- ๑. ยิ้มเถิด
- ๒. ดุริยางค์
- ๓. แท็กซี่ฟ้า
- ๔. แพ้รู้
- ๕. ประธานาธิบดีลินคอล์น
- ๖. คำเตือนของทารก
- ๗. ลำนำเถา
- ๘. ฟองชีวิต
- ๙. บนและล่าง
- ๑๐. ศิลปแห่งการดำรงชีพ
- ๑๑. เราถูกไฟเจริญลน
- ๑๒. ความจำ
- ๑๓. ตาเนื้อกับตาทิพย์
- ๑๔. โลกมาตา
- ๑๕. บริสุทธิ์
- ๑๖. มหาประเทศ
- ๑๗. สถาปัตยกรรม
- ๑๘. ฉลามกินคน
- ๑๙. คว้านท้อง
- ๒๐. กรรม
- ๒๑. อิสสภาพสมบูรณ์
- ๒๒. คำขวัญ แนวหน้าทหาร กับ พ่อค้า
- ๒๓. น้ำองุ่นใหม่กรอกขวดเก่า
- ๒๔. วันไทยรอด
- ๒๕. ไทยเทวาธิราช
- ๒๖. เจ้าโลก
- ๒๗. เราบูชาพระหรืองั่ง
- ๒๘. มนุษย์หนอ
- ๒๙. ชาติ ศาสนา
- ๓๐. เรือขาดหางเสือ
- ๓๑. กุหลาบกับหนาม
- ๓๒. เขี้ยวงา
- ๓๓. ระดมพล
- ๓๔. ฉลองชัยชนะ - ไทยวิวัฒน์
- ๓๕. ต้อนรับทหารหาญกลับบ้านเมือง
เขี้ยวงา
อันปัญหาเขี้ยวงามีมานาน | เราจะควรคิดการสถานไหน |
เงินน้อยงานมาก[๑]มันยากใจ | ค่าเขี้ยวงาก็ไม่ใช่ว่าน้อย |
จะมีให้สู้ได้ไม่เลือกหน้า | ออกจะเลยปัญหาไปสักหน่อย |
เรากุหลาบกลิ่นหอมย่อมคนคอย | จะเด็ดดมผะสมรอยริบเอาไป |
ต้องเอาอย่างธรรมชาติเกลื่อนกลาดหนาม | ให้พอคร้ามคลายคลุกบุกรุกไล่ |
เพียงเท่านั้นก็มันน้อยเมื่อไร | จะทำได้ด้วยออมอาหารเอา |
ถ้าท้องแขวนแม้นว่าเขี้ยวงางอก | จอกกะหรอกหมดแรงเขี้ยวแข็งแปล่า |
เพราะเหตุนี้จึงมีผู้ไว้เครา | มิให้เฝ้าแต่พอกงอกเขี้ยวงา |
พวกยอมราบเป็นกุหลาบไม่มีหยาม | นั้นงุ่มง่ามงมงายร้ายนักหนา |
เป็นห่วงกายไม่เสียดายดวงชีวา | ราวกับว่ามัมมี่ดีกว่าคน |
ห่วงชีวิตไม่คิดบำรุงกาย | มันก็ร้ายล้วนเห็นไม่เป็นผล |
สองสุดโต่งโข่งเขื่องเครื่องจำนน | จึงไม่พ้นกรณีที่วิจารณ์ |
แต่แค่ไหนควรใช้สร้างเขี้ยวงา | นอกนั้นหาปรับปรุงหุงอาหาร |
เมื่อกำเนิดสันนิบาตชาติบ่นาน | ประเทศน้อยสำราญหฤทัย |
พากันตัดรายจ่ายฝ่ายเขี้ยวงา | เพราะเชื่อว่าเลิกรบสงบได้ |
ใช่แต่อาร์บิเตรชันตะบันไป | เราก็ได้พลอยเชื่อเบื่อจะตาย |
ก็ใครเล่าจะไม่เชื่อเมื่อโลกคล้อย | เข้าสู่รอยศีลธรรมจำนงหมาย |
โลกมีขื่อมีแปแหมสบาย | อำนาจวายธรรมวามเงื่อมงามครัน |
แต่ภูมิธรรมมนุษย์ยังทรุดอยู่ | จึงไม่สู้สมถวิลวิลสัน |
ผู้เจ้าของความคิดจิตต์เที่ยงธรรม | เลยเป็นอันต้องรอคอยต่อไป |
การหยุดคือถอยหลังอย่างท่านว่า | การรอคอยนี้มาพิสูจน์ให้ |
โลกได้เลื่อนถอยหลังอย่างว่องไว | “อำนาจศีลธรรม”[๒]ใหม่เข้าคืนครอง |
สมัยเล่นเมืองขึ้นกลับคืนมา | “ดุลย์แห่งกำลัง”[๓]ครานี้ก็ต้อง |
เข้าประกันสันติภาพปราบลำพอง | เริ่มประลองกำลังดังก่อนนี้ |
ต่างอะไรก่อนสมัยสงครามโลก | เข้าเสี่ยงโชคกับอังคารศานติหนี |
โลกถอยหลังไปตั้งสามสิบปี | ก็พอดีแก้ปัญหาที่ว่านั้น |
เมื่อครั้งมอบสันนิบาตชาติเป็นใหญ่ | เราไว้ใจไม่อุตส่าห์เขี้ยวงาปั้น |
แต่เมื่อรื้อขื่อแปแย่ช่างมัน | เข้าแข่งขันเขี้ยวงาล้าสงคราม |
ปัญหาเก่ายังหลงว่าคงอยู่ | เราก็ดูบ้าหลังคลั่งส่ำสาม |
ปิดปัญหาตั้งหน้าพยายาม | ทุ่มเทตามกำลังแม้ยังจน |
งอกเขี้ยวงายิ่งกว่าหนามกุหลาบ | ใครจ้วงจาบเด็ดดอกตอกปี้ป่น |
หย่อนปุ๋ยบ้างยังสบายกว่าวายชนม์ | เลิกบ้าบ่นเหมือนฝันครั้งนั้นเทอญ |
๒๕ มีน. ๘๑
[๑] ...... งานมาก ประเทศเราจนเงิน ส่วนทรัพย์ในดินสินในน้ำ ซึ่งเรามั่งมีนั้นยังจะต้องจัดต้องบำรุงกันอีกมากจึงจะเห็นผล นอกจากงานสร้างทัพบก เรือ และอากาศ เราจึงยังมีงานบริหารฝ่ายพลเรือนที่จะต้องทำอีกมากมายก่ายกอง
[๒] ......คือธรรม might is right
[๓] ......กำลัง Balance of power สมัยนี้ดุลย์คือ เดมอคราซีฝ่ายหนึ่ง กับจอมบงการอีกฝ่ายหนึ่ง