วันที่ ๗

วันที่ ๗ วัน ๔ ๒ ค่ำ ตื่นย่ำรุ่งเธอมอเมตเตอร์ ๖๘ ออกจากพระแท่นขี่ม้ามณีนาคสวาสดิ์ โมงหนึ่งกับ ๑๘ มินิต ได้ออกเดิน ๆ ช้าบ้างเร็วบ้าง ถึงพลับพลาบ้านน้อย ๓ โมง ๑๒ มินิต รวมทางตั้งแต่พระแท่นถึงบ้านน้อย ๓๔๕ เส้น เดินสองโมงกับ ๕๔ นาที เปนระยะ ๑๐๐ เส้น ต่อ ๕๖ นาที เดินช้ากว่าทุกวัน พักอยู่ที่นั้นครู่หนึ่ง ได้ความว่า ไปคอยรับกันอยู่ที่หนองขาว จึงขึ้นรถออกเดินต่อไป ๓ โมง ๑๒ มินิต ทาง ๑๐๐ เส้นเศษ ถึงหลัก ๔๕๐ เปนพลับพลาหนองขาว เมื่อถึงนั้น ๓ โมง ๔๐ เดินไป ๒๕ มินิตเท่านั้น หยุดพักที่หนองขาว จนบ่าย ๓ โมง ๑๐ มินิต ออกเดินคน ๔ โมงครึ่งกึ่งถึงท่า ทาง ๒๕๐ เส้นหย่อน เดินโมง ๑ กับ ๒๐ มินิต รวมทาง ๗๕๐ เส้น เดิน ๔ โมงกับ ๓๙ มินิต คิดถัวกันเดิน ๑๐๐ เส้นต่อ ๓๘ นาที เมื่อออกจากพระแท่นดงรัง มา ๒ ข้างทางเปนต้นรังบ้าง ต้นไม้ อื่น ๆ บ้างใบร่วง หญ้าสูง หนทางเปนฝุ่นท่วมกีบม้า ถ้าเปนรถเดินจะลำบากมาก มาหน่อยหนึ่งถึงท้องนา เปนนาน้ำฝนคันนาต่ำ ๆ แลเว้นเปนป่ามาบ้าง ในตอนต่อมาฝุ่นค่อยน้อยลง เมื่อเกือบจะถึงบ้านน้อยมีท้องนาอิก มีเรือนหลังคามุงแฝกอยู่สองข้างทางหลายหลัง ข้างขวามือทางที่มามีพระสงฆ์มานั่งคอยไชยันโตประน้ำมนต์ เรารับน้ำมนต์แล้วไปที่พลับพลา เมื่อมาเกือบจะถึงพลับพลาได้ข่าวว่าเจ้าเข่ง๗๓ตกรถ ชำระดูไม่รับ ๆ แต่ว่าโดดลง ถึงสืบพยาน ออกจากบ้านน้อยไป เปนท้องนาตลอดยันถึงหนองขาว ที่หนองขาวนั้นเปนบ้านหมู่ใหญ่มาก แลเห็นพระปรางค์โบถใหญ่ มีศาลามุงกระเบื้องใหญ่ก็มี ที่ริมหนทางปลูกแคร่พระไชยันโต มีราษฎรมาคอยอยู่มาก เราไปถึงพลับพลาพบคุณสุรวงษ์กับนายหมิว๗๔คอยอยู่ที่นั่น พลับพลาทำเหมือนกันกับบ้านน้อย แต่ที่นี่มอออมะเมนต์ มีต้นตะโกสองต้น ท่วงทีเหมือนไม้ดัด มีกล้วยไม้ดัดงามดีทีเดียว ปลูกอยู่ ๒ ข้างบันได แลมีต้นไม้อื่นอิกหลายต้น พลับพลานั้นทำ ๒ หลังเท่ากัน หลังหนึ่งเปนข้างน่า หลังหนึ่งเปนข้างใน สามห้องเฉลียงรอบ ทั้งสองหลัง ทำโถง ๆ มีรั้วไม้รวกล้อมรอบ พลับพลาที่หนองขาวหันน่าไปตวันตกเฉียงเหนือ หยุดพักอยู่ที่นั่นกินเข้าเช้าเวลา ๔ โมงเศษแล้วกินแต่ของหวานอิกนิดหน่อย ที่บ้านหนองขาวนี้ราษฎรมาหาประมาณสัก ๒๐๐ เศษ เบ่นผู้หญิงเด็กทั้งนั้น พวกนี้เคยมาเฝ้าแต่ครั้งทูลกระหม่อมเสด็จมาเมื่อปีชวดฉศก ของกำนันนั้นมีเข้าหลามกับเข้าโภชทุกราย ได้เข้าหลามหลายร้อยลำ ได้แจกเงินให้ทั่วกันเหมือนคราวก่อน สนทนาปราไสกันตามเคย ชาวบ้านพวกนี้กล้ามาก ร้องกล่าวโทษมุลนายไปต่าง ๆ ที่บ้านหนองขาวนี้เปนบ้านใหญ่ มีเข้ามีนามาก เมื่อมาเห็นฟ่อนเข้ายังกองอยู่ไม่ได้นวดมาก แลเมืองกาญจนบุรีก็ได้อาไศรยเข้าบ้านหนองขาวบ้านน้อยใช้มาก แต่ปีนี้ต้นมือน้ำมากทำนาไม่ได้เสียหมด มาทีหลังน้ำลดลงได้อาไศรยฝนปลายมือ บ้านน้อยได้เข้าเต็มภูม แต่บ้านหนองขาวกล้าเสียไปเสียแต่ชั้นก่อนบ้าง ครั้นทำทีหลังไม่ทัน ได้น้อยกว่าที่บ้านน้อย แต่ในเมืองกาญจนบุรีในปีนี้ เข้ามีพอกินไม่ต้องซื้อเข้าเมืองอื่น ๆ น้ำปีนี้ข้างแถบนี้มากเปนอัศจรรย์นัก เมื่อก่อนได้ว่าไว้ทีหนึ่ง ว่าได้เห็นคราบน้ำประมาณสัก ๒ ศอกเศษ ครั้นลงมาข้างแถบกาญจนบุรีทางนี้ เห็นคราบน้ำสูงขึ้นไปประมาณ ๔ ศอกเศษ ๕ ศอก แต่น้ำข้างราชบุรีกาญจนบุรีนี้ ขึ้นก็เร็วนัก ลดก็เร็วนัก วันหนึ่งขึ้นศอกเศษ ๒ ศอกเศษ ลด ๔ วัน ๕ วันก็แห้ง จึงเปนที่ทำนาไม่ใคร่จะได้ดี เข้าไม่ใคร่จะได้ออกไปเมืองอื่น กินพอ ๆ กันแต่ในเมือง มักจะต้องซื้อเข้าเพ็ชรบุรีมากินโดยมาก ออกจากหนองขาวเราขี่รถมา ในตอนนี้ฝุ่นเหลือประมาณ นั่งมาในรถหายใจไม่ออกเสมอกับนั่งในตู้กระจก ต้องร้องหาม้ามาเปลี่ยน ขึ้นขี่ม้าค่อยยังชั่วกว่าขี่รถ มาถึงตอนนี้เปนป่าหญ้าเตียน ทรายสีขาว ๆ แดง ๆ ต้นไม้รายห่าง ๆ เปนต้นเล็กไม่ใหญ่ งามขึ้นกว่าทางที่ล่วงมาแล้ว เหมือนกันกับทางที่มาจากเมืองราชบรีถึงกาญจนบุรีพ้นหลัก ๗๐๐ มาแล้ว ถึงบ้านท้ายเมืองมีไร่ ๒ ข้างทางจีนทำเปนไร่ยาสูบมาก ไร่อ้อยมีบ้าง ยาสูบที่นี่เปนสินค้าออกมากเหมือนกัน มีหลายพันแล้วจึงจะสืบให้ได้ความ มาถึงที่ท่าทำเนีบสมเด็จเจ้าพระยาเก่าจัดไว้คอยรับสมเด็จกรมพระ พระยาอภัยรณฤทธิ์๗๕ พระยาประภากรวงษ์ กับผู้อื่นบ้างคอยรับอยู่ที่นั่น ลงมาตามทางตลิ่งฉวยถึงท่าจะลงเรือ พบสมเด็จเจ้าพระยาอยู่ที่นั้น เรือเรายังไม่มาถึง ต้องลงเรือ ๔ แจว ของสมเด็จเจ้าพระยา ข้ามมาค่ายหลวงฝั่งตวันตกในแม่น้ำ มีหาดทรายสูง ตลิ่งท้องคุ้งที่เราลงเรือนั้น สูงกว่าน้ำประมาณ ๓ วา ๔ วา สมเด็จเจ้าพระยา คุณสุรวงษ์ ตามมาที่พลับพลา บ่าย ๕ โมงกินเข้ากลางกัน เวลา ๕ ทุ่มเข้านอน ปรอทอยู่ ๗๒ เห็นจะไม่สู้หนาวมากกว่าวันก่อน กินเข้ากลางคืนอิกทีหนึ่ง เวลากินเข้าวันนี้เลื่อนเปื้อนเต็มที

  1. ๗๓. พระวงษ์เธอ พระองค์เจ้ายี่เข่ง

  2. ๗๔. จ่ายวดยศสถิตย์ (หมิว)

  3. ๗๕. พระยาสีหราชฤทธิไกร (แย้ม)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ