ลายพระหัถสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๒

กระทรวงโยธาธิการ

วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๒

ขอเดชะ ฯ

ในทีแรกข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทก่อนว่าหนังสือฉบับนี้ ไม่เกี่ยวด้วยกิจการ เปนแต่ข้าพระพุทธเจ้ากำลังคลั่งมหาญาณ เพื่อจะขอรับพระราชทานศึกษาด้วยเรื่องมหาญาณเท่านั้น ด้วยถือเอาโอกาศว่าเปนวันอาทิตย์ เปนวันควรที่จะว่างพระราชธุระ ถ้าไม่เปนโอกาศอย่างคาดหมาย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ละเว้นไว้ทอดพระเนตรเวลาอื่น

ลัทธิมหาญาณ ได้ทราบเกล้า ฯ นานแล้วว่าเปนอยู่ที่ธิเบต แลจีนรับมาประพฤติตาม เอาอย่างกันตลอดถึงญี่ปุ่นแลญวน เมื่อได้เห็นได้ฟังอะไร ๆ บ้างในลัทธินั้น ก็ให้เห็นเปนว่าเหลวไหล ไม่ได้เอาใจใส่ที่จะศึกษา เพราะคิดด้วยเกล้า ฯ ว่าหาประโยชน์มิได้

ในใจเวลานั้น คิดเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าคงมีอาจารย์ในพุทธศาสนาสองพวก ๆ หนึ่งสอนลงมาข้างใต้พวกหนึ่งสอนขึ้นไปทางเหนือ สอนด้วยโวหารต่างกัน ผู้รับเรียนปฏิบัติเลือนไปด้วยทางไกลกัน จึงผิดแผกกันไปมาก

ต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินประเทศชวา ได้ทรงนำพระพุทธรูปต่าง ๆ มา แลมีพระราชดำรัสอธิบายว่าเปนพระทางลัทธิมหาญาณ นั่นเปนอันได้ทราบเกล้า ฯ ออกไปอีกหน่อย ว่ามหาญาณข้างใต้ก็มี แลได้ทราบเกล้า ฯ ชัดว่าพระอย่างนั้นเปนฝ่ายมหาญาณ

ครั้นเมื่อไปตรวจการโทรเลขข้างหัวเมืองตวันตก ได้พบในเมืองตรังแลพัทลุง มีพิมพ์เทวรูปบ้าง พิมพ์โพธิสัตว์บ้าง พิมพ์พระอย่างมหาญาณบ้าง ให้ออกสงไสยว่า ลัทธิมหาญาณจะมีลามเข้ามาถึงเมืองไทยทีเดียวฤๅ แต่จะเปนได้ที่ตอนปลายแหลมมลายูเพราะใกล้ชวา อนึ่งได้สังเกตเห็นวัดเก่า ๆ ตั้งแต่พัทลุงเข้ามาจนไชยา ทางอาคิเตกแปลกมาก ไม่เจือด้วยกำโพชสไตล์ ต้องรวังจดจำมาหนักหนา

มาเมื่อได้รับพระราชทานสมุดฝีมือช่างข้างญี่ปุ่นไปตรวจดู สำหรับประกอบความคิดทำแบบบานกระจกวัดเบญจมพิตรนั้น ได้เห็นหนังสือจดบอกรูปเปนเรื่องเตี้ย ๆ ปรากฏนามพระพุทธเจ้าหลายพระองค์แลโพธิสัตว์หลายองค์ บอกว่าอวตารมาจากท่านองค์ใด ๆ ด้วย ไปสิ้นสัทธาเสียที่ตรงวชิรปาณี แลวิศวกรรมก็เปนโพธิสัตว์เสียด้วย ตลอดจนรูปฮก ลก ซิ่ว ก็เหนี่ยวเอาเข้าไปเนื่องในพุทธสาสนาเสียด้วย จึงตกลงใจในขณะนั้นว่า ทางแผ่สาสนาข้างมหาญาณ อาจารย์ไม่คิดรื้อสาสนาเดิม ใช้อุบายแต่งเรื่องให้เนื่องแปรไปเข้าทางพุทธศาสนา เข้าใจว่าอย่างนี้ ที่เปนวิธีผิดกันกับหีนญาณ ซึ่งสอนให้ทิ้งสาสนาเก่าหมด

มาทีหลัง มิสเตอ เกิตส์ ลาไปเที่ยวชวา ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้สั่งไป ให้หาซื้อรูปเรื่องรามเกียรติ ที่ศลักศิลามาฝากด้วย เพราะได้เห็นที่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทได้ทรงนำเข้ามางามอยู่ เพื่อจะได้ดูลาดเลาประกอบความศึกษา เพราะว่าหลักไม่ไกลกัน มิสเตอ เกิตส์ กลับเข้ามา ได้รูปมาให้ดังประสงค์ แลยังซ้ำมีรูปอื่น ๆ นอกสั่งมาให้อีกด้วย กับทั้งสมุด ดอกเตอ โกรนมันแต่ง ว่าด้วยเรื่องสิ่งก่อส้างเก่า ๆ ด้วย เมื่อได้พิจารณาดูรูปก่อส้างในชวาเห็นเปนอย่างเดียวกันกับการก่อส้างที่เห็นมาข้างหัวเมืองตวันตก แลได้เข้าใจในคำเล่าของดอกเตอ โกรนมันว่า ลัทธิข้างมหาญาณนั้น พุทธกับไสยปนกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว เหตุดังนี้จึงทำให้เขื่อว่า หัวเมืองข้างตวันตกนั้น แต่ก่อนถือลัทธิมหาญาณเสียด้วยแน่แล้ว

มาเมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมหลวงดำรงได้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่าได้ศิศะนาคะอย่างชวาที่พระปฐม ข้าพระพุทธเจ้าก็สดุ้งใจทีเดียวว่ามหาญาณกินถึงนครไชยศรี เลยรฦกถึงพระศิลาในพระอุโบสถที่พระปฐมด้วย เปนพยานยันกัน

มาเมื่อเดือนก่อนนี้ กรมหลวงนเรศร รับสั่งถึงปราสาทศิลาที่พิมาย ว่าลายเปนรูปพระกับเทวรูปปนกันยุ่งอย่างไรมิรู้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ตกใจทีเดียว ด้วยมาสำคัญอยู่แต่ก่อนว่าปราสาทเขมรเหล่านั้นเปนเทวสถาน เขาว่ากันว่าเปนวัดไม่ลงใจเชื่อ คิดเสียว่าเขาว่าเปนวัดเพราะเขาเห็นรูปพระตั้งอยู่ในนั้น ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าคิดด้วยเกล้า ฯ ว่าเขาทำตั้งทีหลัง ด้วยปรารถนาจะแปลงเปนพุทธสาสน์ ก็เมื่อลายสลักเปนรูปพระปน ซึ่งจะเปนสิ่งที่แก้ทีหลังไม่ได้ฉนั้น ก็จะคิดว่าเปนอื่นไม่ได้ นอกจากที่จะเปนเจดียสถานข้างมหาญาณ ความตกใจอันนี้ จึงเลยสืบถึงลายปราสาทนครวัด กรมหลวงดำรงรับสั่งว่า กลีบขนุนศิลาสลักรูปพุทธมารดาเหนี่ยวกิ่งรัง ในวัดพระแก้วนั้นเปนกลีบขนุนที่พระนครวัด พระยาศรีนำมา ข้าพระพุทธเจ้าจึงเลยรฦกถึงรูปเก่า ๆ ของเขมร มีเห็นบ่อย ๆ ที่เปนรูปกรุปปนกัน มีพระนาคปรกอยู่กลาง รูปพระอิศวรอยู่ข้างหนึ่ง รูปพระอุมาอยู่อีกข้างหนึ่ง จึงตกลงใจว่า เปนอันแน่แล้ว ปราสาทเขมรทั้งหลาย เปนสถานแห่งมหาญาณวิธีด้วย

เห็นเปนอันแน่แล้ว ที่ใกล้ฝั่งทเลทั้งสองฟากของประเทศนี้เคยเปนมหาญาณมาแต่ก่อน จึงทำให้รฦกถึงเมืองเหนือ ๆ จะเปนอย่างไร ก็รฦกได้แต่เพียงว่าลพบุรี ศุโขไทย มีปราสาทอย่างเขมร แลมีรูปพระอย่างเขมร ทำด้วยศิลาก็มี หล่อก็มี แลที่กรุงเก่าเรานี่เอง พระนั่งห้อยพระบาท พระหัถทำตัวก็ยังมีที่วัดน่าพระเมรุ ดูเหมือนคำจาฤกว่า นำมาจากในเมือง ยังรูปพระสลักในแผ่นศิลาซึ่งติดไว้หลังฐานพระศรีสากยมุนี จะมาด้วยกันฤๅอย่างไรหาได้ทราบเกล้า ฯ ไม่ แต่เปนมหาญาณเต็มตัว พระทั้งนี้จะทำขึ้นในเมืองเหล่านั้นเอง ฤๅนำมาแต่อื่นไม่มีหลักที่จะตัดสินได้แน่ แลยังมีพระหล่อรุ่นหลังลงมาอีก ที่รูปเปนไทยแล้ว แต่กิริยายืนจีบพระหัถก็มี อย่างมารวิไชย แต่หงายพระหัถ ในวัดพระเชตุพนก็มี เปนพระเก็บมาแต่เหนือ น่าสงไสยอยู่ถ้าคนชั้นนั้นไม่รู้ทางมหาญาณแล้ว จะมีรูปพระกิริยาอย่างมหาญาณอย่างไรได้ เมืองแถบเหนือนั้นถึงว่าจะไม่ได้หลักฐานที่จะยืนยันว่าเปนมหาญาณได้แน่ก็ดี แต่เมื่อมีสิ่งที่ก่อสร้างเอาอย่างเขมร ฤๅเขมรได้เคยปกครองอยู่แลทำขึ้น ก็ต้องถือว่าทางสาสนาก็คงเอาอย่าง ฤๅบังคับให้ทำให้ถืออย่างเดียวกัน

เพราะเหตุทั้งหลายเหล่านี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดตกลงใจว่าเรานี้เดิมทีถือลัทธิหีนญาณก่อน แล้วจึงเปลี่ยนถือลัทธิหีนญาณภายหลัง ความที่คิดเห็นมาแต่ก่อนเปนผิดหมด เมื่อเปนเช่นนี้แล้ว ความจำเปนที่จะต้องรู้ทางมหาญาณก็มีขึ้น เพราะสิ่งก่อสร้างแลรูปภาพทั้งหลายที่เก่าของเรา อันจะจำอย่างมาทำบ้างนั้น เปนทางข้างมหาญาณอยู่ทั้งสิ้น ถ้าไม่รู้ก็จะจำมาใช้ในที่ผิด ๆ ถูก ๆ จึงตั้งต้นที่จะศึกษา แต่เสียใจที่ไปถามใครซึ่งหมายว่าจะรู้จะบอกได้ ด้วยได้เคยพูดอยู่แต่ก่อน เอาเข้าจิงบอกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เปนอันยังกำลังแสวงอยู่ที่จะหาผู้บอกเล่าให้เข้าใจ แม้ถึงไม่ได้มากก็แต่น้อย

มาได้รับพระราชทานพระราชาธิบายในวันอาทิตย์ก่อนนั้น เปนอันสมประสงค์แห่งข้าพระพุทธเจ้ามีความยินดีเปนล้นเกล้า ฯ เมื่อคิดข้อความตามพระราชาธิบายนั้น ยิ่งเห็นเปนเหมาะเจาะกับที่คิดด้วยเกล้า ฯ ว่าทางสาสนาข้างมหาญาณได้แผ่ซ่านมาก่อนหีนญาณ เพราะเห็นได้อยู่ที่ฟ้าเหียน ออกไปเรียนสาสนาครั้งนั้นที่มีอยู่พร้อมกันทั้งสองลัทธิ ฟ้าเหียนได้เลือกเรียนเอาลัทธิมหาญาณ ไปไม่ต้องสงสัยเลย ลัทธิมหาญาณเวลานั้น ต้องเปนอันกำลังเฟื่องฟู มีคนนิยมมากที่สุด หีนญาณต้องเปนต่ำต้อยที่สุด ในชื่อแห่งลัทธินั้นเองก็เห็นได้แล้วในตัว คำที่ว่ามหาญาณนั้นมีความหมายเปนยกย่อง คำว่าหีนญาณมีความหมายเปนปรามาท เชื่อได้ว่าชื่อทั้งสองนี้เปนชื่อพวกมหาญาณบัญญัติขึ้น แลมีคนเรียกตามทั่วไป ก็เพราะเหตุว่า มีศิษย์ที่นับถือลัทธิตามมาก เปนหลักที่ให้เห็นได้ว่า ลัทธิมหาญาณเวลาโน้น ชนะลัทธิหีนญาณ ย่อมแผ่ซ่านอยู่ทั่วทิศ ความคิดข้าพระพุทธเจ้ายังเลยไปอีก ให้สงสัยว่าลัทธิมหาญาณเก่ากว่าหีนญาณ น่าจะเปนอย่างเดียวกับลัทธิโรมันคโทลิก กับลัทธิโปรเตสตันในศาสนาคริสต์ ข้างมหาญาณว่าเสียฟั่นเฝือหนักเข้า จึงเกิดมีอาจารย์ที่ตั้งลัทธิขึ้นใหม่ ด้วยค้นคว้าเลือกเอาแต่ที่ดีที่ถูก ที่เปนสารมาปฏิบัติ แลสั่งสอนประมูลลัทธิมหาญาณ เพราะเหตุฉะนั้น จึงมีทางลัทธิมหาญาณปรากฏอยู่ทั่วไปก่อน เพราะเปนลัทธิเก่าแลเปลี่ยนเปนหีนญาณไปบ้างบางแห่ง เหตุว่าเปนทางปฏิบัติดี แต่ไม่มีกำลังเปลี่ยนมหาญาณไปได้หมดเพราะใหม่ ถ้าจะว่าไปก็อย่างธรรมยุติกลับมหานิกายเราทุกวันนี้เอง

ตามที่กราบบังคมทูลพระกรุณามานี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่เชื่อว่าเปนความเห็นที่ถูกต้อง คงยังจะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ในเมื่อศึกษาได้ความต่อไปภายน่า ที่กราบบังคมทูลพระกรุณาโดยยืดยาวฉนี้ ก็เพื่อจะให้ทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท ว่าข้าพระพุทธเจ้าได้มีความเห็นคลั่งมาโดยลำดับเพียงใดเท่าใด ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชทานอนุสาสนในทางมหาญาณต่อไป ทั้งในทางพงษาวดาร แลทางอธิบายในสิ่งทั้งปวงที่ประกอบในลัทธินั้น เช่น รูปสวาสติก แลรูปปลา รูปพระต่าง ๆ โพธิสัตว์ ต่างๆ ทั้งทางปฏิบัติด้วยตามควรแก่ที่จะพระราชทานอนุสาสน์ได้

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ

ข้าพระพุทธเจ้า

 

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ขอเดชะ

  1. ๑. ต่อมาได้เฉลิมพระยศเป็นสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพต้นราชสกุล ดิศกุล

  2. ๒. ต่อมาได้เฉลิมพระยศเป็น กรมพระนเรศวรฤทธิ์ต้นราชสกุล กฤดากร

  3. ๓. ฟ้าเหียนเป็นสมณทูตของประเทศจีนคนแรก ที่ได้เดินทางไปแสวงหาคัมภีร์พระธรรมวินัยทางพุทธศาสนา ยังประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. ๙๔๒ ถึง ๙๕๗ เป็นเวลาถึง ๑๕ ปี จึงเดินทางกลับ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ