินใจนางเทวี สะบัดกรภูมีเสียทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระเอยพระพันปี มาทำฉันนี้ก็เป็นได้
น้องเป็นแต่ข้าช่วงใช้ ภูวไนยจงทรงพระเมตตา
มาถึงปรางค์รัตน์มณี ที่ทางมิใช่กลางป่า
จะให้ข้าอยู่เพื่อนพระผ่านฟ้า ข้ากลัวอาญานางเทวี
ขอเชิญเสด็จจรจรัล ยังห้องสุวรรณนางโฉมศรี
แม้นรู้ว่าองค์พระภูมี เสด็จอยู่ที่นี่จะน้อยใจ ฯ

ฯ ชาตรี ๖ คำ ฯ

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์ช่างแปรแก้ไข
เจ้าเป็นต้นยลกลนัย จึ่งได้มาพบนางเทวี
แม้นพี่อยู่ในมไหศวรรย์ จะจัดสรรเงินทองให้โฉมศรี
นี่สัญจรนอนดงพงพี ไม่มีสิ่งใดสนองคุณนาง
แต่ตัวพี่จะแทนไมตรีน้อง ช่วยบำรุงประคองทั้งสองข้าง
ว่าพลางอิงแอบแนบนาง เอวบางผลักมือพี่เสียไย
กรสอดเกี่ยวพัลวัน กระเษมสันต์ด้วยความพิสมัย
เริงรื่นชื่นบานสำราญใจ อยู่ในประถมราษราตรีฯ

ฯ ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางสันหยามารศรี
ร่วมภิรมย์สมสู่ด้วยภูมี เทวีเบิกบานสำราญใจ
จึ่งกราบทูลองค์พระทรงฤทธิ์ ให้สถิตห้องทองผ่องใส
แม้นช้านักพระน้องจะหมองใจ เชิญเสด็จคลาไคลบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันเพราเพริศเฉิดโฉมศรี
บทจรกุมกรจรลี สันหยาชี้ห้องพระธิดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระเข้าในห้องแก้วแพรวพราย เฉิดฉายล้วนสุวรรณเลขา
ฉากปรุกุดั่นเป็นหลั่นมา ถึงแท่นไสยาพรายพรรณ
สลับล้วนเนาวรัตน์เฉิดฉิน เป็นรูปนาคินทร์แข็งขัน
สิงห์อัดยัดเหยียบยืนยัน ครุฑประจันยืนเหยียบนาคี
ล้วนฉลุปรุช่อต่อก้าน รูปหงส์บินทะยานผ่านหนี
ม่านทองป้องปิดรูจี แสงศรีอัจกลับสว่างไฟ
โคมเวียนเทียนที่ประจำยาม ดั่งดวงเดือนอร่ามแจ่มใส
พระวิสูตรกางกั้นชั้นใน พระเสด็จไปบนแท่นทอง
เห็นศรีเสาวภาคย์บรรทมใน เลิศลักษณ์วิไลไม่มีสอง
ข้างที่ล้วนพวงมาลีกรอง กลิ่นตรลบอบนองทั้งกายา
พระเขนยเคยหนุนเกศแก้ว วาวแววจับพักตร์ขนิษฐา
ยี่ภู่ปูลาดรจนา พิศโฉมพระธิดาไปทั่วองค์ ฯ

ฯ ร่าย ๑๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายว่านกหัสรังสี เห็นพระภูมีพิศวง
ร้องกระแอมออกไปแต่ในกรง ใครหนออาจองเข้ามาใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระได้ยินเสียงสำเนียงนก นิ่งตกตะลึงหลงใหล
ดูดูดวงจิตคิดว่าใคร กระแอมเล่นก็ได้เป็นไรมี
พระหิ้วกรงหัสรังออกไป แขวนไว้เสียให้ลับกับที่
แล้วมาขึ้นแท่นนางเทวี พระภูมีพิศวงงงงวยใจ ฯ

ฯ ชาตรี ๔ คำ ฯ

๏ พิศพักตร์งามพักตร์วิไลเลิศ พิศเกศงามประเสริฐศรีใส
พิศขนงดั่งวงศรไชย ปรางเปรียบนางในดุสิตา
พิศโอษฐ์ดั่งจะเอื้อนเยื้อนยิ้ม จิ้มลิ้มพริ้มพรายดั่งเลขา
พระฉวีดั่งสีทองทา ศอสมอังสาเรียบรัด
พิศถันดั่งดวงปทุมมาศ นวลละอองผ่องผาดแจ่มจำรัส
พระกรอ่อนระทวยรวยรัด นิ้วหัตถ์ดั่งกลึงเกลาเหลาประจง
พระลูบโลมโฉมน้องประคองชื่น ตื่นเถิดนิ่มเนื้อนวลหง
หลับสนิทนิทราไม่รู้องค์ พี่มาหาโฉมยงถึงแท่นทอง
จงลุกขึ้นสนทนาพาที มารศรีอย่าเคืองขุ่นหมอง
แต่ปลอบปลุกนิ่มเนื้อนวลละออง ประคองกรกอดองค์กัลยา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มเฉิดโฉมเสนหา
ฟื้นกายชายเนตรชำเลืองมา เห็นพระยอดฟ้ายาใจ
นางประหวั่นครั่นคร้ามขามจิต ให้คิดพิศวงหลงใหล
นางสลัดปัดกรภูวไนย ลดองค์ลงไปจากไสยา
แฝงม่านเหลือบเล็งเพ่งพิศ ประโลมจิตด้วยความเสนหา
ดั่งเทวัญในชั้นดุสิตา กัลยารัญจวนป่วนใจ
พิศพักตร์งามพักตร์ผ่องไพบูลย์ ดั่งแสงสูรย์ส่องตรัสจำรัสไข
พระวิลาสผาดผ่องอำไพ เนตรนัยน์ดั่งนิลมณีแนม
พระขนงดั่งวงจันทร์คล้อย ช้อยชายจำหลักหลักแหลม
พระโอษฐ์ดั่งสีทับทิมแกม พระนาสิกดูแฉล้มรจนา
พระกรดั่งงวงไอยเรศ ขององค์ตรีเนตรเจ้าตรึงษา
แต่ชม้ายชายดูพระผ่านฟ้า กัลยาพิศวาสจะขาดใจ ฯ

ฯ โอ้โลม ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมพิสมัย
จึ่งมีพจนารถประภาษไป แก้วตายาใจจงปรานี
พี่บุกป่าฝ่าดงพงไพร หวังจะได้พบยอดสุดาพี่
ควรฤๅนิ่งได้ไม่ปรานี มารศรีขัดเคืองด้วยสิ่งใด
ว่าพลางพระเสด็จไคลคลา จากอาสน์รจนาศรีใส
นั่งแนบแอบองค์อรไท พระลูบไล้ไปทั่วกายา ฯ

ฯ ช้า ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มเนื้อเสนหา
ได้ฟังสุนทรวาจา ดั่งอำมฤตฟ้ายาใจ
นางจึ่งเยื้อนตอบพจมาน พระมาทำหักหาญแต่โดยได้
รุกรานเข้ามาถึงห้องใน จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี
แม้นทราบถึงองค์พระทรงฤทธิ์ เห็นชีวิตจะม้วยเป็นผี
ตัวน้องนี้เป็นกระษัตรี มีแต่จะได้อัประมาณ ฯ

ฯ โอ้โลม ฯ

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์ยอดยงสงสาร
พี่แสนเสนหามาช้านาน นงคราญจงได้เมตตา
สู้เอาชีวิตมาเปลี่ยนสวาดิ ให้นุชนาฏเห็นความเสนหา
พี่แสนลำบากเวทนา ควรฤๅแก้วตามาตัดใจ
ถึงพระบิตุเรศชนนี จะผลาญพี่ให้ม้วยตักษัย
ก็ตามบุญกรรมได้ทำไว้ พี่ไม่ไปจากแท่นไสยา
ว่าพลางตระโบมโลมเล้าน้อง นวลละอองจงฟังพี่ว่า
พี่อาวรณ์ร้อนเร่าในอุรา กัลยาไม่เล็งเห็นใจ ฯ

ฯ ช้า ร่าย ๘ คำ ฯ

๏ พระเอยพระผ่านฟ้า มาทำหยาบช้าแต่โดยได้
นางสลัดปัดกรภูวไนย ค้อนควักผลักไสไม่ไยดี
พระเป็นกระษัตริย์เลิศปาง ฤๅจะไร้ร้างองค์มเหสี
แกล้งกล่าวพจนาวาที น้องนี้ไม่ไว้วางใจ
จะมาร่วมภิรมย์สมสนิท ชมชิดยียวนด่วนได้
แล้วจะปลดลดร้างห่างไกล ภูวไนยจะกลับไปพารา
เชยชมพระสนมนารี เปรมปรีดิ์เป็นบรมสุขา
น้องนี้จะมีแต่เวทนา อับอายไพร่ฟ้าทั้งเวียงไชย ฯ

ฯ โลม ๘ คำ ฯ

๏ แสนเอยแสนเฉลียว เลี่ยงเลี้ยวผันแปรแก้ไข
แม้นพี่มีอัครวิไล จะมาไยให้ยากลำบากกาย
พยายามข้ามพระมหาสมุทร เพราะแสนสุดสวาดิโฉมฉาย
เจ้าไม่เล็งเห็นจิตพี่ชาย สายสวาดิจึ่งตัดไมตรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ว่าเอยว่าพลาง อิงแอบแนบนางโฉมศรี
ผลักพี่เสียไยไม่ไยดี มารศรีจงได้เมตตา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระเอยพระเจ้า พระจงโปรดเกล้าเกศา
ซึ่งพระองค์ว่าทรงพระเมตตา ตัวข้ายังแหนงแคลงใจ
แม้นพระเสนหาดั่งว่านั้น ทรงธรรม์จงค่อยอัชฌาศัย
น้องประหวั่นพรั่นจิตเป็นพ้นไป ภูวไนยจงได้ปรานี ฯ

ฯ โอ้โลม ๔ คำ ฯ

๏ สุดเอยสุดสวาดิ นุชนาฏจงได้เอ็นดูพี่
อันความเสนหานารี ดั่งดวงชีวีของพี่ยา
แต่วันได้เห็นโฉมน้อง ในพลับพลาทองอันเลขา
รสรักอักอ่วนในอุรา ประหนึ่งว่าจะสิ้นสมประดี
ให้อาวรณ์รักสลักจิต ดั่งชีวิตจะม้วยลงกับที่
ควรฤๅแก้วตาไม่ปรานี ให้พี่ได้ความทรมาน
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า โฉมเฉลาเยาวยอดสงสาร
ประคองกรอุ้มองค์เยาวมาลย์ สู่สถานบนแท่นที่ไสยา
ชมพลางแนบปรางเยาวลักษณ์ จุมพิตพักตร์นางพลางหรรษา
กรกอดเกี่ยวกระหวัดตรึงตรา ดั่งหนึ่งลัดามาลีกรอง
ภุมรินบินลงประจงบัว เกลือกกลั้วเสาวคนธ์กระเษมสอง
เชยต้องโกสุมปทุมทอง นวลละอองต้องแสงอโณทัย
กลีบกลัดระบัดเบิกบาน รับแสงสุริย์ฉานแจ่มใส
สองพระองค์ชื่นบานสำราญใจ อยู่ในแท่นที่ศรีไสยาฯ

ฯ กล่อม ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มเสนหา
ได้ภิรมย์ชมรสกรีฑา ด้วยพระยอดฟ้ายาใจ
มีความยินดีเป็นที่สุด วรนุชแสนสนิทพิสมัย
อิงแอบแนบองค์พระทรงไชย ดั่งได้อำมฤตมาโรยริน
เอิบอาบซาบสิ้นพระวรกาย เทวีคลี่คลายหายถวิล
รื่นเริงบันเทิงด้วยภูมินทร์ เทพินทร์ไม่นิราศคลาดคลา
ไพบูลย์พูนสวัสดิ์มนัสใน เพลิดเพลินจำเริญใจเป็นหนักหนา
งวยงงในองค์พระผ่านฟ้า กัลยาชื่นบานสำราญใจ ฯ

ฯ ช้า ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมพิสมัย
ได้ร่วมรักองค์อัครวิไล ดั่งได้สมบัติในเมืองฟ้า
แสนสนิทพิศวาสนาฏน้อง โลมลูบประคองหรรษา
แรกเริ่มรสรักกรีฑา เสนหาเพลิดเพลินเจริญใจ
กรกุมกอดเกี่ยวพัลวัน แนบกันเชยชิดพิสมัย
เฟื่องฟุ้งจรุงละลานใจ สองกระษัตริย์มิได้นิทรา ฯ

ฯ พระทอง ๖ คำ ฯ

๏ เชยนางพลางชมห้องแก้ว วาวแวววิจิตรเลขา
สัพยอกหยอกเย้ากันไปมา เจ้าบอกพี่ตรงหน้าเพดานบน
สุกดวงช่วงอยู่ไม่รู้ดับ วับวับดั่งจะย้อยเป็นฝอยฝน
ดั่งปราสาทนิรมิตประดิษฐ์ยนต์ คนทำฤๅเทพรจนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มน้อยเสนหา
ยอกรกราบทูลพระภัสดา สร้างมาแต่ปางบุราณกาล
ล้วนแล้วด้วยแก้วเนาวรัตน์ รุ่งเรืองจำรัสแสงฉาน
ประกอบด้วยเพชรชัชวาล ดาษดาเพดานเป็นดาวราย
ทำเป็นพระจันทร์พระอาทิตย์ แต้มติดกลีบเมฆไม่รู้หาย
ตรงมือน้องชี้ที่พรายพราย แก้วลายวิจิตรบรรจง ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันรับขวัญนวลหง
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงแก้วอนงค์ แนบกับทรวงทรงแล้วตรัสไป
มิเสียทีที่เกิดในสมบัติ ไพบูลย์พูนสวัสดิ์จะหาไหน
ทั้งทรงโฉมประโลมละลานใจ นางในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางประวะลิ่มสาวสวรรค์
ครั้นรุ่งแจ้งแสงพระสุริยัน อภิวันท์ทูลองค์พระภูมี
น้องรักจะขอบังคมลา ไปแจ้งแก่สันหยาสาวศรี
ทูลแล้วเสด็จจรลี เทวีออกจากห้องทอง ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งเรียกพี่เลี้ยงใหญ่ ร่วมรู้ดูใจกันแค่สอง
จึ่งมีวาจาปรองดอง พี่เอ๋ยช่วยน้องป้องกัน
ห้ามเสียอย่าให้ใครเข้าเฝ้า สิ้นทั้งแก่เฒ่าสาวสรร
ว่าน้องประชวรโรคัน พร้อมกันปากเสียงอย่าอึงไป
พนักงานเครื่องสุคนธา สั่งอย่าให้ใครเข้ามาใกล้
เครื่องสรงเครื่องเสวยที่เคยใช้ ไว้นักงานพี่ทุกประการ
อย่าให้ใครแจ้งอนุสนธิ์ พี่ช่วยผ่อนปรนแถลงสาร
ทั้งนางสาวสรรพนักงาน อย่าให้ใครผ่านเข้ามา
พี่ไปกราบทูลพระพันปี ทั้งพระชนนีนาถา
ว่าน้องประชวรโรคา มิได้มาเฝ้าพระภูวไนย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงจึ่งทูลเฉลยไข
แม่อย่าประหวั่นพรั่นใจ พี่มิให้ระคายราคี
เชิญเสด็จเข้าไปในแท่นทอง อย่ามาใกล้ห้องจะหมองศรี
อันราชกิจทั้งนี้ ไว้นักงานพี่อย่าร้อนใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มยิ้มแย้มแจ่มใส
แล้วเสด็จลีลาคลาไคล คืนเข้าห้องในไสยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งพระพี่เลี้ยงสันหยา
เร่งรีบยุรยาตรคลาดคลา ออกมาจากห้องมณี
จึ่งจัดแจงแต่งที่ฉับพลัน กั้นม่านสุวรรณอันเรืองศรี
ทำด้วยจงรักภักดี แล้วไปสั่งนารีสิ้นทั้งนั้น
ทั่วทุกพนักงานสาวศรี เทวาว่าฉะนี้อย่าหุนหัน
อย่าเฝ้าแหนเลยเหมือนเคยนั้น แม่จอมขวัญประชวรจะกวนใจ
แต่งพระสุวรรณภาชน์เป็นสองที่ เราพี่เลี้ยงจะผ่อนให้
สั่งสิ้นนางลีลาไป เฝ้าไทสองกระษัตริย์ฉับพลัน ฯ

ฯ เพลง ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงกราบบาทบงสุ์ พระองค์ทรงภพรังสรรค์
ทั้งประไหมสุหรีวิไลวรรณ แล้วทูลกิจให้แจ้งการ
อันโฉมพระราชบุตรี ไม่มีความสุขกระเษมสานต์
เศร้าซูบอินทรีย์เยาวมาลย์ พระอาหารนั้นน้อยถอยไป
จึ่งมิได้มาเฝ้าพระทรงศักดิ์ ที่จะเป็นไรหนักหามิได้
แม้นค่อยสบายพระทัย จึ่งจะได้มากราบบังคมคัล ฯ

ฯ ร่าย ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกระษัตริย์ผู้ผ่านไอศวรรย์
ได้ฟังพี่เลี้ยงมารำพัน หวาดหวั่นพระทัยถึงลูกยา
จึ่งตรัสสั่งสันหยาทันใด ให้ไปเรียกแพทย์มารักษา
อย่าเพ่อให้ลูกรักขึ้นมา เกลือกว่าโรคาจะกลับกลาย
เอ็งเร่งลงไปอย่าอยู่ช้า บำรุงรักษาโฉมฉาย
ห้ามอย่าให้ต้องแดดนาย หายแล้วจงให้ขึ้นมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยารับฟังใส่เกศา
ก้มเกล้าถวายบังคมลา รีบกลับลงมาทันใด
ครั้นมาถึงห้องไสยาสน์ พี่เลี้ยงมิอาจเข้าไปได้
ยืนแฝงทวารอยู่แต่ไกล ส่งสุรเสียงให้แจ้งการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมประวะลิ่มยอดสงสาร
ได้ยินเสียงพี่เลี้ยงเยาวมาลย์ นงคราญจึ่งเสด็จออกมา
ครั้นถึงจึ่งถามทันใด ไปเฝ้าพระบรมนาถา
เพ็ดทูลเป็นไฉนนะพี่ยา พระราชาคอยฟังอยู่ห้องใน
มาเข้าไปเฝ้าพระพันปี ในที่ไสยาพิสมัย
สันหยามิใคร่จะเข้าไป อรไทจูงกรลีลา
ครั้นถึงซึ่งแท่นทิพอาสน์ บังคมบาทพระยอดเสนหา
พี่เลี้ยงเมียงมองพักตรา กัลยาขวยเขินสะเทิ้นใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมพิสมัย
แลเห็นสันหยาผู้ร่วมใจ ก็แจ้งในกิริยาอาการ
พระทำเฉยแล้วเปรยพจนารถ ตรัสประภาษพี่เลี้ยงด้วยคำหวาน
ให้โฉมประวะลิ่มเยาวมาลย์ ยกพานสลามาให้กิน
พี่ขอบใจสายสมรเยาวลักษณ์ ภักดีต่อองค์โฉมฉิน
ไปเฝ้าพระองค์ทรงธรณินทร์ ปิ่นเกล้าท้าวตรัสประการใด ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สันหยานารีศรีใส
นางยิ่งขวยเขินสะเทิ้นใจ อรไทผินพักตร์บังคมคัล
ทูลว่าตัวข้าขึ้นไปเฝ้า พระปิ่นเกล้าบรมรังสรรค์
ทูลว่าประชวรโรคัน พระทรงธรรม์กำชับมากมาย
ให้เสวยอาหารจงพลัน แม้นว่าโรคันยังไม่หาย
ให้อยู่รักษากว่าจะคลาย แดดนายอย่าให้ต้องกายา
จะมิขึ้นไปเฝ้าก็แล้วไป เห็นสมพระทัยปรารถนา
แม้นมีเหตุเภทภัยสิ่งใดมา สันหยาจะเป็นหนังหน้าไฟ
ทูลแล้วถวายบังคมลา ออกมาจากห้องพิสมัย
แลชม้ายชายดูพระภูวไนย อรไทเร่งรีบดำเนินมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ประวะลิ่มนิ่มนวลเสนหา
แสนสนิทพิศวาสพระราชา กัลยาเพลิดเพลินจำเริญใจ
จนนางโฉมยงทรงครรภ์ ผ่องแผ้วผิวพรรณแจ่มใส
มิได้ขึ้นเฝ้าพระภูวไนย กลัวจะแจ้งพระทัยพระบิดา
แต่คลึงเคล้าเฝ้าแอบแนบชิด ด้วยความแสนสนิทเสนหา
หยอกหยิกซิกซี้กันไปมา ไม่คลาดคลาจากแท่นไพชยนต์[๒]

ฯ กล่อม ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยุขันยอดฟ้าเวหาหน
ภิรมย์สมสู่ด้วยนิรมล ผาสุกเป็นพ้นคณนา
ละโบมชมโฉมน้องรัก ไล้ลูบจูบพักตร์หรรษา
เป็นบรมสุโขโอฬาร์ ได้สามเดือนตราไม่แพร่งพราย
ครั้นโฉมประวะลิ่มทรงครรภ์ คิดพรั่นกลัวภัยฤทัยหาย
จะอยู่ไปบัดนี้หน้าที่ตาย วุ่นวายจะไม่ได้คืนวัง
พระบิตุเรศชนนีจะคอยหา เห็นผิดสัญญาจะคลุ้มคลั่ง
จะมิไปก็ให้พะว้าพะวัง รักสุดกำลังที่จะไป
ครั้นจะไปข้างหน้าข้างหลังหาย ดั่งจะตีตัวตายเสียก่อนไข้
ครั้นว่าจะพานางไป เห็นทรามวัยจะไม่ปรานี
อยู่ไปเห็นไม่เป็นตัวเลย อกเอยมิหนีก็จำหนี
จะให้ลิขิตอยู่ด้วยเทวี แต่ตัวของพี่จะลาไป
แล้วจึงจะกลับมารับน้อง ไปครองนิเวศกรุงใหญ่
บัดนี้ถึงที่กำหนดไว้ แม่อินทรีใหญ่จะพาจร
แม้นแม่ปักษามาถึง ผัวจึ่งจะจากดวงสมร
คิดพลางทางแนบนอน กรกอดประวะลิ่มนิ่มนวลจันทร์ ฯ

ฯ กล่อม ๑๖ คำ ฯ



[๑] ต้นฉบับว่า “กรรเจียกเฉิดฉันสร้อยสน” แต่สัมผัสไม่รับกับคำกลอนบทก่อน ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “กรรเจียกเฉิดฉันงามสม”

[๒] ต้นฉบับว่า “ไม่คลาดคลาจากแท่นทองทรง” แต่สัมผัสไม่ส่งตามบังคับ ในการตรวจชำระครั้งนี้จึงปรับแก้เป็น “ไม่คลาดคลาจากแท่นไพชยนต์”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ