- ๑. ยิ้มเถิด
- ๒. ดุริยางค์
- ๓. แท็กซี่ฟ้า
- ๔. แพ้รู้
- ๕. ประธานาธิบดีลินคอล์น
- ๖. คำเตือนของทารก
- ๗. ลำนำเถา
- ๘. ฟองชีวิต
- ๙. บนและล่าง
- ๑๐. ศิลปแห่งการดำรงชีพ
- ๑๑. เราถูกไฟเจริญลน
- ๑๒. ความจำ
- ๑๓. ตาเนื้อกับตาทิพย์
- ๑๔. โลกมาตา
- ๑๕. บริสุทธิ์
- ๑๖. มหาประเทศ
- ๑๗. สถาปัตยกรรม
- ๑๘. ฉลามกินคน
- ๑๙. คว้านท้อง
- ๒๐. กรรม
- ๒๑. อิสสภาพสมบูรณ์
- ๒๒. คำขวัญ แนวหน้าทหาร กับ พ่อค้า
- ๒๓. น้ำองุ่นใหม่กรอกขวดเก่า
- ๒๔. วันไทยรอด
- ๒๕. ไทยเทวาธิราช
- ๒๖. เจ้าโลก
- ๒๗. เราบูชาพระหรืองั่ง
- ๒๘. มนุษย์หนอ
- ๒๙. ชาติ ศาสนา
- ๓๐. เรือขาดหางเสือ
- ๓๑. กุหลาบกับหนาม
- ๓๒. เขี้ยวงา
- ๓๓. ระดมพล
- ๓๔. ฉลองชัยชนะ - ไทยวิวัฒน์
- ๓๕. ต้อนรับทหารหาญกลับบ้านเมือง
เรือขาดหางเสือ
ใครหนอ เป็นโจก ในโลกนี้ |
ป่าดง พงพี มีขุนเขา |
พฤกษ์ไพร ใหญ่หลวง ทวงร่มเงา |
เทพเจ้า สิงสถิต ในทิศทาง |
สิงห์สา ราสัตว์ อัดแอ |
อสรพิษ เพิกแผ่ พั้งพานกว้าง |
มหาสมุทร สุดแสน อ้างว้าง |
ผีสาง เส้นไหว้ ไม่เห็นตัว |
เหล่านี้ ไหนมี อานุภาพ |
พอปราบ ใด ๆ ได้ทั่ว |
เป็นโจก โลกล้วน ควรกลัว |
คุมครัว โลกครอง ป้องพิภพ ? |
มนุษย์นี้ สิใคร ที่ไหนเล่า ? |
เลิศเชาว์ รู้เช่น เจนจบ |
ใช้ปัญญา ฝ่าฟัน ครันครบ |
ตามตบ แต่งโลก ศรีวิไล |
เปิดป่า ล่าสมุทร สุดแดน |
นิมิตแมน เมืองฟ้า จะหาไหน |
ค้นคว้า คร่าธรรม ชาติใช้ |
เอาชัย เชิงวิชา สารพัตร |
เชี่ยวชาญ การวิท ยาศาสตร์ |
เหาะเหิน เดินอากาศ ได้ถนัด |
หูทิพย์ ตาทิพย์, ทิวทัศน์ |
เห็นถนัด ข้ามโลก เลยไป |
โจกโลก จะเป็นโจก โลกอังคาร[๑] |
สร้างบาดาล สถาน น้อยใหญ่ |
เพียรจะเอา ชนะ หิมาลัย |
ขึ้นไม่ได้ เหาะข้าม, ยังตามเพียร |
หมองู ไม่วาย ตายเพราะงู |
มนุษย์เล่น ความรู้ อยู่ป้วนเปี้ยน |
ยิ่งรู้มาก ยิ่งอยาก จะเล่าเรียน |
เลยเป็นเซียน ผู้วิเศษ เดชอะเคื้อ |
มีเครื่องมือ คือวิท ยาศาสตร์ |
เอาชัยแก่ ธรรมชาติ ฉลาดเหลือ |
แต่เล่นไฟ ไฟลาม ตามลวกเนื้อ |
ระวังเมื่อ ไฟครอก บอกให้รู้ |
นักวิท ยาศาสตร์ ปราชญ์ของเรา |
จะโทษเขา ไม่ควร ล้วนรู้อยู่ |
เขาคิดค้น ขวนขวาย หมายเชิดชู |
แต่ทางใช้ ไพล่ตู่ ทำลายตน |
ตัวเป็นโจก ในโลก ไม่กลัวใคร |
แต่ตัวเอง นั้นไซร้ จะปี้ป่น |
ด้วยน้ำมือ ตนเอง เก่งกาจจน |
คนฆ่าคน จนโจก โลกหลุดไป |
เลยสละ ตำแหน่ง แห่งโจกโลก |
ปล่อยเขาอื่น ขึ้นโจก แทนก็ได้ |
จะรู้หรือ ฉากหน้า เปิดท่าไร |
หมื่นแสนปี นี้ไม่ สู้นานนัก |
เวลาแห่ง ประวัติการ แม้ล้านปี |
ก็เท่ากับ พรุ่งนี้ จงตระหนัก |
มนุษย์บำ เพ็ญตน จนพร้อมพรัก |
นี้รู้จัก สิ้นกาล กี่ล้านปี ? |
นับตั้งแต่ คอยคืบ สืบจากสัตว์ |
กะทั่งจัด เป็นคน พ้นบัดสี |
เดินสองเท้า พามัน สมองมี |
ใช้วิธี ป่าเถื่อน เหมือนสำนัก |
เสพเนื้อตน เนื้อสัตว์ กัดผลไม้ |
กินดิบๆ กว่าจะได้ พารู้จัก |
ก่อไฟผิง ปิ้งย่าง อย่างพร้อมพรัก |
จนประจักษ์ เจริญเห็น เช่นเดี๋ยวนี้ |
สิ่งใด ได้ยาก พึงบากบั่น |
รักษาไว้ ให้มั่น จึงควรที่ |
บรรพบุรุษ ลงแรง แสวงดี |
ควรหรือทา ยาทขยี้ ป่นปี้ลง ? |
ที่แล้วมา เหมือนว่า อภิชาตบุตร |
กาลต่อไป ให้ดุจ สูงส่ง |
อย่าเป็น อวชาตบุตร ฉุดเผ่าพงษ์ |
ให้เลิกหงส์ เป็นกา น่าเสียดาย |
อะไรเล่า จะเข้า มาเป็นมาร ? |
ก็กิเลส ตัวการ เหมือนมั่นหมาย |
ปัญญามาก หากสติ มิเป็นนาย |
คงไม่วาย ชอกช้ำ ระกำทรวง |
วิทยา ศาสตร์หา ปัญญาให้ |
ก็อะไร เล่าเสริม สติหน่วง |
ศาสนา ล้าหลัง บ้างทักท้วง |
ว่าเกิดล่วง สมัย ให้โง่งม |
เอาเป็นว่า วิทยา ศาสตร์ช่วยได้ |
แขนงใน ส่วนนาม ก็งานถม |
ทั้งเอธิกส์ พิโลโสฟี่ ที่นิยม |
รีบอบรม ศึกษา อย่าช้าเลย |
ทางส่วนรูป ความรู้ เจริญมาก |
ทางส่วนนาม เหลือแต่ซาก แล้วท่านเอ๋ย |
ควรรื้อฟื้น ขึ้นหม่ ไม่เฉยเมย |
ชมพูทวีป เราเคย ขึ้นชื่อมา |
พุทธศาสน์ เราขาด องค์พระเจ้า |
เคยถูกเหมา ว่าไม่ ใช่ศาสนา |
แต่ทั่วโลก ยอมรับ เป็นปรัชญา |
มีคุณค่า ควรแล้ว แก้วบรุพทิส |
แก้วดวงเดียว ที่ท้า มาตรวจได้ |
เพราะเนื้อไข วิทยา ศาสตร์สนิท |
มีเหตุเป็น แดนเกิด ประเสริฐฤทธิ์ |
ล้วนให้คิด ค้นเห็น เช่นวิชา |
อำนาจเหตุ เป็นใหญ่ สมัยนี้ |
บังเกิดมี ไป่เชื่อ ศาสนา |
แต่ต้องเชื่อ พุทธพจน์ ปลดสงกา |
เป็นวิทยา ศาสตร์สนิท ทางจิตใจ |
เรื่องกิเลส ตัณหา อาสวะ |
ท่านสอนละ เอียดแล้ว เป็นไหน ๆ |
ทั้งสติ ปัญญา ท่านว่าไว้ |
ว่าพรากัน ไม่ได้ ในโลกนี้ |
สติเป็น หางเสือ ลำเรือตั้ง |
ปัญญาเป็น กำลัง ให้แล่นรี่ |
ขาดอย่างใด อย่างหนึ่ง จึงหมดดี |
กิเลสปรี่ เล่นงาน บานตะไท |
ทุกวันนี้ โลกมี กิเลสมาก |
ปัญญาขาด สติหาก ให้เฮี้ยวใหญ่ |
เรือแล่นปร๊าด ขาดหางเสือ ไม่เมื่อไร |
ก็เมื่อนั้น พลันไป ถึงอับปาง |
มนุษย์ได้ ปัญญา มาดีแล้ว |
ยังคลาดแคล้ว สติ ดำริบ้าง |
เชิญชิมรส พุทธพจน์ กำหนดทาง |
ให้เป็นหาง เสือไว้ ในโลก เทอญ. |
๑๕ ตุล. ๘๑